ตอนที่ 91 เกมเกลี้ยกล่อม ฮิคารุvsมัลเกโด้(คะแนนเสียงคิรีฮาล)
“โห? นายสนใจการเมืองของประเทศนี้ด้วยเหรอ น่าแปลกนะเนี่ย”
โซฟีร่าพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่มัลเกโด้จะแสดงปฏิกิริยา คงอยากจะสื่อกับเธอว่า “โปรดเงียบก่อนสักพักด้วยค่ะ” เลย
จะดีหรือร้านมัลเกโด้เองก็ไม่ใช่พวกใช้อารมณ์เป็นหลักสักเท่าไร ถึงบางครั้งจะให้ผลดีราวกับในละคร แต่บางครั้งที่ทำโดยไม่คิดก็ล้มเหลวได้เหมือนกัน
“อืม? หรือว่านายเป็นคนของซูบร้า?”
“อย่าล้อเล่นสิ ประเทศที่ชื่นชมโบราณวัตถุอย่างนั้น—-อ้า ไม่มีอะไร”
“บอกว่า ‘โบราณวัตถุอย่างนั้น’ เหรอ? นายเคยเห็นโบราณวัตถุเหรอ? แล้วรู้คุณค่าของมันด้วย?”
“เมื่อกี้ให้ถือว่าไม่ได้พูดก็แล้วกัน”
“จำเป็นต้องตอบ โบราณวัตถุของซูบร้าเป็นความลับของสหพันธรัฐ ไม่รู้หรอกนะว่าคนนอกประเทศอย่างนายรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”
“…………”
เด็กหนุ่มทำท่าครุ่นคิดให้เห็น
โซฟีร่ายิ้มร่าอยู่ในใจ—-เพราะคิดว่าเขาเผลอพูดออกมา
“เข้าใจแล้วบอกก็ได้ ผมรู้ว่าโบราณวัตถุของซูบร้าคืออะไร รวมไปถึงวิธีการใช้งานด้วย”
“โห?”
“ถ้าจะให้ยกตัวอย่างคือ ‘หน้ากากปิศาจ’ สิ่งนั้นไม่ใช่มอนสเตอร์แต่เป็นเท็งงุต่างหาก”
“……เท็งงุ?”
หัวข้อการสนทนาเปลี่ยนไปแล้ว
ตอนแรกโซฟีร่าคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ที่มีความสามารถในการลอบเร้นอันยอดเยี่ยม คงเห็นโบราณวัตถุตอนแอบเข้าไปในคฤหาสน์ที่ไหนสักแห่ง
แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น
จู่ๆก็พูดถึง “หน้ากากปิศาจ” โซฟีร่าเคยเห็นของจริงอยู่ มันเป็นหน้ากากที่เลียนแบบมอนสเตอร์ที่มีจมูกยาว
แถมขุดเจอมากกว่า 100 ชิ้นด้วย ทำให้คิดว่าคงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับลัทธิอะไรสักอย่าง
การที่พูดถึงของแปลกๆอย่างนั้น
(รู้ในสิ่งที่พวกฉันไม่รู้งั้นเหรอ?)
เกิดความสงสัยขึ้นภายในใจของโซฟีร่า
“เขาว่ากันว่าเท็งงุเป็นเทพผู้ปกป้องขุนเขา บางก็ว่าเป็นมอนสเตอร์แห่งภูเขา มีใบหน้าสีแดงจมูกยาวแต่งตัวเหมือนผู้ทรงศีล แล้วหน้ากากนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมมากด้วย”
“เป็นที่นิยม? ไม่เคยขุดพบหน้ากากอย่างนั้นนอกจากซูบร้าเลยนะ”
“เรื่องนั้นก็ใช่ สำหรับที่นี่นะ”
“สำหรับ……ที่นี่?”
