บทที่ 79 – พ่อที่สุดยอดที่สุด….
รินนะราวกับถูกแรงบางอย่างฉุดกระชากข้ามผ่านกาลเวลาไปนับตั้งแต่ตอนที่ตัวเธอเป็นเด็ก เติบโต เติบใหญ่มาพร้อมกับครอบครัวที่ดี
ทั้งแม่ ทั้งพ่อที่สมบูรณ์แบบ… ภาพเหล่านั้นแตกสลายไปอย่างรวดเร็วภายใต้ความจริงเบื้องหน้า
แม้เธอจะเคยสูญเสีย แม้เธอจะเคยเจ็บปวดจากการจากลาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ มันเกิดขึ้นเร็วเสียจนเธอยังไม่ตั้งตัว
แม้เธอจะเคยพบพานความรู้สึกเหล่านั้นมาหลายครั้ง นับตั้งแต่การตายของพ่อเธอ ตามมาด้วยการตายของน้องชาย
แต่ทว่าความรู้สึกเหล่านั้นก็ไม่อาจจะเปรียบเทียบได้กับความรู้สึกในตอนนี้ ทุกอย่างมันเหมือนกับแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ภาพความทรงจำทั้งหมดเหมือนกับเป็นเศษกระจกที่แตกกระจายเพราะจิตใจของเธอที่ถูกจับเหวี่ยงใส่
จะคำลวงก็ดี จะของจริงก็ช่าง.. ทว่าสำหรับเธอในตอนนี้ สำหรับความจริงของเธอในตอนนี้คือการเปลี่ยนแปลงที่หนักหนาที่สุดไม่ผิดแน่
ภาพของน้องชายที่เหลือแค่หัว ภาพของคุณพ่อที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ฆ่าลูกในไส้ของตัวเอง
พล่ามอะไรไม่รู้เรื่อง คำก็พลัง.. สองคำก็พลัง..
“………”
เธอไม่สามารถแบกรับความรู้สึกมากมายเหล่านี้ได้อีกต่อไป.. เธอไม่อาจทนรับความเป็นจริงเหล่านี้ได้
มันต้องไม่เป็นแบบนี้… มันต้องไม่ใช่แบบนี้…. มันคือของปลอม ดวงตาของรินนะจ้องมองผู้ที่น่าจะเป็นบิดาของเธอเอง
ความรู้สึกทุกอย่างที่เหลือจะเชื่อนั้นถาโถมเข้ามา.. จนกลายเป็นอารมณ์ที่ไม่อาจจะแยกแยะออกได้และเสียงของบางสิ่งบางอย่างในจิตใจก็เหมือนกับพังลงตรงหน้า..
คุโระต้องการจะกระตุ้นความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกเกลียดชังที่ลูกสาวมีต่อตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันถึงจะทำให้เขาวิวัฒนาการได้แข็งแกร่งมากขึ้น
ได้มากกว่านี้.. แต่อย่างไรก็ตามเขานั้นไม่เคยรู้ ไม่สามารถรับรู้ด้วยซ้ำว่าสำหรับรินนะแล้ว ตัวเขาคือฮีโร่ คือผู้ผดุงความยุติธรรม
เด็กมักหลงใหลในการเป็นฮีโร่เพราะช่วยเหลือคนอ่อนแอ เพราะช่วยคนที่ตกในความลำบากให้ผ่านพ้นมันมาได้
แต่สำหรับรินนะแล้วที่เธอหลงใหลในฮีโร่ก็เพราะผู้เป็นบิดาของเธอ.. สำหรับรินนะแล้วพ่อของเธอไม่ต่างอะไรจากเทพบุตรที่ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว
เพื่อเธอ เพื่อน้องชาย เพื่อแม่… คุโระนั้นไม่เคย.. ไม่สิ เขาไม่เคยทำความเข้าใจลูกสาวของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
บางทีตลอดเวลาที่ผ่านมา ตลอดตั้งแต่มีลูกเขาก็คิดว่ามันเป็นภาระตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่สิ เขาไม่เคยอยากมีลูกเลยด้วยซ้ำ
