อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ – ตอนที่ 116 รุ่งเช้าของแต่ละคน

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

ตอนที่ 116 รุ่งเช้าของแต่ละคน

              พอลล่า โนร่าแสดงบัตรกิลด์ตรงทางเข้าเมืองแทนบัตรประจำตัวเพื่อเข้ามาภายในเมืองสกาล่าซาร์ด

              เพิ่งผ่านมา 2 ชั่วโมงหลังจากรุ่งสาง—-ซึ่งถือว่าเช้ามากๆ

              รถม้าโดยสารเกิดความล่าช้า ทำให้ต้องหยุดที่เมืองข้างๆ และต้องให้ม้าพักกว่าจะออกเดินทางได้ก็ราวๆเที่ยง พอลาเวียได้ยินอย่างนั้น—–เลยบอกกับพอลล่าว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เดินกันเถอะ” และออกเดินทางตอนรุ่งสาง

              พอลล่าไม่มีทางเลือกอื่น

              กว่าจะมาถึงตรงนี้ คนเลือกรถม้าก็คือลาเวีย เลือกที่พักก็ลาเวีย เลือกร้านอาหารก็ลาเวีย แน่นอนว่าเมนูอาหารก็ลาเวีย

              (เป็นคน……น่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอ……?)

              “คู่หู่” หรือ “พาร์ทเนอร์” ของฮิคารุที่เคยเห็นตอนอยู่พอนด์—-แน่นอนว่าถึงตอนนั้นจะเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กผู้ชาย—–แต่ก็มีให้บรรยากาศเหมือนผู้ใหญ่

              เรื่องนั้นมันยังไงกันแน่นะ

              ถึงจะพูดไม่เยอะ แต่บอกชัดเจน ทั้งที่เหลือกันแค่ผู้หญิงสองคนจนน่าจะเกิดความไม่สบายใจแท้ๆ แต่ไม่เห็นเธอจะลังเลหรืออะไรเลย

              แน่นอนว่าคนที่ออกค่าเดินทางทั้งหมดก็คือลาเวีย

              พอลล่าคาดหวังรางวัลที่จะได้จากการปราบมอนสเตอร์ตรงป่าใหญ่อูน เอล โพลตันไว้มาก เลยแทบจะไม่เหลือเงินสักเท่าไร

              “—-ไปซื้ออาหารกันเถอะ”

              “อ่ะ ค่ะ!”

              เนื่องจากจู่ๆมาพูดด้วยเลยได้สติกลับมา สกาล่าซาร์ดวางผังเมืองอย่างมีระเบียบไม่รู้สึกถึงความแออัด ต้องบอกว่าสมกับเป็น “เดอะเมืองหลวง”

              ถ้าเทียบกับเมืองของพอนโซเนียแล้ว พอลล่ารู้สึกว่าที่อยู่อาศัยแต่ละหลังนั้นใหญ่ และแบ่งเขตได้อย่างกว้างขวาง

              ทำการซื้อขนมปัง ชีส และเนื้อย่างสำหรับทำแซนด์วิช

              “ไม่ทำอาหารหรือคะ?”

              พอลล่าถามในสิ่งที่สงสัยออกไป เพราะซื้อแต่ “ของที่กินได้ทันที”

              ตอนที่เดินทางกับเพียและพริสซิลล่า แทบจะทำอาหารเองตลอด ขอยืมใช้ครัวรวมและแบ่งอาหารกับนักผจญภัยคนอื่นๆ ทำให้ภาระค่าอาหารลดลงไปได้อยู่

              ตั้งแต่เดินทางกับลาเวียไม่เคยเกิดเรื่องอย่างนั้นเลยสักครั้ง ถึงจะคิดไว้ว่ากำลังรีบ แต่มาถึงสกาล่าซาร์ดที่ใช้เป็นฐานแล้วแต่ก็ยังไม่ซื้อวัตถุดิบอาหารเลยเนี่ย ทำให้คิดว่า “เดิมทีไม่ได้ทำอาหาร” อยู่แล้วหรือเปล่า

              “……มีบ้างที่ทำอาหารตอนอยู่กับฮิคารุแค่สองคน แต่พวกเราแทบจะไม่สนใจเรื่องของการทำอาหารไง”

              “ชอบกินสินะ”

              “อือ”

              จากมุมมองของพอลล่า ลาเวียค่อนข้างจุกจิกเรื่องของอาหารมาก มีบ่อยครั้งที่พอตักอาหารเข้าปากหนึ่งคำแล้วก็ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดบ่นออมกาอย่างน่ารักๆว่า “ใส่เกลือหนักไป” หรือ “กลบกลิ่นคาวเนื้อไม่พอ” หรือไม่ก็ “เพราะนึ่งผักทำให้รสอร่อยหายไปมาก”

              มีอยู่ร้านหนึ่งที่อร่อยจนลาเวียพอใจ ซึ่งพอลล่าคิดว่า “มันอร่อยมากเกินไป” สำหรับมาตรฐานของเธอ แถมยัง “แพงมาก” และ “เผ็ด” ด้วย

              ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือคำพูดที่บอกว่า “ฮิคารุจุกจิกมากกว่าฉันอีกนะ” 

              “ถ้าพอลล่าอยากทำอาหาร จะทำก็ได้นะ”

              “อะ……เอ่อ เอ่อ……”

              พอลล่าอ้ำๆอึ้งๆ แล้วลาเวียก็รู้ได้ทันที

              “กังวลเรื่องเงินงั้นเหรอ?”

              “……ค่ะ”

              “ไม่เป็นไร ฮิคารุรวยอยู่แล้ว”

              “ถ้าเอาแต่ทำอย่างนั้น มันก็ดูยังไงๆอยู่……”

              “ถ้างั้นก็ฝึกปรือเวทมนตร์ฟื้นฟูให้คิดว่าไม่น่าอับอายสิ ถ้าเป็นเวทมนตร์ฟื้นฟูระดับสูงตอนนี้น่าจะใช้ได้แล้วนี่”

              “เอ่อ เกี่ยวกับเรื่องนั้นนี่แหละ”

              “—-ถึงแล้ว”

              สถานที่พักอยู่ห่างจากสถาบันวิจัยเวทมนตร์นานาชาติเพียงแค่ไม่กี่ก้าว พอพอลล่ารู้ว่าอาศัยอยู่ที่นี่ก็ประหลาดใจ และคิดว่าค่าเช่าน่าจะแพงพอตัว

              แถมห้องอยู่ชั้น 3 ที่อยู่ชั้นบนสุด ไหนจะมีระเบียงดาดฟ้าที่กว้างขวาง

              “ว้าว……”

              ทำการเก็บกวาดอย่างดี เลยไม่ค่อยมีของวางระเกะระกะ

              แต่ผ้าปูโต๊ะ หรือเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารในตู้วางของ โซฟา หรือเครื่องเรือนต่างๆล้วนเป็นของชั้นดีทั้งสิ้น

              (ดีจังเลยนะ……)

              ชีวิตที่พอลล่าวาดฝันเอาไว้—–หากมีเงินมากๆ ได้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว

              แต่พวกจาน หรือเก้าอี้มีแค่สำหรับสองคน

              พอคิดว่ามันเป็นบ้านของฮิคารุกับลาเวีย คราวนี้ก็รู้สึกเหงาขึ้นมา แน่นอนว่าที่อยู่ของตัวเองไม่ใช่ที่นี่

              “พอลล่ามากินอาหารกันเถอะ”

              เนื่องจากกินผลไม้แค่นิดหน่อยแล้วออกเดินทางทำให้ตอนนี้ท้องว่าง เลยวางของที่ซื้อมาเมื่อครู่ไว้บนโต๊ะ แล้วลาเวียก็เขยิบเก้าอี้มาให้พอลล่า

              “คิดว่าคงต้องพูดสิ่งที่จะทำหลังจากนี้ด้วยน่ะ”

              “—–คะ ค่ะ”

              ฮิคารุบอกไว้ว่าให้มอบชีวิตที่เหลือให้กับเขา แต่ฮิคารุมีคนน่ารักมากๆ—-อย่างลาเวียเป็นคนรักอยู่แล้ว

              แล้วอย่างนี้—-อยากจะได้อะไรจากตัวเองกันแน่?

              การที่ฮิคารุไม่อยู่อย่างนี้ในบางความหมายถือเป็นโอกาสอันดีเลย ทำให้พูดคุยกับเธอได้อย่างตรงไปตรงมา”

              พอลล่าเตรียมตัวเตรียมใจ—-ว่าจะพูดเรื่องอะไร

              “ขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน เธอคิดยังไงกับฮิคารุเหรอ? ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง”

 

   *   *   *

 

              “ท่านรีก ใกล้จะได้เวลาแล้วค่ะ”

              “เข้าใจแล้ว”

              รีก เรียวกิ ลูมาเนียสวมชุดหรูหราซึ่งไม่เคยคิดจะใส่ตอนอยู่ภายในโรงเรียน เขาเดินออกจากห้องตัวเองมุ่งหน้าไปยังห้องโถงของคฤหาสน์

              พ่อปรากฎตัวขึ้นมาจากอีกฝั่งของระเบียง ถึงพ่อจะทำสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนอย่างเคน แต่ดูเหมือนวันนี้จะผ่อนคลายกว่าทุกทีอยู่เล็กน้อย

              “ไปกันได้แล้วรีก”

              “ครับ”

              ทั้งคู่ออกจากคฤหาสน์ไปด้วยกัน เนื่องจากรถม้าจอดรออยู่แล้ว พอทั้งคู่ขึ้นเสร็ตรถม้าก็ออกวิ่ง ส่วนรถม้าของพ่อบ้านและคนรับใช้วิ่งตามหลังมาอีกหลายคัน

              ภาพเช่นนี้ไม่ใช่แค่คฤหาสน์ของรีก แต่รวมไปถึงคฤหาสน์ของตระกูลอื่นๆด้วย ตระกูลอื่นๆของลูมาเนียทุกคนมุ่งหน้าไปงานวันสถาปนาชาติ แน่นอนว่าตระกูลของรีกเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุด

              “เกือบไปแล้วนะเนี่ย”

              ภายในรถม้ามีแค่รีกกับพ่อ  แล้วจู่ๆ พ่อก็พูดเช่นนั้นออกมา

              “มีอะไรหรือครับ?”

              “มอนสเตอร์ที่ขยายพันธุ์จำนวนมากในป่าใหญ่อูน เอล โพลตันไง บอเดอร์ซาร์ดต้านการรุกรานได้เป็นผลสำเร็จ ถ้าหากล้มเหลวคงไม่ได้จัดงานวันสถาปนาชาติ”

              “อย่างนั้นหรือครับ”

              “ได้ยินมาว่ามีมังกรดินด้วย อาจจะเป็นข่าวลวงก็ได้ ถ้ามังกรออกมาจริงต้องส่งกองทัพออกไปแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่นักผจญภัยจะรับมือได้หรอก”

              “…………”

              “รีกเอ๋ย ดูเหมือนเจ้าจะค่อนข้างมั่นใจสินะว่าการปราบมอนสเตอร์เป็นไปได้ด้วยดี เพราะอะไร?”

              “เพราะเป็นอีเว้นท์ที่เกิดขึ้นทุกปี ต่อให้ผิดพลาดก็คงไม่ใช่ความผิดพลาดใหญ่หลวงนี่ครับ”

              จะบอกว่า “คิดว่าเพื่อนเป็นคนจัดการมังกร” ออกมาไม่ได้หรอก เลยตอบด้วยอาการที่นิ่งสงบ

              รีกได้ฟังเรื่องของฮิคารุจากจดหมายของคลอร์ด จดหมายของคนที่เกิดในคิรีฮาลแถมมาจากตระกูลดังอย่างคลอร์ด ซาฮาร์ด คิรีฮาล เดิมทีไม่อยากให้สะดุดตาสักเท่าไร แต่มีเนื้อหาที่จำเป็นต้องบอกให้ได้—-เรื่องที่คลอร์ดเกลี่ยกล่อมจาราซักได้เป็นผลสำเร็จ เลยพ่วงข้อมูลของฮิคารุเข้าไปในจดหมายนั้น

              ชักเป็นห่วงแล้วสิ ต่อให้เป็นฮิคารุ แต่ก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ไม่น่าจะต่อกรกับมังกรได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ในจดหมายของคลอร์ดเขียนไว้ว่า “ฮิคารุมั่นใจเต็มเปี่ยม” อยู่ แสดงว่าคงมีแผนรับมือ

              (ฮิคารุคงมีวิธีพิเศษอะไรอยู่ก็ได้ อย่างเช่นรู้จักนักผจญภัยระดับ C หรือ B บางทีอาจจะรู้จักพวกระดับ A ก็ได้)

              อย่างไรก็ตามถ้าฮิคารุบอกว่าจะทำอะไรสักอย่างกับมังกรแล้วละก็คงทำอะไรสักอย่าง ทำให้รีกต้องไปงานวันสถาปนาชาติตามกำหนดการณ์เดิม

              “ดูเหมือนที่โรงเรียนจะมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นด้วยสินะ”

              “……เรื่องแปลกๆ หรือครับ?”

              “อือ ดูเหมือนเจ้าหนูตระกูลซาฮาร์ดแห่งคิรีฮาล จะไปท้าสู้กับอเล็กเซ่แห่งจาราซัก”

              “เรื่องนั้น—-มันแปลก นะครับเนี่ย”

              เกือบเผลอหลุดเสียงออกมาแล้ว

              ดูเหมือนพ่อจะรู้ข้อมูลนั้นแล้ว ภายในจาราซักเองมีคนของลูมาเนียแฝงอยู่ด้วย

              “รีกเจ้าไม่รู้เรื่องเลยเหรอ”

              “ต้องขอประทานโทษด้วยครับ ถึงจะอยู่ที่โรงเรียนแต่ไม่ได้ยินเรื่องอะไรทำนองนั้นเลย ช่วยบอกรายละเอียดให้ทราบจะได้หรือเปล่าครับ?”

              “นั่นสินะ เท่าที่ได้ยินมาเจ้าหนูแห่งคิรีฮาลสู้ตัวต่อตัวกับอเล็กเซ่และสามารถเอาชนะได้”

              “ทราบหรือเปล่าครับว่าต่อสู้เพื่ออะไร?”

              “……ยังไม่รู้เหมือนกัน”

              รีกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

              จดหมายของคลอร์ดที่ส่งมาบอกว่า “เอาชนะต่อหน้าเหล่าผู้คน และทำตามที่สัญญาไว้เรียบร้อยแล้ว”

              เอาชนะต่อหน้าคนหมู่มาก—-ถึงกระนั้นพ่อก็ยังไม่รู้ว่า “เดิมพันอะไรเอาไว้”

              ดูเหมือนแหล่งข้อมูลของพ่อจะไม่ได้อยู่ในส่วนสำคัญของจาราซัก

              “งานพิธีปีหน้า จะเปิดตัวเจ้าอย่างเป็นทางการ”

              คำพูดอันกระทันหันของพ่อ ทำให้รีกตาโต

              คงวางแผนให้จบการศึกษาก่อนที่จะถึงฤดูหนาวปีหน้าสินะ

              “ไม่ต้องเป็นห่วง จะให้คนที่มีความสามารถตามไปด้วย เอ้า—-”

              “?”

              พ่อเปิดหน้าต่างรถม้า ภาพของเมืองลูมาเนียที่เลื่อนผ่านไป

              ที่รีกประหลาดใจ คือคนที่อยู่บนรถม้าคันข้างๆ

              คนหนุ่มผมทองที่คุ้นตา—-โรเย่ โคกะ ลูมาเนีย

              จริงอยู่ที่ตระกูลโคกะอยู่ไม่ห่างจากตระกูลรีกสักเท่าไร แต่โรเย่โดนคนในตระกูลโคกะปฏิบัติเหมือนกับเป็นแกะดำ การที่รับให้มาทำอย่างนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน

              (—-หรือว่า)

              พอจะเข้าใจความคิดของพ่อแล้ว คงจ้างมาเพื่อคอยจับตาดูรีกหรือเปล่า?

              ตระกูลโคกะถ้ายังเป็นอย่างนี้คงไม่สามารถหวังตำแหน่งใหญ่โตในลูมาเนียได้ เขาคงโดนบอกมาว่า—-“จงไปช่วยสนับสนุนรีกแห่งตระกูลเรียวกิที่เป็นผู้นำของลูมาเนียในฐานะเพื่อนซะ” เลยปฏิเสธไม่ได้

              โรเย่สังเกตเห็นทางนี้เลยยิ้มมาให้

              คงไม่รู้ว่ามีอะไรเบื้องหลัง

              รีกรู้อยู่แล้วว่าพ่อของตัวเองไม่มีทางเตรียมตำแหน่งดีงามให้กับคนหนุ่มๆอยู่แล้ว

              (จะว่าไป ถ้าโรเย่คงโดนพ่อบีบให้พูดความลับของฉันล่ะ—-)

              พ่อที่ไม่เชื่อในลูกของตัวเอง มีความเป็นไปได้อยู่

              เสียวสันหลังขึ้นมาทันที จากบรรยากาศดูเหมือนโรเย่จะยังไม่ได้โดนให้พูดเรื่องความลับ อย่างน้อย—-ได้แต่หวังว่าขอให้ไม่มีโอกาสจนกว่าจะจบงานวันสถาปนาชาติ

              (อีกไม่กี่วันเท่านั้น……)

              คงไม่บอกเรื่องนี้กับโรเย่ ถึงบอกไปว่าโดนพ่อหลอกใช้งาน แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะไม่เชื่อ หรืออาจจะแสดงท่าทีเปลี่ยนไปก็ได้ ถ้าโรเย่มีท่าทีแปลกไปพ่อคงรีบตัดทิ้งอย่างว่องไว—-และให้พูดความลับออกมา โรเย่ที่โดนบีบคงต้องพูดออกมา ถ้าเป็นพ่อคงกุมจุดอ่อนของโรเย่ไว้สัก 3 – 4 เรื่อง

              งานวันสถาปนาชาติอยู่ใกล้แค่เอื้อม

              เตรียมการพร้อมทุกอย่าง และได้ 4 เสียงจาก 7 เสียง

              แต่รีกรู้สึกว่าหนทางที่จะทำให้สำเร็จ มันเป็นหนทางที่แคบเอามากๆ

 

จบบทที่ 3 เมืองแห่งการศึกษากับผู้ใช้เวทมนตร์ววงตะวัน

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

Status: Ongoing
ฮิคารุ เด็หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยแลกกับการแก้แค้น ——————————– อันนี้เป็นงานสานต่อ ดังนั้นพวกชื่อต่างๆ อาจจะมีแตกต่างกับช่วงแรกไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท