อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ – ตอนที่ 101

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

ตอนที่ 101 แนวป้องกันที่พังทลาย

            เหล่านักผจญภัยของ 3 ประเทศที่มารวมตัวกันเพื่อปราบมอนสเตอร์ตรงป่าใหญ่อูน เอล โพลตันที่ขยายพันธุ์ผิดปกติ ได้ถอยร่นจนมาถึงจุดตั้งแคมป์แรกสุดแล้ว

            ตำแหน่งปัจจุบันของหน่วยหลักตอนนี้คือเมืองบอเดอร์ซาร์ดแห่งสหพันธรัฐฟอเรสเทียที่อยู่ใกล้แนวขอบป่ามากที่สุด

            “……อึ้ก สูญเสียนักผจญภัยไป 20 เปอร์เซ็นต์ ที่บาดเจ็บจนต้องถอนตัวจากแนวหน้าก็ 40 เปอร์เซ็นต์……”

            ชายนักผจญภัยระดับ B ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าสำนักงานใหญ่ พูดออกมาในห้องหนึ่งของกิลด์นักผจญภัยที่ยังใช้งานได้อยู่

            หัวหน้ากิลด์ของกิลด์นักผจญภัยแห่งบอเดอร์ซาร์ดกับหัวหน้าสำนักงานใหญ่ รวมไปถึงพนักงานของแต่ละกิลด์กำลังหน้าดำคร่ำเครียดกันอยู่

            การขยายพันธุ์ผิดปกติของมอนสเตอร์ในครั้งนี้ มันกลายเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ

            คนที่ส่งกองกำลังออกมาเร็วที่สุดก็คือจักรวรรดิควินแบรนด์ ถึงก่อนหน้านี้จะสูญเสียกำลังลบจากการต่อสู้กับราชอาณาจักรพอนโซเนีย แต่ก็ยังมีกำลังพลของมาร์ควิสที่อยู่ใกล้ป่าใหญ่อูน เอล โพลตันอยู่

            กองกำลังของมาร์ควิสเริ่มส่งไปประจำการแถวๆชายแดน

            แน่นอนว่าการที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วอย่างนี้ เพราะหัวหน้าสำนักงานใหญ่เป็นคนของจักรวรรดิควินแบรนด์

            “แล้วราชอาณาจักรพอนโซเนียเป็นไงบ้าง?”

            “ยังติดต่อไม่ได้เลยครับ”

            “ทางด้านสหพันธรัฐฟอเรสเทียล่ะ?”

            “เคลื่อนไหวช้ามาก หรือต้องบอกว่า แทบจะไม่มีการเคลื่อนไหวเลย บางทีกิลด์นักผจญภัยอาจจะยังไม่ได้ประกาศออกไปก็ได้ก็เป็นได้”

            จากการรายงานของพนักงานกิลด์ ทำให้หัวหน้าสำนักงานจ้องหัวหน้ากิลด์ของบอเดอร์ซาร์ด แต่หัวหน้ากิลด์ก็ยังไม่ยอมแพ้

            “ครั้งนี้เพราะหัวหน้ากิลด์ของจักรวรรดิควินแบรนด์บอกว่า ‘เหมือนอย่างทุกปี’ เลยให้รับมือเหมือนอย่างเคย แล้วสิ่งนั้นมันอะไรกัน ต้องหนีตายจ้าละหวั่น แล้วยังบอกให้หาทางทำอะไรสักอย่างเนี่ยนะ?”

            “แก วิธีการพูดอย่างนั้นมันยังไงกัน!?”

            “นั่นใช่ท่าทางที่ใช้กับคนที่มาช่วยชีวิตงั้นเหรอ”

            “แก……”

            “กรุณาพอเถอะครับ!”