“เอาเถอะ ผมไม่ได้มาเพื่อพูดคุยเรื่องนั้น แค่ให้รู้ว่าไม่ใช่คนของซูบร้าก็พอ ไม่อยากให้นับเป็นพวกเดียวกับคนที่เอาหน้ากากอย่างนั้นมาเป็นของสำคัญด้วย”
“แต่ว่า—-”
“โซฟีร่า พอแค่นั้นแหละ”
อีกแค่นิดเดียวโซฟีร่าก็จะดึงข้อมูลออกมาได้แล้ว แต่มัลเกโด้กลับบอกให้พอแค่นั้น
“……จากที่ฉันดู คนคนนี้ระวังโซฟีร่าอยู่ แถมยังปล่อยข้อมูลของโบราณวัตถุที่ซูบร้าเพื่อทำให้สับสนอีกด้วย”
“หา……”
โซฟีร่ามองเด็กหนุ่ม ซึ่งเขาเบ๊ะปากด้วยความเจ็บใจ
“……ฝ่าบาทต้องขอโทษด้วยค่ะ เดิมทีหน้าที่ของฉันควรจะเยือกเย็นแท้ๆ”
“ไม่เป็นไร อย่างที่เธอพูดใช้สามัญสำนึกวัดคนคนนี้ไม่ได้ ไม่ว่าจะจู่ๆบุกมาหา หรือว่าหาสปายเพื่อสร้างบุญคุณ ทั้งหมดก็เพื่อการณ์ภายหลัง ในการเรียกร้องเป้าหมายในจังหวะของตัวเอง ช่างเป็นชายที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลจริงๆ”
“โอ้ รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับการชมเชยอย่างนี้”
เด็กหนุ่มพูดออกมาอย่างโอหัง
ราชินีมัลเกโด้ไม่ประเมินคุณค่าของคนออกมาตรงๆ โดยเฉพาะต่อหน้าเจ้าตัวอย่างนี้ด้วย
(อย่าสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปสิ ตัวฉํน……)
โซฟีร่าใจแข็งมองไปทางเด็กหนุ่ม
จะดูถูกเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้ รู้สึกเสียใจที่ตัวเองเอาแต่มองรูปลักษณ์ภายนอกโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าคิดจะแทรกแซงการเมืองก็บอกสังกัดของตัวเองมา แล้วบอกรายละเอียดของหัวข้อมาด้วย ถ้าอย่างนั้นแล้วองค์ราชินีจะได้ตัดสินได้อย่างถูกต้องไง”
“เข้าใจแล้ว”
แล้วเด็กหนุ่ม—-ทำสิ่งที่เหลือเชื่อ—ด้วยการถอดหน้ากากออก
เด็กหนุ่มที่มีเส้นผมและดวงตาสีดำ
เด็กหนุ่มคนเดียวกับที่เข้าหาคลอร์ด
“ผมชื่อฮิคารุ อย่างที่รู้มาจากพอนโซเนีย และเป็นนักเรียนอยู่”
ฟู่ ฮิคารุถอนหายใจอยู่ภายในใจ
อันนี้ก็ยังอยู่ในแผนที่วางไว้
ถ้าหวั่นไหวจะกดดันต่อไปทั้งอย่างนั้น
แต่ถ้าอีกฝ่ายตั้งตัวได้ ก็อธิบายออกไปตามตรง
ในกรณีหลังอีกฝ่ายจะเยือกเย็นและฟังเรื่องที่พูดได้ดีกว่าจิตใจที่ยังหวาดระแวงอยู่
แน่นอนเป็นการ “โยนหินถามทาง” หลายเรื่อง เป็นการตรวจสอบว่าพวกราชินีมีรู้จักคนที่ชื่อ “ฮิคารุ” มากน้อยแค่ไหน —-จากปฏิกิริยาดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย
ถึงผู้อำนวยการจะเป็นคนของซูบร้า แต่ไม่ได้บอกข้อมูลกับองค์ราชินีสักเท่าไร บางทีผู้อำนวยการคงคิดว่าไม่ใช่ข้อมูลที่สลักสำคัญสักเท่าไรก็ได้ หรือไม่ก็เพราะปัญหาระหว่างประเทศของซูบร้ากับคิรีฮาล
อย่างไรก็ตาม ของจริงมันต่อจากนี้
“ตระกูลชั้นนำของลูมาเนีย รีกแห่งตระกูลเรียวกิ จะก่อตั้ง ‘สหพันธ์นักเรียน’ ขึ้นมาโดยไม่สนเรื่องเชื้อชาติ และให้ซิลเวสเตอร์ กี ซูบร้าเป็นประธานนักเรียนรุ่นแรก เป้าหมายคือเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ก้าวข้ามพรมแดนภายในโรงเรียน และค่อยสลายกำแพงเชื้อชาติของสหพันธรัฐ
ฮิคารุสรุปเรื่องราวออกมาสั้นๆ
“กล่าวคือได้ผู้นำของลูมาเนียกับซูบร้ามาแล้วสินะ”
“เปล่าหรอก อีก 5 ประเทศก็ได้คนมาแล้ว”
พอฮิคารุเอ่ยชื่อออกมาทำให้มัลเกโด้ถึงกับหลุดเสียงประหลาดใจออกมา
“เตรียมได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้านึกถึงอารมณ์ของแต่ละประเทศไม่น่าจะได้ถึงขนาดนี้”
“เพราะยังเด็กเลยยืดหยุ่นได้ง่าย แถมแต่ละคนก็เคลื่อนไหวด้วยเป้าหมายส่วนตัวไม่สนเรื่องวามคิดของประเทศ ดังนั้นเลยมีอยู่หลายคนที่เป็นเพื่อนกันโดยไม่สนเชื้อชาติ แถมไม่สนใจเรื่องของการเมืองด้วย”
“ที่ต้องการจะบอกก็คืออยากให้เห็นด้วยการการก่อตั้งสหพันธ์นักเรียนอะไรนั่นใช่ไหม? แล้วการทำงานของสหพันธ์นักเรียนนั่นจะทำให้ความต่างของเชื้อชาติหายไปได้ภายในกี่ปี? 5ปีเหรอ? หรือว่า 10 ปี?”
“รีกบอกว่าจะคงอยู่ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะตายจากไป”
คำพูดนั้นมันเหนือความคาดหมายหรือเปล่า ทำให้มัลเกโด้ทอดสายตาไปไกล
“……งั้นเหรอ ลูมาเนียก็ยังมีคนดีๆอยู่สินะ”
“กลับกันผมคิดว่าการก่อตั้งสหพันธ์นักเรียนในยุคของราชินีน่าจะได้ผลดีกว่า ดังนั้นเลยมาขอความร่วมมืออย่างนี้”
“เข้าใจแล้ว จะเห็นชอบเรื่องนี้ก็ได้”
“ฝ่าบาท”
“ไม่ต้องบอกหรอกน่าโซฟีร่า ปัญหาที่จะเกิดหลังจากนี้มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แถมสหพันธ์นักเรียนน่าจะเป็นความหวังแห่งอนาคตของสหพันธรัฐของพวกเราได้อยู่ แถม…คนที่ปิดบังตัวตนแล้วมีแต่ข้อดีอย่างคนคนนี้—-ฮิคารุยังยอมเปิดเผยตัวก็ควรที่จะตอบรับมันไง”
สำหรับฮิคารุแล้ว คิดว่าตัวตนที่แท้จริงใกล้จะถูกเปิดเผยอยู่แล้ว เลยคิดว่าแสดงตัวตนออกไปให้เห็นน่าจะดีกว่า
แน่นอนว่าคำนวณไว้แล้วหากบอกออกไปเองน่าจะซื้อใจอีกฝ่ายได้ดีกว่าอีกฝ่ายตามสืบเอง
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าฝ่าบาทมีความคิดถึงขนาดนั้นแล้วละก็เลขานุการโง่ๆคนนี้ก็ขอยอมรับค่ะ แล้วฮิคารุข้อเสนอแนะไม่ได้มีแค่นั้นใช่ไหม?”
พอโซฟีร่าพูดออกมามัลเกโด้ถึงกับทำสีหน้า “เอ๊ะ?”
ฮิคารุยิ้ม
กะแล้วเชียวว่าคนที่ควรระวังก็คือโซฟีร่า
“เดี๋ยวสิโซฟีร่า มันหมายความว่ายังไง?”
“เป็นสิ่งที่ฝ่าบาทต้องตัดสินใจ เชิญทำให้ถึงที่สุดด้วยค่ะ”
“เดี๋ยวสิโซฟีร่า! อย่าแกล้งกันสิ!”
“ฝ่าบาท เผยนิสัยออกมาแล้วนะคะ”
“ยังไงซะเจ้าหนูซ่อนแอบคนนี้ก็คงดูพวกฉันอยู่แล้วไง! แล้ว? ที่บอกว่าไม่ใช่แค่นี้คืออะไร?”
“ให้ฝ่าบาทตัดสินใจ—-”
“โซฟีร่า! เข้าใจแล้ว! ขอโทษที่ตอบตกลงตามใจชอบอย่างนั้น!”
“……เอาเถอะ สำหรับฉันยังไงก็ได้ค่ะ เด็กหนุ่มคนทำอะไรลับหลังเก่งอยู่ด้วย—-แล้ว เรื่องเจ้าปัญหาอีกเรื่องคืออะไรกัน?”
โซฟีร่าส่งสายตามาทางนี้ ฮิคารุเลยยิ้มออกมานิดๆ
“น่าตลกขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เปล่าหรอก รู้อยู่หรอกว่าราชินีกับเลขานุการสนิทกันขนาดนี้—-แล้วทำไมทุกคนถึงไม่เป็นอย่างนี้กันบ้างนะ”
“…………..”
“……………”
มัลเกโด้กับโซฟีร่าสบตากันเพราะคำพูดของฮิคารุ
“อย่างที่เลขานุการเอกบอก ยังมีข้อเสนออีกหนึ่งอย่าง เป็นข้อเสนอที่แพ็กคู่กับการก่อตั้งสหพันธ์นักเรียน”
พอฮิคารุพูดเรื่องสมรสรวม—-มัลเกโด้ที่ไม่รู้เรื่องของคลอร์ดกับลูกะก็ประหลาดใจมากพร้อมกับบอกว่า “ไม่ไหว! ไม่ไหวแน่ๆ!” แต่ไม่รู้เพราะอะไรโซฟีร่ากลับระเบิดหัวเราะออกมา
“ฮิคารุ ทำให้หัวเราะได้นะเนี่ย สิ่งที่จะก้าวข้ามความรู้สึกระหว่างประเทศคือ ‘ความรัก’ เหรอ บางทีอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ ฝ่าบาทยังสับสนอยู่ แต่ฉันจะเกลี้ยกล่อมให้ ‘เห็นด้วย’ แล้วลงคะแนนให้ก็แล้วกัน”
“ฝากด้วยนะ”
“—-ดังนั้นติดหนี้ 1 เรื่องแล้วนะ?”
“รู้แล้วน่าคิดอยู่แล้วว่าแค่จับสปายมันไม่สมน้ำสมเนื้อ จะหาทางคืนให้ก่อนโดนคิดดอกก็แล้วกัน”
“ถ้ารู้แล้วก็ดีไป”
“ทำไมถึงคุยกันอย่างใจเย็นอย่างนี้เนี่ย!? การแต่งงานระหว่างตระกูลซาฮาร์ดของคิรีฮาล กับองค์หญิงลำดับที่สามของลูดันช่าเลยนะ!? นี่มันอะไรกันเนี่ย!?”
“ฝ่าบาท เงียบๆด้วยค่ะ”
“เดี๋ยวได้ยินถึงข้างนอกนะ”
“โกรธทั้งคู่ที่ใจเย็นอยู่เนี่ยแหละ!”
ยังไงก็ตาม ดูเหมือนจะได้ 1 เสียงจากคิรีฮาลแล้ว