ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ – ตอนที่ 15 บาดแผลเก่าของผู้กล้าคนก่อน

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

[ ขอบคุณมากที่คอยเตือนผม เอาล่ะๆ ผมมีบางอย่างอยากจะถามคุณเหมือนกัน ยายแก่ ]

[ ข้าว่าข้าเคยบอกเธอไป18ล้านรอบแล้วนะว่าอย่ามาเรียกข้าว่ายายแก่ เห้อ จะถามอะไร ความลับของความสวยตลอดกาลหรือ ? แน่นอนว่ากว่าจะสวยได้ต้องหมั่นทำทุกวันนะ ]

[ พักเรื่องไร้สาระของคุณไว้เถอะ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับจอมมารต่างหาก ]

 

เมื่อผมพูดไปอย่างงั้น 

ยายแก่ก็ทำหน้า อืมๆ พร้อมเปลี่ยนท่าที่ของเธอ

—– บางที่ผมควรจะคาดคั้นเอาให้มากกว่านี้มั้ยนะ

 

[ มารยาทคุณแย่ลงไปนะบางที ]

[ หุบปากไป ไอ้ศิษย์ปัญญาอ่อน ตั้งแต่แกเข้ามาในชีวิตข้าเนี้ย มันก็มีแต่เรื่องให้เจ็บตัวตลอดเลยนะรู้มั้ย ]

[ ก็ยังเห็นสบายดีอยู่ไม่ใช่หรอ ]

[ คิคิ เอาล่ะพักเรื่องตลกของเราไว้เท่านี้เถอะ เอาล่ะ ชั้นแน่ใจว่าเธอจะต้องสนใจเรื่องนี้แน่ จริงๆจอมมารยังไม่คืนชีพหรอกนะในตอนนี้ ถ้าเกิดผนึกเกิดคลายตัวขึ้นมา นายก็จะรู้ได้ด้วยตัวเองไม่ใช่หรอ เพราะสลักที่ผนึกจอมมารมันเชื่อมต่อกับนายโดยตรง ]

 

หลังจากฟังคำตอบของยายแก่ 

ก็ว่าอยู่ทำไมเธอไม่แก้ปัญหาใดๆ

 

[ แล้วทำไมเรื่องถึงกลายเป็นจอมมารถูกขับไล่ไปโดยผู้กล้าและไม่ได้ถูกผนึก. . และอีกอย่าง ทำไมถึงมีข่าวว่าจอมมารกลับมาแล้วด้วย ! ]

 

เรื่องนี้เจ้าหญิงแห่งลัคซีเรียเป็นคนพูดออกมา 

เรื่องที่จอมมารกลับมาแล้ว

 

[ จอมมารยังไม่ฟื้นคืนชีพหรอก แต่ผู้ติดตามของจอมมารเหล่า 6 ดาบขุนพลทำท่าทีเหมือนกับว่าจอมมารฟื้นคืนชีพแล้วน่ะสิ และนั้นมันเลยทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดกันไปเอง ]

[ ถ้างั้น สงครามครั้งนี้ คือสงครามกับเหล่า 6ดาบขุนพลสินะ ]

[ ถูกต้องแล้วศิษย์รัก แต่เหตุผลจริงๆคือเหล่าผู้กล้าได้ถูกอัญเชิญมา และนั้นเองมันทำให้เหล่าขุนพลอยากจะทำลายพวกเขา เพราะพวกเขาคิดว่าผู้กล้าเหล่านั้นคือศัตรูที่ผนึกเจ้านายของตน ]

 

ขณะที่เธอพูดออกมา เธอก็เกาหัวของเธอไปด้วย และยังมีพฤติกรรมอื่นที่น่าผิดหวัง เพราะเธอเริ่มใช้ขาของเธอเกาขาของตัวเองอีกข้างนึงเช่นกัน

เห้อ. .