            พนักงานของกิลด์เข้ามาแทรก

            สรุปแล้วกิลด์นักผจญภัยก็ไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

            ในฐานะหัวหน้ากิลด์ของบอเดอร์ซาร์ด รู้สึกไม่สบายใจตรงที่ทีมนักผจญภัยซึ่งหนีมาบอเดอร์ซาร์ดจะลากพวกมอนสเตอร์มาด้วย

            แถมพวกเบื้องบนของสหพันธรัฐฟอเรสเทียคงยุ่งอยู่กับงานสถาปนาชาติที่กำลังจะจัดขึ้น การประชุมพร้อมกันของระดับบนสุดทั้ง 7 ประเทศ การรักษาความปลอดภัยเองก็เข้มงวดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิรีฮาลกับลูดันช่าที่ทะเลาะกันอยู่ทุกปี

            ถ้าให้พูดตามตรง คงไม่สนใจอีเว้นท์ปราบปรามที่จะต้องเสียเงินให้กับนักผจญภัย

            ความจริง พนักงานกิลด์ที่รายงานปัญหานี้ให้กับทางรัฐบาลผสมยังโดนสั่งกลับมาว่า “ให้กิลด์นักผจญภัยไปแก้ไขปัญหา”

            ถ้าบอเดอร์ซาร์ดลุกเป็นทะเลเพลิงแล้วละก็ คงไม่ได้จัดงานสถาปนาชาติหรอก แต่หัวหน้ากิลด์อยากให้เป็นเช่นนั้น

            “พวกฉันเองก็บอกกับนักผจญภัยของสหพันธรัฐไปแล้ว! ไหนจะเตรียมเสบียงฉุกเฉินเผื่อเอาไว้ให้ด้วยแล้วไม่ใช่เหรอ! มันเป็ฯความผิดพลาดของแนวหน้า อย่ามาโทษกิลด์นี้อย่างเดียวได้ไหม!”

            “แกเนี่ยเอาแต่พล่ามอยู่ได้!”

            หัวหน้าสำนักงานใหญ่เขวี้ยงขวดหมึกไปโดนศีรษะของหัวหน้ากิลด์จนหมึกกระเซ็นไปทั่ว

            “หา ทำอะไรเนี่ย!? ไม่ยกโทษให้แล้ว! จะไม่ยอมให้เสบียงจนกว่าแกะจะกราบแทบเท้าข้า!”

            “ไร้สาระ! ที่นี่คิดกิลด์นักผจญสหประชาชาติ! แค่กิลด์มาสเตอร์สวะอย่างแกจะทำอะไรได้!”

            “นี่! ทุกคนกรุณาพอได้แล้ว!”

            เหล่าพนักงานกิลด์เข้ามาห้ามทั้งคู่ ทำให้การประชุมถูกยกเลิกไป

            “อ้า—-ในระหว่างที่ทำอย่างนี้มอนสเตอร์มันยิ่งใกล้เข้ามาอีก……”

            พนักงานกิลด์คนหนึ่งอยากจะบ่นแต่ก็ก็บ่นไม่ออก

 

 

            บอเดอร์ซาร์ดอยู่ใกล้กับป่าใหญ่อูน เอล โพลตัน—-สายตาสามารถมองเห็นสีเขียวของป่าได้ รอบเมืองมีแค่กำแพงดิน รั้วไม้ และคูเมือง

            ถึงจะมีป้อมปราการที่พอจะใช้ต่อสู้ได้ แต่ขนาดของมอนสเตอร์มันเยอะเกินไป

            ประชากรเมืองมีราวๆ 4000 คน แต่พื้นที่มีแค่ 1 ตารางกิโลเมตร

            ภายในเมืองมีการทำฟาร์มและเลี้ยงสัตว์ขนาดย่อมอยู่ ประชาชนก็อาศัยอยู่ในบ้านหอแบ่งห้อง

            ถึงกระนั้นผู้คนก็ยังอาศัยอยู่ที่นี่ เพราะได้ผลประโยชน์จากป่า ไหนจะเป็นเมืองที่เชื่อมจักรวรรดิควินแบรนด์กับราชอาณาจักรพอนโซเนียไว้ด้วยกัน

            “มอนสเตอร์มันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”

            “คงพูดเวอร์ไปงั้นแหละ เพื่อหนีการทำภารกิจล้มเหลวไง”

            “ได้ยินมาว่านักผจญภัยระดับ C ของสหพันธรัฐบาดเจ็บหนักอยู่นะ”

            กำแพงดินที่ล้อมรอบเมือง ด้านบนนั้นมันกว้างพอจะให้คนเดินได้ราวๆ 4 คน

            นักผจญภัยที่ออกไปลาดตระเวน เพื่อที่จะไม่ให้ส่งผลกระทบกับประเทศอื่นๆ เลยไม่มีการส่งทหารมาประจำการที่เมืองนี้ ทำให้มีนักผจญภัยที่หาผลประโยชน์ตรงป่าใหญ่ค่อนข้างเยอะ

            “อ้า ฉันก็อยากเพิ่มระดับเหมือนกัน ถึงการปราบปรามครั้งนี้จะมีเป้าหมายเพื่อหาเงินก็เหอะ”

            “เจ้าบ้า เป็นแค่ระดับ F ไม่ต้องมายุ่งเลย”

            “แต่ได้ยินมาว่าทางฝั่งพอนโซเนียไม่จำกัดระดับ ส่วนควินแบรนด์ขอแค่ระดับ F ขึ้นไปก็สามารถเข้าร่วมได้”

            “จริงดิ? เพราะว่าการปราบปรามล้มเหลวไง? ถึงให้นักผจญภัยอ่อนๆมารวมตัวกันเนี่ย”

            ตอนที่คุยเล่นอยู่เหนือกำแพงดิน

            “หือ?”

            “เป็นอะไรไป”

            “โน้น—-เห็นอะไรตรงป่าใหญ่ไหม?”

            นิ้วชี้ไปทางทุ่งกว้าง และปลายทางนั้น มีเส้นสีเขียว—-หรือขอบป่าอยู่

            ตรงนั้นมีควันฟุ้งขึ้นมา

            —-กรรรรรรรรร—-

            ได้ยินเสียงของพวกสัตว์

            “มาแล้ว……”

            พูดออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า

            “มะ มาแล้ว! มอนสเตอร์มาแล้วจริงด้วย!”

            “ไปรายงานเร็ว!”

            “ทะ ที่ไหนล่ะ……”

            “ก็ที่กิลด์ไง เร็วเข้าเจ้าบ้า!”

            “เข้าใจแล้ว!”

            วันที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ของบอเดอร์ซาร์ดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

 

            “ไม่นะ ม่ายยยยยย! คุณ คุณณณณณณณ……”

            “นี่ อย่าเข้าไปจับ! เดี๋ยวก็ติดพิษหรอก!”

            “ถ้าคนคนนี้ตายไปฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”

            ได้ยินเสียงจากที่ไหนสักแห่ง

            กลิ่นของเลือด อาเจียน และยาฆ่าเชื้อที่ผสมปนเป

            เพราะพาเข้าโรงพยาบาลไม่ได้แล้ว เลยให้เหล่านักผจญภัยที่บาดเจ็บนอนอยู่ตรงพื้นของศาลากลาง

            ทั้งที่กลางวันแต่ถูกปิดกั้นอยู่ในที่มืด อาจจะกักตัวเพื่อป้องกันไม่ให้โรคหรือพิษเกิดการระบาด

            “……อึ้ก”

            “รู้สึกตัวแล้ว!?”

            พอลล่ากุมมือของเพื่อนรักที่นอนอยู่ตรงหน้า

            เพื่อนสนิทมีสองคน

            เพียที่ชอบพูดดื้อรั้น แต่พอตกกลางคืนมักจะร้องไห้ออกมาด้วยความเหงา

            พริสซิล่า ทั้งที่ดูซุ่มซ่ามแต่ฝีมือการยิงธนูก็ไม่น้อยหน้าผู้ใหญ่ แถมยังมีหน้าอกอันใหญ่โตดึงดูดสายตาผู้ชาย 

            พริสซิลล่ายังไม่ฟื้น

            ที่ฟื้นตอนนี้มีแค่เพีย

            “พอลล่า……ที่นี่ที่ไหน……”

            “บอเดอร์ซาร์ด เมืองของสหพันธรัฐน่ะ พวกเราหนีมาจนถึงที่นี่”

            “งะ งั้นเหรอ……”

            สายตาของเพียยังโฟกัสไม่ได้ ขนาดหน้าของพอลล่าก็ยังเห็นไม่ชัด

            “ดังนั้นไม่เป็นไรแล้ว สบายใจได้! เดี๋ยวฉันจะรักษาให้โดยใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูเอง!”

