บทที่ 137 – ผู้กล้าโอชิไอดอล
นับตั้งแต่มิวเข้าโรงพยาบาลมาก็ผ่านมาหลายวันแล้ว แม้จะมีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
วันพรุ่งนี้มิวก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพราะบาดแผลภายนอกอนั้นไม่ได้สาหัสขนดนั้น และการฟื้นตัวของมิวก็ฟื้นเร็วอย่างสังเกตได้
มิวจึงสามารถออกจากโรงพยาบาลได้เร็ว ตอนนี้เอริเนียตัวน้อยถูกคาเอะพาไปแล้ว เพราะจะให้เธออยู่นี่ตลอดก็ไม่ได้
มิวเองก็ไม่มีทั้งญาติหรืออะไรเลยตอนนี้จึงอยู่คนเดียวในห้องคนป่วย ซึ่งค่อนข้างหรูเหมาะกับตำแหน่งของเจ้าตัวอยู่พอสมควร
ก่อนหน้านี้นับตั้งแต่มิวมาที่นี่ และเข้าไปในหอคอย แม้เธอจะศึกษาเรื่องของโลกนี้แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
นับตั้งแต่ที่เจ้าเทริโน่นั่นโผล่ออกมาทำให้มิวรู้ว่าตัวเองขาดข้อมูลของโลกนี้มากไปหน่อย แต่เอาจริงตอนแรกมิวก็ไม่คิดว่าตัวเธอเองจะเข้าไปหอคอยนานขนาดนี้เหมือนกัน
เพราะไปพัวพันนั่นนี่เต็มไปหมดภายในหอคอยนั่นแหละ ดังนั้นสิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้คือการรวบรวมข้อมูล
เอาเข้าจริงมิวเองก็ลองตรวจสอบดูหลายครั้งแล้วว่าโลกนี้มันอาจจะเป็นโลกเดิมของเธอก่อนมาเกิดใหม่เป็นมังกรก็ได้
มิวมีความคิดแบบนั้นแว้บเข้ามาในหัวเลยพยายามหาที่ตั้งของหมู่บ้าน หรือบ้านตัวเองหรือแม้แต่ชื่อของแฟนมิว
น่าเสียดายที่ทุกอย่างคือสูญเปล่าหมดเลย สาเหตุเป็นเพราะว่าภัยพิบัติของประตูบอร์เดอร์นั้นมีมากจนนับไม่หมด
การค้นหาข้อมูลที่ถูกทำลายลงไปในระหว่างการปรากฏครั้งแรกของประตูบอร์เดอร์นั้นเป็นเรื่องยากมากๆ ในปัจจุบันมีอัตราการเพิ่มขึ้นของคนไร้บ้านมากกว่าอดีตหลายเท่าตัวด้วยซ้ำ
ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นผลมาจากประตูบอร์เดอร์ทั้งสิ้น ดังนั้นประตูบอร์เดอร์จึงเป็นเหมือนของขวัญสำหรับใครหลายคน แต่ก็เป็นศัตรูของใครหลายคนเหมือนกัน
แน่นอนว่าโลกเดิมของมิวไม่มีของแบบนี้อยู่ นั่นจึงหมายความว่ามิวเองก็ไม่คิดว่านี่จะเป็นโลกเดิมของเธอแน่นอนอยู่แล้ว
“แต่ประวัติศาสตร์โลกนี่.. มันเหมือนโลกเดิมของฉันทุกอย่างเลยแฮะ”
ในขณะที่นั่งอ่านประวัติศาสตร์โลกย้อนกลับไปหลายสิบ หลายร้อยปี.. ไม่ว่าจะเป็นชื่อผู้กอบกู้ประเทศ หรือแม้แต่รายชื่อประธานาธิบดี
แม้แต่ศาสนา ทุกอย่างล้วนเหมือนกันหมด มันก็ทำให้มิวอดคิดไม่ได้ว่านี่คือโลกเดิม แต่นั่นก็อธิบายไม่ได้ว่าที่มิวโดนผนึกแล้วจะกลับโลกเดิมได้ยังไง
“อย่างที่คิดคงเป็นโลกคู่ขนานอะไรทำนองนั้นจริงๆ”
ในปัจจุบันโลกนี้ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าโลกคู่ขนานมีอยู่จริงไหม แต่มิวคงเป็นคนเดียวที่ยืนยันได้ว่าโลกคู่ขนานมีอยู่จริงแล้วในตอนนี้
มิวกำลังเลื่อนโทรศัพท์ที่ยืมมาจากคาเอะค้นหาข้อมูลที่ละเอียดลงลึก… ก่อนสายตาจะหยุดไปที่โซเชียลมีเดียหนึ่ง
“เอ้ะ.. ชื่อฉันเหรอ”
“ทำไมมีชื่อฉันบนเทรนด์การค้นหาได้เนี่ย?”
มิวได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง เพราะเธอสัญญากับจ้าเทริโน่ไว้แล้วนี่น่าว่าจะไม่เอาชื่อเธอไปเผยแพร่กับสาธารณะ…
ก่อนที่มิวจะเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
รีบกดเข้าไปดูชื่อตัวเองเพียงเท่านั้นแหละมิวก็แทบสะดุ้ง เพราะในนั้นพดถึงเธอลุกเป็นไฟเลย ไม่ว่าจะศัตรูคู่กัดกับองค์หญิงไร้เสียง
“ฉันไปเป็นศัตรูกับยัยนั่นตอนไหนกัน”
มิวบ่นออกมา.. หัวข้อต่อมาก็เป็นการวิเคราะห์ว่าทำไมมิวถึงแข็งแกร่งขนาดนั้นทั้งที่ไม่มีอารยธรรม
เรียกได้ว่าข่าวทั้งหมดหลุดออกโลกภายนอก.. เธอลืมไปเลยว่าตอนนี้ชื่อของเธอน่าจะวางอยู่บนสุดของกระดานจัดอันดับของหอคอย
ซึ่งมันหมายความว่าทุกคนทั่วโลกก็เห็นสิ่งนี้ไม่ใช่แค่องค์กรบอร์เดอร์ไลน์… มิวลุกขึ้นมาจากเตียงไปส่องดูหน้าต่าง
อย่างที่คิดภาพเหมือนในหนังที่เธอเคยดูกำลังประจักษ์อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ภาพของฝูงชนที่มาตั้งแคมป์รอสัมภาษณ์มิวหน้าโรงพยาบาล
เพราะไม่รู้วันออกโรงพยาบาลที่แน่ชัด เนื่องจากมิวเองก็เป็นบุคคลสำคัญระดับประเทศแล้วในยามนี้ องค์กรบอร์เดอร์ไลน์เองก็ช่วยปิดข่าวให้ตามคำขอมิว
แต่ว่านั่นก็ตามมาด้วยความสงสัยที่มากกว่าเดิม ผู้หญิงแปลกที่หาข้อมูลยังไงก็ไม่เจอ มันยิ่งกระตุ้นต่อมความสงสัยของมนุษยชาติกับนักข่าว
ทำให้เพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา ชื่อของมิวก็ได้โลดแล่นไปทั่วโลกแห่งอินเทอร์เน็ต และการโลดแล่นไปทั่วโลกแห่งอินเทอร์เน็ตก็หมายถึงกระจายไปทั่วโลก
“เฮ้ย.. แล้วแบบนี้จะทำไงกันละนี่”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นหรอกนะ ไอ้คนที่ดังเกินไปจนโดนขุดประวัติออกมาจนหมด จากความสนใจกลายเป็นการรุมประณามแทนเนี่ย”
มิวยิ่งเป็นคนจากยุคอดีตด้วยแล้ว.. ถึงจะไม่รู้ว่าอดีตแค่ไหน แต่ในประวัติศาสตร์โลกนี้ไม่รู้ว่ามีมังกรอยู่
นั่นคงหมายความว่ามิวอาจจะเก่าถึงขั้นนั้นเลย….
“เอาน่านายท่านอย่ากังวลไปเลย การเป็นคนมีชื่อเสียงมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก”
เสียงของผู้กล้าเอริเนียดังขึ้นในหัวของมิว มิวบ่นขึ้น
“เธอจะไปรู้อะไรกันล่ะ คนดังน่ะเหนื่อยจะตายนะจะบอกให้ ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยเนี่ยมีแฟนไม่ได้เลยนะจะบอกให้ ขืนมีแฟนขึ้นมาพวกแฟนคลับก็จะคลั่งเป็นบ้าล่าแม่มดกันอีก แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว”
“นายท่านไม่ใช่ดาราสักหน่อย จะไปมีของแบบนั้นได้ไงล่ะ”
“เธอมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว แค่ดังทุกคนมันก็ดึงไปเป็นไอดอล เหตุผลในการมีชีวิตกันได้หมดนั่นแหละ”
“แหม.. ฉันว่าถ้าคนอื่นพูดให้คนอื่นจะดูดีนะ แต่นายท่านพูดให้ตัวเองแบบนั้นเหมือนกำลังอวดว่าตัวเองสวยงั้นแหละ”
มิวที่ได้ยินแบบนั้นก็เอียงคอ
“เอ้ะ.. แล้วฉันไม่สวยหรือไงล่ะ?”
“…….”
“…..?”
มิวเอียงคอเพราะคำพูดของผู้กล้าเอริเนีย.. เอาเข้าจริงเธอในตอนนี้สวยกว่าแฟนเธออีกนะ
อีกอย่างที่มิวไม่อยากดังเหตุผลหลักๆ อาจจะเพราะการโกหกของงตัวเองถูกโป๊ะแตกก็จริงอยู่ แต่อีกสาเหตุก็คือไอ้เรื่องพวกนี้นี่เหละ
เพราะประสบการณ์ตะลุยโลกโซเชียลของมิวนั้นไม่ได้น้อยๆ เลย เธอเห็นพวกบ้ามานักต่อนักแล้ว.. การเป็นคนดังมันไม่ใช่ทางของมิวเลยสักนิด
“ช่างเรื่องสวยไม่สวยนั่นไปก่อน แต่ปัญหาที่ตามมาหลังจากการเป็นคนดังมันก็ยังมีเยอะ.. ทำไงดี?”
“นั่นสินะคะ…. อืม… ทำใจค่ะ”
“….เฮ้ย”
“ฉันเองก็ไม่รู้จะรับมือกับโซเชียลยังไงนี่น่า”
ตลอดหลายวันที่ผู้กล้าเอริเนียใช้ชีวิตในโลกนี้ อย่างที่เคยกล่าวเธอไม่ได้นอนหายใจทิ้งไปวันๆ แต่เธอศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล
เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อมิวในเวลาที่จำเป็น แต่สิ่งที่พลังของเทพมังกรหรือเธอไม่สามารถควบคุมได้ก็มีเยอะในโลกนี้
หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของโซเชียลนี่แหละ หากเป็นคนกลุ่มใหญ่ก็อาจจะพอมีวิธีอย่างการล้างสมองอยู่บ้างก็เถอะนะ
แต่การเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตนั้นเผยแพร่ผ่านคลื่นวิทยุ.. ส่งต่อสื่อสารกันแบบไร้สาย ในยุคสมัยของเธอใช้การโทรสื่อสารผ่านจิตยังไม่ปลอดภัยเท่าการสื่อสารผ่านคลื่นวิทยุนี่เลยด้วยซ้ำ
โลกนี้ช่างน่าพิศวงยิ่งนัก…
“มันใช่เวลามาพิศวงกับโลกนี้ไหมนี่”
มิวถอนหายใจ…
“อ๊ะ จะว่าไปนะ นายท่าน พึ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ เมื่อกี้นี่เลย”
“หือ?”
จู่ๆ เหมือนผู้กล้าเอริเนียจะนึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้ เสียงเธอก็จริงจังขึ้นอย่างกะทันหัน
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันมาที่นี่ครั้งแรก…”
“ฉัน…เจอ…”
“ไอดอลที่ฉันโอชิล่ะ เธอน่ารักมากเลยนะ นายท่านรีบอัญเชิญฉันออกไปทีสิ”
มิวที่ได้ยินแบบนั้นก็ร้องห้ะ ออกมาแบบงงๆ ก่อนจะอัญเชิญเจ้าตัวออกมา แล้วเจ้าตัวก็เหมือนเรียกภาพโปสเตอร์ออกมา
เป็นภาพของไอดอลสาววัยใสคนหนึ่ง หน้าตาน่ารักจริงๆ นั่นแหละ.. แต่มิวก็อดที่จะนึกถึงผู้กล้าที่ชีวิตระทมตกสู่ด้านมืดสุดๆ คนนั้นในอดีตไม่ได้..
ผู้กล้านี่…กลายเป็นแฟนไอดอลไปแล้วอะ
“เป็นไงยูโกะจังน่ารักใช่ม๊าาาา”
“นายท่านเองก็มาโอชิด้วยกันสิ เธอน่ารักมาเลยนะ ร้องเพลงก็เพราะด้วย”
มิวที่นึกว่าจะได้ฟังอะไรจริงจังๆ ก็ได้แต่หัวเราะเหยเกแห้งๆ
“แล้วใช้คำพูดทันสมัยซะด้วย…”