ถึงเธอจะปรากฎตัวออกมาในรูปของสาวน้อย 

แต่จริงๆแล้วอายุของเธอเลยเข้าวัยกลางคนไปแล้ว 

แต่ยังแสดงพฤติกรรมแบบนี้ออกมาอีกนะ

 

[ เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างที่เล่า เอาเถอะมาเรื่องของเราดีกว่า นายจำเป็นจะต้องเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ . .  ]

[ กรุณาอย่าตัดสินใจเรื่องสำคัญแทนคนอื่นได้มั้ย แล้วอีกอย่าง ถ้าคุณหมายถึงเพราะเรื่องทั้งหมดนี่แล้วผมจำเป็นจะต้องเข้าร่วมสงครามล่ะก็ ไปตายซะ ]

 

เห้อ กริยาของเธอที่แสดงออกมามันทำให้ฉายา นางฟ้าตลอดกาล ของเธอกำลังร้องให้ออกมาเลยนะ 

 

[ ผู้กล้ารุ่นปัจจุบันขยันขันแข็งมากนะรู้รึปล่าว พัฒนาการของเขาที่แสดงออกมานั้น ถ้านายเห็นนายจะต้องสรรเสริญพวกเขาแน่นอน พวกเขาทำได้ดีมากทั้งๆที่พวกเขาไม่มีดาบศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็นะ พวกเขาก็ไม่ดูน่ารักเอาซะเลย ไม่เหมือนกับเธอ ]

[ กะ-เกิดอะไรขึ้นกับเธอ จู่ๆมาชมผมเนี้ย และที่สำคัญอย่าชมผู้ชายว่าน่ารักสิเห้ย! ]

[ ก็นายดูน่ารักเหมือนเด็กโง่ ]

[ สรุปคือกำลังด่าผมใช่ไหมครับ . . . ]

 

หลังจากพูดคุยกันสักพัก ยายแก่ได้ลุกขึ้นยืนที่เตียง. . 

 

[ ความสามารถของพวกผู้กล้ารุ่นใหม่ยังไม่เพียงพอ ถึงพวกเขาจะมีพลังเวทย์เป็นจำนวนมาก แต่ระดับของพวกเขาในตอนนี้เพิ่งถึงระดับ master เท่านั้นเอง แต่เหมือนพวกเขาจะเรียนรู้ความสามารถในการต่อสู้ได้รวดเร็วมากนะถ้าเทียบกับเธอ จากที่ชั้นดูมา ถ้าหากนายไม่ถือดาบศักดิ์สิทธิ พวกเขาเก่งพอๆกับนายเลย  ]

[ ผมที่ไม่ถือดาบศักดิ์สิทธิ์– บ้าไปแล้ว มันระดับสัตว์ประหลาดชัดๆ ]

 

ในขณะที่ผมครอบครองดาบศักดิ์สิทธิ์”Alto Vreede” ร่างกายของผมจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ใช่แล้ว ถึงผมจะไม่ได้ถือครองดาบศักดิ์สิทธิ์ แต่แค่นี้ก็เพียงพอที่จะจัดการพวกมอนเตอร์ทั่วไปได้ง่ายๆ แต่ว่าถ้าแค่นี้ มันก็ยังไม่พอที่จะจัดการกับเหล่า6ดาบขุนพลได้หรอก 

มันจะต้องมีพลังระดับ “เหนือโลก” ที่มีพลังเทียบเท่าจอมมารเท่านั้น ถึงจะเพียงพอสู้กับเหล่าขุนพลได้สบายๆ เพราะงี้ ถ้าไม่มีดาบศักดิ์สิทธิ์ด้วยผมก็สู้ไม่ได้เช่นกัน

เพราะดาบศักดิ์สิทธิ์ มันมีเวทย์มนต์ป้องกันศักดิ์สิทธิ์ต่างๆและยังมีความสามารถสุดยอดแถมมาด้วย และหนึ่งในนั้นคือเพิ่มพลังที่ทำให้ร่างกลายมีพละกำลังมหาศาล