            “แฮะๆ……ขอบคุณ เวทมนตร์ของพอลล่านี่ได้ผลเสมอเลย……”

            “อืม!”

            ถึงพอลล่าจะพูดอย่างนั้น แต่ก็เป็นการโกหก

            ใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูมาโดยตลอด แต่ทำได้แค่ยื้อชีวิต ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ไม่ว่าจะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม

            สีข้างซ้ายของเพียโดนคว้านหายไป

            เพื่อปกป้องพอลล่าจากท่อนซุงที่ฟอเรสบาร์บาเรียนขว้างมา

            —-ฉันจะปกป้องพอลล่าเอง!—-

            ทุกครั้งเธอมักจะพูดอย่างนั้นด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน

            “ฮือ ฮือ ฮือ”

            น้ำตาที่ไหลออกมา

            คนบ้า ไม่เห็นจำเป็นต้องปกป้องด้วยชีวิตอย่างนี้เลยแท้ๆ คนบ้า ทั้งที่เป็นคนขี้แยแท้ๆ ทั้งที่เป็นคนขี้เหงาแท้ๆ คนบ้าๆๆ!

            “—-อึ้ก”

            พลังเวทหมดไปแล้วตั้งแต่เมื่อครู่

            ถึงกระนั้นพอลล่าก็ยังฝืนใช้พลังใจอย่างเดียวในการร่ายเวทมนตร์จนกระอักเลือดออกมา

            “……พอลล่า?”

            “เพีย ไม่เป็นไรหรอก! ฉะ ฉันจะรักษาให้เอง!”

            พอลล่ารีบร้อนเช็ดปากด้วยแขนเสื้อก่อนจะร่ายเวทมนตร์ฟื้นฟูต่อ

            พอหันไปมองพริสซิลล่าเธอก็ยังไม่ฟื้น ดูเหมือนจะโดนพิษอะไรสักอย่าง แต่เวทมนตร์ถอนพิษที่พอลล่ารู้ไม่สามารถรักษามันได้ ดังนั้นเลยใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูเพื่อเพิ่มพลังกาย

            ถึงกระนั้นใบหน้าก็ซีดราวกับคนใกล้ตาย มีแค่หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ายังมีชีวิตอยู่

            “อึ้ก อึ้ก……อึ้กกกกก…….”

            “พอลล่า……”

            หน้าผากของเพียมีเหงื่อไหลออกมา

            พอลล่าเองก็เช่นกัน

            เหงื่อออกจากทั่วร่าง แต่ถ้าหยุดเวทมนตร์ฟื้นฟู ชั่วพริบตานั้นทั้งคู่จะต้องตาย—-เธอรู้สึกเช่นนั้น

            (พระเจ้า……)

            พระเจ้าที่สวดอธิษฐานทุกวันตอนอยู่ที่หมู่บ้าน

            เพราะอย่างนั้นทำให้เธอใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูได้

            (พระเจ้าพระเจ้าพระเจ้า ชีวิตของฉันจะเป็นไงก็ช่าง อย่างน้อยช่วยชีวิตของเพียกับพริสซิลล่าด้วยค่ะ……)

            สวดอธิษฐาน สวดอธิษฐาน สวดอธิษฐาน สวดอธิษฐาน—-และร่ายเวทมนตร์

            แกนกลางของร่างกายเริ่มเย็นลง อดทนต่อความเจ็บปวดจากกระดูกร้าว แล้วความเจ็บปวดราวกับสมองโดนเข็มทิ่มแทงก็แล่นเข้ามา

