[ คุ-,จะหนีไปไหนคะ ]
[ นี่, สนุก ]
เฮนเรียสต้าและเอริ ตอนนี้พวกเธอสามารถใช้ก้าวย่างของมือสังหารได้ในระดับหนึ่งแล้ว
และพวกเธอกำลังประลองกันอยู่ ณ ตอนนี้
แม้สายฟ้าจะตกกระหน่ำลงมาที่เอริ แต่เธอก็ยังสามารถหาช่องว่างหลบมันได้อย่างแม่นยำ ด้วยก้าวย่างของมือสังหาร
เฮนเรียสต้าเองเธอก็พยายามจะเข้าประชิดตัวเอริ ผู้ที่ลื่นไหลหลบสายฟ้าเหล่านั้น โดยเฮนเรียสต้านั้น เธอเองก็โจมตีไปพร้อมกับใช้ก้าวย่างของมือสังหาร
อืม ทั้ง 2 คน มีวิธีใช้ก้าวย่างของมือสังหารในแบบของตัวเองมันช่างน่าสนใจจริงๆ
[[ ชั้นสงสัยจริงๆ เทสโตเรียสซังได้ไอเดียการใช้ก้าวย่างของมือสังหารจากไหนกันนะ ? ]]
[[ อืม ทั้งคู่มีรูปแบบการใช้เทคนิคนี้สำหรับ หลบหลีก และ จู่โจมซึ่งแตกต่างกัน , ซึ่งเอริเองเธอก็มุ่งเน้นไปด้านการหลบหลีกเพียงอย่างเดียว พอดูดีๆแล้วถ้าหากเราลองมองในมุมมองของซิลเวีย ผมคิดว่า ยัยยูริหัวม้วนคงได้ไอเดียรูปแบบการบุกแบบนี้จากซิลเวียสินะ ]]
[[ ก็จริงนะ ท่านพี่ซิลเวียน่ะ . . ไม่ว่าจะดีหรือแย่ ท่านพี่บุกไว้ก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน ]]
[[ ก็นะ ซิลเวียเธอถือคติ โจมตีก่อนได้เปรียบนี่นา ]]
หลังจากสนทนากันผ่าทางตุ้มหู ผมและอลิเซียต่างยิ้มแห้งๆให้แก่กันและกัน
[ อุว้าาา !? ]
[ อุ ฮ่า ฮ่าๆ เคท นายนี่มันยอดจริงๆ ]
[ นายลอยไปเกือบ 3เมตรเลยนะนั้น รู้มั้ย ]
[ นายเหมือนกับ Big Hopper เลย !! ]
กลุ่มเด็กผู้ชายที่กำลังสนุกสนานกับการฝึก และคำพูดโดยบังเอิญของเด็กเหล่านั้น ไอ้สิ่งที่เรียกว่า big hopper มันเป็นชื่อเรียกที่หมายถึง ตักแตนยัก
ด้วยร่างกายของมันที่มีขนาดใกล้เคียงกับเด็กๆ ถ้ามันกระโดดโผล่ออกมาเซอร์ไพร์ รับว่าคุณต้องตกใจจนหน้าหงายแน่นอน
[ ฮึบ เสร็จชั้นล่ะ ]
[ เปล่าประโยชน์ , เปล่าประโยชน์ ]
อุ๊ป ดูเหมือนว่าใกล้จะได้ผลตัดสินแล้วสินะ
เฮนเรียสต้าเธอใช้จังหวะนั้นฟันดาบลงมา เอริเองก็สั่งให้ร่างอัญเชิญต่อยหมัดสวนออกมา
[ การดวลครั้งนี้ จบลงแล้วสินะคะ ]
[ อุก , ชั้นแพ้แล้ว ]
การโจมตีสุดท้ายของเฮนเรียสต้านั้นเป็นเพียงตัวหลอก ในจังหวะที่ขาของเอริเธอหยุดลงเพื่อรับการโจมนี้นั้น เฮนเรียสต้าเธอเปลี่ยนจังหวะการก้าวเท้าและอ้อมไปข้างหลังของเอริ และพาดดาบไปยังคอของเอริ
ผู้ที่ควบคุมการโจมตีและป้องกันได้ดีกว่าครั้งนี้คือ เฮนเรียสต้า
เอริเอง เธอก็ยอมรับความพ่ายแพ้โดยการยกมือยอมแพ้
และนั้นคือสัญญาณว่า การดวลครั้งนี้ได้จบลงแล้ว
อืม . .
ต่อไปก็
[ ฟุ อุว๊า , , ว๊ายยย ]
อีกคนหนึ่งที่กำลังนั่งคร่อมอยู่บนไม้กวาดที่ลอยอยู่ระดับเดียวกับผมของผม,มาน่า
และทุกๆครั้งที่เธอกลับหัวลงมาเพราะสูญเสียการทรงตัว
ผมเองที่นำเธอกลับไปอยู่ท่าที่ถูกที่ควรขณะขี่ไม้กวาด
[ ฮ่า ฮ่า , มาน่า เธอดูสนุกดีนะ ]
[ มัน , มันไม่สนุกสักนิดเลยน๊าาา~~ . . . กรี๊ดดดดด ]
เอริที่กำลังพักหายใจหลังจากจบการดวลกับเฮนเรียสต้า เธอจึงกล่าวออกมา เพราะเห็นมาน่ากำลังหมุนติ้วๆอยู่แบบนั้น
และมาน่าเธอก็กล่าวปฎิเสธออกมาและก็สูญเสียการทรงตัวในทันที
อีกครั้งที่เธออยู่ในท่ากลับหัว
[ ดิชั้นตกใจจริงๆค่ะหลังจากได้ยินที่ว่ามีอุปกรณ์เวทย์มนตร์ที่สามารถทำให้บินได้ . . แต่ว่าพอได้มาดูๆแล้ว มันจำเป็นต้องใช้เวลาฝึกพอสมควรเลยนะคะ ]
เมื่อเทียบกับเอริที่กำลังหอบอยู่นั้น หลังจากการจบการดวลเฮนเรียสต้าเธอเหงื่อออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง ถึงแม้ทั้ง2คนจะมองว่าเป็นการดวลที่ดี แต่สำหรับผมนั้นมองว่า พลังของพวกเธอตั้งแตกต่างกันค่อนข้างมากนัก
[ เอาน่า ลองอีกครั้งนะครับ ]
[ ค- , ค่ะ !! ]
*คุรุๆ* (เสียงตอนหมุน) เมื่อผมหมุนไว้กวาดของเธอ มาน่าเธอก็กลับไปอยู่ในท่าที่ถูกที่ควรสำหรับการขี่ไม้กวาด
ถูกแล้วครับ ไอ้ไม้กวาดเวทย์มนตร์อันนี้ไม่ใช่อุปกรณ์เวทย์มนตร์ที่วิเศษวิโสอะไรนักหรอกนะ
เพราะว่าอุปสรรคเพียงอย่างเดียวคือ ถ้าหากผู้ใช้ไม่ค่อยมีเซ๊นต์ด้านการทรงตัวแล้วละก็มันจะไร้ประโยชน์ทันที เพราะเมื่อคุณเสียการทรงตัว และแพ้ให้กับแรงโน้มถ่วง คุณจะมาอยู่ในท่ากลับหัวแบบมาน่านี่แหละ
โดยปกติแล้ว ถ้าหากผมไม่ช่วยเธอ มันก็มีหลายๆวิธีอยู่นะในการกลับไปอยู่ในท่าเดิม แต่ ผมมาคิดๆดูแล้ว เธอไม่ค่อยมีเซ๊นด์ด้านการทรงตัวเท่าไรนัก เพราะงั้นผมว่าควรช่วยเธอฝึกให้ชินเสียก่อนดีกว่า
เมื่อผมจับเธอกลับคืนในท่าเดิมแล้ว เมื่อผมปล่อยมือ ร่างกายของเธอดูสั่นดูเหมือนว่ามาน่าเธอจะพยายามทรงตัวให้ไม่กลับหัวอีกครั้ง
[ ถ้าหากเธอทรงตัวมาได้คล่องแล้วล่ะก็ เดียวผมจะลองให้เธอบินดูนะ ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอกนะ โอเคนะครับ ]
[ ค่ะ !! ]
และอีกครั้ง ที่เธอกลับมาอยู่ในท่ากลับหัว เธอตอบกลับคำพูดของผมด้วยเสียงที่ดังฟังชัด
—————————
[ อ่าา ? นั้นเจ้ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ อควาดิเน่ ]
[ อร้าา เฟรมเช่นกัน เธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะจ้ะ ชั้นคิดว่าเธอไปที่ๆเจ้าผู้กล้านั้นอยู่ซะอีก ]
ที่ใต้พื้นพิภพหรือที่เรียกกันว่า “makai” 2 หญิงสาวต่างถามออกมาอย่างตกใจที่ทั้ง 2 มาพบกันโดยบังเอิญ
พวกเธอมีผิวสีฟ้าซีดทั้งคู่ และสีผมฟ้าและแดงที่ตัดกันอย่างเห็นได้ชัด
6 ดาบขุนพล เสาหลักที่แข็งแกร่งที่สุด “อัคนีร่า” และอีกเสา “อควาดิเน่”
ด้วยพลังที่พวกเธอทั้ง 2 ครอบครองอยู่นั้นเรียกได้ว่าราวกับเป็ยภัยพิบัติทางธรรมชาติ
นี่แหละคือพลัง ของ 2 ใน 6 เสาหลักของกองทัพจอมมาร
[ อืม ข้าก็คิดๆไว้อยู่ว่าข้าควรจะออกไปฆ่ามันซะเดียวนี้เลยดีมั้ยนะ ]
[อ่าา เธอดีจังเลยน้าา~ ที่มีอิสระไปไหนมาไหนก็ได้เนี้ยย ]
ขณะที่บ่นออกมา อควาดิเน่เธอหันขึ้นไปมองบางสิ่ง
[ . . . มันก็ผ่านไปแล้ว 3 ปี สินะ ฮึ ]
ขณะที่มองขึ้นไปราวกับถูกเย้ายวนโดยมัน ภาพในดวงตาของเฟรมสะท้อนให้เห็นบางสิ่ง มันเป็นร่างเงาดำ ที่ถูกกุมขังอยู่ในก้อนน้ำแข็งขนาดยัก
. . . มันคือร่างของจอมมาร
3 ปี มาแล้ว หลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับกลุ่มของผู้กล้าที่นำโดย ยาชิโระ ยู ร่างของจอมมารที่ยังมีชีวิตถูกจองจำในผนึกอันทรงพลังที่นี่
[ ใช่ มันผ่านไป 3 ปี แล้วสินะ ]
อควาดิเน่เธอตอบกลับราวกับว่าเธอเฝ้ารอมาอย่างนานแสนนาน แต่เมื่อได้ฟังคำถามต่อไปของเฟรมมันทำให้เธอถึงกับหน้าเบ้ทันที
[ . . อ่า ใช่แล้ว เจ้าเห็น “หมอนั้น” อยู่แถวนี่บ้างมั้ย ]
[ หมอนั้น? อ้อ เธอหมายถึง ” อัมบร้า “(Umbra) อย่างงั้นรึ? ]
อวาดิเน่เธอยิ้มออกมาเล็กๆพร้อมกับถามกลับเพื่อยืนยัน
ทันใดนั้น อารมณ์ของเฟรมเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน มันเป็นอารมณ์ที่ใครเห็นหน้าของเฟรมตอนนี้ก็ต้องหวาดกลัว
[ ใช่!! เจ้าเห็นไอ้โง่นั้นแถวนี้มั้ย ? ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะแทงมันซักแผลด้วยหอกนี่ มันจะได้รู้สักทีว่าอย่าเข้าไปแตะต้องกับยูยะ !! ]
แม้ที่เธอถามออกมาอย่างนั้น แต่เธอก็คิดถึงเรื่องของชายที่ชื่ออัมบร้าไปด้วย และนั้นมันทำให้ใบหน้าของเธอยิ่งโกรธเกรี้ยวหนักขึ้นไปอีก แม้เธอจะมองหาไปรอบๆแต่ก็ไม่พบตัวอัมบร้า และนั้นมันยิ่งทำให้เธอฉุนเฉียวมากกว่าเดิม
[ หมอนั้นคงไปทำตามเป้าหมายของตัวเองนั้นแหละ ถ้าชั้นเดาไม่ผิด คงไม่ใช่อะไรนอกจากหาวิธีทำให้ตัวเองกลายเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าความเป็นมนุษย์ตอนนี้ล่ะมั้ง ]
[ ฮึ การที่เจ้ามาใช้งานไอ้พวกล้มเหลวแบบนั้น เจ้าเองตกต่ำไปเยอะเลยนะ ]
เดี่ยวก่อนนะ คือผมขอแก้ไขเรื่องเข้าใจผิดอย่างหนึ่งก่อนนะ
เพราะว่าเรื่องของยูนั้นมักจะทำให้อัคนีร่า หรือก็คือ เฟรม นั้นฟิวขาดอยู่บ่อยๆ
มันอาจจะทำให้เธอคิดว่าเธอนั้นฟิวขาดง่ายก็จริง แต่ . .
[ . . . แกแน่ใจนะที่พูดออกมาอย่างนั้น , ยังมีหน้ามาดูถูกคนอื่น ทั้งๆที่แกเอง หนีกลับมาหางจุกตูด โดยที่ทำอะไรไอ้ผู้กล้านั้นไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว เหอะ . . แกมันก็เป็นแค่ไอ้กระจอกเหมือนกัน ] (ส่วนนี้อคาดิเน่พูด)
จริงๆแล้ว เหล่า 6 ดาบขุนพล ฟิวขาดง่ายทุกคนแหละ . .
[ หาาา !? ดูเหมือนว่าเจ้าคงอยากจะระเหยกลายเป็นไอสินะ ]
เฟรม ซึ่งตอนนี้ค่าความโกรธของเธอทะลุหลอดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เธอได้เรียกขวานไฟของเธอมาอยู่ในมือเป็นที่เรียบร้อย
[ ให้ตายเถอะ ยัยแม่ขี้เถ้า ในหัวคงคิดแต่จะเผานู่นเผานี่อย่างเดียวเลยสินะ ไอ้สวะนั้น(อัมบร้า)ยังมีประโยชน์ซะกว่า ]
แม้ว่าเธอกำลังดูถูกเฟรมอยู่ แต่ท่วงท่ากำลังร่ายมนตร์ที่ชวนให้เคลิบเคลิ้ม
ที่มือของอควาดิเน้นั้นได้ปรากฎธนูที่สร้างขึ้นมาจากน้ำ
[ หึๆ มันนานแค่ไหนแล้วนะที่ข้าไม่ได้รู้สึกเดือดสุดๆขนาดนี้ ไอ้สวะ . . ]
เปลวไฟได้พุ่งทะลักออกมาทั่วร่างกายของเฟรม และนั้นทำให้เธอกลายร่างเป็นภูติเพลิง
รู้รึปล่าว นกฟีนิกส์นั้นคือสัตว์เทพผู้ควบคุมไฟ,เฟรมก็เช่นกัน แม้ว่าเธอจะเป็นเผ่าปีศาจ แต่พลังภูติเพลิงของเธอนั้นอยู่บนจุดสูงสุดในหมู่พลังภูติด้วยกัน
ร่างภูติเพลิงคือร่างที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอ และไฟคือสิ่งที่เธอใช้ได้ดีที่สุดในการโจมตี
ทันไดนั้น สายฟ้าได้ผ่าลงมาที่ร่างของเฟรม !!!!!
[ อุกก . !? แก ไอ้ชั่ววว โทไนท์ทัส !!! ]
อยู่ๆก็ถูกขัดจังหวะ มันทำให้เฟรมโกรธขึ้นไปอีกจนเผลอยกเลิกร่างภูติเพลิงอย่างไม่ได้ตั้งใจ และหันไปถลึงตาใส่ผู้ที่ใช้สายฟ้าโจมตีใส่เธอ . .
[ เฮ้อ . . ข้าขอบอกอีกครั้ง ข้าชื่อว่า “โทนิทุรูซุ” . . .ตอนนี้พวกเราก็อยู่ในห้องของนายท่าน และเจ้ากำลังคิดจะทำอะไร. . ]
ด้วยผมสีม่วงเข้ม ชายผิวฟ้าซีดกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับหอกสายฟ้าในมือ
เขาเดินมาอย่างไม่รีบร้อน และมาหยุดอยู่ระหว่างเธอทั้ง 2
เมื่อมองดูดีๆแล้ว สายฟ้านั้นก็โจมตีไปยังอควาดิเน่ด้วยเหมือนกัน
เพราะว่าอควาดิเน่นั้นแพ้ทางพวกสายฟ้า ทำให้ตอนนี้เธอลงไปกองอยู่ที่พื้น
[ ข้าก็แค่คิดว่าจะเผาอีนี่ซักหน่อย ]
[ ข้าเข้าใจแล้ว . . ดูเหมือนว่าจะมีอีกคนน่าจะเหมาะกับให้เธอเผามากกว่านะ ]
[ อักกกก !? ก-, แก . . . อยากจะโดนข้าเชือดนักหรอ ห๊ะ !!!! ]
และอีกครั้งสายฟ้าได้ผ่าลงที่กลางหัวของเธอ มันทำให้เธอมึนงงไปชั่วขณะจนลงไปคุกเข่าข้างหนึ่ง
[ ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เธอจะกี่ครั้งก็ได้แล้วแต่เธอเลย แต่ !! . . สถานที่แห่งนี้คือที่ที่นายท่านอยู่ หัดควบคุมตัวเองมั้งซะ !! ]
อีกครั้งที่สายฟ้าปรากฎขึ้นที่มือขวา ตอนนี้ร่างของเขาได้ปกคลุมไปด้วยสายฟ้าทั้งร่าง มันเป็นคำเตือนแก่หญิงสาวทั้ง 2
[ . . . อะไร แกแน่ใจนะที่พูดออกมาแบบนั้น? ,โทไนท์ทัส ตลอด 3 ปีมานี้แม้ว่าแกจะต่อสู้กับศัตรูมามากมายแค่ไหนมันก็เรื่องของแก แต่ข้าขอถามอีกครั้ง แกพอใจกับของแค่นั้นจริงๆรึ โทไนท์ทัส ? ]
เธอลุกขึ้นมาพร้อมกับขวานไฟในทั้ง 2 มือ จิตสังหารถูกปลดปล่อยออกจากร่างของเธอ
เฟรมเธอกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความโกรธเกรี้ยว
[ ใช่แล้ว ไม่บ่อยนักที่พวกเราจะมารวมตัวกันแบบนี้ . . แกอย่าลำพองใจให้มากนัก โทไนท์ทัส ]
หอกน้ำจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนได้ปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของเธอ แม้เธอจะยังคงหัวเราะ
แต่ดวงตาของเธอกลับไม่ได้หัวเราะตามไปด้วย
[ ก็ได้ ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เอง . . เตรียมตัวซะ ]
สายฟ้าจำนวนมากได้ปรากฎขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มของโทนิทุรูซุ
แม้ว่าจะเป็นเขาที่เป็นคนบอกให้ทั้งคู่ห้ามสู้กัน แต่ตอนนี้หัวใจของโทนิทุรูซุกับสูบฉีดเนื่องจากตื่นเต้นที่จะได้ต่อสู้กับศัครูทั้ง 2 ที่อยู่ระดับเดียวกับเขา
บางที นี่อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาของเผ่าปีศาจเองก็เป็นได้ . .
[ ฮ่าๆ แม้ว่าแกจะไม่มีทางแทน ยูยะ ได้ แต่ !!!! ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับแกเอง ไอ้กระจอก ]
[ เฮ้อ คำก็ “จะฆ่า”บ้าง คำก็”กระจอก” บ้าง เดียวข้าคนนี้จะสอนเจ้าให้รู้ตัวสักทีว่า”อย่าโอ้อวดให้มากนัก” . . . ]
. . . ราวกับเวลาถูกหยุดไปชั่วขณะ
และในวินาทีต่อมา 3 ปีศาจผู้อยู่บนจุดสูงสุดชนชั้น ไฟ น้ำ และ สายฟ้า
ได้เริ่มการต่อสู้ของพวกเขาพร้อมๆกัน . . .