บทที่ 113 – ความแข็งแกร่งที่ไร้เหตุผล
เพราะเรนะเดินอยู่ด้านบนที่มองเห็นด้านล่างเลยทำให้เรนะค่อนข้างได้เปรียบอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ได้มากขนาดนั้นเพราะมันมีต้นไม้หลายต้นบดบังวิสัยทัศน์
เรนะเดินหาอยู่พักใหญ่ก่อนจะมาเจอกองซากศพของร่างที่ทำจากต้นไม้กองกันอยู่เป็นพะเนิน บางตัวก็หัวขาด
บางตัวก็ตัวขาด บางตัวก็แห้งเหี่ยว บางตัวก็ช้ำจนเปลี่ยนสี.. ซึ่งดูแล้วน่าจะมีมากกว่าร้อยตัวเลยที่นอนเป็นซากไม้แห้งกรังอยู่ตรงนี้
“..อย่าบอกนะว่า..”
“มันกำลังศึกษา..?”
เรนะไม่ได้โง่พอที่จะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บางที.. เจ้าผู้บงการนั่นคงอยู่ที่นี่จนถึงไม่นานมานี้ และมันก็ทดลองกับสัตว์ประหลาดไม้เหล่านี้
ซ้ำไป ซ้ำมาเพื่อเรียนรู้.. เป็นอย่างที่เรนะกลัว มันกำลังฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ขืนปล่อยไว้มากกว่านี้พวกเธอต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ
เรนะไม่รู้ว่าเจ้าตัวบงการมันมีหน้าตายังไง.. เป็นแบบเดียวกับเจ้าพวกนี้หรือเปล่า หรือเป็นต้นไม้อิกดราซิลไปเลย
แต่ทว่า.. เธอมั่นใจว่ามันต้องกลับมาที่นี่อีกแน่ เพราะดูจากสภาพแล้วมันยังคงคิดจะเรียนรู้ต่อไปเป็นแน่
“ถ้าอย่างนั้น…ต้องจัดการมันก่อนที่มันจะฉลาดกว่านี้..”
เธอจะต้องดักโจมตีมันก่อน..ที่มันจะรู้ตัว
เรนะเองก็ทดสอบมาก่อนหน้านี้แล้ว แม้หญ้าพวกนี้มันตอบสนองต่อร่างกายของเรนะ แต่ถ้าเป็นพวกวัตถุที่ไม่มีชีวิตันไม่น่าจะตอบสนองได้
“ถ้างั้นก็..”
เรนะนั่งลงบนเพดานก่อนที่จะยกมือขึ้นพร้อมใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก
ซึ่งเกิดจากการใช้มันซ้ำไปซ้ำมาอยู่บ่อยครั้ง อันที่จริงเพราะเรนะเป็นร่างไร้จิตเลยทำให้ตัวเธอมีพลังศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับไม่จำกัด
เพราะพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นกลั่นออกมาจิตวิญญาณ หากใช้หมดก็อาจจะตายได้.. แต่เรนะไม่มีสิ่งนั้นเลยทำให้เธอนั้นเป็นเหมือนผู้ใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียวที่มีพลังไม่จำกัดน่ะนะ
แต่ทว่าที่ก่อนหน้านี้เธอมีหมดพลังนั้น มันคือการไม่สามารถรีดเค้นพลังออกมาได้มากกว่านี้ เพราะว่า ‘ปากทางออกของพลัง’ มันแคบเกินไป
ทำให้เธอใช้ได้อย่างมีขีดจำกัด ไม่งั้นแค่เธอระเบิดพลังทีเดียวโลกคงถูกเปลี่ยนกฎเกณฑ์ใหม่ทั้งหมดไปแล้วล่ะนะ
แต่ว่าทุกครั้งที่ใช้ ปากทางออกของพลัง ก็จะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตอนนี้เธอสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์จินตนาการถึงของที่มีคุณลักษณะซับซ้อนให้เป็นรูปร่างได้
แม้แต่..
“การสร้างระเบิด”
เพราะว่ามิวเสียความทรงจำไป ดังนั้นสามัญสำนึกทั่วไปจึงอยู่ในบรรทัดฐานที่ต่ำกว่าโลกด้านนอกหลายระดับ
กล่าวคือจังหวะนี้ไม่ว่าเธอจะเสกเวทมนตร์ หรือแม้แต่เสกของวิทยาศาสตร์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติทั้งหมด
“ระเบิดพวกนี้ก็เช่นกัน”
ลูกระเบิดที่คุ้นเคยซึ่งอยู่ในความทรงจำอดีตชาติของเรนะก็ถูกโปรยลงไปตามพื้น ตามต้นไม้จำนวนมาก
แน่นอนว่าระเบิดทุกชิ้นที่โปรยลงไปนั้นไม่ใช่ระเบิดที่ทำจากดินปืน แต่เป็น High Explonsive หรือระเบิดอำนาจสูง ทำจากไดนาไมท์
ถ้าเรนะอยู่โลกด้านนอกเธอคงถูกประกาศจับในข้อหาสร้างอาวุธสงครามเองได้เลย.. มันเกินร้อยลูกด้วยซ้ำ
แถมเธอยังใช้พลังแบบของโลกนี้ในการบังคับให้ระเบิดนั้นทำงานได้เองด้วย นอกจากนี้เพราะพลังศักดิ์สิทธิ์คือพลังเหนือสามัญอยู่แล้ว
เธอจึงทำให้มันเหนือสามัญตัวเองอีกทีว่า.. ระเบิดอำนาจสูงนั้นจะแรงขึ้นกว่าเดิมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เสริมเข้าไป
ตอนนี้แทนที่จะเรียกมันว่าระเบิดอำนาจสูงทั่วไปคงจะผิดหลักนิดหน่อย ต้องบอกว่าระเบิดอำนาจสูงพลังศักดิ์สิทธิ์ซะมากกว่า
แน่นอนเรนะไม่ลืมที่จะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เสริมเข้าไปให้ระเบิดทุกชิ้นนั้นมีความสามารถในการล่องหนผ่านการส่งผ่านของแสงด้วย
ทำให้ถ้าไม่มองใกล้ๆ คงยากจะมองเห็นแน่
“ดีจริงๆ ที่ยังไม่คืนวิชาเคมีให้อาจารย์ไป ไนโตรกลีเซอรีน.. แค่มีพลังที่เหมือนเวทมนตร์นี่กับรู้จักสูตรเคมีนิดหน่อยๆ ก็สร้างมันได้ง่ายๆ เลยแฮะ เอาจริงพึ่งรู้สึกว่าการเรียนเคมีมีประโยชน์กับตัวเองก็วันนี้นี่แหละ”
เรนะได้แต่ก้มหัวขอบคุณอาจารย์มัธยมปลายที่ชื่ออะไรนะ.. ในระหว่างที่เรนะกำลังคุยกับตัวเองนั้นเองประสาทสัมผัสเธอก็ทำงานรีบถอยหลบออกมาจากระยะ
แอบมองอยู่ห่างๆ และเธอก็เห็นสัตว์ประหลาดที่คล้ายกับมนุษย์เดินออกมาจากป่าทิศทางเดียวที่เธอมานั่นแหละ
มันเกาหัวตัวเองอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้สัมผัสได้แท้ๆ แถมตั้งหลายรอบ แต่พอไปเจอแล้วไม่เห็นนี่มันเรื่องอะไร
แต่มันก็ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนมากมายขนาดนั้น..
“เจ้านั่นเหรอ ตัวบงการ”
เรนะพึมพำพร้อมกับมองไปที่มัน รูปร่างของมันเหมือนมนุษย์เลย ต่างจากสัตว์ประหลาดไม้อื่นๆ ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์แบบเดินสองขาเฉยๆ
ผิวหนังของมันแม้จะสีเดียวกับต้นไม้ แต่ก็สัมผัสได้ว่ามันคล้ายมนุษย์มากๆ อันที่จริงแค่เรนะมองมันก็รู้สึกขนลุกแล้ว
เพราะก่อนที่มันจะเดินออกมาเธอแทบไม่ได้ยินเสียงเท้าเลย ราวกับมันเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ พอเธอมองมันตอนนี้ยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันไม่ต่างจากต้นไม้ทั่วไปเลย
แต่นั่นแหละที่ทำให้เธอกลัว เพราะเจ้านี่มันใกล้เคียงกับนิยามของอิกดราซิลมากที่สุดตามที่อ่านมาเลยไม่มีผิด
ซึ่งหากเป็นแบบนั้นละก็…. เธอต้องรีบกำจัดมันทิ้งเพราะว่า.. ถ้าเธอเข้าใจไม่ผิด.. ถ้าเธอทราบไม่ผิด..
เจ้าตัวนี้.. เจ้าสัตว์ประหลาดนี้มันจะเติบโตไปเป็นเจ้าสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ที่บุกเมืองนั่นอีกตัว! แค่หนึ่งตัวเธอก็ยังต้อง….
เรนะส่ายหน้า ต้องกำจัดมันก่อนที่มันจะออกไปโลกด้านนอก ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนี้แล้ว
“ระเบิด”
เรนะไม่รีรอใช้พลังศักดิ์สิทธิ์กระตุ้นให้ระเบิดทำงานแทบจะทันที ซึ่งพริบตาต่อมาระเบิดก็ระเบิดขึ้นพร้อมๆ กันกลายเป็นแรงกระแทกอันรุนแรง
ซึ่งมันแรงมากพอจะกวาดล้างต้นไม้ทุกต้นในห้องนี้ รวมถึงทำลายกำแพงผนังกันเป็นแถบๆ แน่นอนว่าแม้เรนะจะรู้ว่ามันแรง
แต่เธอไม่ได้ฉลาดพอจะคำนวณแรงระเบิดว่ามันจะแรงขึ้นขนาดนี้ เพราะแม้แต่เธอก็ถูกแรงอัดกระแทกซัดจนกระเด็นพุ่งไปอัดผนังขอบห้องที่เธอพุ่งเข้ามาทันที
ปากของเรนะกรีดร้องออกมาพร้อมกับเลือดคำโตที่กระอัก เกือบจะร่วงลงบนพื้น แต่โชคยังดีที่เรนะใช้มือเจาะเข้าไปในผนังเพื่อดึงตัวเองเอาไว้
หน้าของเธอซีดเพื่อ บาดแผลไฟไหม้ติดอยู่ที่แขนสองข้าง เสื้อผ้าขาดไปมากกว่าครึ่ง แม้เธอจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ป้องกันเอาไว้แล้วก็ตาม
แต่มันก็ไม่สามารถต้านทานแรงระเบิดไดนาไมท์ที่เสริมพลังศักดิ์สิทธิ์ได้เลยแม้แต่น้อย.. แต่เรนะไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง
“ไม่คิดว่าจะแรงขนาดนี้.. แต่ก็ดีเลย.. ตอนแรกกังวลว่าจะทำอะไรมันได้รึเปล่า แต่ถ้าแรงขนาดนี้ละก็…..”
ในขณะที่เธอพึมพำแบบนั้นนั่นเอง.. เสียงปรบมือก็ดังขึ้น ฝุ่นควันโขมงแรงระเบิดทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกลบหายออกไปเหลือเพียงช่องว่างกลวงโบ๋ที่เกิดจากแรงระเบิด
แม้แต่ออกซิเจนที่เผาไหม้ไปตามแรงระเบิดยังถูกย้อนคืนกลับมาด้วยซ้ำ สิ่งที่ไม่กลับมามีเพียงสิ่งที่ถูกทำลายไปโดยไดนาไมท์ไปแล้ว..
ต้นไม้ใบหญ้าทุกอย่างถูกระเบิดทำลายไปจนหมด เหลือเพียงแค่ขอบๆ เท่านั้น แต่ขอบๆ ก็ถูกผลกระทบจนเรียกได้ว่าต้นไม้หญ้าต่างก็ตายไปแล้วๆ แน่ๆ
ซึ่งเสียงปรบมือนั้นควรจะช่วยชีวิตเรนะจากการขาดอากาศหายใจ แต่ทว่าเรนะกลับหน้าซีดเผือด
เมื่อมองไปยังกลางจุดที่มีระเบิดก็มีสิ่งมีชีวิตหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น….
โดยไร้..บาดแผล
“นี่..ล้อกัน..เล่นใช่ไห–”
ก่อนที่เรนะจะทันได้ตกใจจบ มันก็หันขวับมาทางเรนะแทบจะทันที
ปากของมันเปิดขึ้นด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นชัดเจนว่าโกรธ
“เจ้า.. ผู้..บุกรุก.. คือแก”
เสียงสั่นเครือของมันที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของมัน เรนะพยายามจะฟื้นฟูแขนตัวเองแต่ทว่าวินาทีที่เธอกะพริบตา
เงาของมันก็หายวับไปพร้อมปรากฏตัวต่อหน้าเรนะ..
ยกมือสองข้างขึ้นตบใส่หน้าเรนะอย่างรุนแรง แต่เรนะไหวตัวทันเธอปล่อยมือให้ร่วงลงตามแรงโน้มถ่วง
ตามมาด้วยเสียงปรบมือที่สั่นสะท้าน ผนังที่อยู่ตรงข้ามมันแตกกระจุยกระจายกลายเป็นผุยผงแทบจะทันที
“ความแข็งแกร่งนี่มันลาสบอสชัดๆ ไม่ใช่หรือไงวะ”
เรนะสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด
แต่ลาสบอสมันเจ้าตัวที่อยู่ด้านนอกนู้นไม่ใช่หรือไง
ปัญหาด้านการเขียนโครงเรื่องชัดๆ!
………
[สองตอนต่อวันเหมือนเดิมไงครับ! ลืมกันได้ยังไงว่าปกตินิยายเรื่องนี้อัพวันละสองตอน! – ผู้เขียน]