บทที่ 109 – ความทรงจำที่คลุมเครือ
นับตั้งแต่ตกลงมาในที่แห่งนี้.. เรนะไม่มั่นใจว่ามันผ่านมานานขนาดไหนแล้ว แต่เท่าที่เธอนับมาอย่างน้อยก็ควรจะมากกว่าสิบวัน
โบราณสถานแห่งนี้ก็เรียกได้ว่าสมกับเป็นโบราณสถาน เพราะนอกจากทางเข้าที่มีกับดักแล้ว.. ภายในก็แทบมีแต่สัตว์ประหลาดของล้มเหลวจากการทดลอง
และทาที่ค่อนข้างคดเคี้ยว เรียกได้ว่า.. ทั้งเรนะและมิวต่างก็เดินหลงในโบราณสถานมาแล้วเกือบสิบวันเลยก็ว่าได้
แต่อย่างที่ว่าเวลาในที่แห่งนี้เหมือนจะไม่ไหลไปข้างหน้าหรือไหลไปข้างหลัง.. เรนะจึงค่อนข้างมั่นใจว่าด้านนอกจะไม่มีปัญหาอะไรในระหว่างนี้
เรนะจึงสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถานแห่งนี้ได้เต็มที่ แต่น่าเสียดายที่นอกจากข้อมูลที่พบตอนแรกแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีข้อมูลอะไรเหลืออยู่เลย
ขนาดสัตว์ประหลาดยังไม่มีตัวเก่งเท่าเจ้าตัวแรกที่เรนะสู้ด้วย.. ส่วนมิวเองก็เรียนรู้ที่จะหลบหลีกและป้องกันตัวขึ้นมาด้วยตัวเองแล้วด้วย
ทำให้การสำรวจหาทางออกและเก็บข้อมูลของเรนะเป็นไปได้อย่างราบรื่น.. แม้จะไม่มีทางออกหรือข้อมูลตลอดสิบกว่าวันที่ผ่านมาเลยก็ตาม
แน่นอนว่าต่อให้เป็นเรนะเองก็ยังรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะการติดอยู่ในที่แห่งนี้สิบกว่าวันแม้จะไม่มีอะไรทำให้เธอลำบาก
แต่ทว่าความหนักอึ้งทางจิตใจก็ยังกดดันเธออยู่ตลอดเวลา.. หากติดอยู่ที่ตลอดไปล่ะ ทุกอย่างมันกดดันเธอจนแทบจะนอนไม่หลับ..
ดวงตาของเรนะมองไปยังภาพเบื้องหน้า.. ตอนนี้ทุกอย่างมันลุกไปด้วยเปลวเพลิง มองไปทางไหนก็มีเพียงเสียงกรีดร้อง
“ท่านพ่อ.. ท่านพ่ออยู่ไหน”
ใครสักคนพึมพำอยู่ข้างหูของเรนะ เธอกุมแขนที่มีเลือดไหลและแผลไฟไหม้พร้อมกับเดินกะโผลกกะเผลกหาผู้เป็นพ่อ
แน่นอนว่าเสียงดังกล่าวไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเสียงของเรนะเอง.. เธอพยายามจะเดินไปยังข้างหน้าที่กลายเป็นทะเลเพลิง
“เรย์น่า…”
ด้านตรงข้ามกับทะเลเพลิง มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่.. หน้าตาของเขามืดมัวมองไม่ออกว่าเป็นใครกันแน่
แต่ทว่าเขากำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวสีฟ้าอย่างเอาเป็นเอาตาย.. พยายามจะไล่เรนะออกไปห่างๆ
เรนะพยายามนึกว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น.. ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ทำไมคนตรงหน้าที่เธอไม่สามารถจำได้นั้น.. ทำไมเธอถึงเรียกเขาว่าพ่อ
เรนะในฐานะเรย์น่าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อหรือแม่เลยด้วยซ้ำ สิ่งที่เรย์น่าจำได้มีเพียงภาพของโบสถ์ที่ล้อมเธอเอาไว้
คอยสอน คอยแนะนำเธอ..
“ท่านพ่อ.. ไม่นะ.. ท่านพ่อบาดเจ็บอยู่นะ”
เธอพึมพำด้วยน้ำเสียงที่แสนเจ็บปวด.. มองไปยังเรือนร่างที่อยู่ตรงข้ามทะเลเพลิงซึ่งตอนนี้เหมือนหน้าท้องจะมีเลือดไหลออกมาเป็นสายน้ำ
เพียงแค่เห็นหัวใจของหญิงสาวก็ถูกบีบรัด.. ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นึกให้ออกสิเรนะ.. นึกให้ออกสิเรย์น่า
ดวงตาของเรย์น่าก็ดี หรือจะเรนะก็ตาม.. เธอพยายามนึกถึงความทรงจำที่ควรถูกบังคับให้ลบหายไปนั้นเหมือนกับจดจำอะไรบางอย่างได้
ไม่สิ ขนาดความทรงจำในอดีตชาติของตัวเองเธอยังจดจำได้ กับอีแค่ความทรงจำที่ถูกลบไปนั้นไม่นับเป็นอะไรด้วยซ้ำ
เพียงแต่ที่เธอยังจดจำไม่ได้นั้น.. เพราะเธอปฏิเสธมัน เธอไม่อยากยอมรับมันเท่านั้น..
เบื้องหน้าของเรนะคือบิดาที่กำลังยืนหันหลังให้.. ตรงหน้าของบิดาเธอมีกลุ่มผู้ใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์..หรือก็คือคนของศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์กำลังจ้องมาที่บิดาของเธอ
รอบด้านยังไม่มีไฟที่ลุกไหม้ มีเพียงตึกราวบ้านช่องที่ถูกทำลายเพราะการต่อสู้ของมนุษย์เท่านั้น
“ลูกของข้ามีสิทธิ์ที่จะเลือก!!”
“ถ้าพวกเจ้าอยากควบคุมนาง ก็ต้องข้ามศพข้าคนนี้ไปก่อน”
เขากล่าวอย่างกล้าหาญ.. ไม่รู้ว่าอาวุธในมือเขาพรากชีวิตของผู้ใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วกี่คนเพื่อปกป้องลูกสาวของตนเอง
“ดัสก์ พวกเราตกลงกันไว้แล้ว ตามคำทำนายมีเพียงนางเท่านั้นที่..”
“หุบปาก พวกเจ้าไม่เคยบอกว่ามันจะเร็วขนาดนี้ นางยังไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะเลือกอะไรเลยด้วยซ้ำ”
“ดัสก์.. อย่าให้พวกเราต้องใช้ไม้แข็ง”
ทว่าในตอนที่พวกเขาคุยกันนั้นเอง.. กลุ่มก้อนแห่งความเกลียดชังของปีศาจจิตมรณะก็ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า
ไม่รู้ว่ามันปรากฏขึ้นมาตอนไหน..แต่ราวกับว่ามันถูกชักจูงให้บุกเข้ามา สติของเรนะดับมืดลงก่อนที่จะรู้สึกตัวอีกครั้งว่าเบื้องหน้าก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว
และเป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อของเธอถูกของบางอย่างแทงเข้าที่กลางอก..
“ท่านพ่อ!!!!”
เรนะสะดุ้งตื่นออกจากความฝันดีดตัวจากพื้นจนหัวโขกกับหัวของมิวอย่างรุนแรง มิวหงายหลังพร้อมกับร้องออกมา
“โอ้ยๆๆ เจ็บๆ นี่เธอเป็นอะไรเนี่ย”
มิวบ่นออกมาก่อนจะค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นมามองเรนะ.. เรนะที่กำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ก็ได้แต่มองมิวอย่างโง่งม
“มิว…?”
“เมื่อกี้เห็นทำท่าทางเหมือนทรมานก็นึกว่าไม่สบายเลยจะวัดไข้ให้ แล้วจู่ๆ เธอก็ดีดตัวตื่นซะงั้น เป็นไรหรือเปล่า”
มิวถามด้วยความเป็นห่วง.. เรนะที่ได้ยินแบบนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้งก่อนจะหลับตาลงสงบสติอารมณ์
คงเป็นเพราะประสบการณ์เรนะจึงสามารถสงบสติอารมณ์ได้ในเวลาไม่นานนักก่อนจะตอบมิวและส่ายหัวเบาๆ ว่า
“ไม่หรอก.. ฉันแค่ฝันร้ายนิดหน่อยน่ะ”
“งั้นเหรอ.. ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ”
มิวมองเรนะด้วยหางตาก่อนจะดึงสายตากลับแล้วมิวก็ถอยไปนั่งพักผ่อนในที่ของตัวเอง.. ใช่แล้ว ตอนนี้มิวและเรนะกำลังอยู่ช่วงพักผ่อนอยู่
ก่อนที่เรนะจะเผลอหลับไป..
“ฝันงั้นเหรอ..”
เรนะพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่สิ.. มันคือความทรงจำที่หายไป เพราะที่นี่ทำให้ฉันสามารถจำอดีตชาติได้ ความทรงจำที่หายไปเองก็คงจำได้ขึ้นมาด้วย”
“ดัสก์… คนนั้นคือพ่อของฉันงั้นเหรอ นี่มันเรื่องบ้าอะไร”
“ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าหรอกเหรอ?”
สเตทีลน่าผู้ดูแลเธอ.. บอกว่าทางศาสนจักรพบเธอในซากปรักหักพังแห่งหนึ่งหลังการบุกรุกเมื่อหลายปีก่อน เธอคือเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้ง
เท่าที่เรนะจำได้คือมีมิวมาช่วย ก่อนหน้านั้นก็จำอะไรไม่ได้.. ดังนั้นเรนะจึงสรุปได้ว่าที่อยู่อาศัยของเธอถูกปีศาจจิตมรณะบุกถล่ม
ก่อนที่มิวจะโผล่มาช่วยเธอเอาไว้.. แล้วศาสนจักรก็มาพบเธอเข้าและพาเธอขึ้นไปยังโบสถ์ และถ้าดูจากเรื่องราวแล้วความจริงคือดัสก์หรือพ่อของเธอตกลงอะไรบางอย่างกับทางโบสถ์ว่าจะส่งตัวเธอให้
แต่พอเอาเข้าจริงดัสก์ไม่ยอม เพราะงั้นก็เลยเกิดการต่อสู้กัน ก่อนที่โบสถ์จะลบความทรงจำของเรนะ เพราะเอาเข้าจริงวิชาศักดิ์สิทธิ์นั้นก็น่าจะมีวิชาที่ลบความทรงจำได้อยู่ไม่มากก็น้อย
แต่เดี๋ยวนะ มาคิดดูแล้ว..
ถ้าเอาตามที่ว่าจริงๆ เธอเสียความทรงจำไปตอนไหนกันแน่ ถ้าเธอเสียความทรงจำไปตอนที่พวกโบสถ์มาช่วยเธอ แล้วเธอจำเรื่องของมิวได้ยังไง
เพราะมิวนั้นมาพบเธอก่อนโบสถ์ และช่วยเธอเอาไว้.. หรือว่าเธอเสียความทรงจำก่อนที่จะเจอกับมิว.. ไม่สิ ดัสก์ปกป้องเธอจนมีการบุกรุกของปีศาจจิตมรณะ
พวกโบสถ์ไม่น่าจะมีโอกาสลบความทรงจำของเรนะได้นี่น่า..
แต่ไม่สิ.. เดิมทีแล้วความทรงจำเกี่ยวกับมิวมันก็แปลกๆ แต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมเรนะถึงพบกับมิวได้ล่ะ ทำไมถึงจำแค่เรื่องของมิวได้ทั้งที่ลืมทุกอย่างไปล่ะ
ความทรงจำของเรนะเป็นเหมือนความทรงจำเดียวที่มันไม่มีรอยต่อกับความทรงจำไหนเลย เหมือนกับสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาโดยไม่เกี่ยวข้องกับความทรงจำอะไร
ตามปกติแล้วเวลาเราจดจำว่าสองมากกว่าหนึ่ง นั่นเป็นเพราะว่าเรารู้จักหนึ่งมาก่อน แต่ถ้าไม่รู้จักหนึ่ง สองก็จะเป็นเลขหลักแรกที่น้อยที่สุด
เพราะความทรงจำบางส่วนของเรนะกลับมาแล้ว ทำให้เรนะสัมผัสได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า.. ตรงระหว่างหนึ่งหรือสาม
ไม่มีความทรงจำไหนที่มีอิทธิพลต่อความทรงจำของสองที่เป็นความทรงจำของมิวที่มาช่วยเรนะเอาไว้ด้วยเลย
แล้วก็ถ้ามิวเป็นคนช่วยเรนะ.. แล้วทำไมพอเรนะรู้สึกตัวอีกรอบ.. คนที่ช่วยเธอออกมาจากกองเพลิงถึงเป็นโบสถ์ไปได้..
นี่มันเรื่องอะไรกัน… ความทรงจำของเรนะรู้สึกจะคลุมเครือในระดับที่เธอไม่รู้เลยว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม…
“…..”
เรนะหันไปมองมิวที่นั่งพักอยู่เงียบๆ ด้วยสายตาที่ค่อนข้างสับสน