บทที่ 116 – หวนคืน
ซึ่งในวินาทีที่ทุกอย่างราวกับหยุดนิ่งผ่านมุมมองของเรย์น่านั่นเอง.. มีเพียงอย่างเดียวที่ขยับเขยื้อนออกมาได้ในเวลานี้
แน่นอนว่าคือมิว.. ถ้าจะพูดให้ถูกคือตอนที่ทุกอย่างช้าลงนี้มีเพียงมิวเท่านั้นที่ยังขยับเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
“ไม่!”
มิวตะโกนออกมาราวกับคาดเดาสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ เธอพยายามจะเอื้อมมือข้างเดียวที่เหลืออยู่ไปหาเรย์น่าที่ตัวกำลังส่องแสงตรงหน้า
แต่ทว่าร่างกายของเธอนั้นถูกเหวี่ยงออกมาแล้ว แขนของเธอไม่สามารถเอื้อมไปถึงความจริงตรงหน้าได้
เมื่อมิวมองไปยังสีหน้าที่พร้อมจะตายของเรย์น่าก็ได้แต่สิ้นหวังและสับสน.. ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าเพราะในจังหวะนี้
เรย์น่าเองก็เปิดปากพูดขึ้นโดยไร้ซึ่งเสียงว่า ‘ลาก่อน..’ ดวงตาของมิวหดเล็กลง ทว่าในวินาทีถัดมานั้นเอง..
ท่ามกลางทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังอลหม่านอย่างถึงที่สุดนี้.. ดาบผู้กล้าเอริเนียก็ปรากฏอยู่ในมือของมิว
ไม่สิ.. มันอยู่มาตลอด มันอยู่มาตั้งแต่แรก เพียงแต่การดำรงอยู่ของมันไม่ได้ถูกระบุถึง..หรือจะพูดให้ถูกก็คือ
เหตุผลของการที่มันอยู่ในมือของมิวในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ไม่มีอยู่ มันจึงเหมือนไม่อยู่ แต่มันอยู่มาตั้งแต่แรก
ตั้งแต่ตอนไหน..เรื่องนั้นไม่ใช่คำถาม.. เพราะมันอยู่มานานราวกับตั้งแต่อนาคตจนถึงปัจจุบันหรือแม้แต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
มิวกำดาบในมือพร้อมกับเขวี้ยงออกไปใส่อิกดร้าแทบจะทันที เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น เพราะเธอเองก็รู้ว่าดาบนี้ไม่น่าจะทำอะไรมันได้
ศัตรูที่จัดการเรย์น่าเหมือนกับบดขยี้มดปลวก ไม่มีทางที่ดาบธรรมดาที่เขวี้ยงออกไปจะสร้างบาดแผลให้มันได้อย่างแน่นอน
ใช่.. ในกรณีที่มันเป็นดาบธรรมดาละก็นะ เพราะต่อให้ช่วงเวลาที่ทุกกอย่างช้าลงราวกับหยุดนิ่งนี้ยังคงดำเนินอยู่
ดาบเล่มนั้นก็แหกผ่านตรรกะของหลักระยะทาง หรือหลักเหตุและผลไปจนสิ้นพุ่งตรงใส่อิกดร้าราวกับดาบมีชีวิต
ซึ่งอิกดร้าสิ่งมีชีวิตที่กลายพันธุ์เพราะพลังจาก Abyss.. ไม่เพียงแค่นั้นมันยังอาศัยธรรมชาติในการเติบโตและให้ธรรมชาติอาศัยมันในการดำรงอยู่
ตราบใดที่ธรรมชาติยังมีมัน ธรรมชาติก็จะไม่มีทางดับสูญ.. แน่นอนว่าธรรมชาติ อากาศ ทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้จึงนับว่าเป็นมิตรของมัน
แม้ไม่อาจควบคุมได้อย่างพืชหญ้า แต่ทว่าทุกอย่างก็ยังเป็นสหายที่รู้ใจ มันสามารถบินเหาะเหินเดินอากาศได้
เพราะอากาศอนุญาตให้ทำแบบนั้น มันสามารถฟังเสียงจากผืนแผ่นดินได้ เพราะผืนแผ่นดินอนุญาตให้มันทำแบบนั้น
และ…. ธรรมชาติก็กำลังร่ำร้อง กำลังเตือนมันอยู่..
ในวินาที
ในตอนนี้..
มันกำลังอยู่ปากหอบเหวแห่งความตาย!
ดวงตาของอิกดร้าหดเกร็งลงด้วยความหวาดกลัว มันพยายามจะดีดตัวออกห่างจากดาบเล่มนั้น แต่ทว่าก็สายไปแล้ว
ดาบที่พุ่งมาในช่วงเวลาที่ทุกอย่างช้าลงนั้นปักเข้าที่ขาดของมัน… แต่มันตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยการตัดขาดช่วงที่ถูกฟันของตัวเองทิ้ง
พร้อมทั้งใช้ฝ่ามือตบขาที่ถูกดาบเสียบนั้นทุ่มลงกับพื้น ส่งผลให้คมดาบนั้นพุ่งเสียบเข้ากลางอกของเรย์น่าราวกับตัดเนย
และวินาทีที่ดาบนั้นปักเข้าที่กลางอกของเรย์น่านั้นเอง ดวงตาของมิวก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความสับสน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นน่าตกใจยิ่งกว่า แสงสว่างที่กำลังจะระเบิดออกจากร่างของเรย์น่าก็ถูกลบหายไป ถ้าจะพูดให้ถูกคือเหตุและผลที่ทำให้เกิดสถานการณ์นั้นก็หายไป
และช่วงวินาทีถัดมาก็ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของเรย์น่าและมิวที่ดังขึ้นพร้อมกัน หัวของเรย์น่าและมิวราวกับถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ
เสียงของเส้นใยขาดดังขึ้นในหู… ในจิตวิญญาณของคนทั้งสอง แต่ทว่าสติของเรย์น่าก็มืดดับลงไปแทบจะทันที
ทุกอย่างหวนคืนกลับมาปกติ อิกดร้ากระโดดถอยหลังด้วยความหวาดกลัว ร่างของมิวร่วงลงพื้น บาดแผลแม้จะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
แต่ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ดาบที่ปักอยู่กลางอกของมิวพุ่งลอยกลับมาอยู่ในมือของมิวดังเดิม…
“เมื่อกี้.. มันอะไร มันเกิดอะไรขึ้น”
“ฉัน..อ้ะ.. อ๊าาาา”
มิวที่พยายามนึกถึงงงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้นี่เองหัวก็เจ็บแปล๊บความทรงจำบางส่วนที่คลุมเครือเหมือนจะย้อนกลับมาใส่สมองของเธอ
แต่มันเลือนรางเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเหมือนเดิม เหมือนกับติดอยู่ในหมอก สถานการณ์แบบนี้..
“แก.. ศัตรู.. แกทำ..อะไร”
อิกดร้าหันมามองมิวด้วยสายตาตกตะลึงและหวาดกลัว ตอนนี้จุดสนใจมันไม่ได้สนใจที่เรย์น่าแล้ว แต่เป็นมิว
มันกลัวมิว..ไม่สิ มันกลัวดาบนั่นโดยสัญชาตญาณ มันยืนมองมิวที่อยู่ในสภาพขาขาดสองข้าง แขนขาดข้างหนึ่ง
จะเคลื่อนไหวก็ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ .. ความทรงจำทุกอย่างของมิวเริ่มสงบลง แต่ทว่ามิวก็ทำได้เพียงแค่ก้มหน้าคิดสิ่งที่เกิดขึ้น
“ดาบเล่มนี้..”
มิวพึมพำกับตัวเอง
อิกดร้าที่มัวแต่หวาดกลัวกับดาบพอเห็นมิวอยู่ในสภาพปางตายยิ่งกว่าอีกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายทันที
เพราะมันสัมผัสถึงอันตรายจากดาบเล่มนั้นได้ชัดเจน ร่างของมันพุ่งดิ่งไปยังมิวด้วยความเร็วสูงหวังจะชิงการโจมตีก่อนให้เป็นประโยชน์
แต่ทว่า..มิวก็ยกดาบขึ้นมาชี้ไปทางมันราวกับเตือนว่าถ้าเข้ามาใกล้อีก จะฟันดาบนี้ใส่แก.. ซึ่งนั่นก็ได้ผลซะด้วย
เพราะทันทีที่มิวยกดาบขึ้นมันก็หยุดชะงักกลางอากาศ มิวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองอิกดร้า แล้วก็มองไปที่เรย์น่าซึ่งหมดสติอยู่
“ก็แน่ละสิ.. กลัวใช่ไหมล่ะดาบเล่มนี้.. ขนาดฉันยังกลัวเลย”
มิวพูดขึ้น น้ำเสียงที่ดูเหมือนเด็กแรกเกิดที่ยังอ่อนต่อโลกนั้นหายไปแล้ว… มิวหวนนึกถึงตอนที่ตัวเองทะลุบาเรียของเรย์น่าออกมา
ดาบเล่มนี้ก็เป็นคนตัดบาเรียได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ แถมทันทีที่ดาบเล่มนี้แทงไปที่เรย์น่าเมื่อกี้ก็ไม่ทำให้เรย์น่าเป็นอะไร
แต่คนที่เป็นอะไรไปดันเป็นเจ้าสัตว์ประหลาดไม้นั่นคนเดียว.. ดาบเล่มนี้มันเหมือนรู้จุดประสงค์ หรือจุดมุ่งหมายที่มิวปรารถนาด้วยตัวมันเอง
ราวกับว่าหากมิวต้องการทำร้ายมันก็ทำร้าย หากมิวไม่ทำร้ายมันก็ไม่ทำร้าย.. และอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้..
“แก.. เป็น.. ตัวอะไร..”
อิกดร้ากล่าวด้วยความสับสน ทั้งๆ ที่ศัตรูมีแขนแค่ข้างเดียว แต่การหันดาบเล่มดังกล่าวมานั้น.. มันกลับทำให้อิกดร้าสั่นกลัวได้
“นั่นสินะ.. ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน..”
มิวตอบออกไปแบบนั้นพร้อมหลับตาข้างหนึ่งและคิดในใจเบาๆ ว่า
“เพราะงั้นแหละ.. ไหนๆ ก็จะตายอยู่แล้ว ลองมาเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองอีกรอบจะเป็นไรไปละถูกไหม?”
เมื่อมิวคิดเช่นนั้น มิวก็ปล่อยมือจากดาบ ดาบเล่มนั้นที่ชี้ออกไปด้านหน้าก็เปลี่ยนทิศมาชี้เข้าที่ตัวเอง..
“นี่แก..คิดจะ..ทำ—”
ภายใต้ความสับสนของอิกดร้า มันไม่ตระหนักถึงความอันตรายของสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ไม่สิ มันรู้แล้ว ธรรมชาติกำลังร่ำร้องเตือนมัน
แต่มันกำลังตกใจ.. ทำไม.. ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงหันดาบเข้าใส่ตัวเองทำไมถึง… มิวดึงแขนเข้ามาคมดาบนั้นปักเข้าที่กลางอกของมิว
มันแทงทะลุเข้าไปกลางอกราวกับใช้มีดตัดเนย แต่ไม่มีทั้งเลือด ไม่มีทั้งเสียงกรีดร้อง มีเพียงความเงียบสนิท
“แก…”
ภายใต้ความงุนงงของอิกดร้านั้นกลับตบสนองด้วยความหวาดผวาของธรรมชาติที่กำลังกรีดร้องโวยวายให้กับอิกดร้าฟัง
“อ้าก… พวกเจ้า.. ค่อยๆ พูดสิ”
มันกุมหัวตัวเองอย่างเจ็บปวด ก่อนที่จะจับใจความได้ว่าเสียงของธรรมชาตินั้นกำลังพยายามจะบอกมันว่า
“….หนี”
ซึ่งก็ช้าไป แขนของมันขาดสะบั้นหลุดลอยออกไปตอนไหนไม่รู้ ไม่มีกระทั่งความเจ็บปวดด้วยซ้ำ เงาร่างของคนคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังของมัน
เสียงยังคงเป็นเสียงเดิมที่มันรู้จัก แต่ทว่า..เหมือนกับทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปจนหมดสิ้น
“ดีนะที่สัญชาตญาณฉันมันถูกต้องเสมอ.. ไม่ว่าจะตอนนี้ หรือก่อนที่จะมาที่นี่น่ะ”
มิวพูดขึ้นด้วยความสงบอย่างน่าประหลาด
นั่นก็เพราะว่า…
…ความทรงจำหวนคืนกลับมาแล้ว!