แต่ว่าพลังเวทย์ก็ทำได้เหมือนกันในการเพิ่มพลังร่างกายให้แข็งแกร่ง แต่มันก็แตกต่างกันมากในความสามารถที่เพิ่มขึ้น

ร่างกายที่เพิ่มพลังความแข็งแกร่งด้วยพลังเวทย์นั้น โดยปกติคนธรรมดาก็สามารถต่อยก้อนหินแตกได้เลย แต่ร่างกายที่เพิ่งพลังความแข็งแกร่งโดยดาบศักดิ์สิทธิ์ มันสามารถทำลายภูเขาได้ง่ายๆ หรือแม้กระทั้งแยกทะเลเพียงแค่เหวี่ยงดาบเท่านั้น 

นั้นและความแตกต่างของพลัง

ดังนั้น เมื่อผมมีดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือคงไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว

คงจะเรียกว่ากลายเป็นอะไรที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะนึกออกได้ . . . 

และต้องมีพลังเท่านี้ ถึงจะหยุดจอมมารลงได้

กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ การที่พวกเขามีพลังเท่าผมที่ไม่มีดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือ นั้นก็มากพอที่พวกเขาจะจัดการพวกมอนเตอร์ได้ง่ายๆเลย

แค่2-3อาทิตย์เองที่พวกเขาได้มายังต่างโลก 

นี่พวกเขาเพิ่มระดับกันอย่างบ้าคลั่งเลยสินะ

บอกได้ว่า นั้นมันระดับสูงสุดของความเป็นมนุษย์เลยนะนั้น

[ อืม โดยเฉพาะ อามากิ ไคโตะ เขาสามารถใช้ทักษะมังกรคำรามได้นะ

 

ถ้านายไม่มีดาบศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็ นายก็เอาชนะเขาไม่ได้หรอก ]

 

เมื่อยายแก่เดินออกมาเล็กน้อย เหล่ามิโกะก็ได้เข้ามาจัดร่างกายเสื้อผ้าของเธอ รวมกระทั้งทรงผมด้วย

แต่ เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลไป 

กังวลอีกเรื่องต่างหาก!!

 

[ เธอบอกว่ามังกรคำรามน่ะหรอ เอาจริงดิ!! ]

 

มังกรคำราม มันคือคำที่เขาเรียกกัน .. 

มันเป็นคำในภาษาที่มังกร มันมีพลังปล่อยออกมาในทุกๆคำที่พูดออกมา พลังเวทย์ที่ปล่อยออกมาจากคำพูดนั้น มันทำให้คุณมีพลังเทียบเท่าของพลังมังกรเลยทีเดียว

ครั้งหนึ่งผมเคยสู้กับมังกรโบราณ มันลำบากมากทั้งๆที่มีดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือแท้ๆ

นี้แหละ พลังของมังกรคำราม

ถึงท่านี้มันจะแข็งแกร็งมาก แต่มันก็ดูดพลังมานาอย่างมหาศาลมากเช่นกันถ้าหากเป็นคนธรรมดาใช้ท่านี้ มานาจะหมดในชั่วอึดใจเลยทีเดียว แม้แต่ยายแก่ก็เถอะ ผู้เป็นจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดในหมู่มนุษย์ด้วยกัน เมื่อจะใช้มังกรคำราม เธอจะต้องเตรียมการก่อนจะใช้มันอย่างระมัดระวังและยังต้องใช้อักขระเวทย์ระดับสูงเช่นเดียวกับอักขระเวทย์ที่อยู่ในห้องนี้

สุดหล่อคุงมีพลังมานาเทียบเท่ากับจอมเวทย์หลวง 7000 เลยใช่มั้ยนะ

ด้วยพลังที่มากขนาดนั้น เขาคงใช้ได้สบายๆเลยล่ะมั้ง

และนั้น . . . .

 มันทำให้โครตจะตกใจเลย

แต่ . . . . 

 

[ แม้จะมีพลังระดับนั้นก็เถอะ ถ้าเขาใช้พลังอย่างเต็มที่ มันก็เทียบเท่ากับเหล่า 6 ดาบขุนพลเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง ]

 

ถ้าสุดหล่อคงใช้มังกรคำรามล่ะก็ 

เขาจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก

แต่พลังระดับนั้นมันก็เทียบเท่ากับ ระดับดยุค เท่านั้นเอง

 

[ อืม ถ้าเขาสู้กับระดับดยุคเพียงคนเดียว เขาก็คงพอทำอะไรได้บ้าง แต่ถ้าในสงครามนี้มีเหล่าดุค มา 2-3 คน แบบนี้แย่แน่ ]

 

เหล่ามิโกะซังขยับออกด้านข้าง ให้ ยายแก่เดินออกมา

 

[ ยายแก่? ]

[ เธอตามข้ามา ทรี และ เด็กสาวจากหมู่บ้านเดียวกับข้าก็ตามมาด้วย ]

 

ยายแก่เดินออกไปโดยที่ไม่ได้เหลือบมองพวกเรา พร้อมทั้งแสดงใบหน้าที่แตกต่างไปจากเดิม

พวกเราจึงเดินตามเธอออกไป

 

[ ต่อจากเรื่องที่เธอเคยถามข้าไว้ ต่อจากนี้ ข้าก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง  ]

[ . . . .หาาา ! ]

 

หลังจากออกมาจากห้อง ห้องโถงขนาดใหญ่มีบันไดลงไปทางใต้ดินอยู่ ตอนนั้นเอง ยายแก่ก็พูดเรื่องนี้ออกมา ดูเหมือนว่าเธอจะทำหน้าไม่สบายใจนัก

 

[เธอหมายความว่ายังไง ที่เธอบอกว่า “เธอไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” มันเกิดขึ้นได้ไงยายแก่ ในเมื่อเธอมองเห็นอนาคตได้ไม่ใช่หรอ ? ]

[ อืม ก่อนหน้านี้ก็เห็นเพียงเลือนลางเท่านั้น แต่มันก็เพียงพอให้มองเห็นได้ แต่ผลของอนาคตอันห่างไกลข้างหน้าต่อจากตอนนี้ ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย ]

 

ในสถานที่ตอนนี้ พวกเราลงมาลึกมากจนมองเห็นปลายบันไดเป็นเพียงแค่เงา ระหว่างนั้น ยายแก่ ก็พูดเรื่องที่ลังเลอยู่ในใจออกมา

 

[ ถึงข้าจะพูดออกไปแบบนั้น แต่จริงๆแล้ว อีก 2-3เดือน ต่อจากนี้ข้าก็ไม่สามารถมองเห็นอนาคตได้อีกแล้ว ]

 

ขณะที่นำเราลงไปห้องใต้ดิน 

ยายแก่ก็ได้เริ่มพูดต่อ

 

[ กำลังจะมองไม่เห็นมัน? มันสามารถรักษาได้รึปล่าว ]

[ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นเวลา 1000 กว่าปีแล้วที่ข้าได้รับพลังแห่งการอ่านเวลา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แม้กระทั้งสงครามที่จะถึง ถึงข้าจะมองเห็นอนาคตของมันก็เถอะ แต่ข้าก็บอกไม่ได้หรอกนะว่าผลมันจะออกมาในทางที่ดี ]

 

มีเพียงฝีเท้าที่กำลังเดินลงบันไดเท่านั้นที่ดังออกมาขณะนี้ . . 

และ พวกเราก็ได้มาถึงชั้นที่ลึกที่สุด ที่ประตูมีโซ่ 2-3อัน ติดอยู่กับที่ประตู และมันให้ความรู้สึกว่าสิ่งที่อยู่หลังประตูนี้ไม่ควรจะได้ออกมา . . 

ความรู้สึกตอนนี้มีเพียง “ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด” เท่านั้น . . 

 

[ เพราะเหตุผลนี้ ข้าจะต้องให้เธอสู้ ข้าเข้าใจดีว่านายต้องการจะมีชีวิตสงบสุข แต่ขอเพียงแค่สงครามนี้เท่านั้น ข้าขอสั่งนายในฐานะอาจารย์ ข้าต้องขอโทษด้วยนะ ]

[ นี่มันอะไรกัน ไอ้ความรู้สึกน่าเคารพที่แผ่ออกมาจากตัวเธอ ยายแก่ ได้โปรดกลับไปทำตัวสูงส่งและหยิ่งผยองเหมือนเดิมที่เธอมักจะทำด้วย  ]

 

เมื่อผมพูดไปแบบนั้น 

ยายแก่ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ก็ได้หันหลังไปในทันที

ใหล่คู่นั้น ยายแก่กำลังสั่นเครือ

 

[ ดังนั้นในเมื่อผู้คนข้างนอกยังไม่ทราบว่านายเป็นผู้กล้า พวกเราจะทำอะไรบางอย่างเพื่อปิดบังหน้าตาของนาย  ถึงอย่างงั้น สิ่งที่ข้ากำลังจะทำกับนายมันคือบาป บาปอันใหญ่หลวง ]

 

เมื่อยายแก่ได้สัมผัสไปที่โซ่ 

โซ่เหล่านั้นได้ได้ส่งเสียงออกมาและล่วงลงสู่พื้น

 

[ สิ่งนี้ อาจจะกระทบกับจิตใจของนายเป็นอย่างมาก ]

 

ประตูได้ถูกเปิดออก . . 

 

[ บาดแผลเก่าของนาย บางที อาจจะทำให้นายเจ็บปวดแต่ข้าเชื่อว่านายจะผ่านมันไปได้หลังจากนี้ ]

 

และ

เมื่อประตูได้ถูกเปิดออก  . .  

สิ่งที่อยู่ในประตูนั้นได้เผยออกมา . . 

 

[ ยกโทษให้กับความไร้ค่าของอาจารย์ด้วย ]

 

อะไรกัน. . 

นั้นมัน. . . ..

————————–

ปล. ขอแว็บกลับไปแปล Deathflag ซัก2-3 วันก่อนนะ  orz

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

Status: Ongoing
ยู ยาชิโระ” เขาเคยถูกอัญเชิญมายังต่างโลกเมื่อตอนเขาอยู่ม.ต้นปี 2 มันคือโลกที่เต็มไปด้วยดาบและเวทย์มนตร์!! หลังจากได้ต่อสู้เพื่อเหล่าองค์หญิงที่น่ารัก(ผู้อัญเชิญเขามา) แม้จะมีหลายครั้งที่พ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่เคยท้อที่จะลุกขึ้น . . ในที่สุด เขาก็นำพาความสงบกลับมายังโลกใบนี้ 3 ปีหลังจากนั้น จอมมารที่เคยถูกผู้กล้าคนก่อนจัดการได้กลับมาฟื้นคืนชีพและนำพาโลกสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง. . ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องอัญเชิญ 4 ผู้กล้าคนใหม่ !! และเพื่อที่จะนำพาความสงบสุขกลับมายังโลกแห่งนี้ ท่านผู้กล้ารุ่นที่2 “อามากิ ไคโตะ” ได้ชักดาบของเขาขึ้น …….แต่ว่า กลับไม่มีใครรู้เลยว่า เด็กนักเรียนชายม.ปลายผู้ซึ่งไร้พลังเวทย์ในร่างกายคนนั้น คนที่ถูกอัญเชิญมาพร้อมกับ อามากิ ไคโตะและผองเพื่อน เขาคือ ท่านผู้กล้าคนก่อน ผู้ที่เคยปราบจอมมารลง เมื่อ 3 ปีก่อน !

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท