บทที่ 25 – วิกฤตครั้งแรก
แน่นอนว่าความวุ่นวายด้านนอกที่กำลังเกิดขึ้นนั้นทางด้านมิวไม่สามารถรับรู้ได้เลย.. และแน่นอนว่าในความจริงแล้ว
จำนวนศัตรูที่อยู่ตอนนี้มันก็เกินจริงอยู่มาก ไม่สิ ถ้าจะให้บอกก็คือต่อให้เป็นองค์หญิงหรือองค์ชายตอนทำเควสนี้ก็ไม่มีทางจะเรียกสัตว์ประหลาดมาเยอะขนาดนี้
คนที่ทำได้ก็คงมีแต่มิว.. อย่างที่เควสบอกก็คือเมื่อกำจัดศัตรูหมด WAVE ศัตรู WAVE ใหม่ก็จะโผล่ออกมา
เควสไม่ได้ระบุว่ามีกี่ WAVE แต่บอกว่าต้องรอจนครบ 24 ชั่วโมง.. นั่นหมายความว่าอย่างไร
หมายความว่าทุกครั้งที่ฆ่าศัตรูหมด ศัตรูรอบใหม่ก็จะมาทันที ซึ่งที่มิวทำแทนที่จะบอกว่าเป็นการฆ่าศัตรู
ควรจะบอกว่าเป็นการกวาดล้างมากกว่าด้วยซ้ำ ดังนั้น WAVE ที่พวกมิวทำได้มันถึงเยอะมาก เพราะคนอื่นไม่มีทางสามารถฆ่าศัตรูได้เยอะขนาดนั้นภายใน 12 ชั่วโมงแบบที่มิวทำนั่นเอง
ไม่สิ ต่อให้จนครบ 24 ชั่วโมงก็ไม่มีทางกำจัดศัตรูได้จนมาถึง WAVE ที่มิวทำอยู่ตอนนี้ได้ด้วยซ้ำ
สรุปก็คือ.. เควสนี้มันไม่ควรจะยากขนาดนี้ถ้ามิวไม่ใช้ท่ากวาดล้างบ้าๆ บอๆ ของเธอ.. อันที่จริงถ้าเจ้าตัวอ่านข้อความเควสแตกฉานตั้งแต่แรก
บางทีเธอคงจะเลือกวิธีจับพวกศัตรูที่บุกเข้ามาใส่กรงไว้แล้วไม่ทำอะไรรอจนกว่าเวลาหมด แค่นั้นก็ไม่มีศัตรู WAVE ใหม่แล้ว
เพราะทุกๆ WAVE ศัตรูจะเพิ่มจากเดิมถึง 50% เลยซึ่งศัตรูรอบแรกๆ หลักร้อยก็จริงแต่ไม่นานมันก็หลักพันหลักหมื่นได้อย่างรวดเร็ว
กล่าวคือ.. วิธีการกำจัดศัตรูแบบเป็น WAVE ไปเรื่อยๆ ตามที่เควสบอกมันไม่มีใครหน้าไหนทำได้หรอก
แทนที่จะรอให้จำนวนมันเพิ่มขนาดนั้นสู้จับยัดเข้าห้องกรงแต่แรกจะง่ายกว่า.. แต่ทว่ามิวเลือกที่จะกวาดล้าง
ไม่สิ ต้องบอกว่าเธออ่านคำอธิบายเควสไม่แตกเองมากกว่าละนะ.. สถานการณ์เลยเป็นแบบที่เห็นในปัจจุบันนี้
พอผ่าน 12 ชั่วโมงไปแล้ว.. ศัตรูที่เริ่มโผล่มาก็ไม่ใช่แค่ศัตรูที่รินนะเคยเห็นจากใน 10 ชั้นแรกอีกต่อไป..
เพราะศัตรูแต่ละตัวมันแทบไม่ได้ติดเชื้อไวรัสที่คล้ายไวรัสซอมบี้แล้ว.. เอาเข้าจริงศัตรูที่เจอในตอนนี้พวกเธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันคือศัตรูในหอคอยหรือเปล่า
“พี่… ไอ้ตัวบ้านั่นมันคืออะไร”
“ฉันจะไปรู้กับเธอเหรอ แต่ที่แน่ๆ สยองชะมัด”
ทั้งคู่ต่างพากันอกสั่นขวัญผวา เพราะบนฟ้าห่างออกไปได้มีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่เบ้อเร่อหนึ่งลอยอยู่
มันไม่ได้จ้องมองมาที่พวกเธอ เพราะไม่มีตาให้มอง แต่มันลอยอยู่ตรงนั้นมาสักพักใหญ่แล้ว.. แถมรูปร่างของมันก็น่ากลัวมาก
เพราะมันเหมือนกับสมองของบางสิ่งบางอย่าง.. แต่ขนาดของมันใหญ่มาก.. ใหญ่เกินกว่าจะเป็นสมองของสิ่งมีชีวิตด้วยซ้ำ
“เอ้ะ…”
ในขณะที่กำลังสยองกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นั่นเอง เสียงบางอย่างดังขึ้นในหัวของรินนะจนเธอต้องอุทานขึ้นมาพร้อมกับเรียกหน้าต่างเควสมาดู
“พะ…พี่….”
“มีอะไรเสียงสั่นขนาดนั้น?”
“ดูนี่สิ..พี่..”
มิวไม่เข้าใจว่าอีกฝ่าเสียงสั่นทำไมแต่พอมองไปที่หน้าต่างเควสมิวก็เริ่มสะดุ้ง เพราะจำนวนของการเปลี่ยน WAVE มันเร็วขึ้น.. เร็วขึ้นพอกับช่วงแรกเลย
“ไหงงั้นอ่ะ…”
“…..”
ทั้งคู่มองออกไปด้านนอกหน้าต่างและมองเห็นศัตรูที่วิ่งเข้ามาชนกำแพงที่มองไม่เห็นนั้นก็แทบจะผงะ เพราะสัญชาตญาณของพวกเธอบอกเลยว่า
ไอ้พวกศัตรูที่พุ่งเข้ามานั้นราศีพวกมันไม่ใช่ศัตรูระดับกีกี้.. แต่เป็นระดับบอสแน่ๆ .. และที่ WAVE เปลี่ยนเร็ว
เพราะแค่ไอ้พวกระดับบอสไม่กี่ตัวนี่เก่งพอๆ กับสัตว์ประหลาดกระจอกนับหมื่นตนตอนแรกพอคิดได้แบบนี้มิวกับรินนะก็มองหน้ากัน
“พี่.. บาเรียของพี่คงไม่แตกใช่ไหมพี่”
“…”
มิวพูดไม่ออก แน่นอนว่ารินนะต่อให้ชอบความตื่นเต้นขนาดไหนแต่ถ้าความตายประเคนมาถึงหน้าขนาดนี้ไม่ควรเรียกความตื่นเต้นหรอก
แบบนี้มันตื่นเต้นไม่ได้ ตื่นเต้นสำหรับรินนะต้องเสี่ยงตาย.. แต่นี่หากหลุดเข้ามาสักตัวเธอคงตายคาที่เลยมากกว่า
แน่นอนว่าทางมิวเองก็รู้เหมือนกันว่า เธอควรจะผนึกพวกสัตว์ประหลาดไว้มากกว่า.. เธอรู้ว่าตัวเองอ่านเควสไม่แตกตรงไหนแล้ว
แต่จะมาปิดอาณาเขตจิตมังกรกับเนตรทำลายล้างตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว..
“เอาน่า..เหลืออีกแค่ไม่ถึง 10 ชั่วโมง”
มิวพยายามปลอบรินนะ ถึงจะไม่ค่อยอยากก็เถอะนะ..
มิวไม่กล้าขยับออกจากหน้าต่างหรือละสายตาไปจากโลกด้านนอกเลย เพราะหากมันมีคนหลุดเข้ามาได้จริงๆ บางทีเควสนี้คงล้มเหลวทันที
เพราะต่อให้เธอจะแข็งแกร่ง แต่บ้านหลังนี้หรือคนที่ต้องปกป้องก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น
โชคยังดีแม้ผ่านมาอีก 5 ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับอาณาเขตจิตมังกรของเธอ.. เหลืออีกแค่ 5 ชั่วโมงสุดท้ายเควสก็หมดแล้ว
ถึงแม้ไอ้พวกสัตว์ประหลาดที่บุกเข้ามาน่าจะเก่งพอที่จะฆ่าองค์หญิงองค์ชายทั้งหมดได้พร้อมกันอย่างง่ายดายแล้วก็ตาม
แต่เหมือนว่าพวกมันทำได้แค่วิ่งบุกเข้ามาตรงๆ เท่านั้นมิวที่สังเกตเห็นแพทเทิร์นการเคลื่อนไหวของมันถึงได้เข้าใจได้ว่า
“พวกนี้เป็นเหมือนแค่ร่างเปล่า”
ใช่ พวกมันเหมือนไม่มีความคิด เพราะพวกมันไม่เลือกที่โจมตีหรือปล่อยพลังออกมาก่อนเลย มิวจึงคิดว่าพวกมันน่าจะเริ่มโจมตีก็ต่อเมื่ออยู่ในระยะที่เจอคนมากกว่า..
เพราะมันก็มีหลายตัวแล้วที่หลุดเข้ามาในเขต เพราะเป็นสัตว์ประหลาดประเภทไม่มีร่างกาย ไม่มีสสารทางกายภาพ.. แบบพวกวิญญาณอะไรทำนองนั้น
ซึ่งพวกมันเข้ามาก็เริ่มโจมตีที่เห็นมิว.. แต่ยังดีที่มิวเห็นพวกมันก่อนเลยกำจัดได้.. มิวจึงเข้าใจทันทีว่า
ถ้าตัวเองกางอาณาเขตเล็กกว่านี้อีกหน่อย บางทีคงมีสัตว์ประหลาดประเภททำลายจิต ทำลายอาณาเขตจิตของเธอไปแล้วนั่นแหละ
เพราะเท่าที่ดูมาสัตว์ประหลาดแต่ละตัวที่บุกเข้ามาก็มีร่างกายที่แบบว่า.. เหมือนสัตว์ประหลาดจากปกรณัมอะไรบางอย่างไปแล้ว
ส่วนถ้าถามว่าผ่านไปกี่ WAVE แล้วละก็.. คงไม่สามารถตอบได้เพราะเลขมันเปลี่ยนรัวจนมองไม่เห็นแล้วว่าเป็น WAVE ที่เท่าไหร่
ที่แน่ๆ ก็หลักหมื่นแล้ว
“แต่ว่า…”
และที่น่ากลัวจริงๆ ไม่ใช่พวกที่อยู่บนพื้นนี่.. แต่เป็นสมองขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนฟ้า มันลอยอยู่เฉยๆ มาตลอดห้าชั่วโมง
ไอ้สมองนี่ก็สภาพไม่ต่างจากพวกด้านล่างคือเหมือนด้านในจะกลวงโบ๋ไปเลย แต่ทว่า..ในวินาทีที่มิวคิดแบบนั้นเอง
สมองนั้นก็เหมือนกับ…สั่นไหวเล็กน้อย! วินาทีที่มันสั่นไหวนั้นร่างกายมิวแข็งค้างอย่างแปลกประหลาด
ความรู้สึกบางอย่างพุ่งพรวดขึ้นมาจากด้านในอกของเธอ.. ไม่ใช่แค่มิวเท่านั้นแต่รินนะและเอริเนียก็เช่นกัน
เอริเนียที่เป็นเด็กนิ่งๆ ไม่พูดไม่จายังลุกขึ้นก่อนจะวิ่งออกไป.. พร้อมกับรินนะ พวกเธอเหมือนจะวิ่งไปทางที่สมองนั้นอยู่
“พวกเธอจะทำอะไร…!!?”
มิวตะโกนออกมาพร้อมกับใช้พลังตัวเองหยุดพวกเธอเอาไว้..
“ฉัน..ต้องกลับ..พี่.. ปล่อยฉัน”
“กลับ..บ้าน..กลับบ้าน…”
ขนาดเอริเนียที่ไม่ค่อยพูดหรือเคลื่อนไหวเธอยังดิ้นรนพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโหยหาอย่างคาดไม่ถึง
มิวเองก็อาการไม่ดีเท่าไหร่นัก ความรู้สึกบางอย่างที่เธอก็ไม่เข้าใจมันพุ่งกระแทกเข้าสู่สมอง.. เข้าสู่จิตใจเธอโดยตรง
มันไม่เหมือนกับมิวและรินนะ..
“สะกดจิตเหรอ.. เพราะฉันไม่ได้รับผลเลยคิดจะทำลายจิตใจของฉันแทนหรือไงวะ”
มิวบ่นออกมา.. แน่นอนว่ามันเป็นการคาดเดาของเธอ.. อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอต้องทำในห้วงจิตคือกางอาณาเขตจิตมังกร
แถมต้องหยุดรินนะกับเอริเนียโดยไม่รุนแรงกับพวกเธอ.. ยังต้องมาอดทนไม่ให้ความรู้สึกบางอย่างมันกลืนกินตัวเธออีกด้วย
นี่…เป็นวิกฤตครั้งแรกของมิวนับตั้งแต่ตอนเจอกับผู้กล้ามหาเผ่าพันธุ์!!
แต่ทว่า…
นั่นไม่ใช่จุดที่เลวร้ายที่สุด..
เพราะ..เจ้าทราฟก็ค่อยเดินออกจากห้องมาเพราะถูกสะกดจิตโดยสมองลึกลับนั่นเหมือนกัน.. และใช่ที่เจ้าทราฟต้องทำคือหากำลังใจในเวลา 24 ชั่วโมง..
แต่ว่า.. ตอนนี้มันไม่ได้อยู่กับความคิดตัวเองเพราะอยู่ในสถานการณ์ถูกสะกดจิต…กล่าวคือ..เวลาที่เหลือ 5 ชั่วโมงดังกล่าว
ก็ถูกยืดออกไปจนกว่ามันจะได้อยู่กับความคิดตัวเองอีกครั้งเวลาถึงจะเริ่มนับถอยหลังต่อ..
มิก็ทราบเรื่องนั้นทันทีที่ทราฟเดินออกจากห้อง
เหงื่อเธอไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้…
“นี่บ้าอะไรวะเนี่ย!!!”
………