สกิลมหาปราชญ์ก็ไร้ค่า เมื่อไปต่างโลกกลางป่าของเหล่ามอนสเตอร์ – บทที่ 2.3

สกิลมหาปราชญ์ก็ไร้ค่า เมื่อไปต่างโลกกลางป่าของเหล่ามอนสเตอร์

ผมออกเดินด้วยท่าทางห่อเหี่ยวไร้เรี้ยวแรง ด้วยเหตุการณ์อะไรหลายต่อหลายอย่างซึ่งสุดจะทนทำให้สภาพผมกลายเป็นเช่นนี้

การต่อสู้ของสไลม์กับหมีนั่นกำลังมันตราตรึงใจอยู่ในหัวผม ไม่ใช่ความประทับใจแต่เป็นความทุกข์ใจ พอคิดว่าตัวเองกำลังถูกมอนสเตอร์สุดแกร่งระดับนั่นหมายหัว ก็รู้สึกปวดหัวคล้ายจะอาเจียนซะแล้ว

สไลม์นั่นมีแรงพุ่งชนระดับทำให้พื้นดิน และต้นไม้ระเนระนาดได้ในป้าบเดียว ความเร็วมันระดับที่มองตามไม่ทัน ผมมักจะช้าไปหลายสเต็ปตลอด ที่สำคัญทุกการโจมตีมันไร้ผล ดูได้จากการเผชิญหน้ากับหมียักษ์สุดแกร่ง เจ้านั่นตีแรงกว่าสไลม์เกือบจะสิบเท่าด้วยซ้ำแต่ไม่เข้าเลย แม้จะโดนหมียักษ์ที่ฟาดทีพื้นหายเป็นโซนๆ แต่กระนั้นมันก็ทำให้สไลม์แพ้ไม่ได้ เพราะมันไร้ผล

ไร้ดาเมจ นั่นคงเป็นความสามารถที่โหดร้ายที่สุดของสไลม์แล้ว แค่ตามความเร็วหรือตอบโต้เปล่าๆ ผมยังทำไม่ไหวเลยแท้ๆ ..แล้วไหงดันเอาตัวเองไปวัดค่าพลังกับตัวประหลาดพรรค์นั้นกันนะ กะอีแค่ปลาการ์ตูนยังได้ผลเสมออยู่เลย

“นี่เรา …กำลังเจออะไรอยู่กันนะ” ผมแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วเดินสะดุดอะไรเล็กน้อย

มันไม่ใช่สิ่งที่ผมควรจะเจอสักหน่อย เลเวลผม เป็นเกมตอนนี้น่าจะแค่หนึ่ง ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องมาเจออะไรอย่างนี้เลย

“…เพลียร์เหลือเกิน”

ผมปีนขึ้นต้นไม้เดิมแบบเป็นธรรมชาติ แล้วก็นอนพิงต้นไม้

ผมหยิบหนังสือแนะนำของคุณจอนขึ้นมา

“วิธีชนะสไลม์นั่น ไม่สิ”

ต้องหาวิธีเอาตัวรอดต่างหากละตอนนี้น่ะ

ผมนั่งแกะภาษาอังกฤษของคุณจอนต่อทั้งคืนอย่างใจจดใจจ่อ

****

‘ถ้าหากว่าเจอพวกนกที่มีหน้าตาประหลาดๆ คล้ายกับพวกอีกาที่ตัวใหญ่อย่างกับไดโนเสาร์ ก็จงทำใจไว้ซะเพราะมันจะขโมยทุกอย่างไปจากคุณ 

เนื่องจากมันไม่สามารถล่าเหยื่อจากน้ำได้โดยตรงเหมือนสัตว์อื่นๆ มันจึงพึ่งการขโมยมาอีกต่อกันเป็นกิจวรรต เป็นนกขี้ขโมยขนานแท้เลย หาทางเลี่ยงได้ยากด้วย เพราะฉะนั้น’

ผมเดินแบกกล่องขนาดใหญ่เท่าแขนถึง 2 อันไว้บนบ่า ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุประหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าส่องแสงแดดลงกลางหัว สิ่งมีชีวิตประหลาดบนฟ้าราวหนึ่งตัวได้บินผ่านไป ที่พอจะเห็นและจับการเคลื่อนไหวได้มีเพียงเงาสีดำที่แวบวับไปมาเท่านั้น

มันคือศัตรูที่ขโมยของกินผมไปเมื่อวันก่อน

“—หน๊อยแน้ะแก!!!!”

แม้จะขัดขืนโดยการพุ่งตัวหลบ แต่ก็ไม่อาจหยุดการจู่โจมของโจรขโมยพวกนี้ได้

ผมถูกปล้นเอากล่องไม้ไปหนึ่งอันโดยไร้ทางสู้ และแน่นิ่งลงกับพื้นเหมือนดั่งเมื่อวาน …เพียงแต่

‘ให้ใช้สองกล่องแล้วเอาปลาที่จับได้ใส่ในกล่องอย่าละครึ่ง หรืออยากจะเสี่ยงโชคหน่อยก็เอามากเอาน้อย โดยกะไว้ให้พอกินโดยขั้นต่ำจะดีมาก’

ผมมีโค้ชคอยช่วยอยู่ นั่นคือคุณจอนผู้เขียนสมุดเอาตัวรอดในป่าแห่งนี้ไงละ

“ฮะๆ …อา”

ดูเหมือนว่าผมจะเสี่ยงโชควืดด้วย ผมใช้วิธีเอาปลาใส่กล่องหนึ่งเยอะ กล่องหนึ่งน้อย หวังเอาคุ้มๆ แต่ผลลัพธ์ก็ดังที่เห็น ผมได้กล่องทีมีปลาแค่ตัวเดียว แล้วก็เล็กมากด้วย

ให้ตายสิ ความโลภของผมนี่มันไม่นำพาอะไรดีๆมาให้เลย ตั้งแต่ตอนแบงค์พันนั่นละ …เห้อ

แม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องเมื่อโลกเก่าก็ตาม …ตัวผม อดิเทพ กรงจักร เป็นผู้ที่มาจากต่างโลก แม้จะไม่ใช่คนญี่ปุ่นก็ตาม คนไทยแทร่ๆครับ

ท้าวความไปเมื่อราวสองวันก่อน ผมได้เผลอ ขอย้ำว่าเผลอไปเก็บแบงค์พันของใครไม่รู้กลางถนนเข้า ก่อนจะถูกรถสปอร์ตชนแล้วโผล่หัวมาอีกทีที่ไหนไม่รู้ ณ ป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด มอนสเตอร์

จากนั้นก็ซวยเจอเจ้าสไลม์ไล่กวด แล้วก็งู จากนั้นวันต่อมาก็เกือบจะโดนปลาดูดขาขาด แล้วก็โดนฝูงนกขโมยปลาที่จับได้ เจอศึกสะเทือนปฎพีระหว่างสไลม์กับหมีแดงยักษ์ …เอาเป็นว่าเจออะไรมามากมาย ทั้งๆที่ผ่านมาแค่สองวันเท่านั้นเอง

ตัวผมผู้ไร้ซึ่งกำลังผู้นี้จึงได้แต่ดิ้นลนตามหนังสือของคุณจอนเท่านั้น อย่าง ‘ไดอารี่’ สำหรับผู้มาจากต่างโลก เช่นเดียวกันกับผม

เขาได้เขียนมันไว้ และวางทิ้งตรงต้นไม้ ช่างบังเอิญประหนึ่งสวรรค์ต้องการจริงๆ ถ้าไม่มีบันทึกนี่ผมคงเอาตัวไม่รอด และอดตายไม่ก็ร่วงไปตั้งแต่วันแรกแล้วละ

ต้องขอขอบพระคุณ คุณจอน มา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณครับ

ผมพนมมือไหว้พลางแหงนหน้ามองท้องฟ้าอันสดใสที่เลวร้าย 

“ทางฝั่งของคุณจอนจะเป็นยังไงบ้างนะ …”

ถ้ามีโอกาสอยากจะขอบคุณผู้มีพระคุณคนนี้เหลือเกิน

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะสังเกตุว่ามาถึงจุดพักแล้วเรียบร้อย

อนึ่งจุดพักอาศัยของผมคือต้นไม้ยักษ์ตรงหน้าซึ่งใหญ่กว่าต้นอื่นๆราวสองถึงสามเท่าได้  ข้างบนมีกล่องไม้ที่สต็อกไว้หนึ่งอันจากเมื่อคืน แล้วก็กระเป๋าสะพายหนังซึ่งใส่ของมีค่าไว้หลายอย่าง

“ก่อนอื่นก็”

ผมวางกล่องไม้ลง และนำใบไม้มารองปลาไว้ จากนั้นก็ต้องจุดไฟ แต่!

“จะใช้วิธีไหนหว่า?”

ผมเกาศรีษะตัวเองงึกๆและหันซ้ายหัวขวา

และบังเอิญไปเจอก้อนนุ่มฟูสีขาวเข้า มันเป็นกระต่ายไม่ผิดแน่ ที่สำคัญเป็นกระต่ายสำหรับเลี้ยงด้วย ตัวสีขาวสดใสน่าน้วยหน้ามาก ตาสีดำเป็นประกาย 

ให้บรรยายก็ ‘กระต่ายบ้านน่ารักธรรมดา’ แต่สำหรับผมมันมีค่าเหนือสิ่งอื่นใด เพราะความธรรมดาในต่างโลกมันหาได้ยาก

ผมยิ้มเลืองลางให้กระต่าย แล้วส่งมือสองข้างให้มัน

“มานี่มะ มานี่มา”

มันมองไปมาที่ระหว่างมือผมกับปลา—แล้วก็ค่อยๆเขยิบมาช้าๆ เขยิบ เขยิบ เขยิบ เขยิบ เข้ามาซิ

เห็นแล้วนึกถึงกระต่ายที่แต่ก่อนเคยเลี้ยงกับครอบครัวเลยละ …น่าคิดถึง…จริงๆ

เจ้ากระต่ายนี่ ตั้งชื่อว่าอะไรดีนะ—-ในห้วงเวลาที่ผมคิดแต่อะไรซึ้งๆเหล่านั้น กระต่ายได้อ้าปากใส่ผม

“…เป็นกระต่ายที่ขี้อ้อนจริงนะ พึ่งเจอกันแท้ๆ”

ผมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ให้กระต่ายหอม แต่ไม่กี่วิจากนั้นก็มีบอลเพลิงพุ่งออกมาจากปากของน้องกระต่าย โชคยังดีที่ผมหลบทัน ผมพึ่งตัวดีดหลบราวกับเครื่องสูบของล้อจักรยาน

“…เห้ย…แก คิดจะทำอะไรน่ะ?”

กระต่ายถอนหายใจกับความผิดพลาดบางสิ่ง บางทีนั่นอาจเป็นการที่ปิดฉากผมไม่สำเร็จก็ได้

ช่างร้ายกาจอะไรเช่นนั้น

ผมคว้าหยิบไม้ทรงกระบองใกล้ๆขึ้นมา มันเป็นไม้ที่สต็อกไว้สำหรับสกิลคราฟของผม จากนั้นก็ชี้มันใส่กระต่ายชั่ว

“อย่าเข้ามาเชียวนะ!”

มันไม่สนคำเตือนของผมแล้วพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง โชคช่วยที่มันชนเข้ากับกระบองไม้แทน

“—ฮึย!”

ผมกวาดกระบองไม้ขึ้นฟ้าจนกระต่ายกระเด็นไปกลางอากาศ

จากนั้นก็ต้องอัดเวทย์ใส่ในจังหวะที่เคลื่อนที่ไม่ได้—–น่าเศร้าที่ผมใช้เวทย์ไม่เป็นอะนะ เป็นต่างโลกแท้ๆ!

“ย๊ากกก!!!”

ผมลุกขึ้นยืนมาและหมุนตัวฟาดกระบองใส่กระต่าย แต่มันก็กระโดดแตะอากาศหนึ่งทีหลบกระบองผมได้ จากนั้นก็อ้าปากจิ้มริ๋มนั่น ปล่อยบอลเพลิงอีกครา อัดใส่กระบอง จนหมอดไหม้ เพื่อไม่ให้มาถึงตัวผม ผมโยนกระบองทิ้ง และพุ่งตัวเข้าประชิด

บอลเพลิงนั่นเสี่ยวมือผมเล็กน้อยด้วย ทำให้ไหม้ขึ้นมา แม้จะนิดเดียวก็ตาม

“ฮึ๋!!!!!!”

ผมชกลมไปหนึ่งที กระต่ายหลบกลางอากาศได้อีกคราว ไม่ได้มีแค่ปล่อยเพลิงเล็กๆออกจากปากได้ มันยังใช้ขาคู่นั้นแตะอากาศหลบการโจมตีได้อีก

ไม่รอช้าผมออกทั้งหมัด เข่า และศอกตามนักมวยซึ่งเห็นบ่อยๆ แต่ก็หวดลมไปเต็มๆทุกดอก แต่เวลานี้ความอับอายไม่สามารถปรากฏขึ้นมาได้ มีแค่อยู่หรือรอดเท่านั้น!

“อึก!!”

สุดท้ายนี้ผมจึงใช้วิธีพุ่งไปจับคอมันเข้าให้กลางอากาศ มันกระโดดหลบไม่ทัน จากนั้น-แล้วก็ใช้แรงกายที่มากกว่าทุ่มลงพื้น ผมล้มไปพร้อมกับกระต่าย พื้นสนั่นเล็กน้อยพร้อมกับร่างเจ้ากระต่ายที่ดูจะเจ็บเอาเรื่อง

ผมปากสั่นตาลอกแลกไปมาไม่หยุด ก่อนจะข่มใจตัวเอง ใช้แรงบีบทั้งหมดที่มีบีบใส่คอเจ้ากระต่ายบ้านที่พ่นไฟกับ เดินoมจันทร์ได้

“ยะ อย่าได้เกิดเชียว แกจบตรงนี้แหละ”

กระต่ายพยายามดิ้นไม่หยุด ภาพนั่นชวนหดหู่เหลือเกิน ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าสัตว์ไร้ทางสู้

“อย่ามาตอแหลนะ! เมื่อกี้จะหาเรื่องฉันแท้ๆดันมาทำตัวเหมือนถูกกระทำอย่างนี้ไม่แฟร์นะเว้ย ตายไปซะ แล้วก็มาเป็นอาหารให้ฉันซะ …พูดจริงๆนะ ฉันก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกเฟ้ย!”

กระต่ายคล้ายจะสิ้นลมแล้ว—–ไอ้กระจอกแบบผมกำลังจะฆ่าสัตว์ที่ขัดขืนอ้อนวอนขอชีวิต ..แบบนั้นมัน

พอเผลอคิดอย่างนั้นก็พลอยเผลอปล่อยมือเข้าให้ มันดิ้นหลุดได้อย่างรวดเร็ว

มันพุ่งแดชไปข้างหลัง และอ้าปากค้างเป็นการปล่อยบอลเพลิง

ในสภาพที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ทันดั่งใจ ผมทำเพียงเอาแขนสองข้างบังอากาศ———————

“———–โธ่เว้ยยย!!!!!!” 

ร่างกายของผมตัดสินใจเองโดยอัตโนมัติ โบหะสีเหลืองส่องแสง สกิลคราฟบนมือทำงาน นำไม้ทั้งหมดที่อยู่ในระบบคราฟออกมาจากบนฟ้า แบะ

ตึ้ง!!!!!!!!!!!!!! เสียงไม้กระแทกลงพื้นดังสนั่น 

จากที่เป็นผม ดันเป็นกระต่ายแทนซะนั้นที่พลาดท่า

มันถูกท่อนไม้ที่มาจากความว่างเปล่า จากสกิลคราฟของผมหล่นมาทับ ..มาทับลำตัวจนหมดสภาพ ครึ่งตัวของมันถูกทับ จนขยับไม่ได้…รอดแล้ว

ผมลุกขึ้นยืนด้วยสภาพอยู่รอดปลอดภัย มีแค่แผลจากไฟเล็กน้อยเท่านั้น กับมานา 0/25 ที่หมดไปกับการเสกไม้มาทับกระต่าย 

พอมองไปที่กระต่ายผมก็ได้แต่กลืนน้ำลาย เพราะมันยังดิ้นลนอยู่ไม่หยุด ถึงจะพลาดแต่ก็ยังไม่ตาย เพราะฉะนั้นจึงยังสู้ต่อแม้ว่าจะไม่ไหวแล้วก็ตาม คล้ายครึงกับผมจริงๆ บางทีมันน่าจะเป็นหนึ่งในตัวที่อ่อนแอที่สุดในป่า หรือก็คือชนชั้นเดียวกันกับผม

มันซ้อนตามองผม

“เป็นความผิดของแกเองนะ ไม่คิดจะช่วยหรอก”

ผมข่มใจตัวเองสุดตัวเพื่อไม่ให้ใจอ่อน ไม่อย่างนั้นจะได้เจอเหตุการณ์แบบเมื่อกี้อีก ไม่สิ ถึงจะใจ่อ่อนไปก็ไม่มีแรงพอจะยกท่อนไม้ขนาดนั้นได้หรอก หมดหวังแล้วละ…ผมสังเกตุเห็นว่าตรงปากกระต่ายมันมีไฟเล็ดๆลอดออกมาอยู่

ไฟกับปลา

ผมหน้าซีกเผือกให้กับความคิดที่จู่ๆก็แว้บเข้ามาในหัว

“แบบนี้มันผิดศีลธรรมสุดๆ ไม่ไหว…”

แม้ปากจะบอกอย่างนั้นแต่ผมก็เอากิ่งไม้มารวมๆกันและวางไว้ตรงหน้ากระต่ายเปลวเพลิงนั่น—–และเริ่มย่างเนื้อปลา จากไฟของกระต่ายน้อยที่กำลังจะตาย ทุกๆครั้งที่เอาปลาไปจี่ จะได้ยินเสียงร้องของมันตลอด …

สกิลมหาปราชญ์ก็ไร้ค่า เมื่อไปต่างโลกกลางป่าของเหล่ามอนสเตอร์

สกิลมหาปราชญ์ก็ไร้ค่า เมื่อไปต่างโลกกลางป่าของเหล่ามอนสเตอร์

Status: Ongoing
อดิเทพ กรงจักร ผู้หายใจรดไปวันๆกับชีวิตของตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้ถูกนำพาสู่ต่างโลก พร้อมด้วยความสามารถประหลาดที่เขาตั้งชื่อมันว่า มหาปราชญ์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท