บทที่ 84 – มนุษย์สองตัว
ทว่าสีหน้าแห่งความเกลียดชังก็แสดงออกผ่านสีหน้าของทีน่า ซึ่งจ้องมองมาที่คุโระอย่างเย็นเยียบ
ความตายเดินทางเข้ามาใกล้เธออย่างเชื่องช้า ต่อให้เป็นความสามารถฟื้นตัวระดับสูงก็ดี หรืออะไรก็ตามเมื่อโดนตัดด้วยดาบในมือของมิว
ราวกับมันสามารถบังคับให้ทุกสิ่งดับสลายไปได้โดยไม่สนใจว่าสิ่งนั้นจะมีพลังป้องกันหรือพลังฟื้นฟูหรือไม่
ความตายที่เข้ามาใกล้เทพีทีน่าอย่างเชื่องช้านั้นมันเหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังฉุดเธอลงไปในโลกเบื้องล่าง
เธอเป็นเทพีก็จริง แต่ว่ากันตามตรงแล้ว.. พลังของเธอไม่ได้แข็งแกร่งขนาดที่คุโระคาดหวังขนาดนั้น
พลังของเธอเกิดจากสถานการณ์คล้ายๆ กับคุโระก็จริง แต่ทว่าสำหรับเธอนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากความผิดพลาด กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ครอบครัวของเธอทุกคนต้องตายและทำให้เธอได้รับพลังขั้นสูงนี้มา
พลังของเธอทำงานเกี่ยวกับสายเลือดเหมือนกับคุโระ แค่รูปแบบพลังของเธอไม่ใช่การฟื้นฟูพื้นที่หรือสถานการณ์ในอดีตกลับมา
แต่เป็นการฟื้นฟูแค่สิ่งมีชีวิตกลับมาจากอดีต.. ว่าง่ายๆ คือตรงข้ามกับคุโระที่ไม่สามารถฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตได้
เธอนั้นสามารถฟื้นฟูได้ทุกชีวิตนั่นเอง.. นอกจากนี้เธอยังได้ความสามารถใหม่ที่เรียกว่าความศรัทธามาด้วย
ในโลกของเธอ ไม่รู้ว่าตอนไหนแต่มันเริ่มขึ้นเมื่อคนเริ่มศรัทธาตัวเธอ.. เธอรู้สึกถึงพลังที่มากขึ้นจากความศรัทธา
นั่นแน่นอนว่าเป็นกลไกของโลกที่เธออยู่ เธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่เพราะความศรัทธาที่มนุษย์มีต่อเธอและยกให้เธอเป็นเทพี
ทำให้พลังของเธอนั้นมากขึ้น.. มากขึ้น.. แต่ทว่าเธอยังไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้จริงๆ จุดที่เหมือนเป็นกำแพงกั้นระหว่างโลกที่เธออยู่กับโลกด้านบน
ดินแดนแห่งเทพที่แท้จริงนั้น.. มันเหมือนกับว่าหากเธอไปถึงโลกแห่งนั้นได้ ทุกอย่างในโลกแห่งนี้จะเป็นเหมือนกับเรื่องราวที่สามารถดัดแปลงได้
ใช่ มันจะกลายเป็นเหมือนกับโลกของปลอม.. ทุกสิ่งทุกอย่าง ความจมปลัก ความเจ็บปวดของเธอจะกลายเป็นเพียงแค่เรื่องแต่งเท่านั้น
เธอจึงปรารถนาที่จะก้าวขึ้นไปยังโลกใบนั้นให้ได้.. แต่มันไม่พอ พลังของเธอ พลังแห่งต้นสายเลือดของเธอมันยังไม่มากพอ
เธอต้องการสายเลือดที่มากระตุ้นพลังของเธอให้วิวัฒนาการไปอีกขั้น แน่นอนว่าในตอนนี้ต่อให้ไม่ต้องเป็นสายเลือดเดียวกันมันก็สามารถทำได้
หาก..กลืนกินคนที่หยิบยืมพลังจากเธอ เพื่อแลกกับการได้รับการศรัทธา.. คนที่ศรัทธาในตัวเธอจะได้รับการแบ่งปันพลังของเธอ
แน่นอนว่าอัตลักษณ์ของแต่ละคนคงจะแตกต่างกันออกไป เหมือนคุโระที่ฮีลสถานที่.. คนอื่นก็อาจจะเป็นการฮีลนามธรรม ฮีลอะไรก็ว่ากันไป
แต่โดยรวมก็เป็นพลังที่ปรารถนาจาก้นบึ้งของสายเลือด.. ขอแค่เธอดูดกลืนทุกคนที่ศรัทธาในตัวเธอมันก็สามารถทำให้เธอวิวัฒนาการได้
แต่ว่า.. เธอไม่ใช่ปีศาจ เธอไม่ใช่ยักษ์มาร เธอแค่อยากจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดของตัวเองเท่านั้น เธอไม่สามารถพรากชีวิตคนนับล้านได้
ไม่สามารถคร่าชีวิตคนที่ศรัทธาได้.. จนกระทั่งเธอสัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตจากอีกโลกหนึ่งที่ได้รับพลังของเธอไป
อาจจะผ่านผู้ศรัทธาคนอื่นหรือใครก็แล้วแต่.. ทว่ามันก็ไม่ใช่คนในโลกเดียวกับเธอ มันคือคนจากต่างโลก…
ใช่ ในตอนนั้นเธอจึงได้วางแผนทุกอย่างขึ้นมา—
“เป็นเพราะแก.. เป็นเพราะแก เป็นเพราะแก”
ทีน่าร้องออกมาด้วยความเกลียดชัง มือของคุโระที่กำลังจับใบหน้าของนางก็ถึงกับกระตุก เขามองหน้าทีน่าด้วยสีหน้าสับสน
“ถ้ารู้แบบนี้ข้าไม่น่าช่วยเจ้าเอาไว้เลย บัดซบเอ้ย”
“ทีน่า…?”
“อย่ามาเรียกชื่อของข้าเหมือนสนิทสนมนะ เจ้าสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ไม่มีทั้งความศรัทธาในตัวข้า เป็นประโยชน์ให้ข้าไม่ได้ยังมีหน้ามาเรียกชื่อของข้าอีก”
“ไม่สิ.. มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ก็เรา.. ก็คุณบอกเองนี่ว่าเราจะตื่นออกจากโลกปลอมไปด้วยกัน สอนวิธีใช้พลังกับฉัน… ช่วยฉันคนเดียว”
“ห๊า.. นี่แกหลอนบ้าอะไรของแก”
ความโกรธที่ลุกไหม้อยู่ในใจ ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถระบายได้ เพราะคนที่ฆ่าเธอนั้นแข็งแกร่งเกินไป
คนที่ทำให้เธอเจ็บปวดนั้นมีฝีมือห่างจากเธอมากเกินไป เธอจึงไม่สามารถโวยวายใส่ได้ ในอกที่มีแต่ความอึดอัดและเต็มไปด้วยความโกรธนั้น
เมื่อเห็นคำพูดเอาแต่ได้ของสิ่งมีชีวิตที่เธอไม่จัดอยู่ในประเภทเดียวกับที่เธอให้ค่าด้วยซ้ำ เพราะมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจากโลกของเธอ
ความโกรธที่ไม่รู้จะลงกับใครจึงมาลงกับคนเบื้องหน้าอย่างคุโระ ที่มัวแต่เพ้อฝันเรื่องอะไรของมันไม่รู้ เดิมทีหากเธอไม่มายุ่งเกี่ยวกับมันเธอคงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้หรอก
“ก… ก็พวกเราเป็นคู่รักกันไม่ใช่เหรอ เพราะงั้นเธอถึงมาช่วยฉัน เพราะงั้นเธอถึงปรากฏตัวขึ้นไม่ใช่เหรอ”
“ห๊าา.. แกเป็นบ้าเหรอ คู่รัก?พูดบ้าอะไรของแก ที่ข้าช่วยแกก็เพราะจะให้แกมาเป็นตัวตายตัวแทนต่างหาก”
“…..นี่กำลังพูดอะไรอยู่..?”
มิวที่ฟังอยู่ก็พูดขึ้น เพราะรู้อยู่แล้วว่าเวลาใกล้ตายของทีน่ากระชั้นชิดเข้ามา เธอคงไม่อยากมาพล่ามอะไรให้มันฟังแล้ว
หน้าที่จะทำให้มันสิ้นหวังถึงขีดสุดจึงมาอยู่ที่มิว
“ก็คือ.. ที่ยัยนี่มันทำกับนายก็คือการจะให้นายทำลายครอบครัวตัวเองแล้วไปยืนอยู่จุดเดียวกับมัน แล้วยัยนี่ก็จะกลืนกินนายและตื่นไปในโลกแห่งความจริงเพียงคนเดียวไง”
“ถ้าถามว่าทำไมยัยนี่ถึงไม่ไปหาคนอื่น.. แต่เป็นนาย..”
“ก็คงเป็นเพราะเจ้าหล่อนไม่อยากฆ่าคนอื่นในโลกของตัวเอง พอมีคนนอกมา ถึงเจ้าหล่อนจะเป็นเทพีแห่งมนุษยชาติ แต่ก็คงเป็นมนุษย์ในโลกของหล่อนนั่นแหละ”
“หมายความว่าในมุมมองหล่อน นายก็ไม่ต่างจากไรน้ำที่มีค่าไม่เท่าคนจรจัดหรือทาสในโลกนางเลย พร้อมจะให้นายสังเวยครอบครัวของนายเพื่อเป็นบรรไดให้หล่อนนั่นแหละนะ?”
“เข้าใจยัง ถ้าเข้าใจแล้วก็ช่วยอย่าแสดงความโง่ไปมากกว่านี้จะได้ไหม เห็นแล้วอายแทนรินนะ”
ทันทีที่มิวพูดแบบนั้นจบ.. สีหน้าของคุโระก็บิดเบี้ยวราวกับไม่อยากยอมรับสิ่งนั้น.. อันที่จริงมิวสังเกตได้ตั้งแต่ฟังจากคำพูดของคุโระแล้ว
และการที่เธอดึงยัยนี่ออกมาจากความทรงจำของเจ้าคุโระนี่มันก็บอกอะไรกับเธอหลายๆ อย่าง ถ้ามองว่าคำพูดของยัยนี่ไม่ใช่เรื่องโกหก
แต่มันเป็นไปไม่ได้ว่ายัยทีน่านี่จะวิวัฒนาการขึ้นไปยังโลกที่มองว่าโลกนี้เป็นเรื่องโกหกแล้ว เพราะหากวัดจากตรรกะนี้
นั่นหมายความว่าทีน่าคงกลายเป็นตัวตนที่อยู่บนมิติที่สี่ไปแล้ว.. แต่ตัวตนมิติที่สี่ไม่สามารถถูกมิวดึงออกมาจากความทรงจำแบบนั้นได้แน่
นั่นหมายความว่ายัยนี่โกหกเรื่องที่เจ้าตัวตื่นจากโลกของปลอมนี้แล้ว แต่ถ้าหากมันสามารถตื่นได้จริงก็จะไปสอดคล้องกับหัวข้อที่ว่า
ทำไมทีน่าถึงไม่ใช้ผู้ศรัทธาคนอื่น แต่เป็นคนจากต่างโลก.. คนที่ได้ชื่อว่าเทพีแห่งมนุษยชาติแบบนั้นก็คงไม่ใช่คนไม่ดี
มิวจึงคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่า.. ทีน่าคงจะไม่อยากใช้คนจากโลกตัวเองแต่เป็นโลกอื่นที่ยุ่งยากกว่าเยอะในการติดต่อและสื่อสาร
และนั่นก็จะนำไปสู่เหตุผลอีกอย่างว่า.. แล้วทำไปทำไม ถ้ามันจะยุ่งยากขนาดนั้น ก็หมายความว่ามันต้องมีเหตุผลที่ซับซ้อน
มิวก็คิดไว้ในหลายกรณีเช่นเดียวกัน.. แต่ความจริงที่ว่าทีน่าหลอกลวงคุโระก็คือความจริงมิวจึงดึงหล่อนออกมาเพื่อทำให้คุโระตกในสถานการณ์เดียวกับที่รินนะเจอ
ผสมผสานกับท่าทางของทีน่าที่ดูไม่ได้ชอบคุโระและการที่เธอไม่อยากตายขนาดนั้น มิวจึงพอเดาออกว่าบางทีแล้ว
ที่อีกฝ่ายทำอะไรซับซ้อนขนาดนั้นก็เป็นเพราะว่า อีกฝ่ายต้องการจะตื่นขึ้นไปยังโลกสี่มิตินั่นแหละนะ ผ่านพลังลึกลับของหล่อนเอง
“โกหกใช่ไหม.. โกหกสินะ มันโกหกงั้นสินะ เรารักกันในโลกแห่งความเป็นจริงสินะ ใช่ไหม ใช่ไหม ใช่ไหมทีน่า!!”
มันพยายามจะยื่นมือมาจับใบหน้าของทีน่า.. ทว่าสีหน้าของทีน่าที่เข้าใกล้ความตายอีกแค่ก้าวเดียวก็สลายหายไปนั้น
ความโกรธไม่ได้ลดลง.. อีกแค่นิดเดียว อีกแค่นิดเดียวเธอก็จะสามารถลืมเลือนโศกนาฏกรรมที่เธอก่อ..
ฆ่าครอบครัวตัวเอง.. ฆ่าน้องชายตัวเอง.. ฆ่าพี่สาวตัวเอง.. ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่.. ฆ่าคนรับใช้ ฆ่าตา..ยาย…
อีกแค่นิดเดียวเธอก็จะสามารถก้าวไปถึงจุดที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ สีหน้าแห่งความเกลียดชังนั้นจ้องมองมาที่คุโระ
ราวกับความคิด ความรู้สึกผิด ความเกลียดชัง ทุกอย่างมันผสมปนเปกันถูกส่งออกมาจากสายตาของนาง
“อย่ามาแตะข้า.. ไอ้เศษสวะที่ฆ่าครอบครัวของตัวเองแบบแก.. มันไม่มีสิทธิ์มาอยู่ใกล้กับข้า”
ถึงเธอจะเป็นต้นเหตุ ถึงเธอจะเป็นคนที่ให้มันทำแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้วทุกการกระทำที่มันทำก็เกิดจากการตัดสินใจ เกิดจากความลุ่มหลง เกิดจากความบ้าคลั่งของตัวมันเอง
ตัวเธอที่ไล่ตามเอาครอบครัวของตัวเองกลับมาอย่างสุดชีวิต
ตัวมันกลับสละครอบครัวตัวเองทิ้งทั้งหมดอย่างสุดชีวิต
หากเธอเป็นบวก มันก็ต้องเป็นลบ
หากเธอเป็นลบ มันก็ต้องเป็นบวก
“แบบนี้นี่เอง..”
มิวที่เห็นทุกอย่างก็เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีน่า เธอแทบจะกลั้นขำไม่อยู่กับความน่าสมเพชของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์สองตัวนี้
“อีกคนหนึ่งไล่ตามครอบครัว อีกคนหนึ่งวิ่งหนีครอบครัว”
“เป็นละครที่ดูน้ำเน่าสุดๆ เลย”
“แต่พวกแกสองคนมันก็ชั่วเหมือนกันนั่นและ”
มิวบีบหัวของทีน่าแตกกระจุยกระจาย สมองมนุษย์ของเธอระเบิดกระเซ็นออกอย่างโหดเหี้ยมใส่หน้าที่แข็งค้างของคุโระ
เรื่องนี้.. ทำให้มิวตระหนักอีกครั้งว่า
…เธอไม่ใช่มนุษย์ไปแล้วจริงๆ