บทที่ 19 – ชายลึกลับ
หลังจากนั้นก็ได้ฟังเรื่องราวเพิ่มเติมจากรินนะว่า.. จริงๆ แล้วน้องชายของเธอมีปาร์ตี้ด้วย.. ตามความจริงแล้วเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีนั้น
จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าหอคอยได้.. เพราะต้องผ่านสิ่งที่เรียกว่าบทเรียนก่อน ซึ่งเจ้าบทเรียนนี้นี่แหละจะมาจากโรงเรียนฝึกผู้ใช้อารยธรรม
ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ตั้งขึ้นโดยองค์กรบอร์เดอร์ไลน์นั่นเอง โรงเรียนนี้ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องเสียค่าเทอมหรืออะไรทั้งสิ้น
ที่ต้องใช้จ่ายก็มีแค่ค่าอยู่ค่ากินเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าน้องชายของรินนะเองก็สามารถเลือกเส้นทางนั้นได้ ถึงจะบอกว่าไม่ค่อยจะมีเงิน
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจน.. เอาเข้าจริงคนที่อยู่ในเมืองลอยน้ำได้ไม่น่าจะมีคนจนหรอก.. จริงๆ ที่ครอบครัวเธอเริ่มไม่มีเงินใช้ก็เกิดจากพ่อที่เคยเป็นผู้ใช้อารยธรรมเสียชีวิตในหอคอย
ดังนั้นครอบครัวพวกเธอจึงเหลือกันแค่สามคนคือ แม่ พี่สาวและน้องชาย ทำให้ครอบครัวตกที่นั่งลำบาก
น้องชายขอวงรินนะจึงไปเข้าทดสอบความเข้ากันได้กับแร่.. และแน่นอนว่าความเข้ากันได้ค่อนข้างสูงจึงทำให้น้องเธอสามารถใช้แร่ได้ทันทีจากองค์กร
และได้รับอารยธรรมมา แต่แทนที่จะเลือกไปโรงเรียน เด็กหนุ่มกลับเลือกที่จะเข้ามายังหอคอยเพื่อหาเงินให้พี่สาวและคุณแม่
พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่มีอายุเยอะกว่า.. อย่างที่บอกต่ำกว่าสิบห้าจะไม่สามารถเข้าหอคอยได้ แต่อายุ 15-18 ก็ใช่ว่าจะเข้าได้ทันที
เพราะต้องผ่านเงื่อนไขหลายอย่างและการเข้าหอคอยก็ไม่อนุญาตให้เข้าคนเดียวด้วยต้องไปร่วมทีมกับคนอื่นอย่างต่ำสามถึงห้าคน
แน่นอนว่าน้องชายของรินนะก็ไปขอเข้าร่วมกับคนที่อายุมากกว่าไม่กี่ปีที่ว่านั้น.. และปัจจุบันห้าวันแล้วที่เด็กคนนั้นหายตัวไป
“อย่างน้อยก็น่าจะอยู่ชั้นสามงั้นสินะ”
มิวพึมพำ.. เพราะรินนะบอกไว้ว่าน้องชายกับเพื่อนน่าจะขึ้นไปถึงชั้นสามได้แล้ว.. เพราะถึงพูดเองจะยังไงอยู่
น้องชายเธอค่อนข้างมีพรสวรรค์เลยล่ะ ใช้อารยธรรมที่ค่อนข้างทรงพลังได้ด้วย.. ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นอารยธรรมแบบไหนก็เถอะ
ในขณะที่มิวเดินนำแล้วก็มีสาวน้อยสองคนกำลังเดินตามหลัง.. เอริเนียยังว่าไปอย่างที่เดินหน้านิ่ง แต่ทางฝั่งของรินนะกลับมองซ้ายมองขวาไปยังโลกที่ไม่รู้จัก
เพราะเธอพึงจะเคยเข้ามาที่นี่ครั้งแรกเหมือนกัน.. อันที่จริงทุกคนก็เข้ามาครั้งแรกนั่นแหละ.. ตามแผนเดิมของมิวก็คิดว่าจะแค่ข้ามาดู
แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงไม่มีทางเลือกอื่น.. เพราะถ้าเจ้าพวกผู้ใช้อารยธรรมที่เธอเจอมาคือนับว่าค่อนข้างเก่งแล้ว
ก็คงไม่ค่อยมีปัญหาสำหรับเธอเท่าไหร่.. ในระหว่างเดินทางตามหาทางขึ้นชั้นต่อไปซึ่งไม่มีอยู่จริง.. การจะไปยังชั้นต่อไปได้นั้นต้องกำจัดศัตรูให้ถึงจำนวนหนึ่งก่อน
แน่นอนว่าที่เดินหาก็คือหาศัตรูนั่นแหละ.. แต่ตามเรื่องราวคือหาทางขึ้นชั้นต่อไปอะนะ.. ศัตรูที่บุกเข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นปีศาจที่หน้าตาคล้ายกับ Goblin
แต่ไม่น่าจะใช่เพราะตัวของมันเป็นสีฟ้า และมีหูที่แหลมยาวยิ่งกว่า Goblin แม้ขนาดตัวและรูปร่างจะคล้ายกันแต่ก็มีบางตัวที่มีร่างกายกำยำ
สูงเตี้ย เหมือนกับคน..และก็อย่างที่บอกไว้เมื่อมันจอพวกมิว มันก็โจมตีในทันทีเลย..
“พี่..นี่แข็งแกร่งจังเลยนะ พี่เป็นผู้ใช้อารยธรรมเหรอ?”
“จะว่างั้นก็ได้มั้ง?”
มิวไม่ได้ตอบออกไปตรงๆ ก็แหม ถ้าจะบอกว่าเธอคือคนที่ประหลาดที่สุดในโลกในตอนนี้ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่เพราะเป็นมังกรที่เสกสิ่งมีชีวิตอื่นได้
เอาแค่นี้ก็แปลกเกินจะบรรยายแล้วล่ะ.. ในตอนนั้นเองปีศาจตัวสีฟ้าห้าตัวก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้า
“ก๊าซซซซซ”
เมื่อพวกมันเห็นมิวและคนอื่นๆ ตาของพวกมันแดงก่ำพร้อมกับกระโดดใส่อย่างรวดเร็วทันที แต่มิวก็ยกไม้ที่คล้ายไม้กายสิทธิ์ขึ้นชี้ออกไป
ปลายไม้เปล่งแสง ก่อนจะปัดเป่าร่างกายปีศาจตัวสีฟ้าจนกระจุยหายไปอย่างง่ายดาย.. แต่ไม่รู้สิมิวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังใช้เวทมนตร์อยู่เลย
ทั้งที่มังกรใช้เวทมนตร์ไม่ได้แท้ๆ
ในขณะที่ทั้งสามเดินไปเดินมาในเมืองร้างด้วยความสบายใจนั้นเอง.. ห่างออกไปไม่กี่เมตรก็มีชายคนหนึ่งนั่งพิงบ้านหลังหนึ่งอยู่
สภาพของเขาค่อนข้างดูเหมือนกับขอทาน..หรืออาจจะมากกว่านั้นเพราะผมเผ้าค่อนข้างยุ่งเหยิง เสื้อขาดวิ่นเป็นรูเต็มไปหมด
มิวที่เห็นแบบนั้นก็เลิกคิ้ว เดินเข้าไปด้วยความระมัดระวัง.. เพราะว่าเท่าที่มิวอ่านมาในชั้นนี้ไม่น่าจะมีศัตรูที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์
กล่าวคืออีกฝ่ายอาจจะเป็นคนเหมือนแบบกรณีที่มิวเจอกับรินนะ.. เมื่อมิวเดินเข้าไปถึงชายที่มีรูปร่างผอมแห้งก็เงยหน้าขึ้นมา
“จ…เจ้า..”
“เจ้าเหรอ?”
ไอ้การใช้คำที่ดูย้อนยุคแบบนี้มัน..
“มีน้ำให้ข้าหรือไม่.. ข้าคอแห้งเหลือเกิน”
“ฉันมีค่ะ”
คนที่ตอบไม่ใช่มิวแต่เป็นรินนะที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอหยิบขวดน้ำออกมาจากกระเป๋าแล้วเดินเอาไปให้ แต่ถูกมิวห้ามไว้
ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนที่มิวจะพยักหน้าให้ รินนะจึงมอบขวดน้ำให้กับมิว และคนที่เดินเข้าไปก็คือมิว
เมื่อชายคนนั้นได้กินน้ำแล้ว.. ดวงตาเขาจึงมองเห็นหน้ามิวชัดเจนขึ้น เมื่อเขามองเห็นหน้ามิวจู่ๆ เขาก็น้ำตาไหลพรากออกมา
“ท่าน.. ท่าน..”
เขาร้องไห้ด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างน่าประหลาด มิวไม่แน่ใจเรื่องปฏิกิริยาของชายคนนี้เท่าไหร่นในขณะที่เธอเอียงคอด้วยความสงสัยนั้นเอง..
“อ้ะ.. นี่มันหรือว่า ‘ชายลึกลับในหอคอย’ ที่กำลังเป็นข่าวลือกัน?”
รินนะที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้.. มิวถึงกับขมวดคิ้วทันที ข่าวลือเหรอ.. เธอมั่นใจว่าตัวเองอ่านเน็ตสืบหาข้อมูลมาเยอะ
แน่นอนว่าก่อนที่เธอจะเข้าหอคอยเธอก็อ่านด้านในหอคอยมาเยอะเหมือนกัน ไม่งั้นเธอคงไม่เดินเข้ามาแบบสุ่มๆ หรอก.. แต่ข่าวลือที่ว่าเธอไม่ยักจะรู้จัก
“มันคืออะไรเหรอ.. ทำไมฉันไม่เห็นเคยอ่านเจอเลย”
“อ้ะ.. พี่คงไม่ได้ติดตามบล็อกเกอร์ที่ชื่อ ‘ไรเดอร์จัง’ ละสิ.. ที่บล็อกนั้นน่ะจะมีผู้ใช้อารยธรรมคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า ‘ไรเดอร์จัง’ คอยอัปเดตทุกอย่างในหอคอยน่ะ”
“….?”
“ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ‘ชายลึกลับในหอคอย’ นั่นแหละพี่.. ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครเหมือนจะไม่ใช่คนจากโลกด้านนอก..แต่กลับไม่เหมือนคนในหอคอย เพราะปกติคนในหอคอยมักจะโจมตีคนจากโลกด้านนอกเสมอ”
เธออธิบายอย่างรวดเร็ว เหมือนเจ้าตัวรินนะเองก็จะชอบผู้ใช้อารยธรรมพอสมควรเลย ก็นะ มีพ่อเป็นผู้ใช้อารยธรรมจะหลงไหลก็คงไม่แปลก
“แต่เขาคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่โจมตี แต่ยังเหมือนจะขอความช่วยเหลือด้วยการขอน้ำกิน ทุกคนเลยคาดเดาว่า.. บางทีนี่อาจจะเป็นไอสิ่งที่คล้ายกับ ‘NPC’ ในเกม”
“เหมือนมารอให้เควสอะไรทำนองนั้น.. จนคนตามหาลุงแกอยู่แทบทุกวัน แต่พอไม่ว่าจะให้น้ำหรือไม่ให้น้ำแก..แกก็จะเดินจากไปอยู่ดี”
อาจจะเพราะรินนะกำลังเล่าอย่างตั้งใจอยู่ก็ได้ เลยไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าตาลุงลึกลับนี้ไม่ได้ลุกเดินจากไปหรือแม้แต่หายไป
เขากำลัง.. ก้มลงแล้วก็ร้องไห้
“คุณรินนะคะ.. ถ้าเป็นอย่างที่คุณบอกจริง.. แล้วทำไมเขาถึงไม่จากไปแต่เริ่มร้องไห้แทนละคะ”
มิวถามด้วยความสับสน ดึงสติของรินนะกลับมา.. พอรินนะเห็นชายลึกลับเธอก็อุทานด้วยความสับสน
“เอ้ะ.. จริงด้วย.. หรือจะไม่ใช่?”
ภายใต้ความสับสนของคนทั้งสองนั้นเอง ชายลึกลับก็เริ่มพูดทั้งน้ำตา
“เป็นเพราะข้าไม่ได้ความเอง.. เป็นเพราะข้าไร้ความสามารถเอง ทุกคนถึงได้ตาย.. ทั้งที่พวกเรา.. ทั้งที่พวกเราทุกคน— แค่กๆ”
เขากล่าวด้วยความรู้สึกเสียใจ ก่อนจะไอออกมาเป็นเลือด
“ท่าน.. ท่านมิว ข้าขอโทษจริงๆ..”
“เพราะพวกเรามัวแต่พึ่งพลังของท่าน…”
“ข้าขอโทษ.. ข้าขอโทษ”
เขาพูดทั้งน้ำตาพร้อมกับเสียงที่แหบพร่า อาจจะเป็นเพราะหัวใจเต้นระรัวเกินไปเพราะความตื่นเต้นมากเกินไปทำให้ร่างกายเขาเริ่มทรุดลงกับพื้น
“ฮะ.. เฮ้ย”
มิวตกใจ.. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายทำไมถึงรู้ชื่อตัวเองหรือแม้แต่อาการที่ย่ำแย่ลงของอีกฝ่าย..
“เป็นอะไรหรือเปล่า…? นายเป็นใคร..?”
“อย่างที่คิด.. ท่านเคยบอกกับพวกเราไว้สินะ.. ว่าท่านจะจดจำพวกเราไม่ได้ในอนาคต.. แต่แบบนี้แหละดีแล้ว”
“ข้าถึงกล้าขอโทษ.. ที่ข้าไม่สามารถปกป้องนาง..เอาไว้ได้”
“ข้าขอโทษจริงๆ..”
“ท่านมิว.. ท่านหญิง…”
เสียงของชายหนุ่มเริ่มแหบพร่าลงอย่างเห็นได้หัวใจของเขาที่เต้นระรัวก่อนหน้านี้กลับเต้นช้าลงอย่างผิดจังหวะ
มิวพยายามพุ่งตัวเข้าไปช่วยชายลึกลับเอาไว้แต่ก็..สายเกินไปหัวใจของเขาหยุดเต้นต่อหน้าต่อตาของมิวและทุกคน
….. “นี่มัน..เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย”