สวัดดีผมชื่อ ทาคุมะ อากิ ผมอาศัยอยู่บนดวงดาวที่มีสีฟ้าที่เรียกว่า โลก ผมใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในประเทศ T แต่ผมไม่ใช่คนประเทศ T 100% หรอกนะผมเป็นลูกครึ่ง พ่อผมนั้นเป็นคนประเทศ T แต่แม่ผมเป็นคนประเทศ J ตอนเด็กนั้นผมอาศัยอยู่ที่ประเทศ J กับพ่อแม่และน้องสาว1คนที่อายุห่างจากผม 3 ปี จนผมนั้นอายุได้ 10 ปีผมก็ต้องมาใช่ชีวิตที่ประเทศ T พร้อมกับพ่อของผม ส่วนแม่และน้องสาวนั้นยังคงอยู่ที่ประเทศ J ส่วนผมนั้นอยู่กับพ่อในประเทศ T มาได้ 10 ปีเต็มแล้ว ถ้ารวมตอนนี้ผมอายุ 20 แล้วละนะ ละก็กำลังศึกษาอยู่ที่มหาลัยดังในตัวเมืองใหญ่ ผมอยู่คณะแพทย์นะ ถ้าถามผมว่าทำไมผมเลือกแพทย์นะหรอเพราะผมจะเรียนให้ได้เป็นหมอ เพราะน้องของผมนั้นป่วยเป็นโรคที่ยังรักษาไม่ได้ผมเลยจะเป็นหมอซะเองเลยเพื่อที่จะได้รักษาน้องสาวผู้น่ารักของครอบครัวของผมแต่แล้ว
วันหนึ่งเริ่มมีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้นทั่วโลก เริ่มมีหอคอยที่เป็นเหมือนสิ่งก่อสร้างที่มาจากยุคโรมัน มันเป็นหอคอยที่เป็นทรงกลมที่ด่านนอกนั้นเหมือนโคลอสเซียมที่โรม แต่ที่น่าสงสัยกว่านั้นคือหอคอยพวกนี้มีความสูงต่างกันมีทั้งที่สูงมากๆ และก็ไม่ได้สูงมากแต่มันก็สูงอยู่ดี ทางรัฐบาลก็หาทางที่จะเข้าหอคอยพวกนี้แต่ทำยังไงก็ไม่สามารถเข้าไปได้ และมันก็พุดขึ้นมาทั่วโลก แล้วก็เริ่มมีคดีปริศนาเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้น ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็คนหาย และคดีฆาตกรรมที่น่าสยดสยองเพราะเวลาเจอศพนั้น ศพนั้นจะถูกทุบที่ศีรษะด้วยของแข็งทุบจนเละซึ่งเหตุการฆ่ามักเกิดขึ้นตอนกลางคืนทำให้ทางรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวในตอนกลางคืน ละก็เริ่มมีภัยพิบัติมากขึ้น ทั้งแผ่นดินไหว น้ำที่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนท้วมและอื่นๆอีกมากมาย สิ่งเหลานี้เกิดขึ้นทั่วโลก แต่ยังไง
ผมก็ต้องใช่ชีวิตต่อไป
ในเช้าวันหนึ่งที่แสนจะปกติ ผมอากิทำกิจวัตรประจำวันเสร็จ ละกำลังจะออกจากหอพักไปหาเพื่อนที่รออยู่ข้างล่างที่กำลังจะพากันไปมหาวิทยาลัย
“อากิ:เฮ้ว่าไงเพื่อนกินข้าวเช้ายังวะ กูยังไม่กินเลย”
“เพื่อนของอากิ:กินแล้ววะ งั้นแวะซื้อของรองท้องที่ 7-11 เอาละกัน”
ผมและเพื่อนที่กำลังเดินทางไปที่วิทยาลัยพร้อมหยอกล้อกันแบบวัยรุ้นปกติแต่ ทันใดนั้นมันก็เกิดเรื่องขึ้นมันมีตัวอะไรบางอย่างที่เดินออกมาจากหัวมุมซอยถ้าจ่ะให้อธิบายลักษณะของมันละก็ มันมีร่างกายเหมือนมนุษย์ตัวเท่าเด็กหลังคอมนิดหน่อย หน้าตาอัปลักษณ์จมูกใหญ่ หูยาว และมีผิวสีเขียวกับตาที่เรืองแสงเล็กน้อยในที่สว่างพร้อมกับถือไม้ที่รูปร่างเหมือนกระบองที่เปื้อนคราบเลือดออกมาจากมุมซอย
“อากิ:นั้นตัวอะไรนะ”
“เพื่อนของอากิ:ดูที่กระบองของมันดิมีคราบเลือดด้วย”
แล้วผู้คนรอบๆก็เริ่มที่จ่ะให้ความสนใจไปที่มัน
“ผู้คนแถวนั้น:นะ นั้นมันมอนเตอร์!!”
ทันใดนั้นมันก็เริ่มที่จะวิ่งออกทำร้ายผู้คนสร้างความปั่นป่วนในแถวนั้น เปลี่ยนให้เมืองที่ผู้คนพลุกพล่านเข้าสู้ความโกลาหลในทันที่
“อากิ:มันเกิดเชียอะไรขึ้นวะเนีย”
มันมีสัตว์ประหลาดตัวสีเขียวมาไล่ฆ่าคน เพื่อนที่มากับผมเริ่มพากันวิ่งหนี ไปคนละทางผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเลยเริ่มที่จะวิ่งหนีเหมือนคนอื่นๆ และสัตว์ประหลาดก็เริ่มวิ่งไล่ฆ่าผู้คนที่วิ่งหนีราวกับแมลงวันไร้หัว ผมเลยคิดได้ต่อให้วิ่งหนีต่อไปอาจจะเหนื่อยจนถูกพวกมันจับตัวได้เลยเลือกวิ่งหลบเข้าไปในซอย ซอยหนึ่งผมวิ่ง วิ่งจนเหนื่อยมากๆเลยตัดสินใจเข้าไปหลบในมุมมืดของซอยเพื่อพักเหนื่อยด้วยเสียงที่หอบมากๆ(แฮก แฮก แฮก)ผมเริ่มซูดเอาอากาศเพื่อลดอาการหอบ และทันไดนั้นผมก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ที่เป็นเหมือนเนื้อผสมกับกระดูกที่กำลังโดนอะไรทุบ (ตุบ ตุบ ตุบ)
ผมที่กำลังเหนื่อยกับการที่วิ่งหนีสัตว์ประหลาดมานั้นเริ่มที่หันตามเสียงไปดูอย่างช้าๆ เพื่อดูที่มาของเสียงจนหันหน้ามาตรงกับทิศทางของเสียง และสิ่งที่ผมเห็นนั้นคือ
สัตว์ประหลาดที่ผมหนีมาจากนอกซอย ที่ถือกระบองเปื้อนคราบเลือด พร้อม ศพที่โดนทุบที่หัวจนเละด้วยความสนุกสนาน ผมเลยตัดสินใจที่จะถอยออกมาช้าๆเพื่อไม่ให้มันรู้ตัวว่าผมนั้นอยู่ตรงนี้แต่ผมนั้นดวงซวยไปเหยียบขยะที่อยู่ตรงพื้นจนเกิดเสียงดัง ดังพอที่จะทำให้สัตว์ประหลาดรับรู้ถึงตัวผมที่อยู่ตรงนี้ทันทีที่มันหันมาเจอผม ผมเลือกที่จะวิ่งหนีทันที่ ละมันก็วิ่งตามผมมาด้วย ความที่ผมตกใจเสียงวิ่งเลยหันกลับมองสิ่งที่เห็นคือ ดวงตาสีเขียวที่เรืองแสงในที่มืด ที่กำลังวิ่งไล่ผม ผมวิ่งสุดเเรงเกิดจนเริ่มเห็นแสงที่หลาย ทาง แต่ทันใดนั้นผมก็รู้สึกถึงแรงที่กระแทกที่มาจากท้องของผม จนผมเสียหลักล้มอยู่ตรงบริเวณนั้น ผมเลยมองตามกระบองที่ฟาดมาตรงท้องของผมจนสบตาเข้ากับมัน ตาสีเขียวที่เรืองเล็กน้อยในที่สว่าง
ทันไดนั้นก็มีเสียงวิ่งตามมาจากข้างหลัง ผมเลยคิดได้ทันทีว่าสัตว์ประหลาดตัวข้างหลังตามมาทันแล้วผมได้ตายแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจพุ่งชนสัตว์ตัวข้างหน้าแบบไม่คิดชีวิต
“อากิ:อ้ากกกก!!”
เพราะขนาดตัวที่ต่างกันทำให้ผมชนมันจนล้ม จนออกจากซอยมาได้ ละก็สัตว์ประหลาดตัวข้างหลังก็สะดุดล้มสัตว์ประหลาดตัวที่ผมพุ่งชนไว้ จนกระบองที่มันถือไว้ก็ฟาดลงมาที่สัตว์หลาดที่ล้มลงก่อนอย่างแรง และมันก็ลุกขึ้นมาจะไล่ผมต่อ แต่มันก็มีมือสีเขียวดึงมันกลับไปก่อนที่มันจะได้ตามผม พวกมันจะเริ่มสู้กันเอง ผมอาศัยจังหวะนั้นวิ่งเข้าปะปนกับฝูงชนที่วุ่นวาย ละวิ่งไปตามฝูงชนเรื่อยๆ จนกระทั้งอยู่ๆก็เกิดบางอย่างแปลกๆขึ้น ผมเริ่มสังเกตุรอบๆตัว จนเห็นได้ว่าเริ่มมีคนที่เปล่งแสงหายตัวไปกลางอากาศต่อหน้าต่อตาผม ผมตกใจกับที่สิ่งที่เกิดขึ้นจนผมทำตัวไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งกลางฝูงชน ที่วุ่นวายและหางตาของผมก็ได้เห็นเพื่อนผมที่แยกกับมันตอนที่วิ่งหนีแยกกันไปกำลังเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆ ด้วยความตกใจผมเลยยืนมือไปจับตัวเพื่อนละทุกอย่างก็มืดลงทันที