“ในที่สุดก็ถึงสักที……”
ฮิคารุที่ออกมาจากป่า มองไปยังเมืองที่อยู่ในแนวสายตา
ถึงจะมีควันลอยขึ้นมาแต่ไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องอะไร การต่อสู้คงจบลงแล้ว
ขากลับนั้นสบายกว่าขาไปมาก เพราะไม่ต้องคอยระวังมีเอิร์ทดรากอนแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดคือคุ้นกับทางเดินป่า
“ระดับเพิ่มขึ้นแล้วด้วยสิ”
เพิ่มขึ้นมา 1
“ได้ของรางวัลจากการต่อสู้ ไหนจะได้ทดสอบกระสุนใหม่อีก ชักหิวข้าวแล้วด้วยสิ”
ตอนเช้ากินแค่อาหารพกพานิดหน่อย
ถึงกระนั้นฮิคารุให้ความสำคัญกับการกลับมาให้เร็วที่สุด
“จะทันกินข้าวเที่ยงพร้อมกับลาเวียไหมนะ อยากดื่มชาของเธอแล้วสิ”
เลยรีบรุดหน้ากลับไปบอเดอร์ซาร์ดที่การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว
สาวน้อยผมดำยืดกอดอกอยู่
และผู้หญิงมัดมวยผมที่อยู่ระหว่าง “สาวน้อย” กับ “หญิงสาว” —-ได้แต่เฝ้ามองด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
โซริส แลนดี้ที่ยังคงสวมเกราะอกไว้เตรียมรับมือเผื่อมอนสเตอร์บุกเข้า
“เซริก้า อย่าทำหน้าไม่พอใจอย่างนั้นสิ ไม่เสียดายหน้าตาน่ารักบ้างเหรอ?”
“ทำไมหายังไงก็หาไม่เจอเนี่ย!”
“ผู้ใช้เวทมนตร์คนนั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว!”
ถึงเซริก้าเหมือนจะพูดอวดดี แต่โซริสก็เฝ้ามองเธอด้วยรอยยิ้ม
ทั้งที่ทั้งคู่อายุต่างกันไม่ถึง 2 ปี แต่โซริสให้ความรู้สึกเหมือน “แม่” มากกว่า “พี่สาว”
เนื่องจากตอนนี้สมาชิกของ “จตุรดาราแห่งบูรพา” อย่างชูฟี่และซาร่าไม่อยู่ โซริสเลยเคลื่อนไหวกับเซริก้าแค่สองคน
“ทั้งที่หาตั้งขนาดนั้นแล้วแท้ๆ!”
เซริก้ารับหน้าที่เดินตรวจตรารอบเมือง
เพื่อตามหาผู้ใช้เวทมนตร์ไฟระดับสูง—–นักเวทที่ยิง “เฟรมกอสเพล” ต่อเนื่องออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ เหนือกำแพงดิน
ตอนที่คลื่นทะลักของมอนสเตอร์เริ่มจบลง พอรู้สึกตัวอีกทีผู้ใช้เวทมนตร์ก็หายไปแล้ว
เลยเดินตามหาไปทุกที่ และลองถามข้อมูลกับพนักงานกิลด์แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย
“อยู่ในสถานการณ์วุ่นวายไง……คิดว่าคงหาเจอได้ยากอยู่”
ไหนผู้บาดเจ็บถูกลำเลียงเข้ามาบ้าง หรือคนอพยพที่เริ่มกลับมาบ้าง ไหนจะความปั่นป่วนจากโจรยกเค้าอีก
ทำให้บอเดอร์ซาร์ดตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวาย
“ถึงอย่างนั้น! ฉันเฝ้ามองตลอดแท้ๆ แต่ทำไมถึงหายไปได้เนี่ย!”
“ความสามารถของฮู้ดนั้นหรือเปล่า? ผู้ใช้เวทมนตร์ระดับนั้น คงต้องปิดบังตัวตนอยู่แล้วนี่”
“ถ้าเป็นนักผจญภัยยังไงก็ต้องเอารางวัลสิ!”
“แล้วถ้าไม่ใช่นักผจญภัยล่ะ?”
“…………”
เซริก้าเบ้ปาก โซริสเลยลูบศีรษะของเธอ แต่ก็โดนปัดทิ้ง
“โซริส……คิดว่าผู้ใช้เวทมนตร์ระดับนั้นจะอยู่ที่สหพันธรัฐไหม?”
เพราะถามอย่างจริงจังโซริสเลยใช้ความคิด
“……ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ค่อยรู้ข้อมูลของประเทศอื่นเท่าไร”
“พนักงานกิลด์เองก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ? ทั้งที่มีพนักงานของตั้ง 3 ประเทศแต่ไม่มีใครรู้เลยเนี่ยนะ? ถ้าเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ระดับขุนนางก็ต้องมีคนรู้จักบ้างสิ แต่ถ้าปล่อยให้หนีไปตอนนี้—–รู้สึกได้เลยว่าคงไม่มีทางได้พบกันอีก ไหนจะความรู้สึกที่บอกว่าต้องเจอกันให้ได้ด้วย!”
“หือ แค่ความ ‘รู้สึก’ นี่”
“ลางสังหรณ์ของฉันมันถูกเสมอแหละ!”
“ถึงจะบอกอย่างนั้น แต่คนที่หลงทางบ่อยก็เซริก้าไม่ใช่เหรอ”
“ถนนหนทางมันอยู่นอกเหนือลางสังหรณ์ไง!”
ทั้งคู่เดินในเมืองพร้อมกับพูดคุยกัน
ทันใดนั้นนักผจญภัยคนหนึ่งก็ส่งเสียงขึ้นมา
“อ๊ะ! ‘จตุรดาราแห่งบูรพา’ ล่ะ!”
“ครั้งนี้ขอบคุณมากเลยนะครับ! พะ พวกผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้ต่อสู้ร่วมกัน!”
ทันใดนั้น ชาวเมืองคนอื่นๆเองก็ส่งสายตา “เกิดอะไรขึ้น” มาทางนี้
โซริสเป็นนักผจญภัยที่คุ้นเคยกับสภาพอย่างนี้
“โชคดีที่ได้ร่วมมือกันนะ”
ถึงจะตอบด้วยรอยยิ้มไป—–แต่ ครั้งนี้สภาพมันแตกต่างจากที่เคย
“เวทมนตร์ไฟที่ยอดเยี่ยมโน้นก็ของ ‘จตุรดาราแห่งบูรพา’ ใช่ไหม!?”
“อ้อ โน้นเหรอ! สุดยอดไปเลยนะ! ยิ่งไปกว่านั้น……จะว่าไงดี? ไฟขนาดใหญ่มาก?”
“จะบ้าเหรอ แกเนี่ยนะ……อะไรกัน?”
ดูเหมือนจะจำสับสนคิดว่าผู้ใช้เวทมนตร์ที่เซริก้ากำลังตามหาอยู่เป็นตัวเธอ
“ผู้ใช้เวทมนตร์คนนั้นไม่ใช่ฉันหรอก!”
“อ้า คุณโซริสถูกเรียกว่า ‘สาวน้อยสุริยา’ นี่ มันให้ควมรู้สึกเหมือนกับ ‘พระอาทิตย์ดวงน้อย’ เลยไม่ใช่เหรอ?”
“ฟังที่พูดกันหน่อยสิ!”
เหล่านักผจญภัยไม่ฟังที่เซริก้าปฏิเสธเลยสักนิด
แล้วนักผจญภัยคนอื่นก็กรูเข้ามา
แล้วนักผจญภัยผู้มากประสบการณ์ที่คุ้นหน้าก็พูดขึ้น
“จะบ้าเหรอพวกแก ต้องบอกว่า ‘วงตะวัน’ มันเท่กว่าไม่ใช่เหรอ”
“วงตะวัน! ‘ผู้ใช้เวทมนตร์วงตะวัน’ เหรอ!”
“วงตะวัน! วงตะวัน!”
“ผู้ใช้เวทมนตร์ววงตะวันของ ‘จตุรดาราแห่งบูรพา’!”
แล้วความเข้าใจผิดก็ขยายวงกว้างขึ้น
“บอกว่าไม่ใช่ฉันไง!”
“เอ๊ะ……ยะ อย่างงั้นเหรอ?”
ในที่สุดก็มีหนึ่งคนที่รู้สึกตัว
“แต่ว่าสุดยอดไปเลยนะ! เวทมนตร์วงตะวันอันนั้น!”
ดูเหมือนจะไม่เข้าใจกันเลย
“วงตะวัน! วงตะวัน!”
“ผู้ใช้เวทมนตร์วงตะวัน!”
แล้วเสียงเรียกก็เริ่มขยายกว้างขึ้น
“ก็บอกแล้วไง……!”
“ยอมแพ้เถอะน่าเซริก้า? ยิ่งไปกว่านั้น—-ออกห่างจากที่นี่กัน”
สีหน้าของโซริสดูแข็งกร้าวขึ้น
เซริก้าล้มเลิกที่จะแก้ต่าง—-และคิดว่าเดี๋ยวก็คงสงบลง—-ก่อนที่โซริสดึงแขนให้ออกห่างจากพวกนักผจญภัย
แม้ตัวละครหลักจะไม่อยู่แล้ว แต่พวกเขายังคงดีใจ น่าจะเพราะตื่นเต้นจากการที่ปราบมอนสเตอร์ให้ล่าถอยไปได้
“เซริก้า รู้สึกหรือเปล่า?”
“รู้สิ สายตาที่เหมือนกับน้ำโคลนเน่าๆ”
ใช่แล้ว ตอนที่โดนนักผจญภัยล้อมเมื่อครู่ รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมายังพวกเธอ
ถึงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่จู่ๆสายตานั้นก็หายไปกลางคัน เหลือไว้แต่ความรู้สึกแย่ๆ
ตั้งแต่อยู่กับ “จตุรดาราแห่งบูรพา” ความรู้สึกต่อสายตาที่มีก็เฉียบคมขึ้น เพราะพวกเธอนั้นเป็นที่สะดุดตา ทั้งความสงสัย, ความอิจฉา, และความหื่นกระหาย—–ได้เจอกับสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆ นานา
“……ไม่เคยเจอสายตาที่น่ารังเกียจอย่างนั้นมาก่อนเลย”
โซริสเห็นด้วยกับคำพูดของเซริก้าเลยพยักหน้า
“สมาชิกที่พอจะตรวจสอบอะไรอย่างนี้ได้ กลับไม่อยู่นี่สิ”
“พูดปุ๊บมาปั๊บเลย!”
ทิศทางที่เซริก้าชี้ไป มีเงาของคนที่เคลื่อนไหวผ่าฝูงชนมาอย่างไว
“กลับมาแล้ว……”
ซาร่าทำหน้าบึ้งตึง
“เป็นอะไรไปเหรอ! ซาร่าทำหน้าตาอย่างนั้นเนี่ย!”
“อืม เจออะไรมาเหรอ? หรือว่ามังกรมา?”
ซาร่าโบกมือไปมาอย่างรีบร้อนกับ เซริก้าและโซริสที่ยังคงระวังตัว
“ทะ โทษที ไม่ใช่เหรอ มังกรตายแล้วไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่า……มีเรื่องที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยไง”
“ทางนี้เองก็เหมือนกัน!”
“ใช่แล้วซาร่า มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีคนชั่วแฝงตัวอยู่ในเมืองนี้ ถ้าหลังจากนี้ต้องสู้กับมอนสเตอร์แล้วพวกนั้นลอบเข้ามาใกล้จะแย่เอา ช่วยหาให้หน่อยได้ไหม?”
* *
“อะ อะ เอ่อ แบบว่า? คุณคือใคร……หรือคะ?”
ลาเวียเอามือแตะปากราวกับจะบอกว่า “อ๊ะ ลืมไปเลย” กับพอลล่าที่กำลังสับสน
แล้วก็นึกออกว่าตอนที่พบกับพอลล่ายังแต่งตัวเป็นเด็กหนุ่มอยู่
“ถ้าบอกว่า ‘คู่หูของฮิคารุ’ คงเข้าใจใช่ไหม?”
“อะ……เอ๊ะ? เอ๊ะ!? เอ๋!? เอ๊ะ!? คู่หูเมื่อตอนโน้นหรือว่า—-”
สายตาของพลอล่าสับสนก่อนที่จะจับจ้องมาที่เดียว
“ปะ เป็นอย่างนี้นี่เอง!”
“อือ ใช่แล้ว”
“แต่งหญิงหรือคะ……! ช่างบาปหนาอะไรเช่นนี้……! แต่อย่างนี้ก็ดีนะคะเนี่ย! แฮะๆ!”
แล้วลาเวียก็ตัวแข็งทื่อ
ดูเหมือนจะยังไม่ทิ้งเรื่องที่ลาเวีย “เป็นเด็กผู้ชาย” ไป
แล้วก็ใช้เวลาอีกสักพักเพื่ออธิบายว่าลาเวียเป็นผู้หญิง
“อย่างนั้นหรือคะ……”
พอลล่าทำสีหน้าเสียดายมาก
อยากจะบอกว่าที่บาปหนาน่ะมันเธอต่างหาก
“แล้ว—-ช่วยบอกเรื่องของทางนั้นที ฮิคารุทำอะไรบ้าง?”
“……บอกไม่ได้ค่ะ ท่านฮิคารุบอกว่าห้ามบอกกับใครทั้งนั้น”
ลาเวียเห็นด้วยอยู่ในใจ
ถ้าอย่างนี้ค่อยเบาใจได้หน่อย คงไม่มีทางแพร่งพรายความลับง่ายๆ
พอจะคาดเดาได้ว่าฮิคารุทำอะไรไปบ้าง คงใช้โซลบอร์ดเพื่อเพิ่มความสามารถให้กับพอลล่า
“ถ้างั้นขอเปลี่ยนคำถาม ฮิคารุเป็นคนพูดให้บอกลากับเพื่อสองคนนั้นใช่ไหม? เรื่องนี้ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้เพราะตอนนี้ฉันกับฮิคารุอาศัยอยู่ด้วยกันสองคน”
“เอ๊ะ!?”
พอลล่าถึงกับตาถลน
“อะ เอ่อ……ชะ ใช่แล้วค่ะ……”
“ฮิคารุบอกว่าจะพาเธอไปด้วยใช่ไหม?”
“ค่ะ……บอกว่าให้มอบชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมด……”
อืม สมเป็นฮิคารุ
ลาเวียรู้สึกเช่นนั้น
คงตัดสินใจว่าไม่สามารถปล่อยพอลล่าที่ความสามารถสูงขึ้นผิดปกติอย่างนี้ไว้ได้
“แล้วทำไมเธอถึงทำอะไรสะดุดตาอย่างนั้น ที่พนักงานกิลด์ตามหาเธอเพราะเรื่องนี้เหรอ?”
“ค่ะ……”
“ถ้างั้น สวมนี้ไว้”
ลาเวียถอดผ้าคลุมแล้วแลกกับของพอลล่า ผ้าคลุมของลาเวียทำมาจากหนังของมังกรเร้นกาย ถ้าหากสวมสิ่งนี้ไว้จะได้ผลของ “ลอบเร้น” ส่วนตัวเองก็ใช้สกิล “ลอบเร้น” ให้ตัวเองน่าจะเพียงพอแล้ว
“ก่อนอื่นก็ไปหาที่่สงบๆ รอฮิคารุ—-”
“เห็นไหม อย่างที่ฉันบอกไว้เลย?”
ได้ยินเสียงของผู้ชาย
“เจอลูกสาวของเคานต์แล้ว”