ตอนที่ 75 วังวนด้านลบกับลิ่ม
ตอนที่ประตูห้องผู้อำนวยการถูกเคาะ นอกจากผู้อำนวยการแล้วก็ยังมีคนอื่นอยู่อีก 3 คน
เหล่าอาจารย์ และหัวหน้าภาควิจัยมีถิ่นกำเนิดต่างกัน คิรีฮาล, ลูดันช่า และยูราบะ
“โอ๊ะ ผู้อำนวยการ วันนี้มีนัดคุยล่วงหน้าหรือครับ?”
คิลเนนโกอาจารย์สอนหอกสั้นพูดขึ้นก่อนจะเปิดประตูราวกับเป็นห้องของตัวเอง และ—-
“!? นี่มัน……”
คนที่อยู่ตรงนั้นเป็นบุคคลที่เหนือความคาดหมาย ทำให้สีหน้าเปลี่ยนเป็นแบบจริงจัง
“ผู้อำนวยการเรียกให้มาครับ”
รีก เรียวกิ ลูมาเนียเข้าไปในห้องผู้อำนวยการ
คนของคิรีฮาลและยูราบะต่างประหลาดใจ
ผู้อำนวยการมาจากซูบร้า—–ซึ่งเป็นประเทศที่ “อ่อนแอที่สุด” ในสหพันธรัฐทั้ง 7
แน่นอนว่าเพียงพอต่อการเรียกให้นักเรียนปี 1 มาหา แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป
ตระกูลเรียวกิเป็นตระกูลชั้นนำของเผ่าลูมาเนีย มันเป็นความรู้พื้นฐานสำหรับผู้ที่มีความรู้ด้านการเมืองของสหพันธรัฐ
ต่อให้เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของโรงเรียนอย่างผู้อำนวยการก็ตาม ใช่ว่าจะเรียกให้มาหาได้ง่ายๆ
“ท่านรีกขอบคุณมาก ที่อุตส่าห์มาหา”
“ผู้อำนวยการ ที่นี่ผมเป็นนักเรียน ไม่จำเป็นต้องเติมท่านก็ได้”
“……เข้าใจแล้วรีก”
พวกคิลเนนโก 3 คนประหลาดใจกับบทสนทนานั้น
มันเป็นกันเองจนชวนให้ระแวงได้พอตัวว่าซูบร้ากับลูมาเนียมาติดต่อกันตั้งแต่เมื่อไร
“เหล่าอาจารย์ ช่วยออกไปก่อนได้ไหม?”
“อ๊ะ เอ่อ แต่ว่า—-”
“สิ่งนี้ไม่ใช่ ‘การขอร้อง’ แต่เป็น ‘คำสั่ง’ ในฐานะผู้อำนวยการ”
“……ครับ”
ทั้ง 3 คน ถึงจะทำสีหน้า “ไม่ยอมรับ” แต่ก็ออกไปข้างนอก
รีกมองส่งพร้อมกับพูดออกมา
“จะดีเหรอครับ? พวกเขายังไม่รู้ใช่ไหมที่หลานของผู้อำนวยการหายดีแล้ว”
ถอนพิษให้หลานของผู้อำนวยการได้สำเร็จเพราะใบริวจินกะแล้ว
ทั้ง 3 คนคงตั้งใจจะฉวยโอกาสตอนผู้อำนวยการจิตใจอ่อนแอ ไม่สิ ไม่ใช่แค่ 3 คนนั้นแต่มีอีกหลายคนเลยที่อยากจะเข้ามาใกล้ชิดผู้อำนวยการ
“อยากเป็นกำลังให้”, “ไปแก้แค้นพอนโซเนียกัน” ถ้ามีแค่คำพูดไร้ความรับผิดชอบอย่างนั้นก็คงจะดี แต่มีคนหน้าด้านที่พูดว่า “ไม่ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการไปดูแลเหรอ?” อยู่ด้วย
“ยังไงเดี๋ยวก็คงรู้กันอยู่แล้ว—-แถมมันน่าประหลาดใจมาก ที่เธอมีใบริวจินกะเหมือนกัน”
“ดูเหมือนท่านซิลเวสเตอร์ก็มีนี่ครับ สิ่งที่ผมทำมันเลยไร้ประโยชน์”
“ไม่จำเป็นต้องถ่อมตนหรอก ได้ยินมาว่าเธอส่งนักผจญภัยไป เพราะอย่างนั้นเลยช่วยชีวิตของท่านซิลเวสเตอร์ไว้ได้ด้วย”
“ถ้าท่านซิลเวสเตอร์บอกอย่างนั้นแล้วละก็ คงเป็นอย่างนั้นครับ ผมไม่ได้เห็นจากสถานที่จริงด้วย”
จริงแล้วรีกเองได้ยินแค่ว่าฮิคารุต่อสู้กับเลสเซอร์ไวเวิร์นเท่านั้น ต่อให้ฮิคารุเป็นนักผจญภัยชั้นยอดแค่ไหน ก็ไม่น่าจะต่อกรกับเผ่ามังกรได้ด้วยตัวคนเดียว
ดังนั้นเลยประหลาดใจที่ซิลเวสเตอร์บอกออกมาตรงๆว่า “ช่วยชีวิตเอาไว้”
เหมือนกับเผยจุดอ่อนของตัวเองออกมาเลย
“รีก ท่านซิลเวสเตอร์……เป็นผู้มีคุณสมบัติอันยิ่งใหญ่ที่จะแบกรับอนาคตของซูบร้า ไม่มีทางโกหกหรอก”
“อย่างนั้นหรือครับ”
“ต้องขอขอบคุณเรื่องในครั้งนี้มาก ถึงจะอยากขอบคุณเธออยู่……แต่ถ้าให้พูดตามตรง ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอต้องการอะไร ถ้าหากต้องการตำแหน่งผู้อำนวยการนี้แล้วละก็ คงไม่เปลืองแรงช่วยท่านซิลเวสเตอร์หรอกใช่ไหม? ถึงท่านซิลเวสเตอร์จะบอกว่า ‘น้ำใจของตระกูลเรียวกิ’ ก็ตามที……”
“จะบอกว่าไม่เชื่อคำพูดนั้นหรือครับ?”
“……น่าเสียดาย ประวัติศาสตร์ของพวกฉันที่ได้รับน้ำใจมันค่อนข้างเลวร้ายมาก”
“ไม่หรอกครับ สำหรับผมไม่คิดว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นในชั่วข้ามคืนหรอกครับ แถมไม่ได้ส่งเขาเพื่อไปช่วยท่านซิลเวสเตอร์ด้วย ถ้าหากจะขอบคุณแล้วละก็ไปขอบคุณเขาเถอะครับ”
“เขา? นักผจญภัยที่ช่วยท่านซิลเวสเตอร์นะเหรอ? ……หรือว่าฉันเองก็รู้จักเขางั้นหรือ?”
“ครับ เป็นนักเรียนของที่นี่ครับ”
“แหม!”
ผู้อำนวยการยืนขึ้นพร้อมกับส่งเสียงออกมาด้วยความยินดี
“มีนักเรียนที่มีพรสวรรค์อย่างนั้นด้วยหรือเนี่ย! เขาชื่ออะไรอย่างนั้นหรือ?”
“คุณฮิคารุครับ”
“——หา?”
“คิดว่าคงทราบดีอยู่แล้ว คุณฮิคารุที่เพิ่งเข้าเรียนเมื่อไม่นานมานี้ครับ”
ผู้อำนวยการโซเซและนั่งลงไปราวกับหน้ามืด
“เขามีผมดำตาดำ……?”
“ครับ!”
“แถมอายุค่อนข้างน้อย……?”
“ครับ”
“……อย่างนี้นี่เอง……ว่าแล้วทำไมอาจารย์มิไฮล์ถึงได้สนใจตัวเขา อาจารย์ขอแค่มีพรสวรรค์นิสัยจะเป็นไงก็ช่างสินะ”
นิสัยยังไงก็ช่าง—-จากคำพูดนี้ ทำให้รีกถึงกับเผลอยิ้มมุมปาก
“อย่างที่ว่านั่นแหละครับ คุณฮิคารุมีนิสัยที่ผิดแปลก”
“เธอดูสนิทกับนักเรียนคนโน้นมากเลยนะ?”
