บทที่ 85 – ความรู้สึก ความผิดพลาดและความทรงจำ
มิวมองกะโหลกของสิ่งมีชีวิตที่แหลกละเอียดคามือของเธอ.. เธอไม่รู้สึกผิดหรือรู้สึกอะไรเลย มันเหมือนกับการที่เธอเป็นมนุษย์แล้วเหยียบย่ำแมลง
ความรู้สึกในตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากนั้นมากนัก.. แม้เธอจะคิดและเข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันคือการฆ่าคนคนหนึ่งจริงๆ
แต่ทว่าสำหรับเธอแล้ว.. จะมนุษย์หรือจะแมลงในตอนนี้มันก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่นัก เธอยังมีความคิดเหมือนเดิมหากช่วยได้ก็จะช่วย
หากเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง.. เพราะบรรทัดฐานความคิดของเธอยังไงซะก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ท่าหากเธอลงมือทำแล้ว
เธอกลับไม่มีความรู้สึกผิดหรือความรู้สึกที่ว่าไม่ควรทำเลย เธอคงกลายเป็นสิ่งอื่นไปแล้วจริงๆ หรืออาจจะเป็นเพราะคนที่เธอพึ่งฆ่าไปเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตของรินนะพัง ดังนั้นเธอจึงไม่มีความรู้สึกผิดหรืออาลัยอาวรณ์เลย
ความรู้สึกมิวมีเพียงแค่ความโกรธเท่านั้น.. เธอสะบัดมือหนึ่งครั้งเลือดก็ดี อวัยวะก็ตามที่ติดอยู่ในมือของมิวก็ถูกสลัดออกจนหมด
มิวเงยหน้ามองคุโระพร้อมกับเดินเข้าไปหามัน.. มันไม่ได้เคลื่อนไหวเหมือนกับกำลังช็อกอยู่
นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว มันถึงขั้นยอมสละทุกอย่างไล่ตามความงดงามที่มันคิดว่าเป็นความรักที่อีกฝ่ายมีให้ตนเอง
ทว่าความจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันเหมือนพังลงตรงหน้าคุโระ.. ความหวังกลายเป็นความสิ้นหวัง
ความรักกลายเป็นความซับซ้อน.. เป้าหมายก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงจนมันย้อนกลับมาถามกับตัวเองว่า
“ทุกอย่าง..ที่ฉันทำไปมันเพื่ออะไร..”
ดวงตาที่ว่างเปล่าของมันไร้ซึ่งแสงใดๆ แต่ทว่ามิวไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจแต่อย่างใด เธอคว้าจับผมมันเอาไว้แล้วก็ลากมันกลับไปที่ซากปรักหักพัง
เมื่อมิวมาถึง แอเรียนที่บาดเจ็บสาหัสก็ได้แต่เงยหน้ามองมิวด้วยสีหน้าหวั่นเกรง.. เขารู้แล้วว่ามิวออกมาจากจักรวาลจำลองโดยการทำลายจักรวาลจำลอง
ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาดาวของเขาจะพบกับปัญหาใหญ่ที่สูญเสียทั้งทรัพยากรและเวลา.. ต่อให้เป็นเขาก็อดที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้
ทางด้านของเทรต้านั้นกลัวยิ่งกว่า เพราะเธอก็ไม่คิดว่ามิวจะโหดร้ายได้ขนาดนี้ และแอเรียนลูกน้องของเธอยังไปหาเรื่องมิวอีก
จริงอยู่ที่พวกเธอร่วมมือกัน แต่ทว่าการกระทำของแอเรียนนั้นมันมากเกินไปจนหากมิวจะฆ่ามัน เธอคงห้ามอะไรไม่ได้
สำหรับเอวานที่ตามเรื่องไม่ทันมากที่สุดนั้น เมื่อมิวเดินมาทางนี้เธอถึงกลับรีบถอยห่างทันที.. หากไอ้คนที่มิวดึงอยู่คือ ‘บอส’ ของพวกนันโจ
แล้วคนคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหน.. ความแข็งแกร่งนั้นห่างชั้นมากเกินไป อีกทั้งเมื่อเอวานมองไปเห็นรินนะเธอก็ถึงกับประหลาดใจ
เพราะเอวานเคยเห็นรินนะมาก่อนรอบหนึ่ง และรินนะก็เป็นคนที่ทำให้เธอนั้นเป็นแวมพีร์อย่างปัจจุบันนี้
มิวเดินไปหาผู้กล้าเอริเนียที่ยืนอยู่ข้างๆ รินนะและเอริเนียที่นอนหมดสติอยู่ เธอดึงหัวของคุโระแล้วเหวี่ยงไปหารินนะ
“แก.. เข้าใจความรู้สึกของรินนะหรือยัง?”
มิวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เธอเองก็ไม่ได้เข้าใจความรู้สึกองรินนะหรอก เธอแค่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและมีผลกระทบกับรินนะมากขนาดไหนก็แค่นั้น
เมื่อคุโระที่ไร้ซึ่งแววตามามองหน้าผู้ที่เป็นลูกสาวของตัวเอง ภาพความทรงจำในอดีตของเขาราวกับไหลย้อนกลับมา
ภาพที่เขาเคยเล่านิทานให้ลูกตัวน้อยฟัง ภาพที่เขาคอยปลอบโยนลูกสาวที่ต้องอยู่คนเดียว ภาพที่เขามอบของขวัญให้กับเธอ
ภาพเหล่านั้นมันหวนคืนกลับมาพร้อมกับ น้องชายและแม่ของรินนะที่ย้อนกลับมาเช่นกัน แม้มันจะเป็นช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อย
แม้มันจะเป็นช่วงเวลาที่ต้องพยายาม ช่วงเวลาที่มีความสุขนั้นมีน้อยกว่าความเหนื่อยล้าเป็นสิบๆ เท่า
แต่ถึงแบบนั้น.. ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามองว่าเป็นของปลอม.. แต่บัดนี้ ใบหน้าที่เหมือนจะไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้อีกของผู้เป็นลูกสาวได้กระตุ้นความคิดของเขา
ราวกับกำลังจะบอกว่า
เหมือนกับกำลังจะเตือนให้เขารู้ว่า
ทุกสิ่งทุกอย่าง.. มันไม่ใช่ของปลอม แต่เป็นของจริงที่เขาต้องดูแลและห่วงใย
แต่มันไม่ใช่แล้ว.. มันหายไปแล้วมือสองข้างของเขาที่ฆ่าภรรยาตัวเอง ฆ่าลูกชายตัวเองและเกือบจะฆ่าลูกสาวคนสุดท้ายด้วยมือคู่นี้
“อ่า.. อ่า…”
ปากของเขาเหมือนอยากจะเปล่งเสียงอะไร แต่กลับไม่มีเสียงที่จะสามารถเอื้อนเอ่ยออกมาได้ หัวใจของเขาต้นเหมือนกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
มือทั้งสองข้างสั่นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้.
อ่า.. เขาสูญเสียมันไปหมดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา มีเพียงอย่างเดียวที่ยังเหลืออยู่ มีเพียงอย่างเดียวที่พระเจ้ายังไม่ทำให้เขาสูญเสียไปทั้งหมด
มือที่สั่นไม่หยุดของเขาพยายามจะเอื้อมไปจับร่างกายที่แทบจะไร้วิญญาณของหญิงสาว ผู้คนผิดพลาดได้
ผู้คนมักหลงผิดได้..และในวันนั้นต้องมีคนพร้อมจะให้อภัย ครอบครัวคงจะให้อภัย คนที่รักคงจะให้อภัย
เพราะการผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการที่ฉลาดล้ำ หรือนักปราชญ์ผู้ทรงพลังเปี่ยมไปด้วยองค์ความรู้
สี่เท้ายังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง..
เช่นเดียวกับคุโระ เขาได้ก้าวขาพลาดไปแล้ว เขาได้ทำลายทุกอย่างที่เป็นของตัวเองไปด้วยตัวเขาเอง
บนโลกนี้อาจจะมีคนที่เห็นใจคนแบบเขาที่หลอกใช้อยู่จริงๆ
ทว่า..
“นั่นแหละคือความรู้สึกที่รินนะต้องแบกรับ”
มิวพูดแบบนั้นพร้อมกับวาดดาบลงที่คอของคุโระและวินาทีถัดมาเลือดสีแดงก็พุ่งออกจากคอของเขา หัวของเขาร่วงลงกับพื้น
หากทุกคนจะให้อภัยเขาคนนี้..ทว่า มิวจะไม่มีทางที่จะให้อภัยโดยเด็ดขาด เพราะเธอได้กล่าวไว้แล้ว เธอจะเป็นความเคียดแค้นให้กันรินนะ
รินนะในตอนนี้ต่อให้ลืมตาตื่นขึ้นมาได้ บางทีเธอคงจำอะไรไม่ได้เลยเพราะมันเป็นกลไกการป้องกันตัวของสมอง
เมื่อความเครียดที่สูงมากเกินไปจากความนึกคิดทำให้เธอถูกบังคับให้ลืม.. สถานการณ์ที่เครียดจนสูญเสียความทรงจำนั้นก็มีให้เห็นไม่น้อย
แต่นั่นมันต้องเป็นในกรณีที่มีบางอย่างมากระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรงถึงขีดสุดจริงๆ และรินนะก็เป็นแบบนั้นนั่นเอง
กล่าวคือ.. ความชั่ว ความโหดร้ายที่รินนะต้องเจอนั้นจะสูญหายไปกับสายลม สูญหายไปกับการเปลี่ยนแปลงของคุโระ
ทว่า.. มิวไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้น ต่อให้เธอต้องแบกรับบาปซึ่งกลายเป็นผู้ที่ฆ่าพ่อของเพื่อน แต่เธอก็จะจดจำมันเอาไว้
ต่อให้รินนะจะลืม ต่อให้คุโระจะตายไป ต่อให้ความโหดร้ายเหล่านี้มันจะสิ้นสุด ทว่ามิวที่ได้แบกรับ ได้รับรู้ถึงสิ่งที่รินนะต้องเจอ
เธอสาบานว่า เธอจะเคียดแค้นให้เอง.. ดังนั้นเธอจึงต้องฆ่าพ่อของรินนะทิ้งซะ เพราะนี่คือความเคียดแค้นที่เธอมีต่อมัน
แม้หากเป็นรินนะเธออาจจะไม่เลือกจะทำแบบนั้นหรือไม่ มิวไม่รู้.. แต่เธอจะไม่ยกโทษให้โดยเด็ดขาด
เพราะนั่นคือหน้าที่ของเธอ
อาจจะเป็นเพราะแบบนั้นมิวถึงได้รู้ความทรงจำโดยบังเอิญ บางทีเธอคงมีหน้าที่ที่ต้องทำแบบนั้น
คมดาบของมิวไม่ได้ฆ่าคุโระทันที วินาทีที่หัวของเขาร่วงลงบนพื้นอย่างช้าๆ อดีต จนถึงปัจจุบันราวกับย้อนกลับมาอย่างช้าๆ
ดวงตาของคุโระสั่นคลอนอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาที่พร่ามัวของเขาพยายามมองใบหน้าของลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย
แต่ทว่าไม่มีคอจะมองได้อย่างไร.. มันเหมือนกับที่รินนะต้องเจอ.. ความรู้สึกที่อยากจะมองให้รู้แล้วรู้รอด
ทว่ากลับไม่สามารถมองได้
ความพยายามที่ไม่เป็นผลของเขาทำให้น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาอย่างช้าๆ ปากของเขาพึมพำซ้ำไปซ้ำมาเหมือนกับคนสติขาดว่า
“ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่แบบนี้”
ทุกครั้งที่เขาพูดแบบนั้น เสียงมันเบาลงราวกับเวลาแห่งความตายได้เหยียบย่างเข้ามาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ก่อนที่คำพูดนั้นจะแข็งค้างดวงตานิ่ง.. เขารู้สึกเหมือนกับพึ่งรู้ว่าควรพูดอะไรในตอนนี้ ปากที่เปิดขึ้นด้วยความยากลำบาก
เปล่งเสียงที่ดังกว่าใครไหนๆ เป็นครั้งสุดท้าย รวบรวมความคิด ความรู้สึกผิดทั้งหมดมาไว้กับคำพูดนี้ว่า..
“..พ่อ…ขอโท—”
ทว่าเท้าของมิวได้เหยียบย่ำลงบนคำขอโทษของเขา ก่อนที่หัวของเขาจะแตกกระจุยกระจายเหมือนกับลูกแตงโมที่ถูกบี้
เธอไม่ยอมให้มันกล่าวคำนั้น
เพราะ.. หากมันได้กล่าวความเจ็บปวดที่รินนะต้องรู้สึกจะเป็นเหมือนกับการที่พ่อลูกไม่ได้ปรับความเข้าใจ..
แค่คำนี้เท่านั้นที่มิวไม่ยอมโดยเด็ดขาด—
…………….
[ข้อมูลเพิ่มเติม]
สำหรับคนที่ตามบริบทและชื่อตอนของตอนนี้ไม่ทันนะครับ ผมจะมาขยายความให้เข้าใจกันเพิ่มเติมถึงความหนักอึ้งที่มิวต้องแบกรับนะครับ
…….
อย่างแรกเลย ‘ความรู้สึก’ หมายถึงรินนะครับ บุคคลที่เจ็บปวดและทรมานมากที่สุด ซึ่งไม่มีใครเข้าใจนางได้ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ น้องชายหรือแม้แต่มิวที่ได้รับความทรงจำของรินนะมาก็ตาม
มิวเพียงแค่ได้เห็นสิ่งที่รินนะรู้สึกเท่านั้น เธอไม่ได้รู้ว่ารินนะต้องรู้สึกเจ็บปวดขนาดไหน เหมือนกับเวลามีคนกระดูกหัก คุณแค่รู้ว่ามันเจ็บปวดคุณไม่ได้รู้ว่าในตอนนั้นคนคนนั้นเจ็บปวดถึงขั้นไหน
มิวก็เช่นกัน เธอไม่สามารถเข้าใจได้ว่ารินนะต้องเจ็บปวดขนาดไหน เธอรู้เพียงแค่ว่าหากรินนะไม่กลายเป็นแวมไพร์ไปเธอคงช็อกตายเพราะความเครียดในตอนนั้นอะ
…….
อย่างสองก็คือ ‘ความผิดพลาด’ แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงใครอื่นอีกแล้วนอกจากคุโระพ่อของรินนะ ชายที่น่าจะเลวทรามที่สุดในเรื่องนี้ตอนนี้เลยก็ว่าได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องแบกรับก่อนความตายจะมาถึงคือความผิดพลาด
ความรู้สึกของเขาเป็นความรู้สึกที่ยากจะแสดงออกมาเป็นคำพูดได้มากที่สุด แต่มันเริ่มจากความเหนื่อยล้า แต่เพราะความเหนื่อยล้าที่มากเกินไปก่อเป็นความเครียดขึ้นมาจนต้องการพลังที่มากกว่าเพื่อให้ตัวเองสบายขึ้น
แต่มันถลำลึกเข้าไป.. ถลำลึกเข้าไปจนยากจะหวนกลับคืนมา เมื่อถึงทางตันเขาก็สิ้นหวัง เหนื่อยล้า แต่ก็ได้รับคำลวงหลอกจากปีศาจต่างแดน
ยื่นมือมาหาเขา เขาที่ทั้งเหนื่อยล้า ท้อแท้กับชีวิต เจ็บปวดเมื่อเจอการเป่าหูทุกสิ่งทุกอย่างจึงกลายเป็นเหมือนกับโซ่ตรวนที่มาก่อกวนให้เขาไม่อยู่แบบสุขสบายจนตัดสินใจที่จะตัดทุกสิ่ง ทว่าเมื่อความจริงปรากฏสิ่งที่รอเขาอยู่ก็มีเพียงความว่างเปล่า
เขาเป็นคนที่ทำให้มันสูญหายไปเอง เขาเป็นคนพังมันลงกับมือ
จากความผิดพลาดของเขาเอง
…….
อย่างสุดท้าย ‘ความทรงจำ’ แน่นอนว่าก็ต้องเป็นมิวผู้ที่ต้องแบกรับความทรงจำที่ทำให้เพื่อนของเธอเจ็บปวดจนถึงขั้นช็อกตายได้ มิวไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกที่รินนะได้รับ แต่หากมองในมุมกลับกัน
รินนะเองก็เป็นคนที่ไม่ได้แบกรับความทรงจำที่แสนเจ็บปวดของตัวเอง แต่คนที่แบกรับมันและไม่ทำให้มันหายไปไหน เหมือนกับจะบอกกับโลกใบนี้ บอกกับทุกคนที่อ่านเรื่องราวนี้อยู่ว่า
‘ความเจ็บปวดที่รินนะต้องพบเจอ มันไม่เคยเลือนหายไปไหน’ มันยังอยู่ตรงนั้นจริงๆ มันยังเหลืออยู่กับมิว มิวยังแบกรับมันไว้
เธอต้องโกรธแทนรินนะ เธอต้องแค้นแทนรินนะ.. เพื่อย้ำเตือนกับทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ
สาเหตุที่มิวต้องฆ่าคุโระแม้ส่วนหนึ่งจะมาจากความโกรธ แต่ในความจริงแล้วมิวก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถใช้อารมณ์ในการฆ่าคนอื่นได้ สาเหตุหลักๆ ล้วนมาจากรินนะครับ เพราะมิวต้องแบกรับความทรงจำ ต้องกลืนกินเอาความทรงจำที่แสนเจ็บปวดของรินนะ
มิวจึงยอมไม่ได้ มิวยอมให้มันขอโทษรินนะไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะรินนะพังไปแล้ว หากมันได้ขอโทษรินนะคนที่จะโอนอ่อนให้มันจะไปไม่ใช่รินนะที่พัง ที่ไม่มีความทรงจำไปแล้ว
แต่เป็นมิวที่ต้องแบกรับความทรงจำนี้ไว้
มันจะถือเป็นการเหยียบย่ำความเจ็บปวดที่รินนะเผชิญไปแล้ว
และเหนือสิ่งอื่นใด มิวไม่สามารถยกโทษให้คุโระได้โดยเด็ดขาด
ดังนั้นเรื่องราวในครั้งนี้มองเผินๆ อาจจะเป็นเรื่องของครอบครัวรินนะ ทว่ามันผิดถนัด มันคือเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดที่มิวต่างหากต้องเป็นคนแบกรับมันเอาไว้
ย้ำเตือนว่า ‘ความโหดร้ายครั้งนี้ไม่เคยไม่มีอยู่จริง’
แม้ทุกคนจะลืมไปแล้ว แม้คนที่เกี่ยวข้องจะหายไปหมดแล้ว
แต่มิวต้องจดจำมันเอาไว้ เธอต้องเป็นสักขีพยานเพียงหนึ่งเดียว เธอต้องจำมันเอาไว้เท่านั้น!
……
และก็สิ้นสุดลงครับระหว่าง ความรู้สึก ความผิดพลาดและความทรงจำ ที่แม้จะสิ้นสุดลงแต่จะไม่มีวันจางหายไปไหน
[จบบทรินนะ]
คิดเห็นกันอย่างไรกับบทนี้บ้าง เสนอความเห็นกันไว้ใต้ช่องคอมเม้นได้นะครับ ผมอ่านเสมอ UwU
และวันนี้น่าจะอัพแค่ตอนเดียวครับผม