แต่ทว่าก็มีมาแล้ว.. เขาจึงต้องเป็นพ่อที่ดี ในโลกที่คนเริ่มโหดร้าย เริ่มเปลี่ยนแปลงแต่เขาก็ต้องเป็นพ่อที่ดี
ทว่า.. ต่อให้เป็นแบบนั้นเขาก็ไม่เคยเข้าใจผู้เป็นลูกสาวเลยแม้แต่น้อย เขาไม่เคยทำความเข้าใจลูกสาวว่าเธอคิดกับเขาไว้สูงส่งขนาดไหน
ดังนั้น.. เมื่อทุกอย่างดำเนินมาจนถึงจุดนี้ เขาอาจจะกำลังคิดว่ารินนะคงเป็นเหมือนน้องชายคือโกรธแล้วก็อยากจะฆ่าเขา
ทว่า..รินนะไม่ใช่แบบนั้น จิตใจเธอแตกสลายไปโดยสิ้นเชิง เพราะสำหรับเธอแล้วหากโลกจะแตก ฟ้าดินจะถล่ม
พ่อของเธอก็คือฮีโร่ที่ช่วยเหลือผู้คน.. การที่เขาปรากฏตัวออกมาแบบนี้มันสร้างสภาวะทางอารมณ์ให้กับรินนะจนเหมือนกับเธอถูกฆ่าทั้งเป็น
ฆ่าจิตใจ… โกรธก็ดี.. เกลียดก็แล้ว แค้นก็ช่าง เธอไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้ พ่อที่แสนใจดีของเธอ พ่อที่สุดยอดของเธอ
พ่อที่..เพอร์เฟคที่สุดของเธอ
ภาพเหล่านั้นมันแตกสลายลงไปพร้อมกับความทรงจำต่างๆ ที่พังครืนลง.. ความเครียดที่มากเกินไปภายในหัวของรินนะ
หากเธอในตอนนี้มีร่างกาย หากเธอในตอนนี้ไม่ใช่แวมไพร์ บางทีความเครียดเหล่านี้มันอาจจะทำให้เธอตายได้เลยด้วยซ้ำ
น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถทำได้ เธอไม่สามารถตายได้.. เธอจึงต้องแบกรับเอาความเจ็บปวด ความเครียดนั้นเข้าไปเต็มๆ
จนท้ายที่สุด… ดวงตาของเธอกลับไร้ซึ่งแววในดวงตา
แม้จะลืมตา แม้สายตาจะจ้องมองที่คุโระ แม้จะยังหายใจ แม้สมองจะยังทำงาน ทว่าเพียงแค่มองก็สามารถรับรู้ได้ว่าเธอได้ตายไปแล้ว
จิตใจของเธอได้ตายไปพร้อมกับความจริงที่ไม่อาจแบกรับได้
เธอยังเป็นแค่เด็ก เด็กที่ไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ การที่เธอมีความคิดผูกระเบิดกับตัวเองพร้อมจะฆ่าทุกคนนั้นก็ไม่ใช่ความคิดของคนที่กล้าหาญอะไร
สุดท้ายแล้วเด็กคนนี้ก็ไม่อาจแบกรับภาระ แบกรับความคิด แบกรับความเครียด แบกรับความเจ็บปวดและความจริงตรงหน้าได้
จะพูดให้ถูกก็คือ.. เธอช็อกไปแล้วนั่นแหละ…..
ขืนเป็นคนธรรมดาคงตายไปตรงนั้นแล้ว—
“ห้ะ..?”
คุโระที่มองไปยังรินนะซึ่งทำหน้าเหมือนกับคนที่ตายไปแล้วถึงกับร้องห้ะ ออกมา.. เขาไม่ได้วางแผนให้มันเป็นแบบนี้
สิ่งที่เขาต้องการคือให้ลูกตัวเองเกลียด โกรธ บ้าคลั่ง ทำให้อารมณ์พลุกพล่านที่สุดเท่าที่จะทำได้.. แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงไม่สามารถสัมผัสถึงสิ่งเหล่านั้นได้เลย
เขาจ้องมองไปยังลูกสาวของตัวเอง.. ไม่สิ จ้องมองไปยังรินนะที่เหลือแต่หัวอยู่ตรงหน้าเขา พร้อมกับถาม
“เดี๋ยวสิ.. ไม่โกรธพ่อเหรอ?”
“เงียบทำไมเหรอ?”
คนที่ไม่เคยเข้าใจลูกสาวตัวเอง คนที่ไม่เคยทำความเข้าใจว่าลูกสาวนั้นรักตัวเองขนาดไหนแบบเขา คงไม่สามารถคาดเดาภาพนี้ได้แน่
สำหรับน้องชายของรินนะอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็จริง เพราะน้องชายของเธอมีคนที่นับถือที่สุดคือคุณแม่ และเอาเข้าจริงหากว่ากันตามตรง
เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับพ่อ สำหรับรินนะนั้นมีมากกว่าน้องชายอยู่แล้ว
“ห๋า….? อย่าบอกนะว่าช็อกไปแล้ว?”
คุโระบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเตรียมทุกอย่างมาเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ
แต่แล้วทำไม.. มันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ทุกอย่างก็เพื่อวันนี้แท้ๆ เหลือแค่ให้อารมณ์ของรินนะบ้าคลั่ง พลุกพล่านแท้ๆ
เขาเขย่าหัวของรินนะ แต่ทว่ารินนะในตอนนี้ก็เหมือนคนพิการไปแล้ว อาการเครียดของเธอนั้นพึ่งสูงเกินกว่าที่สมองจะรับไหว
เรื่องนี้ต่อให้เป็นร่างกายแวมไพร์ก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้.. เธอในตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากซากศพที่มีชีวิตเท่าไหร่
“อย่ามาล้อเล่นนะเฮ้ย เหลือแค่ขั้นตอนสุดท้ายแท้ๆ อีกแค่ขั้นตอนสุดท้ายฉันก็จะสามารถวิวัฒนาการได้แล้วแท้ๆ”
“แม่งเอ้ย อย่ามาช็อกตอนนี้สิ”
เขาตะโกนออกมาพร้อมกับกำหมัดต่อยหน้ารินนะเหมือนกับพยายามจะกระตุ้นให้รินนะกลับมารู้สึก กลับมามีอารมณ์
กลับมากรีดร้อง กลับมาเกลียดชังเขา.. โดยหารู้ไม่ว่าลูกสาวของเขานั้นไม่สามารถที่จะเกลียดตัวเขาเองได้
เขาร้องออกมาพร้อมกับปาหัวของรินนะลงกับพื้นอย่างรุนแรง จนหัวของเธอกลิ้งไปตามพื้น กระทั่งร่างกายฟื้นฟูคืนกลับมาแล้วก็ตาม
แต่ทว่าเธอกลับนอนเป็นผัก.. หัวใจกำลังเต้น หายใจก็ยังหายใจ ร่างกายก็ยังมีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตแต่ทว่า..มันก็ยังเป็นแค่ซากศพจริง
ดวงตาของคุโระถึงกลับหดเกร็ง มือสองข้างสั่นอย่างช่วยไม่ได้.. ต่อให้ดึงเอาเลือดจากรินนะมาในตอนนี้มันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
เพราะเธอในตอนนี้ก็ไม่มีทั้งอารมณ์หรือความรู้สึกอะไรแล้ว.. มันว่างเปล่า กลวงโบ๋….
เขาเดินถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความสับสน
“นี่..มัน.. เป็นไปไม่ได้.. แผนของฉันต้องสมบูรณ์แบบที่สุดสิ.. ทำไม.. มันต้องไม่ใช่แบบนี้ อีกแค่นิดเดียว อีกแค่นิดเดียวก็จะไปถึงแล้ว ก็จะไปเหยียบอยู่ที่เดียวกับนาง.. เทพีแห่งมนุษยชาติได้แล้ว”
“มันต้องไม่ใช่แบบนี้ มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ”
“ตื่นมาสิวะ”
เขาตะโกนออกมาพร้อมกับเดินไปเหยียบหน้ารินนะอย่างรุนแรง เขาต้องการจะทำให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาด่าเขา
ตื่นขึ้นมาเกลียดเขา
ตื่นขึ้นมาฆ่าเขา
ทว่าร่างที่เหมือนกับไร้วิญญาณของรินนะแม้จะโดนเหยียบย่ำ โดนเตะ โดนโยนมันกลับไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น
โลกแห่งนี้แตกสลายหายไปอย่างช้าๆ เพราะว่าเดิมทีมันก็กลับคืนมาด้วยพลังดึงเอาเหตุการณ์ในอดีตกลับมาของคุโระเท่านั้น
เมื่อเขาไม่ใช้พลังต่อ ทุกอย่างก็สลายหายไป.. รวมถึงเมืองแห่งวังวนก็ค่อยๆ แตกสลายหายไปตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของคนธรรมดา
เกิดเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้นในไม่ช้า.. ทว่าคุโระกลับทำได้เพียงแต่ยืนนิ่งอย่างว่างเปล่า
“เอ้ะ.. บอส.. ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”
ในตอนนั้นเองคนคนหนึ่งที่เหมือนกำลังรออยู่ด้านนอกก็ทักขึ้น แน่นอนว่าคนคนนี้คือคนที่จะต้องเอาข่าวที่อาโก้พาคนที่บอสต้องการหามาให้นันโจ
และก็รอนันโจจัดการกับผู้บุกรุก แต่ทว่าพอมาถึงกลับมีคุโระอยู่ แน่นอนว่าเพราะเป็นคนสนิทของนันโจ การจะเคยเห็นหน้าคุโระนั่นไม่ใช่เรื่องแปลก
“หือ.. มีอะไร?”
“อ้ะ ครับคือว่า.. คุณอาโก้เขาบอกว่าเขาได้ตัวคนที่บอสต้องการ เลยจะมาแจ้งหัวหน้านันโจว่าจะสามารถส่งคนที่บอสต้องการไปให้บอสพอดีน่ะ”
“คนที่ฉันต้องการ? ฉันไปสั่งมันอะไรตอ—”
ในขณะที่คุโระกำลังจะถามเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ความคิดเขาหมุนวนอย่างว่องไว
“อย่าบอกนะว่าเป็นเด็กที่ว่าสามารถเข้าได้กับทุกพลังบนโลกนี้ที่องค์กรอยากได้?”
“ฮ่าๆๆๆ บุญมีแต่กรรมบังจริงๆ ว่ะฉันคนนี้”
เขาหัวเราะร่าออกมา
“แล้วมันอยู่ไหน ตอนนี้มันอยู่ไหน?”
“อ้ะ.. คือว่าเหมือนจะโดนคนในหักหลังแล้วพาหลบหนีออกไปครับ แต่คุณอาโก้ตามไปแล้วอีกเดี๋ยวก็คง….”
“มันไปทางไหน?”
“เอ้ะ … ทางภูเขาซากปรักหักพังครับ”
“เยี่ยม ฮ่าๆๆ โชคเข้าข้างฉันแล้วเว้ยเรียว ไปกันเถอะ ไปยังสถานที่ที่จะทำให้ฉันวิวัฒนาการขึ้นกัน แล้วก็อย่าลืมเอาหัวรินนะมาด้วย”
ในตอนแรกเขาตัดใจเรื่องเด็กนี้ไปแล้ว.. ทว่าหากอาโก้พาเด็กนั่นมาจริงมันก็มีอีกวิธีที่จะทำให้เขาสามารถวิวัฒนาการไปอีกขั้นได้
ใช่ เด็กที่สามารถรองรับพลังทุกอย่างบนโลกนี้ได้ นั่นก็หมายความว่าเขาสามารถใช้เลือดตัวเอง ใช้เลือดรินนะผสมกับเลือดของเด็กนั้น
พูดให้ถูกก็คือ.. ให้เด็กนั่นรองรับอารยธรรมหรือสายเลือดของรินนะต่อ!
โดยปกติแล้วการทำแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้เพราะผู้คนที่อยู่ในโลกนี้อยู่แล้วไม่สามารถรองรับอารยธรรมของโลกนี้ได้ เพราะถ้าเราสามารถใช้อารยธรรมทุกอย่างในโลกนี้ได้ เราจะไปเป็นผู้ใช้อารยธรรมสืบทอดพลังมาทำไม
เช่นเดียวกับสิ่งที่คุโระจะทำคือคล้ายรินนะเป็นนั่นคือเอาอารยธรรมที่เปลี่ยนโครงสร้างเผ่าพันธุ์ DNA เขาก็จะให้เด็กนั่นสืบทอดอารยธรรมระดับสายเลือด
สายเลือดของเขา ผสมกับที่ตัวเด็กนั่นมีโครงสร้างที่ทรงพลังอย่างสามารถใช้อารยธรรมทุกอย่างบนโลกนี้ได้
..เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเกินกว่าที่ตัวเขาจะจินตนาการได้ด้วยซ้ำ