บทที่ 52 – คนที่ไม่มีแต่ศักดิ์ศรี
อาจจะเพราะความโกรธและความหงุดหงิดของรินนะตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เธอไม่ได้มองอะไรนอกจากการล้างแค้นเลย
อีกทั้งทุกครั้งที่เธอฆ่า.. ทุกครั้งที่เลือดสีแดงสาดกระจายสิ่งเหล่านั้นจะเป็นพลังให้กับรินนะอยู่เสมอ
สัญชาตญาณของอารยธรรมคือเลือดของสิ่งมีชีวิต ยิ่งเธออาบโชกไปด้วยเลือดมากขึ้นเท่าไหร่เธอจะยิ่งใกล้กับอารยธรรมของเผ่าพันธุ์มากขึ้น
อารยธรรมเผ่าพันธุ์นั้นเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่หายากที่สุดในโลกนี้เลยก็ว่าได้ โดยปกติแล้วอารยธรรมที่ได้รับมาจากประตูบอร์เดอร์นั้น
มักจะมาในรูปแบบของพลังพิเศษ วัฒนธรรมหรือวิทยาการ.. แน่นอนว่ามันก็มีรายละเอียดที่ซับซ้อนลงไปอีก
เช่นในแต่ละประเทศนั้นลักษณะโดยเฉลี่ยของโลกในประตูบอร์เดอร์จะแตกต่างกันออกไปตามแต่วัฒนธรรมตามประเทศ
อย่างเช่นประเทศจีน.. ก็อาจจะมีโลกที่เกี่ยวกับการฝึกตนค่อนข้างเยอะ.. ญี่ปุ่นก็จะเน้นไปที่ซามูไรกับนินจาหรือผู้ใช้วิชาอะไรทำนองนั้น
ประตูบอร์เดอร์ส่วนมากจึงเป็นประตูบอร์เดอร์ที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมของตามแต่ละพื้นที่แล้วแต่ปัจจัยอีกหลายอย่างตามแต่สถานการณ์
แต่แน่นอนว่าอีกเกือบ 40% ก็เป็นโลกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เช่นโลกยุคอนาคต โลกในอดีต โลกอะไรก็ว่ากันไป
แต่ไม่ว่าจะโลกไหนอารยธรรมที่สามารถนำมาจากบอร์เดอร์นั้นได้ ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของวัตถุที่จับต้องหรือสืบทอดได้
เช่นเวทมนตร์ก็อาจจะได้เรียนเวทมนตร์จากคนในโลกนั้น.. หรือวิทยาการก็อาจจะได้ความรู้วิทยาการมาจากโลกนั้น
แต่แน่นอนว่าเพราะโลกใบนี้ไม่ได้มีอารยธรรมเช่นนี้อยู่ การเอามาอยู่ในโลกนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้…
ใช่ ถ้าไม่มีแร่พิเศษที่สกัดมาแล้วอยู่ในตัว.. แร่นั้นทำให้ผู้คนสามารถกลายเป็นผู้ใช้อารยธรรมจากอีกโลกได้นั่นเอง
และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ใช้อารยธรรมเผ่าพันธุ์ถึงน้อยและเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่หายากและแปลกประหลาดที่สุด
เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่สามารถสืบต่อมาได้ผ่านความเข้าใจ.. แต่มันคือการเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ให้กลายเป็นบางอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์
เปลี่ยนในระดับโครงสร้าง DNA หรือเซลล์ชีวภาพ.. จึงไม่แปลกที่มันจะเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่ลึกลับที่สุดบนโลก
และรินนะเองก็เหมือนจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่าทุกครั้งที่เธอฆ่าคน เธอไม่ได้เพียงแต่ห่างไกลจากความเป็นมนุษย์มากขึ้น
แต่ความแข็งแกร่งของเธอก็ยังเพิ่มมากขึ้น.. ตราบใดที่เธอฆ่าคนได้ เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอจะไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่นิด
เอาเข้าจริงแม้แต่ความตายยังไม่สามารถมาถึงเธอได้.. แม้เธอจะไม่เคยโดนเพราะไม่มีใครทำได้.. แต่เธอรู้สึกว่าต่อให้หัวขาดเธอก็ไม่ตายด้วยซ้ำ
แต่เรื่องแบบนั้นมันไม่ได้อยู่ในหัวเธอ.. เธอในตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ เต็มไปด้วยไฟแค้น ความแค้นของเธอหากเปลี่ยนเป็นเพลิงได้
ป่านนี้มันคงเผาไหม้แม้แต่เมืองทั้งเมืองได้เลยด้วยซ้ำ.. และเพราะไม่มีใครสามารถตอบคำถามเธอได้เลย ความโกรธแทนที่จะลดลงมันกลับมากขึ้นด้วยซ้ำ
ทว่า.. คนตรงหน้ากลับตอบว่ารู้จัก… ความโกรธที่ลุกโชติมาตลอดหลายชั่วโมงหลายวันถึงกับหยุดชะงัก
ดวงตาของรินนะที่ตอนแรกแม้จะมองเอวานอยู่ แต่กลับเหมือนไม่มอง เหมือนกำลังหาเป้าหมายต่อไป แต่เมื่อคำตอบนั้นหลุดออกมาก
“เธอรู้เหรอ…?”
มือที่บีบคอของรินนะก็ปล่อยออกทันที เอวานไอออกมาด้วยสีห้าที่เกือบจะตาย น้ำหูน้ำตาไหลออกมาเธอไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
พอรินนะมองอีกฝ่ายดีๆ รินนะก็เหมือนจะพึ่งสังเกตเห็นว่า..
“เดี๋ยวนะ.. เธอ..คนธรรมดาเหรอ ทำไมถึงมาอยู่ในชั้นสามได้?”
แม้รินนะจะเคยปลาบปลื้มผู้ใช้อารยธรรมมาก่อน แต่ตอนนี้ความปลื้มเหล่านั้นหายไปหมดแล้ว มันเต็มไปด้วยความเกลียดชังแทน
แน่นอนว่าเธอก็เกลียดชังแค่ผู้ใช้อารยธรรม สำหรับคนธรรมดาเธอไม่ได้เกลียดอะไร เพราะเดิมทีพวกคนธรรมดาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
ใช่.. เธอรู้เรื่องนั้นดีไอ้ความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ได้ ทั้งที่เห็นหัวของน้องชายตัวเองถูกขายอยู่ในตลาดมืดน่ะนะ แต่ว่าเธอได้รับโอกาสมาแล้ว
ต่อให้ต้องตาย.. เธอก็จะทำลายตลาดมืดให้ได้!
เมื่อนึกถึงความตายของน้องชายเธอก็ไม่สนใจเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใช้อารยธรรมหรือคนธรรมดา
“แล้วที่ว่ารู้นี่คือมันอยู่ที่ไหน?”
“ด้านหลังห่างออกไปประมาณ 400 เมตร”
เอวานกลัวที่จะตายเธอรีบชี้นิ้วไปด้านหลัง ซึ่งรินนะถึงกับขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ตรงนั้นไม่มีอะไรนอกจากซากปรักหักพัง
อันที่จริงเธอก็เคยเดินเข้าไปทางนั้นอยู่หลายรอบแล้วเหมือนกัน แต่ว่าก็ไม่เจออะไรอยู่ดี.. นั่นแน่นอนว่าแม้จะบอกว่าเป็นการลวงตา
แต่หากจะให้พูดเข้าใจง่ายๆ วังวนลวงหลอกก็แทบจะเป็นการสร้างต่างมิติทับขึ้นมาแล้ว ไม่แปลกที่รินนะจะไม่สามารถหาเจอ
รินนะขมวดคิ้วกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเอวานไม่ใช่ไม่รู้เรื่อง เธอรีบพูดทันที..
“เมืองแห่งวังวนคือเมืองที่เหมือนกับอีกมิติหนึ่งไปแล้ว.. คนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้สร้างจะไม่สามารถเข้าไปได้.. และต่อให้เข้าไปได้…”
“ต่อให้เข้าไปได้จะทำไม?”
เอวานอยากจะทุบหัวตัวเองแรงๆ ไม่น่าพูดคำต่อท้ายไปเลย.. เธอลืมไปเลยว่าถ้าขืนตัวเองพูดเรื่องด้านลบขององค์กรออกไปเธอคงจะถูกเก็บทันที
พอมานึกได้ก็ดันเผลอพูดสิ่งที่คิดไปซะแล้ว.. จะมาปิดบังเอาตอนนี้เธอคงตายด้วยน้ำมือของคนตรงหน้าก่อนจะตายเพราะองค์กรแน่ๆ
เธอรู้จักผู้หญิงคนนี้.. เธอเป็นหมาที่แว้งกัดตลาดมืดของไอ้นันโจเจ้าของเมืองแห่งวังวน เพราะไม่กี่วันก่อนเริ่มล่าผู้ใช้อารยธรรมที่อยู่แถวนี้
แถมยังตามหาที่ตั้งของตลาดมืดด้วย…. แม้ทางด้านตลาดมืดยังไม่กล้าออกมาล่าเธอ เลือกที่จะตั้งค่าหัวแทน เพราะยังไงซะอารยธรรมที่เธอใช้นั้นน่าสนใจดี
แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเอวาน.. เธอไม่ได้ต้องการอารยธรรมของอีก่าย และไม่ได้คิดว่าตัวเองจะสามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้
อีกอย่างเธอยังรู้ดีว่าโลกด้านนอกถึงขั้นคิดว่าปีศาจนี่ไม่ใช่ผู้ใช้อารยธรรมกันด้วยซ้ำ คิดว่าเป็นบอสปริศนาที่โผล่มาเหมือนตอนชั้นสามเมื่อหลายวันก่อน
เพราะหอคอยเริ่มการเปลี่ยนแปลง… แต่ความจริงแล้วทางตลาดมืดที่ติดตามดูการเคลื่อนไหวของมันรู้ว่ามันคือผู้ใช้อารยธรรม
แถมน่าจะเป็นระดับองค์หญิง.. ทำไมถึงมีผู้ใช้อารยธรรมระดับองค์หญิงโผล่ขึ้นมาได้นั้นไม่มีใครรู้ แต่มันก็น่าจะเป็นแบบนั้น
เพราะงั้นพวกตลาดมืดเองก็เลยไม่ค่อยมีคนกล้าไปจัดการเธอ.. แต่พวกเขาก็ไม่ได้กลัวเพราะตลาดมืดไม่มีใครสามารถเข้าไปได้
และต่อให้ฝ่าเข้าไปได้ก็….
เมื่อสายตาทิ่มแทงของปีศาจสีเลือดจ้องมองมาที่เธอ เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากอธิบาย
“เมืองแห่งวังวนคืออาณาเขตของคุณนันโจ.. มันคือพลังของเขา… พูดอีกอย่างก็คือทุกอย่างในเมืองคือส่วนหนึ่งของเขา”
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ได้ยินข่าวลือมาว่าตราบใดที่เขาอยู่ในเมือง เขาจะเป็นอมตะไม่มีทางตาย สามารถควบคุมได้แม้แต่ชีวิตคนอื่น”
เมื่อรินนะได้ยินแบบนั้นเธอถึงกับเงียบลง.. ใช่แล้ว.. ที่พวกนั้นไม่กล้ามาล่าปีศาจนี่ แต่กลับไม่กลัวเธอนั่นก็เป็นเพราะความสามารถองนันโจ
คนที่น่าจะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ลูกน้องของ ‘บอส’ ที่ว่านั่น.. แน่นอนในระหว่างคุยเอวานไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองหน้ารินนะ
เพราะเธอกลัวว่าจะถูกฆ่า.. ขอแค่เธอรอด.. ขอแค่เธอรอดไปให้ได้ ต่อให้คนตรงหน้าบุกเข้าไปในตลาดมืดได้ เธอก็อาจจะสามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้และรอดได้
แต่ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่น.. ไม่ว่าจะน่าสมเพช หรือน่ารังเกียจขนาดไหน แต่ชีวิตของเธอก็ยังมีค่า.. ต่อให้ต้องเสียศักดิ์ศรีที่ไม่มีตั้งแต่แรก
หรือต้องเลียเท้า.. ขอแค่รอดนั่นก็พอแล้ว เพราะเธอน่ะยอมแม้แต่มองดูคนชั่วฆ่าคน ช่วยคนชั่วในการค้ามนุษย์มาแล้ว
มือสองข้างของเธอมันเปื้อนเลือดจนไม่มีหน้าไปมองหาศักดิ์ศรีจากใครได้อีกแล้ว.. และเธอก็เป็นแบบนี้ดีแล้ว
“…..งั้นเหรอ”
เมื่อรินนะได้ยินเช่นนั้นเธอก็อยากจะหัวเราะให้ตัวเองที่คิดจะเอาระเบิดติดตัวมาระเบิดตลาดมืด.. เธอพึ่งรู้ว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่กกว่าที่เธอคิดนัก
“แล้ว.. วิธีที่จะเข้าไป ฉันก็ไม่—”
ก่อนที่รินนะจะทันได้พูดจบภาพตรงหน้าของเธอก็บิดเบี้ยว.. ก่อนที่เข่าจะทรุดลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนเอวานที่อยู่ตรงนั้นก้มหน้าหัวโขกกับพื้น
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ.. ฉันไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่รู้เหมือนกัน”
เธอนึกว่าอีกฝ่ายจะฆ่าตัวเองถึงกับสะดุ้งถอยหลังออกไปแทบจะทันที.. แต่เมื่อมองไปยังอีกฝ่ายเธอกลับพบว่า..
ชุดสีแดงของอีกฝ่ายสลายหายไปจนหมดแล้ว… เหลือเพียงแค่ชุดธรรมดาเท่านั้น แถมหน้าของอีกฝ่ายยังซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด
อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าตลอดหลายวัน.. หรือใช้เลือดในปริมาณที่มากเกินกว่าการฆ่าคน.. ส่งผลให้รินนะหน้ามืดเพราะขาดเลือด
“นี่…มัน…”
รินนะมองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่เริ่มแห้งเหี่ยวลงอย่างน่าเหลือเชื่อ ผิวซีดเป็นสีเผือก… กลับกันหัวใจของเธอเต้นระรัวขึ้นอย่างแปลกประหลาด
เอวานมองรินนะด้วยความหวาดกลัวพยายามจะถอยหนี.. แต่ทว่ารินนะเงยหน้าขึ้นมองเห็นเอวาน.. ร่างกายเธอเหมือนถูกกระตุ้น
แรงดึงดูดบางอย่างถูกกระตุ้นออกมาจากร่างกายของเอวาน
เอวานเองรู้ดีว่าสายตานั้นของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตนแน่.. เมื่อคิดได้ว่านี่เป็นโอกาสในการหลบหนีแล้ว
เธอจึงหันหลังและ…วิ่งหนี…!!
แต่ทว่ามันก็ยังช้าเกินไปสำหรับองค์หญิงสีเลือดอยู่ดี ร่างกายของรินนะกลายเป็นเงาพุ่งเกาะเข้าที่หลังของเอวาน
เคี้ยวทั้งสองข้างของเธอยาวกว่าฟันเล่มอื่นมาพอสมควร แถมยังแหลมคมมากด้วย.. ยังไม่ทันได้ให้เอวานได้กรีดร้อง
เคี้ยวสองเล่มนั้นก็ปักเข้าที่ต้นคอของเอวานอย่างรุนแรงเลือดสีแดงฉานพุ่งกระฉูดออกมาจากคอของเธออย่างรุนแรง
รินนะเริ่มดูดเลือดของเธอ!
………….
[ช่วงนี้งอกตอนใหม่วันละตอนเพราะเด็กปิดเทอมครับ ต้องดูแลน้อง ช่วงเช้าเลยไม่ค่อยได้มีเวลาเขียน มาเขียนตอนเย็นอัพตอนเช้าเอา.. วันนี้ลองนั่งหลังค่อมสามชั่วโมงติดกันดูเลยได้สองตอนครับ.. แต่ก็นั่นแหละ น่าจะนานๆทีครับ สองตอนต่อวันครับ สิ้นเดือนเด็กเปิดเทอมน่าจะได้กลับมาอัพวันละ 2 ตอนเหมือนเดิมครับ – ผู้เขียน]