“ไม่หรอกครับ จะประมาทตอนพูดกับเขาไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ว่าทางนี้จะโดนแทงเมื่อไร”
“แล้วทำไมถึงได้เชื่อใจคนอย่างนั้น……”
“ฝีมือเขาเป็นของจริงครับ”
ผู้อำนวยการปรับหลังให้ตรง จนเก้าอี้ส่งเสียงดังเอี้ยด
“เข้าใจแล้ว ไว้ถ้ามีโอกาส……จะไปกล่าวขอบคุณฮิคารุ แต่คนที่ขอร้องคือเธอ ดังนั้นเลยอยากจะตอบแทนเธอ เอาเป็นเงินไหม? เพราะมอบตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนนี้ให้ไม่ได้หรอก”
“ไม่เป็นไรครับ บอกแล้วไงครับว่านี่เป็นแค่น้ำใจธรรมดา—-ถึงจะบอกอย่างนั้นก็คงไม่เชื่อใช่ไหมครับ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าผมตกที่นั่งลำบากก็ขอให้ช่วยทีครับเอาเท่าที่ทำได้ก็พอครับ”
“…………..”
ผู้อำนวยการมองรีกด้วยความสงสัย
“……จะมีเรื่องยุ่งยากอะไรมาอย่างนั้นหรือ?”
“ยอมเลยครับ ถ้ายังสงสัยอย่างนี้คงไม่ได้พูดกันอย่างจริงจังสักที”
“บอกไปแล้วนี่ ประวัติศาสตร์ของพวกฉันมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น หรือจะให้เล่ารายละเอียด? ลูมาเนียที่หลอกและแย่งชิงดินแดนของซุบร้าไปเมื่อ 260 ปีก่อน? หรือว่าว่าจะเป็นเร็วๆนี้อย่างเมื่อ 4 ปีก่อนที่เจ้าหน้าที่ของซูบร้าสูญเสียตำแหน่งไปเพราะลูมาเนีย—-”
“ครับๆ เข้าใจแล้วครับ ที่ผมอยากจะบอกก็คือ สิ่งนี้คือ ‘วังวงด้านลบงง ไงครับ”
“……’วังวนด้านลบ’?”
รีกพยักหน้า
“วังวนเมื่อหมุนแล้ว แต่ละปีแรงหมุนจะค่อยๆแรงขึ้น แล้วยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราค่อยๆเลวร้ายขึ้นครับ แต่ยังไงก็ต้องมีคนหยุดวังวนนี้ ผมเลยอยากจะตอกลิ่มแรก”
ผู้อำนวยการคิดว่าคำพูดนั้นเป็นอุดมคติที่อ่อนหัด
แต่คนที่พูดคำพูดนี้ออกมาคือชายหนุ่มของตระกูลเรียวกิ
ซึ่งรับรู้ได้เลยว่าการเตรียมตัวเตรียมใจนี้ไม่ใช่แบบครึ่งๆกลางๆ
“ก็อยากจะเชื่ออยู่หรอก……”
“เข้าใจแล้วครับ คำพูดของผมมันไม่มีพลังความน่าเชื่อถือที่เพียงพอ”
“ทุกคนในตระกูลรู้ความคิดนี้ของเธอหรือเปล่า?”
“……ไม่ครับ”
นั่นเป็นครั้งแรกที่รีกทำสีหน้าเจ็บปวดออกมา
“ถึงจะมีคนที่ให้ความร่วมมือ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ต่งจากลูมาเนียที่ผู้อำนวจการรู้จักหรอกครับ”
“อย่างนั้นเหรอ—-”
หลังจากพูดต่อกันอีกไม่กี่คำ รีกก็จากไป
สรุปแล้วก็ไม่ได้ “ขอบคุณ” ออกมาอย่างเป็นรูปธรรม
“ลิ่มที่จะตอกลงไปใน ‘วังวนด้านลบ’ เหรอ……”
ผู้อำนวยการพึมพำคำพูดของเขาอีกครั้ง
รีกที่ออกจากห้องผู้อำนวยการ เดินผ่านสนามโรงเรียน—-แล้วก็สังเกตเห็นพวกเขา
“?”
อาจารย์มิไฮล์กอดอกหัวเราะเสียงดัง แล้วบอกว่า “ดูไม่ได้เลยนะ” หรือไม่ก็ “ตั้งใจกันให้มากกว่านี้หน่อย”
โดยอาจารย์มิเรนอนหลับอยู่ตรงต้นไม้ด้านหลัง
ปัญหาคือ—-เหล่านักเรียนที่นอนอยู่ตรงเท้าของอาจารย์มิไฮล์
พวกเขาปล่อยดาบหลุดมือนอนแผ่หราอยู่
โดยในนั้นมีโรเย่อยู่ด้วย ไหนจะนักเรียนของจาราซักที่มีฝีมือในคาบดาบใหญ่อีก
และ
“……ฮิคารุ?”
เด็กหนุ่มผมดำตาดำ ฮิคารุยืนขึ้นมาอย่างอ่อนแรง
“อะไรกัน ที่ยืนขึ้นได้มีแค่ฮิคารุคนเดียวเหรอ!? จะว่าไปนะฮิคารุ พลังกายของนายมันน้อยไปหน่อยหรือเปล่า!”
“ยะ อย่าพูดบ้าๆสิ……มีแค่ผมคนเดียวที่ต้องสู้ต่อเนื่องนะ……”
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่โดนโจมตีสักทีเลยนี่!”
“การเคลื่อนไหวก็เพื่อการนั้นไง……จะว่าไปเจ้าพวกนี้จะถึกเกินไปไหม……คิดว่าผมถีบล้มไปแล้วกี่ครั้งกันหา……”
“สุดท้ายนี้สู้กับฉันไหม!?”
“ไม่เอาเฟ้ย จะกลับแล้ว……ถึงขีดจำกัดแล้ว”
ฮิคารุออกเดินอย่างอ่อนแรง
“มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
รีกทักแล้วเดินตามฮิคารุ
“……ตอนนี้อย่าเพิ่งพูด จะอ้วก”
“คุณฮิคารุก็ตกอยู่ในสภาพนี้ได้เหรอเนี่ย”
“…………”
“ดูแล้วสนุกเอาเรื่องเลยนะเนี่ย?”
“ตรงไหนกัน……ทั้งเหงื่อทั้งขี้ดินเต็มไปหมด……แย่สุดๆไปเลย”
“แต่สีหน้าดูสดชื่นนี่ครับ”
“เงียบไปเลย”
“คุณฮิคารุเองก็มีสิ่งที่เหมือนมิตรภาพอันเร่าร้อนเหมือนกันนะเนี่ย”
“ไม่มีเฟ้ย”
“โรเย่เองเองก็คงดีใจไม่ใช่เหรอ? ที่ได้รับการใส่ใจจากคุณฮิคารุ”
“……รีก นี่เป็นการเอาคืนงั้นเหรอ?”
“คิดไปเองมากกว่า ใช่แล้วๆ—-”
สรุปแล้วรีกก็ตามฮิคารุไปจนถึงบ้าน
ถึงจะเห็นเหมือนเป็นการแกล้ง แต่จริงๆก็แอบเป็นห่วง ถึงฮิคารุจะเป็นผู้มีความสามารถที่รีกหยั่งไม่ถึง แต่ด้านพลังกายเหมาะสมกับอายุ ดังนั้นเลยคิดว่าควรจะมาส่งถึงบ้าน
บ้านอยู่ใกล้มากๆ เลยค่อนข้างผิดหวัง
“……รีก ผมไม่ได้ขอให้นายมาส่งสักหน่อย……”
ดูเหมือนฮิคารุเองก็รู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงนั้น
“ครับ นี่เป็นความมีน้ำใจเพียวๆของฉันไง”
“……อ้อ เหรอ ถ้างั้นจะไม่เก็บเอามาคิดก็แล้วกัน”
ฮิคารุพูดแค่นั้นแล้วเข้าไปในบ้าน
“การที่คิดว่า ‘ไม่เก็บเอามาคิด’ เนี่ยมันยากนะ”
แล้วรีกก็กลับไป