            “นี่……พอได้แล้ว……พอลล่า……ไม่งั้นเธอ………”

            เพียพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า

            ดวงตาที่เปิดขึ้นมานิดหน่อยได้ปิดลงไป

            เข้าสู่ห้วงนิทรา

            —-บางทีอาจจะไม่มีทางฟื้นขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สองก็ได้—-

            ตอนที่คิดอย่างนั้น ความกลัวที่มิอาจบรรยาย ได้เข้าถาโถมพอลล่า

            “ไม่ได้นะ! ไม่ยอมให้ตายหรอก……! ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม……!”

            พอลล่าอธิษฐานต่อพระเจ้า

            (ได้โปรด! ฉันจะยอมมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้! ดังนั้น ดังนั้น พระเจ้าช่วยสร้างปาฏิหาริย์ทีค่ะ—-)

            ตอนที่ร่ายเวทมนตร์ฟื้นฟูอีกครั้ง

            “—-ตอนเดินผ่านข้างนอก ก็ว่าได้ยินเสียงคุ้นๆ”

            เธอหันใบหน้ากลับไปอย่างโงนเงน

            “ทั้งคู่เป็นไงบ้าง บาดเจ็บสาหัสเหรอ”

            “……ท่าน ฮิคารุ?”

            พอลล่าเห็นผู้ชายตรงหน้า—-ราวกับปาฏิหาริย์ที่พระเจ้าประทานมาให้

            “ท่านฮิคารุ~~~~~!!”

            “เหวอ!?”

            ฮิคารุที่จู่ๆโดนเข้ามากอดถึงกับเซไป แต่ยังดีที่ไม่ล้ม

            พอลล่าโทรมจัด

            เสื้อผ้าที่สวมอยู่เปรอะเปื้อน ใบหน้าและทรงผมดูไม่จืด

            “………พอลล่า อยากจะช่วยทั้งคู่ใช่ไหม?”

            ฮิคารุถามออกไป ทำให้พอลล่าผละตัวออกมา

            “ค่ะ”

            สายตานั้นจริงจังมาก—-เป็นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์

            “เตรียมตัวเตรียมใจที่จะละทิ้งทุกอย่างยกเว้นชีวิตได้หรือเปล่า?”

            “ค่ะ!”

            ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

            “จะไม่สามารถพบกับทั้งคู่ได้อีกเป็นครั้งที่สอง……กล่าวคือ จะไม่สามารถเดินทางร่วมกันได้อีก และต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อรับใช้ผมเท่านั้น อย่างนั้นโอเคหรือเปล่า?”

            “ค่ะ ไม่เป็นไร ถ้าท่านฮิคารุมีหนทางที่จะช่วยเหลือทั้งคู่ได้แล้วละก็”

            “เข้าใจแล้ว”

            ฮิคารุหลับตาลงครู่หนึ่งราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะลืมตาขึ้น

            และจ้องกลับไปหาพอลล่า

            “หลังจากนี้จะทำให้เวทมนตร์ฟื้นฟูของเธออยู่ในระดับต้นๆของโลกนี้ ปริมาณพลังเวทเองก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะอย่างนั้นคงจะมีหลายต่อหลายคนที่จะพยายามแย่งชิงตัวเธอ ดังนั้นต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังไม่ให้สะดุดตามากเกินไป”

            พอลล่าถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื้อก

            น่าประหลาดที่ไม่สงสัยในสิ่งที่ฮิคารุพูดเลยสักนิด

            “หลับตาลง ครั้งถัดไปที่ลืมตา ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไป”

            พอลล่าหลับตาลง ช่วงเวลานั้นที่ชีวิตของเธอได้เริ่มต้นในทิศทางที่แปลกไปจากเดิม

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

Status: Ongoing
ฮิคารุ เด็หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยแลกกับการแก้แค้น ——————————– อันนี้เป็นงานสานต่อ ดังนั้นพวกชื่อต่างๆ อาจจะมีแตกต่างกับช่วงแรกไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท