บทที่ 102 – ภัยกะทันหัน
“อย่ามาล้อเล่นนะ.. นี่ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่”
น้ำเสียงที่เข้าใกล้กับการตะโกนดังขึ้นในสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากความเป็นจริงไกลเสียจนยากจะสังเกตเห็นได้
น้ำเสียงนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยปรากฏขึ้นในเรื่องราวครั้งนี้.. ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรทำให้ไม่มีใครสามารถมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้นอกจากเสียงนี้เท่านั้น
“ก็แน่นอนว่าทำให้เรื่องราวมันเดินไปข้างหน้าไง”
“ท่านบอกเองว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวไม่ใช่เหรอ นี่คือกฎของท่านเองไม่ใช่เหรอ ทำไมท่านถึง… นับตั้งแต่นางปรากฏตัวขึ้นนี่ก็ครั้งที่สองแล้วนะที่ท่านทำแบบนี้”
“ก็ฉันเป็นกฎไง?”
“….”
น้ำเสียงปริศนาที่โต้ตอบกับเสียงที่คุ้นเคยนั่นค่อนข้างเต็มไปด้วยความสบายใจ ราวกับว่าสำหรับเธอแล้วทุกอย่างเป็นเพียงแค่เรื่องสนุกเท่านั้น
เธอตอบกลับด้วยคำพูดที่หยิ่งผยองว่า ‘ฉันเป็นกฎ’ ทำให้หญิงสาวที่ค่อนข้างหงุดหงิดก็พูดไม่ออกเลยสักคำ
หญิงสาวอีกคนก็เหมือนจะไม่ได้สนใจคำร้องเรียนต่างๆ ของอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว… เธอได้ยื่นมือเข้าแทรกแซงเหตุการณ์ของโลกเป็นครั้งที่สอง
บางทีคงมีคนไม่พอใจเธออีกมาก.. เพราะไม่ว่าจะทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดก็เป็นเพราะเธอทั้งหมด แต่คนที่ผิดคำพูดของเธอเองก็คือตัวเอง
แต่เธอไม่เคยสนใจเรื่องแบบนั้นแต่แรกอยู่แล้ว.. หากไม่พอใจก็ให้พวกมันมาขัดขวางเธอเอาสิ ซึ่งแน่นอนว่าจะยกใครหน้าไหนมา..
มันก็ไม่สามารถทำได้ เธอถึงเป็นจุดสูงสุดยังไงล่ะ
เสียงปรบมือดังขึ้นทุกอย่างก็มืดดับลง ทั้งที่มันมืดแต่แรกอยู่แล้ว..
“ขอให้สนุกกับหุบเหว (Abyss) ฉันสร้างขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะเลยล่ะ จะบอกให้”
ดวงตาของมิวก็พลันเบิกโพลงขึ้นกะทันหัน.. เธอรู้สึกเหมือนราวกับพึ่งหลุดออกมาจากสถานที่อีกสถานที่..
ทั้งๆ ที่เธอแค่ตื่นนอนเท่านั้น เสียงดังกล่าวยังคงกึกก้องอยู่ในจิตใจของมิว.. ไม่ว่าจะเสียงของหญิงสาวคนไหนมิวก็รู้สึกเหมือนเคยได้ยินมาก่อน
แต่กลับนึกไม่ออก.. ก่อนหน้านี้มิวก็เหมือนจะนึกออกอยู่ แต่พอตื่นขึ้นมาเหมือนจะลืมไปซะแล้ว
“ฝัน..เหรอ..”
เธอพึมพำกับตัวเอง คำดังกล่าวที่เหมือนพูดกับเธอก็ยังกึกก้องอยู่ในหัว เสียงนี้มิวก็คุ้นเคยเหมือนกัน
แต่ไม่ได้คุ้นเคยขนาดนั้น รู้สึกว่าจะเคยได้ยินมาแค่ครั้งสองครั้งเอง.. อย่างน้อยก็เท่าที่เธอรู้ละนะ
ทว่ามิวกลับไม่สามารถนึกอะไรออกได้มากไปกว่านั้น.. หลังจากครุ่นคิดอยู่นานสองนานก็ไม่ได้ข้อสรุปอะไรสักอย่างมิวก็ส่ายหน้าเลิกคิด
เธอคิดแค่ว่ามันเป็นฝันที่แปลกประหลาดแค่นั้นก็พอแล้วล่ะ หลังจากนั้นมิวก็ลุกจากเตียง นับตั้งแต่ที่มิวมาที่นี่ก็ผ่านมาราวๆ หนึ่งสัปดาห์เห็นจะได้แล้ว
เธอค่อนข้างคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอยู่ในนี้แล้ว.. เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่อยู่ในหัวมิวตอนนี้ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเรื่องของเรย์น่า
ซึ่งมิวรู้ดีว่าหากคิดแต่เรื่องของเรย์น่าต่อไป.. ชินคิโรมันจะไม่ได้ช่วยให้มิวศรัทธา แต่เป็นช่วยให้มิวหลงรักเรย์น่าแทนแล้วล่ะเนี่ย
ดังนั้นปัญหาหลักของมิวในตอนนี้จึงไม่ใช่ว่าจะทำยังไงให้ศรัทธาในตัวเทพี.. เพราะมันน่าจะเป็นเรื่องง่ายแล้วหากมีชินคิโร
แต่ว่า.. ปัญหามันอยู่ที่จะหยุดความคิดของตัวเองที่คิดถึงเรย์น่ายังไงต่างหากล่ะ นี่แหละคือปัญหาที่มิวต้องแก้ให้ได้ในตอนนี้
“เอาเป็นว่า.. ช่วงนี้ไม่ไปหาเธอดีกว่—”
“ท่านมิว ข้ามาหาแล้ว!!”
ก่อนที่ทันจะได้ตัดสินใจเด็ดขาดเสียงผลักประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับสีหน้าร่าเริงของเรย์น่า ตอนแรกเจ้าตัวก็ดูสงบสำรวมตอนอยู่บนโบสถ์อยู่หรอก
แต่ทุกวันนี้เจ้าตัวเหมือนจะปล่อยตัวตามอารมณ์ตัวเองสุดๆ เลย.. มิวที่เห็นแบบนั้นก็เหงื่อแตกอย่างช่วยไม่ได้
ปัญหาที่ยากที่สุดไม่ใช่การเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง.. แต่เป็นการควบคุมความคิดตัวเองให้ได้ต่างหากล่ะ
มิวพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ..
“ก่อนอื่นเลย ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าก่อนจะเข้าห้องคนอื่นต้องเคาะประตูก่อน”
“อ้ะ.. จริงด้วย ขอโทษด้วยค่ะ.. ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันนะคะ แต่ข้าชอบทำด้วยความเคยชินตลอดเลย แปลกมากเลย..?”
“ทำกับฉันก็ไม่เป็นอะไรหรอกนะ แต่อย่าไปทำกับคนอื่นเชียวละ”
มิวพูดแบบนั้น เธอไม่ใช่คนจริงจังอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว อีกอย่างตั้งแต่ที่อยู่กับเรย์น่ามาหลายวันมิวรู้ดีว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กดีขนาดไหน
มิวไม่ได้คิดจะวางตัวอยู่แล้วแหละนะ
“ข้าไม่ทำกับคนอื่นหรอกค่ะ!”
เจ้าตัวปฏิเสธเสียงขึงขังจนมิวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จะว่าไงดีเจ้าตัวทำเหมือนว่าสนิทกับมิวมานับสิบปีงั้นแหละ
ทั้งที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่นานเองแท้ๆ เชียว..
“ช่างเถอะ แล้วมาที่นี่มีอะไรเหรอ?”
“มารายงานค่ะ ว่าข้าบอกพวกนั้นไปแล้วว่าท่านมิวสอนให้ข้าใกล้ถึงวิชาระดับสูงแล้ว.. เป็นไงบ้างคะ เริ่มเข้าจำอะไรได้หรือยัง?”
“อ้ะ..”
มิวเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ว่า..ที่เธอทำทุกอย่างนี้ก็เพื่อได้พลังศักดิ์สิทธิ์มาและเอามาสอนเรย์น่า เพราะช่วงนี้มัวแต่คิดเรื่องของเรย์น่าเลยทำให้มิวลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย
ส่วนเรื่องวิชา.. แค่ต้องใช้สามัญสำนึกจากต่างโลกของมิวสอนไปก็พอแล้วนั่นแหละนะ.. เอ้ะ.. เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนะๆ
มิวที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็เหมือนมีความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวกะทันหัน แต่ความคิดดังกล่าวก็เหมือนจะคิดไม่ออก
เอ้ะ.. เมื่อกี้มิวคิดอะไรได้.. ภายใต้ความสับสนของมิวนั้นเอง
ดวงตาของมิวก็พลันหดเล็กลงกะทันหัน เธอยื่นมือไปคว้าจับเข้าที่แขนของเรย์น่าอย่างรวดเร็วก่อนจะดึงเธอเข้ามาใกล้พร้อมกับดีดตัวออกจากหน้าต่างด้วยความเร็วที่แม้แต่เรย์น่ายังตอบสนองไม่ทัน..
“ตู้ม!!!!!!!!”
เสียงสนั่นก้องฟ้าพลันดังขึ้นกะทันหัน ห้องที่มิวเคยอยู่ก็แตกกระจุยกระจาย ไม่เพียงแค่นั้น เพราะโบสถ์หรือเกาะลอยฟ้านี้ก็เอียงไปด้านข้างตามแรงระเบิด
เมื่อมองจากไกลๆ.. ก็จะเห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างพุ่งลงมาจากฟากฟ้าปักเข้าที่ห้องของมิวจนพังถล่มทำให้น้ำหนักทิ้งไปทางนั้นจนเกาะลอยฟ้าเอียง..
แน่นอนว่าเพราะเกราะลอยฟ้านี้ใช้ตรรกะแบบผิดปกติของโลกใบนี้ ดังนั้นทาฝั่งที่เอียงลงจึงไม่ใช่ทางที่เกิดการปะทะ แต่เป็นอีกด้านหนึ่งต่างหาก
ทว่าเรื่องนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด.. เพราะวินาทีถัดมาท้องฟ้าก็มืดครึ้มแทบจะทันที..
ดวงตาของมิวหดเล็กลงกะทันหัน..
“นี่มัน..แค่อาทิตย์เดียวเองนะเฮ้ย…”
มิวอุทานแบบนั้นพร้อมกับเงยหน้ามองขึ้นบนฟากฟ้าที่มีเมฆสีดำมืดครึ้ม.. บนเมฆนั้นมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่มหึมานั่งอยู่บนนั้น
รูปร่างของมันแปลกตา เพราะผิวหนังของมันเหมือนประกอบขึ้นจากของบางอย่างที่ดูดกลืนแสงทั้งหมดทั้งมวลได้
หัวของมันมีลักษณะที่เป็นแบบเดียวกับกิ่งไม้.. ไม่สิ เพราะขนาดของมันที่ใหญ่มากๆ หัวมันจึงเป็นเหมือนต้นไม้แห้งขนาดใหญ่ ไม่มีทั้งตาหรือปากที่ดูเป็นหัว
แต่จะสรีระแล้วตรงนั้นเป็นส่วนหัวไม่ผิดอย่างแน่นอน.. ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีหัวเป็นกิ่งไม้แห้งอย่างไรอย่างนั้น
และสิ่งที่ตกลงมาจากฟากฟ้าก็คือ.. ดาบเล่มหนึ่ง.. มันเป็นดาบที่สลักขึ้นมาจากไม้ มิวสัมผัสได้ถึงไม้แบบเดียวกันกับที่อยู่บนหัวจากดาบยักษ์เล่มนั้น
แม้ไม่มีดวงตาแต่มันยังก้มมองลงมายังจุดที่มิวลอยอยู่พร้อมกับเรย์น่า.. ท่ามกลางการปะทะครั้งนี้กลายเป็นระลอกขนาดใหญ่
คนที่หลบหนีไม่ทันก่อนหน้านี้หลายร้อยคนตายเพราะดาบเล่มยักษ์..
มันยกมือขึ้น.. ดาบเล่มนั้นก็ลอยกลับไปกลายเป็นกิ่งก้านหนึ่งบนหัวของมันอีกครั้ง! .. มันเพียงจ้องมองมาที่มิวและเรย์น่าโดยไร้ดวงตา
ร่างกายของมันถ้าหากสังเกตดูดีๆ.. เห็นได้ชัดว่าร่างกายมันยังคงแห้งเหี่ยวเหมือนกับเกิดมาได้ไม่เต็มที่มากนัก
และท่าทางที่โจมตีมายังมิว.. ไม่สิ การโจมตีเมื่อกี้คงมีเป้าหมายเป็นเรย์น่า..
“ไอ้บัดซบนั่น.. มันรู้ตัวว่า…คนที่เป็นอันตรายต่อมันก็คือเรย์น่า”
ใช่แล้ว.. แม้จะเกิดมายังไม่เต็มที่
มันก็รีบบึ่งมาฆ่าเรย์น่าแทบจะทันที
มันยกมือซ้ายขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่ด้านหลังของมิวและเรย์น่า.. ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดร้องอันสิ้นหวังของผู้คนที่อยู่ด้านหลัง
ดวงตาของเรย์น่าเบิกกว้างและหันไป..
เบื้องหลังเธอก็พบกับ..ฝูงชนจำนวนมากที่ถูกไล่ฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
ราวกับเป็นเศษหญ้า.. ปีศาจจิตมรณะตัวสีฟ้าซีดพุ่งโจมตีใส่คนอย่างโหดเหี้ยม การจู่โจมของมันไม่ได้เพื่อกลืนกินจิตเท่านั้น
แต่เป็นการโจมตีเพื่อฆ่า.. เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกควบคุม
เจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดแม้ไม่มีปาก แต่ทั้งมิวและเรย์น่ารู้สึกราวกับว่ามันกำลังยิ้มเยาะเย้ยให้พวกเธอทั้งสองคนพร้อมกับกล่าวว่า..
“ข้าจะทำลายทุกอย่าง”
เรย์น่า.. เธอคือคนดี.. เรย์น่าเป็นคนที่รักเมืองนี้ยิ่งกว่าใคร เธอเสนอแนวคิดต่างๆ ที่คิดมาได้เพื่อให้คนได้มีชีวิต ได้มีความสุขในโลกที่แสนจะอันตรายแห่งนี้
ทว่า..ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า..มันกลายเป็นเสียงกรีดร้อง.. กลายเป็นเสียงสิ้นหวังต่อหน้าเธอ
“ไม่!!!!!!!!!”
ร่างของเธอพุ่งดิ่งลงไปยังพื้น แต่ทว่ามิวกลับดึงแขนเธอกลับมาจนไหล่เธอหลุด.. ทว่ามันก็ช่วยให้รอดพ้นจากดาบไม้เล่มหนึ่งที่ร่วงลงมาฟันใส่เธออย่างหวุดหวิด
แต่ทว่าคนด้านล่างกลับตาย.. ตึกราวบ้านช่องพังถล่มลงราวกับเศษดิน เศษทราย..