ตอนที่ 107 vs มังกรดินกลายพันธุ์
ซาร่า “จตุรดาราแห่งบูรพา” เองก็ไม่รู้เหมือนกัน—-ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่ “ลางสังหรณ์” กระซิบบอก
มีใครสักคน กำลังต่อสู้อยู่กับเอิร์ทดรากอน
น่าแปลกที่รอบๆไม่รู้สึกถึงวี่แววของใครเลย แต่ “ลางสังหรณ์” นี้แทบจะไม่เคยผิดพลาด
(……ถ้าต่อสู้กับสิ่งที่ตัวใหญ่ขนาดนั้น ต้องเป็นมอนสเตอร์ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ไม่ใช่เหรอ? ถ้าเป็นผู้ใช้สัตว์ยังพอเป็นไปได้? แต่—-กลับมองไม่เห็นมอนสเตอร์ที่ใหญ่ขนาดนั้น……หรือว่าอยู่ใต้ดิน)
ซาร่าก้มลงไปมองรากของต้นไม้ที่ตัวเองยู่ แต่มันก็เป็นพื้นดินกว้างๆเหมือนกับก่อนหน้านี้
(ไม่ใช่เหรอ……จะบอกว่าส่งกองกำลังมารวดเดียวด้วยเวทมนตร์เคลื่อนย้าย……ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เดิมทีเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมันเป็นเรื่องเพ้อฝันอยู่แล้วด้วย)
ถ้าอย่างนั้น ใครเป็นคนต่อสู้ และด้วยวิธีไหน?
(……หรือว่าลางสังหรณ์ผิดพลาด……? ถึงจะน่าแปลก แต่คงต้องลงความเห็นอย่างนั้นแหละ)
เอิร์ทดรากอนค่อยๆมุ่งหน้าอย่างมั่นคงทีละก้าว
แล้วบริเวณใกล้ๆซาร่าก็เริ่มโยกไหว
(อย่างนี้มันรุนแรงเกินไป คงต้องสละบอเดอร์ซาร์ดแล้วเมี้ยว เดิมทีเป็นเมืองกำแพงด้วย ถ้าเตรียมหลุมกับดักไว้ก่อนแล้วละก็……)
กระโดดลงมาจากต้นไม้ใหญ่
เธอที่กระโดดลงมาถึงพื้นโดยไม่เกิดเสียงใดๆ และกำลังจะออกวิ่งไปไปทางบอเดอร์ซาร์ด—-ตอนนั้นเอง
ตู้มมมมมมมมม
ได้ยินเสียงระเบิด
“……เอ๋?”
ลมจากแรงระเบิดพัดโถมใส่ซาร่าที่หันหลังกลับไป จนทำให้ฮู้ดและเส้นผมสีม่วงของเธอพัดตลบ
แล้วซาร่าก็เห็น
ใบหน้าของเอิร์ทดรากอนที่ลุกไหม้
‘—–กว้ากกกกกกกกกกกก!!!’
เสียงร้องที่รุนแรงจนทำให้อากาศสั่นสะเทือน
แต่ได้ยินเสียงนั้นเพียงแค่ครู่เดียว
ตู้ม ตู้ม—-
หลังจากนั้นก็มีลูกไฟขนาดใหญ่ 2 นัด พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเอิร์ทดรากอน
เปลวเพลิงโหมขึ้นตอนที่มันกระทบ
คอยาวๆของเอิร์ทดรากอนพยายามเอนหลบไปด้านหลัง แต่ก็ยังโดนอยู่ดี
ราวกับรู้ว่าหัวจะหลบไปทางนั้น
สองนัดที่ถูกยิงออกไปเข้าเป้า
‘—————-’
ตอนที่ระเบิดสิ้นสุด เอิร์ทดรากอนที่ใบหน้าไหม้เกรียมก็ล้มลง
พื้นดินโยกไหว ต้นไม้ล้มระเนระนาดจนฝุ่นฟุ้งกระจาย
“ตายแล้ว……งั้นเหรอ……?”
โกหกน่า ไม่อยากจะเชื่อเลย เวทมนตร์นั้นมันอะไรกัน ได้ยินมาว่าการร่ายเวทมนตร์ต่อเนื่องมันเป็นอะไรที่ยากมาก แต่เมื่อครู่ไม่ใช่ “ร่ายต่อเนื่อง” แต่เป็น “ยิงต่อเนื่อง” มากกว่า เป็นไปไม่ได้หรือจะมีผู้ใช้เวทมนตร์หลายคน? แล้วเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ระดับสูงขนาดนั้นเลยเนี่ยนะ? ราวกับ—-เวทไฟของผู้ใช้เวทมนตร์บนกำแพงดินนั้นเลย
“!?”
แล้วซาร่าก็ต้องไม่เชื่อสายตาตัวเอง
มีเปลวเพลิงพุ่งขึ้นมาจากเอิร์ทดรากอนที่ล้มลงไปแล้ว
ตู้ม ตู้ม
คราวนี้เองก็ 2 นัด
ร่างของเอิร์ทดรากอนห้อมล้อมไปด้วยเปลวเพลิง
“ยะ ยังจะยิงเวทมนตร์อีกงั้นเหรอ!?”
เกิดความลังเลว่าควรจะไปหรือไม่ไปตรวจสอบสถานการณ์
ซาร่าได้กลิ่นของเนื้อไหม้ๆ ที่ลอยมาตามสายลม
‘…—-……———…………’
ตอนนั้น ซาร่าได้ยินเสียงอะไรเบาๆ
ซาร่าที่ไม่ได้หูดีอะไรเป็นพิเศษ แต่จากการฝึกฝนทำให้แยกแยะเสียงต่างๆได้มากมาย
ดังนั้น เลยได้ยิน “เสียง” นั้น ท่ามกลางเสียงไฟไหม้ และเสียงนกบิน
“มังกร……พูดได้……?”
ซาร่าออกเคลื่อนไหว
ระยะห่างจากเอิร์ทดรากอนอีก 150 เมตร
เนื่องจากต้องลบร่องรอยเพื่อระวัง “ใครสักคน” ที่ต่อสู้กับมังกรด้วยเลยมุ่งหน้าไปได้ไม่เร็วนัก
มันน่าเจ็บใจ
เนื่องจากใช้เวลามากกว่าปกติกว่าจะไปถึงเอิร์ทดรากอน พอไปถึงตรงนั้น—-ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตหลงเหลืออยู่แล้ว
เอิร์ทดรากอนที่หน้าไหม้เกรียม สิ้นลมหายใจไปแล้ว
ร่างกายตอนนี้ยังลุกไหม้อยู่ รยางค์เองก็กำลังลุกไหม้อย่างหนักเช่นกัน
“ไม่อยู่……”
ซาร่าพึมพำออกมาอย่างประหลาดใจ
เมื่อครู่ยังมีคนอยู่ ใครสักคนที่ปราบมังกรตัวใหญ่ขนาดนี้
อย่างนี้ราวกับว่าตัวตนหายไปอย่างสมบูรณ์
ทิศทางที่ซาร่าอยู่คือทางไปบอเดอร์ซาร์ด ถ้าคิดจะไปทางนั้นแล้วละก็ “ใครสักคน” จะต้องวิ่งสวนกันแท้ๆ
“——–”
แล้วก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา
เคยเจอความรู้สึกนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง
ตอนตรวจสอบเรื่อง “คดีการหายตัวไปของลูกสาวท่านเคานต์” ที่เมืองพอนด์ ซาร่าซึ่งลบร่องรอยและแอบขึ้นรถม้าของพ่อค้าเพื่อไปสำรวจนอกเมือง
ไม่น่าจะมีใคร—-รู้สึกถึงการคงอยู่ของตัวเธอแน่ๆ
แต่เธอคิดว่า เรื่องนั้น อาจจะโดนรู้ตัวแล้วก็เป็นได้
เด็กหนุ่มคนหนึ่ง—-เด็กหนุ่มที่มีเส้นผมสีดำเหมือนกับสมาชิกปาร์ตี้อย่างเซริก้า ทาโนะอุเอะ เดินเข้ามาใกล้ซาร่าที่นั่งอยู่ตรงรถม้า
เขาแค่ยืนมองเฉยๆ
แต่ตอนที่ซาร่าเดินผ่านหน้าเขาไป—-รู้สึกเหมือนเห็นเขายิ้มเล็กน้อย
เสียวสันหลังวาบ
เพียงแค่ครู่เดียวสีหน้าของเขาก็กลับมาเหม่อเหมือนเดิม ตอนนั้นเลยคิดว่า “คงคิดมากไปเอง”
(หรือว่าตอนนั้น เขาเห็นฉันจริงๆงั้นเหรอ……)
แสดงว่าความสามารถในการลบร่องรอยของตัวเองยังไม่สมบูรณ์แบบ
เขาคงยิ้มเยาะ เรื่องที่ตัวเองไม่รู้สึกถึงความเป็นจริงในข้อนี้
สิ่งนั้น—-ราวกับว่ากำลังเต้นอยู่บนฝ่ามือของคนที่หยั่งก้นบึ้งไม่ถึง ทำให้ความไม่สบายใจและหวาดกลัวห้อมล้อมซาร่า
“!”
ซาร่ารู้สึกตัวตอนที่หันไปมองเอิร์ทดรากอน
เอิร์ทดรากอนที่กำลังลุกไหม้อยู่ ทำให้เก็บของที่มีมูลค่าสูงอย่างเกล็ดมังกร หรือผิวมังกรไม่ได้
แต่มีเพียงตำแหน่งเดียว ที่แทบจะไม่โดนเผาไหม้
มันคือตรงคอ
ตรงนั้นมีเกล็ดอยู่อันหนึ่งที่สลับด้าน หรือที่เรียกกันว่า “เกล็ดย้อน”
เกล็ดย้อนถูกดึงออกไป
ตามจริงแล้วเกล็ดย้อนเองก็เหมือนกับเกล็ดอันอื่นๆ แต่ด้านหลังเกล็ดย้อน มี “ศิลามังกร” ซึ่งเป็นแหล่งสะสมพลังเวทเอาไว้ สำหรับให้เผ่ามังกรขนาดใหญ่ใช้เคลื่อนไหวร่างกาย
ศิลามังกรอันนั้นหายไปแล้ว
“เอาสิ่งที่มีค่าที่สุดไปอย่างเดียวสินะ……”
ศิลามังกรขนาดเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย สามารถแลกเหรียญทองได้เต็มกระเป๋าหนังเลยทีเดียว
ศิลามังของเอิร์ทดรากอน บางทีน่าจะใหญ่พอๆกับลูกรักบี้
ซาร่าเองก็จินตนาการไม่ออกว่ามันจะเป็นจำนวนเงินขนาดไหน
แน่นอนว่า เนื้อของมังกรที่เหลือจากการไหม้ยังเอาไปขายได้ กระดูกเองก็ใช้สอยได้หลากหลาย กิลด์นักผจญภัยเองน่าจะยินดีมาเก็บอยู่หรอก
แต่ของที่ดีที่สุดโดน “ใครสักคน” เอาไปแล้ว
“……อย่างนี้อันตรายของบอเดอร์ซาร์ดก็คงหายไปแล้ว……แต่รู้สึกเหมือนแพ้อย่างไรไม่รู้สิ……”
ซาร่าหันหลังให้กับเอิร์ทดรากอน และมุ่งหน้ากลับไปบอเดอร์ซาร์ด เพื่อเล่าเรื่องนี้ให้สมาชิกในปาร์ตี้ฟัง และคิดว่าหลังจากนี้จะเอาอย่างไรกันต่อไปดี
ฮิคารุรู้สึกโล่งใจ ที่เป็นไปตามแผน และปราบเอิร์ทดรากอนได้อย่างไม่มีปัญหา
(อาจารย์เคธี่นี่ เอาเรื่องนะเนี่ย)
ระหว่างเดินทางมาที่บอเดอร์ซาร์ด ได้ทดลองเกี่ยวกับกระสุนใหม่ของปืนลูกโม่เสร็จแล้ว
กระสุนที่ได้รับมามี 5 นัด ซึ่งลาเวียสามารถบรรจุเวทไฟลงไปได้สำเร็จ เป็นห่วงแค่ 5 นัดจะจัดการมันได้หรือเปล่า แต่สิ่งนั้นเป็นแค่การกังวลเกินเหตุ
ก่อนอื่นก็ยิงเวทมนตร์ใส่ส่วนหัวที่ยังมีความนึกคิด
มีความเป็นไปได้ที่จะฆ่าได้ในนัดเดียว เพราะฮิคารุได้เพิ่ม “ซุ่มยิง” ในโซลบอร์ดไป 3 แล้ว
‘ซุ่มยิง’ ……ในกรณีที่โจมตีใส่ศัตรูด้วยอาวุธระยะไกลตอนอีกฝ่ายไม่รู้ตัว มีโอกาสเพิ่มสถานะตายคาที่ สูงสุด 3
ลักษณะเฉพาะของไฟคือ เมื่อยิงออกไปแล้วมันจะสลายไวมาก ไม่เหมาะที่จะโจมตีระยะไกล เลยซุ่มรออยู่ในแนวเส้นทางที่เอิร์ทดรากอนเดินทาง พอเข้ามาในระยะแล้วค่อยยิงออกไป
“ซุ่มยิง” 3 ไม่สามารถจัดการได้ในนัดเดียว
เอิร์ทดรากอน ส่งเสียงร้องและอาละวาดออกมา ถึงพื้นที่ฮิคารุยืนจะไม่มั่นคง แต่ “ขว้าง” 10 มันไม่ธรรมดาเลย อีก 2 นัดที่ยิงเสริมออกไป เข้าเป้าจนทำให้เอิร์ทดรากอนล้มลง เอิร์ทดรากอนยังไม่รู้ถึงตัวตนของฮิคารุ ทำให้โดนผลของ “ซุ่มยิง” เข้าไปด้วย
เนื่องจากยังได้ยินเสียงหัวใจเต้น เลยยิงออกไปอีก 2 นัด ใส่ลำตัวจนลุกไหม้ พอใช้ “ตรวจจับพลังชีวิต” และรู้ว่าเหลือพลังชีวิตอีกเพียงเล็กน้อยนั้น—-
‘……ต้องมาตาย ที่นี่งั้นเหรอ……’
มังกรพึมพำออกมา ถึงใบหน้าไหม้จะเกรียม แต่ใช้เสียงจากภายในลำคอพูดออกมา
‘……ไม่นึกเลยว่า จะด้วยฝีมือของมนุษย์ ไม่ใช่มังกร(龍) อย่างนี้……’
แล้วมันก็สิ้นลมหายใจ
ฮิคารุรับรู้ได้ว่ามีใครเข้ามาใกล้ เลยรีบถอดเกล็ดย้อนและเก็บศิลามังกร
เพราะรู้อยู่แล้วว่าตรงนี้มี “มังกร” อยู่ เลยตรวจสอบล่วงว่าหลังจากกำจัดควรจะเก็บอะไรไป
พอมองไปตรงเส้นทางที่ใครสักคนกำลังใกล้เข้ามา ก็ไม่เห็นตัวเพราะทางนู้นใช้งาน “ลอบเร้น” อยู่ แต่รู้ได้ด้วย “ตรวจจับพลังเวท”
ฮิคารุเว้นระยะห่างกับคนคนนั้น และออกห่างจากสถานที่ต่อสู้
ไม่มีทางเห็นหน้าของตัวเองแน่นอน เพราะตอนต่อสู้ฮิคารุได้สวมฮู้เอาไว้ และตอนนี้ก็ใช้งาน “ลอบเร้น” เสร็จเรียบร้อยแล้ว
(มังกรตัวนั้นบอกว่า “มังกร(龍)” สินะ……มังกร(龍)นั้นคงเป็นพวกที่เหมือนงูขนาดใหญ่ตรงโบราณสถานของราชวงศ์โพเอลซิเนียแน่ๆ ส่วนมังกรตัวนี้คือ “มังกร(竜)”…… “มังกร(竜)” กับ “มังกร(龍)” ไม่ถูกกันงั้นเหรอ? มันให้ความรู้สึกอย่างนั้นอยู่—-เดี๋ยวก่อนสิ)
แล้วฮิคารุก็นึกขึ้นได้
“มังกร(龍)” ที่ตัวเขาปลดปล่อยออกมาเมื่อวันก่อน
กับ “มังกร(竜)” ที่เพิ่งจะมาเริ่มเคลื่อนไหวช่วงนี้
2 สิ่งนี้น่าจะมีความเกี่ยวพันธ์อะไรสักอย่างอยู่—-?
“……ไม่เข้าใจเลย”
เขาส่ายหน้า
เรื่องที่ไม่เข้าใจคิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
เหลือแค่กลับไปรวมตัวกับลาเวียที่บอเดอร์ซาร์ด และพาพอลล่ากลับไปด้วยเท่านั้น
(คงไม่ต้องห่วงลาเวีย แต่ว่าพอลล่านี่สิ……ขออย่าได้ก่อปัญหาอะไรเลยก็แล้วกัน)
ฮิคารุได้แต่หวังไว้เช่นนั้น