ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ – ตอนที่ 27 ผู้กล้าคนก่อนกับเจ้านกหายากซิลเบอร์

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

พวกเราเดินทางบนถนนสายหลัก Yohel ตั้งแต่ออกเดินทางจากเมืองลัคซีเรียตอนนี่ก็ผ่านมาแล้ว 2 อาทิตย์

เพราะว่ามันยังคงเป็นนกเด็ก ซิลเบอร์จึงไม่ค่อยมีพลังกายมากนัก ดังนั้นระยะทางที่เราเดินทางได้ในแต่ละวันจึงไม่มากนัก และตอนนี้ผมกับซิลเบอร์ได้มาหยุดอยู่ที่หน้าทางเข้า ป่าแห่งความสับสน มันเป็นป่าที่อยู่ใกล้ๆกับเมือง Lizwadia

ผมลืมบอกไป ซิลเบอร์คือนกตัวสีเงินที่ผมขี่อยู่นั้นแหละ ดังนั้นชื่อ ซิลเบอร์ คือชื่อที่ผมตั้งให้ ก็หมายถึงสีเงินตามชื่อนั้นแหละครับ

 

[ อืม ดูๆแล้วคงไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอกมั้ง ทำไมพวกเราไม่ลองเข้าไปดูกันล่ะ ถ้าเรายังไปทางถนนสายหลัก เราจะไม่หลงทางก็เถอะ แต่ในป่านี้คงทำให้พวกเราหลงทางไม่ได้หรอกนะ ]

[คุ เคะ?]

 

กว่าจะมาถึงที่นี่ ผมเคยไปมาแล้วหลายเมืองมาก ดังนั้นผมก็พอจะรู้ทางไปเมือง ลิสวาเดีย อยู่พอสมควร

เมื่อ 3 ปีก่อน แม้กองทัพจอมมารเกือบทั้งหมดจะมุ่งตรงมาที่เมืองลีซาเรี่ยน พวกเราได้ออกกวาดล้างพวกมันไปทั่ว ตั้งแต่นอกเมือง ลีซาเรี่ยน ที่ ลิสวาเดีย ก็เช่นกันพวกเราเดินทางผ่านโดยไม่ได้สนใจเมืองเลย ที่ลีซาเรี่ยน แม้ผมจะเคยไปที่ ป่าแห่งภูติพราย แต่ผมก็ไม่เคยเข้าไปเมืองหลวงเลยสักครั้ง

สำหรับตอนนี้ ผมได้ยินเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนเวทย์มนตร์ ลิสวาเดีย นั้นมันทำให้ผมต้องไปให้ได้ 

และที่สำคัญผมรู้จุดเที่ยวของเมือง ลิสวาเดีย มาพอสมควร

1 ในนั้นคือที่นี่แหละ ป่าแห่งความสับสน

ที่ป่าแห่งนี้มีเวทย์มนตร์บางอย่างทำให้ผู้คนที่หลงเข้ามามีการรับรู้ที่ผิดเพี้ยนไป

แต่ที่นี่นั้นเป็นเหมือนสถานที่สำหรับออกภาคสนามของเหล่านักเรียนใน ลิสวาเดีย เพราะถ้าหากคุณใช้เวทย์มนตร์ไม่ได้แล้วล่ะก็ คุณจะหลงทางจนออกจากที่นี่ไม่ได้เลย แต่ถ้าคุณยังฝืนเดินทางต่อโดยไม่ใช้เวทย์มนตร์ชี้ทาง ดูเหมือนว่าคุณจะถูกส่งกลับไปที่ทางเข้าป่าเองถ้าหากตกอยู่ในสถานการณ์ขับคัน 

เมื่อมองจากจากมุมนี้ดูเหมือนว่ายังไงคุณก็ปลอดภัยนะถ้าหากคุณเข้าป่ามาจากทางของโรงเรียน แต่สำหรับผมที่เข้ามาในป่าจากทาง ลัคซีเรีย ถึงแม้ผมจะมุ่งขึ้นเหนืออย่างเดียวแต่ก็ยังหลงทางอยู่ดี พูดได้เพียงว่าขำไม่ออกหรอกนะ

แต่ถ้าหากเราเดินทางโดยใช้ถนนหลัก โยเฮล พวกเราจะถึงเมืองโดยไม่หลงทาง แต่จะเสียเวลาเพราะต้องอ้อมแทน

 

[ เอาล่ะ ผมอยากจะไปพักที่โรงแรมไวๆซะแล้ว พวกเราเข้าไปในป่ากันเถอะ ]

[คุ เคะ!]

 

ซิลเบอร์ตอบสนองต่อคำพูดของผมด้วยเสียงร้อง ในขณะเดียวกันเสียงร้องของซิลเบอร์ก็ทำให้ผมรับรู้อารมณ์ของมันได้เช่นเดียวกัน

รู้สึกว่าตอนนี้มันกำลังจะอารมณ์ดีอยู่นะ

 

[ อุว้าา ในป่านี้มันมืดจริงๆ มีต้นไม้ขึ้นหนาทึบไปหมด ทั้งๆที่เพิ่งจะเที่ยงแท้ๆแต่กลับแทบจะไม่มีแสงแดดเลย ]

 

เมื่อพวกเราเข้ามาในป่า ผมถึงกับตกใจกับบรรยากาศมืดหม่นภายในป่า มีต้นไม้สูงใหญ่อยู่โดยทั่ว เมื่อมองขึ้นไปด้านบนจะเห็นแสงลอดผ่านมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นี่มันมิดกว่าที่ผมคาดไว้ซะอีก

คบไฟที่ผมซื้อมาจากคุณลุงที่โรงแรมตอนนี้ช่วยผมได้มากเลย

 

[ ต่อให้ไม่ใช่เพราะเวทย์มนตร์ ป่าแห่งนี้ก็หลงได้ง่ายๆเลยนะเนี้ย ]

 

ผมคิดว่ามันแปลกๆอยู่นะ เพราะถ้าหากเป็นเพราะเวทย์มนตร์ คงทำให้แค่ผู้คนเสียการรับรู้ทิศทางเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำให้เราสับสนเพราะเห็นภาพหลอนต่างๆซักหน่อย ดังนั้นเพียงแค่คุณมองขึ้นฟ้ายืนยันทิศที่พระอาทิตย์ขึ้นและตก คุณก็สามารถยืนยันทิศทางที่ถูกต้องได้แล้วแต่ที่นี่มันมืดอยู่ตลอด ดังนั้นยังไงคุณก็หลงอยู่ดี

ผมมัดคบไฟติดไว้กับส่วนหัวของซิลเบอร์

 

[เป็นไงซิลเบอร์ มันสว่างดีใช่มั้ย]

[. . .. .คุ เคะ . . . .]

 

ซิลเลอร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแบบเซ็งๆ พอเดินไปซักพัก ก็หยุดเดิน

 

[ อ้าว เป็นอะไรหรอ ซิลเบอร์]

 

มอนเตอร์หรืออะไรบางอย่างกำลังมารึ? ผมคิด ขณะมองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบอะไร

 

[ ซิลเบอร์? . . . .โอ้]

 

ซิลเบอร์หันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ นั้นมันทำให้ผมหันตามมัน

ผมก็พบกับผลไม้สีแดงลูกเล็กๆขึ้นอยู่บนต้นไม้

 

[ นั้นมันผลไม้ชนิดใหนกันนะ แล้วมันกินได้รึปล่าว ]

 

เมื่อมองดูใกล้ๆ มีผลไม้พวกนั้นร่วงอยู่บนพื้นเต็มไปหมด

ซิลเบอร์เดินไปใกล้ๆต้นไม้นั้น และเริ่มกินลูกที่ตกอยู่บนพื้น

 

[ โอ้ แกแน่ใจนะว่ามันกินได้ แล้วมันอร่อยรึปล่าว ]

 

ซิลเบอร์ที่ตอนนี้กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อผมลองถามดู ซิลเบอร์ก็ย่อตัวให้ผมลงจากหลังมันและเริ่มกินต่อ

 

[ แกกำลังพยายามบอกผมว่าให้ลองกินดูเองสินะ เอ๊ะ ]

 

ดูเหมือนว่ามันไม่ต้องการให้ผมรบกวนมันตอนที่มันกำลังกิน อาจเพราะตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ผมให้มันกินแต่ถั่วมาโดยตลอด ดูเหมือนว่าเจ้านี้จะถูกผลไม้เหล่านี้ครอบงำซะแล้ว

 

[ ง่ำๆ หือ นี่มันอะไรกัน!! ]

 

เมื่อผมลองกินดู ความหวานของมันก็พวยพุ่งอยู่ทั่วปาก

ผมก็ชอบมันอยู่นะ แต่เหมือนน้ำตาลจะเยอะไปหน่อย มันเลยทำให้รู้สึกไม่อยากทาน

 

[ หือ แกชอบกินของแบบนี้หรอกรึ . . .เอ๊ะ ]

 

ซิลเบอร์ที่ตอนนี้กำลังตั้งใจกินอยู่อย่างเดียว อยู่ดีๆมันก็ชูหัวขึ้น และเริ่มมองไปรอบๆ

 

[ อะไร? แกกำลังมองหาผลไม้ชนิดอื่นหรือของกินอย่างอื่นหรอ . . . . โอ้ย อย่าดึงผมคนอื่นสิ โอ้ยยยย ]

 

คำพูดของผมคงทำให้ซิลเบอร์โมโหแหะ

 

[ เอาล่ะๆ มีอะไร——เดี่ยวนะ เสียงเหมือนอะไรล้มลง แต่ ]

[ คุ เคะ! ]

 

หลังจากที่ผมแงะผมของผมคืนจากซิลเบอร์ผมก็ได้ยินเสียงต้นไม้ถูกทำลายจากที่ใหนสักแห่ง มันไม่ใช่เสียงของกิ่งไม้หักหรอกนะ มันเป็นเสียงของต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นลงมากกว่า มีเพียงสิ่งเดียวที่ยืนยันการเกิดเสียงนั้นได้

 

[ รึว่า พวกมอนเตอร์งั้นรึ? ]

[ คุ เคะ ]

 

ซิลเบอร์ในตอนนี้เลิกกินผลไม้แล้ว มันเดินมาใกล้ผมและเอาหัวมาคลอเคลียกับแขนของผม มันคงพยายามบอกผมว่าให้ขึ้นหลังมันสินะ

 

[ มันอาจจะเจ็บตัวก็ได้นะ ซิลเบอร์ ทำไมพวกเราไม่หนีดีกว่า ]

 

ขณะที่ผมขึ้นไปขี่หลังซิลเบอร์ รู้สึกว่าเสียงนั้นกำลังใกล้เข้ามา และทันใดนั้น—

 

[ มาน่า เร็วเข้า ]

[ อะ อืออ ]

 

ผมได้ยินเสียงของเด็กสาว 2 คนกำลังตกอยู่ในอันตราย

 

[ซิลเบอร์ ! !]

[ คุ เคะ ! !]

 

แทบจะพร้อมกับที่ผมตะโกนออกมา ซิลเบอร์ได้ออกวิ่งในทันที ขณะที่ผมอยู่บนหลังซิลเบอร์ ผมได้ชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง และมือขวาของผมล้วงไปที่กระเป๋าที่เอว

 

[ เห็นพวกเขาแล้ว . . .]

 

 

สิ่งที่ปรากฎในสายตาขอผมในขณะนี้ คือเด็กสาว2คนที่สวมผ้าคลุมทั้งตัว และหมูป่าขนาดยักกำลังไล่ตามพวกเธออยู่

เสียงต้นไม้ถูกโค่นที่ผมได้ยินเมื่อตะกี้คงเป็นฝีมือของเจ้าหมูที่วิ่งชนทุกอย่างที่ขวางทางมันสินะ ดูๆแล้วขนาดตัวของมันคงไม่มีอะไรหยุดมันได้

 

[ว๊ายย]

[มาน่า!!]

 

เด็กหญิงคนหนึ่งพลาดล้มลง

ใบหน้าของเด็กสาวตอนนี้ซีดเผือกด้วยความกลัว 

ผมไม่รอช้ารีบปล่อยกระสูนออกไปทันที

 

[[กระสูนยางลบ]]

 

มันคือท่าโจมตีลับของผมไว้โจมตีระยะไม่ไกลมากนัก ผมฝึกฝนมันเพื่อที่จะมาใช้หลังจากกลับมาที่โลกนี้

ที่จริงท่านี้ควรเรียกว่า กระสูนนิ้ว มันคือการดีดนิ้วด้วยความเร็วสูงสุด จนทำให้เกิดกระสูนอากาศพุ่งไปโจมตี

ผมเอาท่านี้มาประยุคใช้โดยฝึกดีดยางลบใส่เพื่อนในชั้นเรียนแทน แต่ในกรณีนี้ ศัตรูเป็นมอนเตอร์ ผมจึงไม่จำเป็นต้องออมพลังอะไรทั้งนั้น

และเสียงที่ตามมาคือเสียงของบางอย่างระเบิด เจ้าหมูป่าถูกแรงระเบิดลอยขึ้น และผมได้ยิงนัดที่ 2 ต่อมาในทันที เจ้าหมูป่าถึงกับลอยออกไป

 

[ พวกเธอไม่เป็นอะไรนะ ]

 

ผมลงจากหลังของซิลเบอร์ มายืนที่ด้านหน้าของพวกเธอ และได้หยิบเซตมีดสำหรับขว้างออกมาจากกระเป๋ามิติที่4 ที่เอวของผม

 

[ วะ ว๊ายยย]

[มาน่า !!]

 

เด็กสาวคนนั้นสะดุดล้มอีกแล้ว เธอกำลังคลำหาแว่นของเธอที่พื้น และเด็กหญิงทรงผมโพนี่เทลได้วิ่งเข้าไปช่วยสาวแว่น

 

[ โฮ แกยังลุกขึ้นมาได้หรอเนี้ย แกคงจะเป็นเจ้าป่าที่นี่สินะ ]

 

เจ้าหมูป่ายักลุกขึ้นมาหลังจากรับกระสูนยางลบของผมไป2นัด แม้จะมีเลือดไหลออกจากปากมัน มันจ้องมาที่ผมพร้อมกับคำรามออกมา

ในหัวของเจ้าหมูป่ายักตอนนี้ มีมีดที่ผมขว้างไปทะลุอยู่ในหัวของมัน

เจ้าหมูป่าล้มลงในทันที

ถึงมันจะโดนกระสูนยางลบของผมไป 2 นัดแต่ยังลุกขึ้นได้ แต่มันไม่มีทางรอดจากการโดนมีดแทงทะลุหัวได้หรอก

 

[พวกเธอไม่บาดเจ็บตรงนะ]

 

ผมหันหลังกลับไปถามพวกเธอ 

และพวกเธอตอบผมกลับมาด้วยการผยักหน้าแบบรัวๆเลยล่ะ

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

Status: Ongoing
ยู ยาชิโระ” เขาเคยถูกอัญเชิญมายังต่างโลกเมื่อตอนเขาอยู่ม.ต้นปี 2 มันคือโลกที่เต็มไปด้วยดาบและเวทย์มนตร์!! หลังจากได้ต่อสู้เพื่อเหล่าองค์หญิงที่น่ารัก(ผู้อัญเชิญเขามา) แม้จะมีหลายครั้งที่พ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่เคยท้อที่จะลุกขึ้น . . ในที่สุด เขาก็นำพาความสงบกลับมายังโลกใบนี้ 3 ปีหลังจากนั้น จอมมารที่เคยถูกผู้กล้าคนก่อนจัดการได้กลับมาฟื้นคืนชีพและนำพาโลกสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง. . ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องอัญเชิญ 4 ผู้กล้าคนใหม่ !! และเพื่อที่จะนำพาความสงบสุขกลับมายังโลกแห่งนี้ ท่านผู้กล้ารุ่นที่2 “อามากิ ไคโตะ” ได้ชักดาบของเขาขึ้น …….แต่ว่า กลับไม่มีใครรู้เลยว่า เด็กนักเรียนชายม.ปลายผู้ซึ่งไร้พลังเวทย์ในร่างกายคนนั้น คนที่ถูกอัญเชิญมาพร้อมกับ อามากิ ไคโตะและผองเพื่อน เขาคือ ท่านผู้กล้าคนก่อน ผู้ที่เคยปราบจอมมารลง เมื่อ 3 ปีก่อน !

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท