อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ – ตอนที่ 88

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

ตอนที่ 88 การประชุมนักเรียน(ข้อเสนอแนะของฮิคารุ)

            จากการชี้นำของเคธี่ทำให้ทุกคนหันสายตามาทางฮิคารุ

            “……อาจารย์ ทำไมถึงเป็นผมล่ะ?”

            “เพราะทำหน้าเหมือนเป็นคนนอกอยู่คนเดียวไง เธอเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของสหพันธ์นักเรียนแล้ว”

            “ผมมาจากพอนโซเนียนะ? ปัญหาของสหพันธรัฐ ก็ควรให้คนของสหพันธรัฐแก้สิ”

            “ความเห็นของคนนอกเอามาใช้อ้างอิงได้ไง โดยเฉพาะเธอน่าจะมีมุมมองที่น่าสนใจอยู่ เรื่องที่ฟังเมื่อกี้ มีความคิดดีๆผุดขึ้นมาแล้วไม่ใช่เหรอ?”

            “ฉันเองก็จับตาดูฮิคารุอยู่ ถ้านึกอะไรขึ้นมาได้อยากให้พูดออกมาเลย”

            ซิลเวสเตอร์เองก็เห็นด้วยกับเคธี่

            บรรยากาศอย่างนี้คงต้องพูดอะไรสักอย่างสินะ

            “……เข้าใจแล้วครับ ที่จริงก็แทบจะได้คำตอบอยู่แล้วนี่? เรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างคิรีฮาลกับลูดันช่า ‘การกระทำ’ หรือ ‘ขั้นตอน’ ที่จะขจัดความเกลียดชังนี้ไปได้ การแสดงให้เห็นเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็มีสิ่งที่ควรทำอยู่”

            “เรื่องนั้นต้องทำยังไงเหรอ คุณฮิคารุช่วยบอกทีครับ”

            รีกเข้ามาอย่างไว

            ฟู่ ฮิคารุถอนหายใจออกมา

            “แต่ว่ามันค่อนข้างใช้การเตรียมตัวเตรียมใจมากอยู่ เรื่องนั้นไม่เป็นไรแน่นะ?”

            “ฉันเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วครับ”

            “รีกน่ะมันก็ใช่อยู่หรอก……เอาเถอะ วิธีการที่เร็วที่สุดก็คือ ‘ความรัก’ ไง”

            “…………’ความรัก’ ?”

            รีกถามทวนออกมา ขนาดอีวานยังอึ้ง

            “รู้สึกจั๊กจี้ไงไม่รู้เวลาฮิคารุบอกว่า ‘ความรัก’ เนี่ย”

            กะแลวว่าต้องโดนพูดอย่างนี้

            “เพราะอย่างนั้นผมถึงไม่อยากพูดไง”

            “ปะ เปล่าหรอก ไม่ได้จะล้ออะไรสักหน่อย เอาละพูดต่อได้เลย”

            “ก็ตามนั้นเลย แสดง ‘ความรัก’ ออกมา”

            แล้วรีกก็นึกขึ้นมาได้

            “……ให้ผู้มีอำนาจของคิรีฮาลกับลูดันช่าแต่งงานกันเหรอ”

            แล้วเขาก็เลื่อนสายตาไปยังคลอร์ดกับลูกะ

            “ถูกต้องแล้ว ต่อให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศจะไม่ดี แต่ใช่ว่าจะไม่มีการติดต่อหากันสักหน่อย ประชาชนเองคงติดต่อกันค่อนข้างเยอะ โดยในคนเหล่านั้นน่าจะมีคนที่รักกัน หรือสัญญาว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันอยู่”

            “ด้วยสถานการณ์ของประเทศกับการต่อต้านจากคนรอบข้าง ทำให้พวกเขาไม่สามารถแต่งงานกันได้สินะ”

            “เพราะอย่างนั้น ก็ให้คนดังหรือผู้มีอำนาจมาประกาศแต่งงานกันอย่างเป็นทางการไง”

            “ถ้าอย่างนั้นแล้วจะทำให้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศลดลงสินะ! งั้นเหรอ—-อย่างนี้ก็ดีเลย”

            “ไม่ใช่แค่นั้น”

            พอฮิคารุพูดออกมาทำให้รีกถึงกับทำหน้าตาสงสัย

            “ถ้าประกาศการแต่งงานของผู้มีอำนาจออกไป คนจะมองว่า ‘เป็นการยกเว้นที่ไม่ปกติ’ ดีไม่ดีพวกคนที่ไม่ชอบอาจจะพากันนินทาได้ ดังนั้นต้องแสดงให้เห็นว่า ‘การแต่งงานนี้เป็นสากลทั่วไปประชาชนทั่วไปก็สามารถทำได้’ ด้วย”

            “ตะ แต่ว่า ต้องทำอย่างไร……”

            “สมรมรวมไง”

            “สมรส รวม?”

            “หลังประกาศการสมรสของผู้มีอำนาจ ก็ประกาศหาผู้ต้องการเข้าร่วมกับประชาชน หลังจากนั้นก็รวบรวมผู้ต้องการเข้าร่วมแล้วจัดงานแต่งพร้อมกันที่เมืองหลวงของสหพันธรัฐ หรือไม่ก็พรมแดนระหว่างสองประเทศก็ได้ เนื่องจากเป็นงานใหญ่คิดว่าจัดขึ้นปีละครั้งก็ดี ถ้าหากเป็นไปได้ด้วยดี ‘การจัดงานสมรสรวม’ จะกลายเป็น ‘ความใฝ่ฝัน’ ไง”

            รีกถึงกับอ้าปากค้าง

            ดูเหมือนที่โลกนี้จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสมรมรวม แน่นอนว่าขนาดที่ญี่ปุ่นเองการสมรสรวมยังหาได้ค่อนข้างยาก

            “ฮึ ฮึ ฮึ……ฮะๆๆๆๆ! น่าสนุก น่าสนุกมากเลยฮิคารุ! รวบรวมคู่บ่าวสาวมาสมรสรวมเนี่ยไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ฉันสนับสนุนความคิดนั้นเต็มที่!”

            ซิลเวสเตอร์พูดออกมา

            “ถึงจะเป็นความคิดที่ดูแปลกไปหน่อย……แต่คิดว่าเป็นวิธีการที่น่าสนใจอยู่ครับ”

            รีกพยักหน้า

            “—-เรื่องนั้นมีจุดบอดอันใหญ่หลวงอยู่นะ”

            และ คนที่พูดขึ้นมาคือเอคาเทรินา

            “แล้วจะให้ใครแต่งกันเหรอ? คิรีฮาลกับลูดันช่า—-นายเป็นคนของพอนโซเนียคงไม่รู้หรอก แต่ความตึงเครียดของทั้งสองประเทศมันหนักมาก ยิ่งมีอำนาจปกครองสูงขึ้นเท่าไรก็ยิ่งเกลียดชังมากขึ้น การที่จะหาคนเหล่านั้นให้มารักกันเนี่ยไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”

            เคธี่กับอีวานเห็นด้วยกับสิ่งนี้เลยพยักหน้าหงึกๆ

            “ผมถึงได้บอกไง—-ว่าการเตรียมตัวเตรียมใจเป็นสิ่งสำคัญ”

            คำพูดนั้นของฮิคารุมุ่งไปที่คลอร์ดกับลูกะ

            ทั้งคู่คงรู้แล้วกระมัง ว่า “ผู้มีอำนาจ” ที่ว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพวกเขา

            “ความคิดของคุณฮิคารุนั้นน่าสนใจอยู่ แต่ถ้าการแต่งงานไม่ได้รับการยอมรับ—-”

            “ฉันเห็นด้วยค่ะ คำแนะนำของคุณฮิคารุที่ให้สมรสรวม? ฉันจะเข้าร่วมค่ะ”

            “ลูกะ!”

            คนที่พูดออกมาก่อนคือลูกะ ทำให้คลอร์ดถึงกับตื่นตระหนก

            “เดี๋ยวก่อน หรือว่าทั้งคู่……”

            “อย่างที่คุณคาเทรินาคิดนั่นแหละ คุณคลอร์ดกับคุณลูกะคิดจะแต่งงานกันครับ”

            “ใช่แล้วค่ะ ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่มีทางที่จะได้ผูกพันธ์กับคลอร์ดแน่นอน ถ้าอย่างนั้นแล้วคิดว่าควรลองกับโอกาสที่มีความเป็นไปได้อันน้อยนิดมากกว่าค่ะ”

            ดูเหมือนลูกะจะมีจิตใจที่เข้มแข็งเอาเรื่อง

            พอคลอร์ดได้ยินคำพูดนั้น ความมุ่งมั่นก็พลุกพล่านออกมา

            “……นะ นั่นสินะ……ฉันเองก็คิดภาพที่จะได้แต่งงานกับลูกะไม่ออกเลย แต่ถ้าหากมีความเป็นไปได้แล้วละก็—-จะให้ทำอะไรก็จะยอม ถ้าทำให้ฉันได้แต่งงานกับลูกะแล้วละก็”

            “คลอร์ด……”

            “ลูกะ……”

            ทั้งคู่จ้องมองกันพร้อมกับปล่อยบรรยากาศความรักหวานแหวนออกมา ฮิคารุเลยกระแอมออกไป

            “อะแฮ่ม ถ้าอย่างนั้นรีกมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง พอทำให้เป็นจริงได้ไหม?”

            “นั่นสินะ ความคิดเห็น 2 เรื่อง อย่างการก่อตั้งสหพันธ์นักเรียนกับการสมรสรวม คิดว่าทำไปพร้อมกันเลยน่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ”

            “ครั้งถัดไปที่ทั้ง 7 ประเทศจะมารวมตัวกันคือวันสถาปนาชาติ เอาเป็นเวลานั้นไหม?”

            ซิลเวสเตอร์พูดเสริมออกมา

            “ถ้าอย่างนั้น พระจันทร์เต็มดวงของฤดูใบไม้ร่วง—-หรืออีก 50 วันสินะ”

            “ดูเหมือนจะได้วันแล้ว แล้วต้องเตรียมอะไรอย่างอื่นด้วยไหม?”

            “จำเป็นต้องชี้แจงกับแต่ละประเทศด้วย ถ้าคิดถึงเรื่องนั้นแล้วคิดว่าจำนวนวันน่าจะไม่เพียงพอ……รอให้ถึงปีหน้าจะไม่ดีกว่าเหรอ”

            “อย่างนั้นคงไม่ได้”

            “ทำไมเหรอคุณซิลเวสเตอร์”

            “ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการเมืองบ้างในช่วงหน้าหนาวปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูมาเนียดูเหมือนกำลังวางแผนทำอะไรอยู่ด้วย”

            “……เรื่องนั้น มันก็จริงอยู่”

            ดูเหมือนรีกจะมีอะไรสะกิดใจ เลยพยักหน้าด้วยสีหน้าบึ้งตึง

            “คุณเอคาเทรินา”

            พอฮิคารุส่งเสียงออกไป ทำให้เอคาเทรินาสะดุ้งเพราะไม่นึกว่าจะเรียกเธอ

            “คุณคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ? การหยั่งเสียงของแต่ละประเทศ คิดว่าแค่ 50 วันจะเพียงพอหรือเปล่าครับ?”

            “……ไม่จำเป็นต้องเห็นชอบด้วยทุกประเทศหรอก”

            “หมายความว่า?”

            “จริงอยู่ที่การแก้กฎพื้นฐานอย่าง ‘การแก้ไขอำนาจของรัฐบาลผสม’ จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้ง 7 ประเทศ แต่ถ้าเป็นเรื่องทั่วไป หากมีเสียงเห็นด้วยเกินครึ่งหนึ่งก็ไม่มีปัญหาแล้ว”

            “การ ‘เห็นด้วย’ คือให้ ‘ผู้มีสิทธิสืบทอดตำแหน่งประมุขของสหพันธรัฐ’ ของทั้ง 7 ประเทศ ‘เห็นด้วย’ อย่างนั้นเหรอครับ?”

            “ใช่แล้ว ตอนนี้คนที่ดำรงตำแหน่งประมุขคือองค์ราชินีของคิรีฮาล ในกรณีของคิรีฮาลคือให้องค์ราชินี ‘เห็นชอบ’ ด้วยก็พอ”

            “วันสถาปนาชาติจะมีการประชุมตัวแทนด้วย โดยจะเอาเรื่องสำคัญขึ้นวาระการประชุม และให้ตัดสินด้วยการลงคะแนนเสียงข้างมาก ถูกต้องหรือเปล่าครับ?”

            “ถูกต้องแล้ว แต่—-แต่พิธีสถาปนาชาติมี 5 วันโดยการประชุมจะจัดขึ้นในวันสุดท้าย จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็จะมีอีเว้นท์ต่างๆ รวมไปถึงงานเลี้ยงถ้าหากหยั่งเสียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เท่ากับว่าตัดสินเรื่องผลการเห็นชอบของการประชุมได้เลย เนื่องจากเป็นการเตรียมเข้าสู่ฤดูการเมืองช่วงฤดูหนาว ทำให้คิดว่าคงไม่ค่อยมีเรื่องสลักสำคัญมากนักสักเท่าไรหรอก”

            “หมายความว่าในช่วง 4 วันนั้น ต้องหยั่งเสียงให้เสร็จเรียบร้อยใช่ไหมครับ?”

            “เอ่อ……คิดว่าการหยั่งเสียงน่าจะต้องเริ่มแล้ว ตามปกติถ้าผู้เสนอวาระการประชุมลงมือเคลื่อนไหวมันจะสะดุดตามากเกินไป ช่วงฤดูไม้ไม้ผลิจนถึงฤดูใบไม้ร่วงก็ต้องจดจ่อกับการดูแลความสงบภายในประเทศทำให้แทบจะไม่มีการเตรียมตัวสำหรับงานสถาปนาเลย แต่พวกเราเป็นนักเรียน ต่อให้กลับประเทศแล้วทำการเคลื่อนไหวภายใน ก็คงไม่ตกเป็นเป้าสายตาของคนชาติอื่นหรอก โดยใช้เวลา 50 วันนี้ เพื่อหาเสียงเห็นชอบแค่ 4 เสียงก็พอแล้วสินะ”

            พอเอคาเทรินาพูดถึงขนาดนั้น ซิลเวสเตอร์ก็ปรบมือออกมา

            “ยอดเยี่ยมมาก! ช่างสมเป็นคนที่มีความสามารถทางด้านการปฏิบัติจริงๆ ไหนจะรู้เรื่องการเมืองเป็นอย่างดี และสามารถเลือกวิธีการที่เหมาะสมเพื่อบรรลุเป้าหมายได้อีก”

            ฮิคารุเองก็คิดเช่นนั้น แต่

            (เดี๋ยวสิ นายยังมีหน้ามาพูดเหรอ)

            คิดว่าซิลเวลเตอร์ควรจะไตร่ตรองให้มากกว่านี้ ถึงจะบอกว่าเพื่อช่วยหลานของผู้อำนวยการ แต่การที่ระดับบนๆของประเทศไปสู้กับเลสเซอร์ไวเวิร์นด้วยตัวเองเนี่ย สิ่งนั้นมันไม่ใช่ “การเลือกวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย” หรอกนะ

            เพราะชมซึ่งๆหน้าอย่างนี้ ทำให้เอคาเทรินาหันหน้าไปด้านข้าง

            “สำหรับตระกูลของฉัน……เรื่องแค่นี้มันเป็นอะไรที่ต้องทำได้อยู่แล้ว”

            ดูเหมือนจะอาย คงไม่ชินกับการโดนชม

            “สามารถ……แต่งงาน ได้จริงงั้นเหรอ?”

            ดวงตาของคลอร์ดกับลูกะเต็มไปด้วยแสงของความหวัง แต่อีวานก็ดับมันลง

            “แต่ว่านะ การจะให้ 4 ประเทศเห็นด้วยเนี่ยมันยากเอาเรื่องไม่ใช่เหรอ?”

            “อือ ฉันเองแค่พูดวิธีการที่สั้นที่สุดที่จะทำให้เป็นจริงได้ แต่ยูราบะคงเป็นไปไม่ได้หรอก คำแนะนำนี้ในระยะสั้นแทบจะไม่มีผลประโยชน์ต่อยูราบะเลย ถ้าอย่างนั้นแล้วยูราบะคง ‘ต่อต้าน’ และพยายามหลีกเลี่ยง ‘ความเสี่ยงที่มองไม่เห็น’ ยิ่งไปกว่านั้นตัวของคิรีฮาลกับลูดันช่าคงไม่มีทางเห็นด้วยหรอก? เท่านี้ก็ไม่เห็นด้วย 3 เสียงแล้ว”

            สิ่งที่เอคาเทรินาพูดออกมาทำให้ดวงตาของคลอร์ดกับลูกะเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง

            “ซูบร้าเห็นด้วย ฉันจะเกลี้ยกล่อมท่านพ่อเอง เชื่อใจได้เลย”

            ซิลเวสเตอร์ประกาศออกมาอย่างมาดมั่น

            “โคโทบี้เองคิดว่าคงไม่มีปัญหาเหมือนกัน แต่น่าจะขึ้นอยู่กับซูบร้าและฮิคารุ”

            เคธี่พูดออกมาอย่างมีนัย

            “ขึ้นอยู่กับผมและซูบร้า?”

            “มันหมายความว่ายังไงเหรอครับอาจารย์เคธี่”

            ซิลเวสเตอร์เองก็ถามออกมา

            “อืม แค่ให้ความร่วมมือในการวิจัยอุปกรณ์เวทมนตร์ก็พอ ตอนนี้พวกระดับบนๆของโคโทบี้เป็นนักวิจัยอุปกรณ์เวทมนตร์ไง โดยสนใจพวกโบราณวัตถุของซูบร้าเป็นอย่างมาก ถ้าหากให้ความร่วมมือในการวิจัยผ่านสหพันธ์นักเรียนแล้วละคงดีใจมาก แล้วฉันจะช่วยเกลี้ยกล่อมให้เอง”

            “อืม……ขอสัญญาว่าจะให้ความร่วมมือกับซูบร้าเท่าที่จะทำได้เลยครับ”

            “ขอบใจมากนะซิลเวสเตอร์ จะตั้งตารอเลย”

            “ขอโทษทีครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมเหรอ?”

            “หือ? ฮิคารุก็ต้องให้ความร่วมมือในการวิจัยของพวกฉันด้วยไง?”

            “…………”

            คลอร์ดกับลูกะมองมาด้วยสายตาที่คาดหวัง

            “……เฮ้อ เข้าใจแล้วครับ ไม่คิดจะหวงการให้ความร่วมมืออยู่แล้ว”

            “สำเร็จ!”

            เคธี่ทำหน้าดีใจออกมาสุดๆ คิดแต่เรื่องการวิจัยอย่างเดียวเลยสินะ

            เป็นคนที่สวยเสียของจริงๆ

            “แล้วก็—-ถึงคุณเอคาเทรินาจะบอกว่าคิรีฮาลกับลูดันช่าจะ ‘ปฏิเสธ’ เต็มที่ แต่ผมคิดว่าพอจะทำให้คิรีฮาลออกเสียงเห็นด้วยได้อยู่ครับ”

            “หมายความว่ายังไง?”

            เอคาเทรินาถามออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่อาจเข้าใจได้

            “จะเกลี้ยมกล่อมองค์ราชินีครับ คิดว่าองค์ราชินีเองก็อยากจะเปิดรูกำแพงระหว่าง 7 ประเทศอยู่เหมือนกัน น่าจะเกลี้ยมกล่อมได้ง่ายอยู่ครับ”

            “……ถ้าฉันฟังไม่ผิด นายจะเข้าไปพบและพูดคุยกับองค์ราชินีโดยตรงอย่างนั้นเหรอ?”

            “ก็อย่างนั้นครับ”

            “ยังไง—-”

            “คิดว่าไม่ถามวิธีการจะดีกว่านะครับ”

            “……นายเนี่ย เป็นใครกันแน่”

            “เป็นนักเรียนเหมือนกันไงครับ เท่านี้ก็ได้ 3 เสียงแล้ว ขาดอีกแค่ 1 เสียง”

            “ต้องขอโทษด้วยนะ”

            รีกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด

            “คิดว่าเป็นการยาก……ที่จะเกลี้ยมกล่อมพ่อ กลับกันถ้าไปเกลี้ยมกล่อมยิ่งจะทำให้รู้ว่ากำลังทำการเคลื่อนไหว ดีไม่ดีอาจจะทำให้แผนพังก็ได้”

            “นายเป็นคนที่ออกความคิดเห็นเรื่องก่อตั้งสหพันธ์นักเรียนนี้ไม่ใช่เหรอ? ไหนบอกว่าจะปกป้องมันด้วยชีวิตนี่”

            รีกถึงกับคอตกต่อคำพูดของเอคาเทรินา

            “เถียงไม่ออกเลยครับ ทำได้แค่สนับสนุนจากในเงามืดจนกว่าคุณพ่อจะถอนตัวไปครับ”

            “ฮึ”

            เอคาเทรินาไม่ไล่บี้ไปมากกว่านั้น นั่นก็เพราะว่าเธอก็ไม่สามารถทำให้ยูราบะเห็นชอบด้วยได้

            “จาราซักว่ายังไงล่ะ?”

            ฮิคารุหันไปถามอีวาน

            “โอ้ เป็นไปได้อยู่ บอสชอบคนที่แข็งแกร่ง แค่สู้ให้ชนะก็พอ ถ้าเป็นฮิคารุน่าจะชนะได้ไม่ใช่เหรอ?”

            “ฮิคารุเหรอ……?”

            คลอร์ดมองฮิคารุด้วยความสงสัย

            “ฮิคารุแข็งแกร่งนะ ขนาดฉันหรือนักเรียนที่เข้าเรียนวิชาดาบใหญ่ช่วยกันรุมยังไม่ชนะเลยสักครั้ง”

            “ว่าไงนะ?”

            คลอร์ดมองมาทางนี้ด้วยแววตาที่แฝง ‘ความสงสัย’

            “รอก่อน อิวาน ผมขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม?”

            “หือ?”

            “ถ้าจะให้พูดครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตั้งสหพันธ์นักเรียนหรือการสมรสรวม ผมแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทั้งสองเรื่องเลย”

            ซิลเวสเตอร์บอกว่า “คนที่รวมสมาชิกสหพันธ์นักเรียนกับออกความคิดเห็นเรื่องสมรสรวม ยังบอกว่าไม่เกี่ยวข้องเนี่ยนะ?” แต่มันเป็นคนละเรื่องกัน

            “กลับกัน คนที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองเรื่องเลยคือคลอร์ดไง”

            “อ้า……จะบอกให้คลอร์ดไปสู้กับบอสสินะ”

            “อือ”

            คลอร์ดถึงกับหน้าซีด

            “ให้ฉันไปสู้กับนักรบที่เก่งกล้าที่สุดของจาราซักเนี่ยนะ……?”

            “ถ้าเอาชนะอาจารย์มิไอล์ได้น่าจะพอไหวอยู่! อาจารบ์บอกว่าบอส ‘เป็นคู่ต่อสู้ที่สูสี’ อยู่”

            “จะเอาชนะอาจารย์มิไอล์ได้ยังไงกัน!? ลือกันว่าเขาเป็นคนที่เก่งที่สุดในโรงเรียนเลยไม่ใช่เหรอ!?”

            “แต่ฮิคารุชนะไปแล้วนะ”

            “เอ๋!?”

            คลอร์ดมองฮิคารุด้วยสายตาที่ตกตะลึง

            รีกพูดออกมาราวกับตัดสินใจได้แล้ว

            “คุณฮิคารุ อีก 50 วัน—-ถ้าคิดถึงเรื่องของการเดินทางก็อีก 40 วัน ช่วยฝึกฝนคุณคลอร์ดให้หน่อยได้ไหมครับ?”

            ฮิคารุอยากจะถามว่ามีหนทางให้ “ปฏิเสธ” ด้วยเหรอ?

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

Status: Ongoing
ฮิคารุ เด็หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยแลกกับการแก้แค้น ——————————– อันนี้เป็นงานสานต่อ ดังนั้นพวกชื่อต่างๆ อาจจะมีแตกต่างกับช่วงแรกไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท