บทที่ 125 – เจตจำนงเสรี (Free will)
มิวอุ้มเรย์น่าขึ้นมาพร้อมกับมองใบหน้าของเธอ.. อาจจะเพราะการต่อสู้ที่ดุเดือดของเธอ ชุดเรย์น่าจึงแทบขาดวิ่น
มิวเลยเอาเสื้อผ้าจากโลกด้านนอกที่เตรียมมาคลุมตัวเธอเอาไว้ให้ ก่อนที่มิวยกมือขึ้นไปเช็ดปากของเรย์น่า เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแค่มองยังภาพของบ้านเมืองที่กลายเป็นซากปรักหักพัง
ถัดจากเสียงที่เงียบงันราวกับดินแดนแห่งความสิ้นหวังก็ตามมาด้วย เสียงร้องของปีศาจจิตมรณะที่ปรากฏขึ้น
ดวงตาของมิวมองไปยังภาพเบื้องหน้า เธอรู้สึกคุ้นเคยภาพนี้ไม่มากก็น้อย แต่ก็นึกไม่ออกว่าคุ้นเคยจากไหน
เพราะเธอไม่ได้สนใจมันเลย.. ในตอนนี้ทุกคนตายหมดแล้ว ทุกคนในเมืองที่ก่อนหน้านี้ยังอยู่ดีมีสุขนั้นตายลงด้วยเวลาเพียงไม่กี่นาทีจากการบุกรุก
มิวหลับตาลงพร้อมกับพยายามเรียกหาคนที่ตัวมิวเองอัญเชิญออกมา แต่เหมือนจะไม่ตอบสนองเลย
คงจะใช้พลังปกป้องเรย์น่าจนตัวตายเลยละมั้ง เพราะมิวเองก็เห็นมาจากที่ไกลๆ อยู่ว่ามีการปะทะกันระหว่างโล่และเกาะโบสถ์ลอยฟ้า
มิวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองปีศาจกิ่งก้านแห่งความตาย ก่อนที่ร่างของเธอจะพุ่งพรวดพราดขึ้นไปด้วยความเร็วที่ยากจะตามทัน
เพียงชั่วพริบตาเดียวเธอก็หยุดอยุ่ตรงหน้าของมันแล้ว สีหน้าของมันที่จ้องมองมิวเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวอย่างชัดเจน
มิวที่อุ้มเรย์น่าอยู่นั้นมีมือแค่ข้างเดียว แต่นั่นก็เพียงพอแล้วดาบในมือเธอตัดฉับลงเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
ปีศาจกิ่งก้านแห่งความตายดวงตาหดเล็ก ร่างย่อขนาดลงให้เท่ากับขนาดเดิมของมันเพื่อหลบคมดาบของมิวอย่างฉิวเฉียด
แม้มันจะกลัวดาบเล่มนั้นของมิว แต่ทว่าดวงตาของมันกลับเผยแววมาดร้าย ในตอนนี้มันดูดกลืนจิตสำนึกของคนบนโลกนี้มาเกือบหมดแล้ว
เมืองนี้เป็นเมืองสุดท้าย.. แม้ว่าจะยังเหลือมนุษย์ตามเมืองเล็กๆ เมืองอื่นๆ ยิบๆ ย่อยๆ แต่อีกไม่นานมันก็คงครองโลกทั้งหมดได้
กล่าวคืออุปสรรคมันอย่างเดียวตอนนี้ก็คือมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้า อีกทั้งต่อให้มันจะกลืนกินมนุษย์ที่เหลืออยู่น้อยนิดมันก็ไม่แข็งแกร่งขึ้นแล้ว
พูดอีกอย่างคือ มันแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วในตอนนี้ และยิ่งเป็นตอนที่มิวมีภาระอยู่ที่แขน
นี่เป็นโอกาสเดียวของมัน.. หัวของมันแตกขยายกลายเป็นดาบหลายสิบเล่มพุ่งใส่มิวทุกทิศทาง
แต่ทว่ามิวก็ไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
“ตายซะ..”
มันพูดแบบนั้นพร้อมกับดาบที่เปล่งแสงสว่างโร่ออกมานั้นก็พุ่งเสียบใส่ร่างของมิวทุกทิศพร้อมๆ กัน
ดาบแต่ละเล่มล้วนอาบไปด้วยพลังของจิตสำนึกที่มันกลืนกินมา กล่าวคือมันเป็นพลังรูปแบบเดียวกับพลังของ ‘พลังมังกร’ แบบของมิว
ซึ่งมันเป็นแค่ของเลียนแบบก็เท่านั้นเอง นั่นไม่มีทางเทียบเคียงกับพลังของจริงจากตัวมิวได้อย่างแน่นอน
มิวกวาดมือเพียงแค่หนึ่งครั้งดาบทั้งหมดก็ล้วนแล้วสูญเสียพลังงานทั้งหมดไปแทบจะทันที แค่คิดจะใช้พลังเลียนแบบพลังมังกร
กับพลังมังกรที่แท้จริงมันก็ผิดมหันต์แล้ว
“ฉันจะทำให้แก..หายไปเอง”
เมื่อมิวกล่าวแบบนั้นก็โยนดาบขึ้นไปบนฟ้าพร้อมชี้นิ้วไปทิศทางที่มันอยู่.. ภายในชั่วลมหายใจนี้ ทุกอย่างมันราวกับถูกตรึงให้อยู่กับที่
เวลาก็ดี ระยะทางก็ช่าง หรือสรรพสิ่งสรรพชีพทุกอย่างล้วนถูกตรึงเอาไว้.. พลังมังกรหรือพลังเทพมังกร..เป็นพลังงานปริศนาที่อยู่ทุกหนแห่ง
ตราบเท่าที่มีการดำรงอยู่ของมังกร.. เพราะมังกรต้องใช้มันในการหล่อเลี้ยงร่างกาย ชีวิตและอื่นๆ หากขาดมันเป็นมังกรก็จะตาย
เหมือนกับการที่มนุษย์ไม่ได้หายใจ .. และพลังมังกรที่ว่าก็มีความบริสุทธ์ที่สูงมาก แต่ความหนาแน่นของมันกลับมีตรงกันข้ามเพราะมีความเข้มข้นที่เหนือกว่าสสารใดๆ บนโลกใบนี้
แต่กลับมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า สัมผัสไม่ได้.. พูดให้ถูกคือมันไม่มีอะไรรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของมันได้นอกจากตัวตนของมังกร
และแม้แต่มังกรเองก็ยังใช้ได้แค่หล่อเลี้ยง.. และใช้พ่นออกไปรวดเดียวกลายเป็นพลังทำลายล้างที่ไม่สนอะไรเลย
แต่นั่นก็แค่ซึมซับและปลดปล่อย ไม่มีมังกรตัวไหนที่สามารถควบคุมพลังมังกรนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเหมือนแขนเหมือนขา
แถมเมื่อใช้มันยังเป็นการผลาญพลังงานที่สูงที่สุด อาจทำให้ตายได้เลย เหมือนกับการที่มนุษย์ดึงเอาออกซิเจนในเลือดออกมาจนหมดนั่นแหละ
เพียงแต่มังกรก็มีร่างกายที่แข็งแกร่งดังนั้นการใช้นานๆ ครั้งจึงไม่เป็นปัญหามากนัก ทว่า.. ตลอดเวลาที่ผ่านมา
มิว..กลับสามารถควบคุมมันออกมาในรูปแบบต่างๆ ได้.. ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ในบันทึกของชาวมังกรก็ไม่มีระบุว่าเทพมังกรเคยควบคุมพลังมันได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็สามารถควบคุมมันได้ แม้ไม่อาจควบคุมได้มากขนาดทำได้ทุกอย่าง แต่เธอก็สามารถปรับรูปแบบการปลดปล่อย ซึมซับ..
และ..บีบอัดได้
ใช่.. วินาทีถัดมาที่ปลายนิ้วของมิวชี้ของมิวถูกชี้ออกไป พลังมังกรอำนาจมหาศาลก็ระเบิดออกจากร่างราวกับพายุ
เหนือหัวมิวกลายเป็นพายุสีขาวที่เกิดจากพลังที่หมุนวน.. ทว่าในเวลาต่อมานั้นพายุที่หมุนวนก็ถูกดูดมารวมกันที่ปลายนิ้วของมิว
เวลาที่หยุดนิ่งนั้นกลับมาไหลเดินต่อพร้อมกับ..ก้อนพลังงานขนาดเท่าหัวแม่มือลอยอยู่ปลายนิ้วของมิว
ดวงตาของมันเบิกกว้าง หัวใจตึกๆ .. คราวนี้ไม่ได้มีเสียงแจ้งเตือนจากธรรมชาติ หากที่ธรรมชาติบอกมันว่าดาบนั้นน่ากลัวเพราะเป็นสิ่งแปลกปลอมแล้ว
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่นับเป็นสิ่งแปลกปลอม.. ทว่านั่นไม่ได้หมายถึงว่ามันไม่มีความหวาดกลัว ความกลัวนั้นแทรกซึมเข้าจิตวิญญาณมันโดยอัตโนมัติ
ความหนาแน่นที่ถูกบีบอัดจนเหลือแค่นี้.. หากมันระเบิดออกมาคงทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างในระยะได้จนหมด
ร่างกายของมันเริ่มพร่าเลือนในทันที.. ราวกับว่าต้องการจะหนี แน่นอนว่าหากมันเลือกที่จะหนีตั้งแต่แรกนู้น มันอาจจะมีโอกาสรอดก็ได้
ไม่สิ ต่อให้มันคิดจะหนีตั้งแต่แรกมันก็หมดโอกาสรอดไปแล้ว.. ในตอนแรกที่มันรอดจากมิวที่พลังเต็มที่มาได้ก็เพราะไหวพริบสุดท้าย
ที่แยกจิตสำนึกตัวเองมาเข้าร่างเงาของตัวเอง.. หรือก็คือโชคช่วยมันล้วนๆ หากไม่มีร่างแยกอยู่แต่แรก จิตที่ไร้กายหยาบก็คงสลายหายไปทันที
ทว่าตอนนี้.. มันไม่มีร่างแยกเหลือแล้ว และต่อให้หนีก็ไม่มีทางหนีมิวได้หรอก.. และยิ่งไม่ต้องพูดถึงวินาทีนี้
ทว่าในตอนนั้นเองดาบที่โยนขึ้นไปในตอนแรกก็ตกลงมาฟันใส่ก้อนพลังงานดังกล่าว และก้อนพลังงานนั้นก็หายวับไป
“เอ้ะ..?”
ปีศาจกิ่งก้านแห่งความตายอุทานด้วยความสับสน.. เพราะพลังตรงหน้าจู่ๆ ก็หายวับไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอะไร
ในวินาทีถัดมานั้นเอง.. หัวใจของมันก็ตกไปอยู่ตาตุ่ม.. เพราะว่ามันยังสัมผัสถึงก้อนพลังงานนั้นได้ มันไม่ได้หายไปไหนเพราะว่า..
“ไม่.. ข้าไม่อยากตา—”
เสียงมันขาดสะบั้นลงกะทันหัน.. ก้อนพลังงานที่ถูกส่งเข้าไปอยู่ในท้องของมันตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ก็แตกออก แต่พลังการทำลายล้างไม่ได้ระเบิดออกรอบข้าง
แต่โฟกัสอยู่แค่รอบตัวของมัน ซึ่งแน่นอนว่าความรุนแรงนั้นก็มากมหาศาลในระดับที่ทำลายล้างได้ทุกสรรพสิ่งในระยะ
ร่างกายของมันถูกฉีกกระชาก เพราะแรงระเบิดไม่ได้กลืนกินขากับแขน กลืนกินแค่ตัวกับหัวส่งผลให้แขนและขามันร่วงหล่นลงไปที่พื้น
เหลือเพียงรอยแตกของอากาศที่เป็นสีดำสนิท.. พูดให้ถูกก็คือหลุมสีดำช่องว่างของพื้นที่และเวลาที่ถูกทำลายล้างไปพร้อมกัน
ด้านในความมืดสีดำสนิทนั้นมีเพียงความว่างเปล่าอันเคว้งคว้าง.. ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่เลย ไม่มีเลยสักอย่าง ไม่มีจริงๆ ..
หากโลกนี้เป็นโลกของภาพวาดในกระดาษ.. หลุมสีดำนี่ก็เป็นเหมือนรูบนกระดาษนั่นเลย..
มิวตวัดดาบใส่หลุมดังกล่าวพร้อมกับลบให้หลุมนั้นหายไปแทบจะทันที.. ก่อนจะก้มลงมองมือตัวเอง ท่าเมื่อกี้..เป็นท่าที่เธอพึ่งคิดขึ้นมาได้
หลักการมันง่ายๆ คือแค่บีบอัดมัน..มันก็จะแรงขึ้น
มิวค่อยๆ ร่อนตัวลงไปบนพื้นอย่างช้าๆ เงยหน้ามองบ้านเมือง ท้องฟ้า.. ทุกสิ่งทุกอย่างมันจบได้ง่ายขนาดนี้เลย..
มันจบง่ายจนเกินไป.. มันจบง่ายจนภายในอกของมิวยังคงรู้สึกได้เพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น
หากการต่อสู้มันยากลำบากและการฆ่าศัตรูมันยากกว่านี้ เธอคงจะรู้สึกเบาลงไปบ้าง ความรู้สึกผิดในใจเหล่านี้
และเพราะมันง่ายเกินไป..เธอจึงรู้สึกเหมือนกับว่า..
ตัวเองเป็นคน..ปล่อยให้ทุกคนต้องตาย
“………”
มิวได้แต่นิ่งเงียบ.. ในตอนนั้นเองก็มีคนวิ่งมาทางมิวด้วยท่าทางที่ทุลักทุเล บาดเจ็บสาหัส มิวเงยหน้ามองก็อุทานด้วยความแปลกใจว่า
“ดัสก์..เหรอ ยังไม่ตายเหรอ?”
“ท่านมิว.. ท่านหญิงเธอ”
“เธอไม่เป็นอะไร ว่าแต่นายยังไม่ตายเหรอ”
มิวใช้ดาบแทงไปที่อกของดัสก์ แม้ดัสก์จะตกใจที่จู่ๆ โดนแทงแต่วินาทีถัดมาบาดแผลก็เหมือนจะหายเป็นปลิดทิ้ง
“ข้ากับกลุ่มของข้าบังเอิญไปอยู่ในโล่ของใครไม่รู้..เลยไม่เป็นสัตว์ประหลาดเหมือนคนอื่น… แต่ทุกคนในเมือง..”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดแล้ว”
มิวพูดแบบนั้นก่อนที่หน้าจอเควสจะเด้งขึ้นมาด้านข้างมิวแจ้งเตือนว่าเควสสำเร็จแล้ว มิวยิ้มด้วยรอยยิ้มจางๆ
“อ้ะ นายมาเอาท่านหญิงของนายไปสิ”
“เอ้ะ.. หมายความว่าไง..?”
“ฉันต้องไปแล้ว.. ถ้าเป็นไปได้สักวันฉันจะกลับมาที่ชั้นนี้อย่างแน่นอน”
“เอ่อ.. ท่านมิวกำลังพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย”
“บางทีมาพูดเอาตอนนี้อาจจะแปลกๆ หน่อย จริงๆ ฉันมาจากนอกโลกนะ และโลกด้านนอกโลกนี้ก็เป็นหอคอย”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกผิด หรือความรู้สึกอะไรก็ตามแต่ ทว่าทุกอย่างนั้นเหมือนจะเป็นเพราะมิว
มิวที่เป็นคนนอก… อย่างน้อยก็ให้พวกเขาได้รู้ความจริง มันอาจจะไม่ช่วยอะไรแต่อาจจะทำให้ความรู้สึกผิดในใจของมิวลดลงไปบ้าง เธอจึงตัดสินใจที่จะพูด
“ในหอคอยนั้นแต่ละชั้นจะมีโลกที่แตกต่างกัน…”
ภาพหนึ่งแว้บเข้ามาในหัวของมิว..
แต่เธอก็ส่ายหัวปฏิเสธและพูดต่อไป
“และสิ่งที่ฉันต้องทำในชั้นนี้ก็เสร็จแล้ว.. ดังนั้นหน้าที่ของนายต่อจากนี้คือ….”
อีกภาพหนึ่งแว้บเข้ามาในหัวของมิว..
ดวงตาของเธอเบิกขึ้น..
หูของมิวอื้ออึง..
เสียงหัวใจเต้นรัว
เวลาราวกับถูกยืดออก
………
…….
……
….
…
นี่มัน.. แบบนี้มัน…
“ท่านมิว..”
“ท่านมิว!”
“ท่านมิว!!!”
สติของมิวถูกดึงรั้งเอาไว้..
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
มิวไม่ได้ตอบดัสก์ที่รับร่างของเรย์น่าไป เธอเพียงหัวเราะออกมา.. เธอหัวเราะเหมือนกับคนเสียสติ
“อา.. ฮ่าๆๆๆๆ”
“แบบนั้นเองเหรอ.. เป็นแบบนั้นใช่ไหม”
“เจตจำนงเสรี.. เจตจำนงเสรีบ้าบอคอหอยอะไร มันเคยมีที่ไหน”
“พระเจ้า.. ถ้าแกมีตัวตนอยู่จริง.. แกก็ทำกันแสบจริงๆ”
ดวงตาของมิวเผยแววบ้าคลั่ง
“ท่านมิว..?”
แม้จะเห็นมิวหัวเราะอยู่แท้ๆ แต่ดัสก์รู้สึกเหมือนกับว่าเธอตรงหน้านี้..กำลังร้องไห้อยู่มากกว่า
“ดัสก์”
“คะ..ครับ”
มิวมองหน้าดัสก์ สายตาของมิวมืดมัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ความมืดมัวนั้นมันไม่ได้มีสำหรับดัสก์แต่เป็นคนอื่น
“ฝากเรย์น่าด้วย.. บางทีจากนี้ในอนาคตพวกเราคงจะเจอฉันอีกแน่ๆ ..”
“แต่ว่า..บางทีแล้ว.. ตัวฉันในอนาคตคงจะจำพวกนายกับเรย์น่าไม่ได้หรอ—”
ก่อนจะทันได้กล่าวจบร่างของมิวก็แตกสลายกลายเป็นไอออนและหายไป..ทิ้งคำพูดอันลึกลับของตนเองไว้ตรงนั้น
………..
[งงมั้ย.. งงเหรอ งงสินะ! ใครงงตอนต่อไปพรุ่งนี้มีขยายความเพิ่ม สำหรับใครไม่งงก็.. ยังจำกันได้อีกเหรอ ผมแทบลืมไปแล้วนะ! – ผู้เขียน]