ในหัวใจของแม่นมเจียงเย็นยวบขึ้นมาฉับพลัน แล้วก็หันตัวกลับมามองไปยังเฟิ่งชิงหัวราวกับเป็นเครื่องจักรแข็งทื่อ
เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “แม่นมท่านดูว่าท่านอาเจียนเป็นสภาพเช่นนี้ในที่ของข้า แล้วก็จะไปเช่นนี้เลยหรือ? คิดจะให้ข้าช่วยท่านจัดการของที่อาเจียนออกมาด้วยงั้นหรือ?”
แม่นมเจียงเห็นนางพูดถึงสิ่งนี้ก็ค่อยๆ ปล่อยอารมณ์โมโหออกมาแล้วกล่าวว่า: “บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละเพคะ”
ในขณะที่พูดอยู่นั้นก้ได้ถอดเสื้อนอกของตนเองออกมา แล้วก็คุกเข่าอยู่บนพื้นและเริ่มเช็ดทำความสะอาดอย่างตั้งใจ ต่อจากนั้นก็ไปเอาน้ำมาอีกแล้วคุกเข่าเช็ดอยู่หลายรอบอยู่บนพื้น แล้วจึงเงยหน้ามองไปยังเฟิ่งชิงหัวด้วยความเขินอาย
เฟิ่งชิงหัวกล่าวชื่นชมออกมา: “ฝีมือของแม่นมดีมากจริงๆ ดูเช็ดพื้นได้อย่างสะอาดหมดจดไปเลย ข้าเริ่มจะทำใจไม่ได้ไม่อยากให้ท่านจากไปแล้วล่ะสิ ไม่งั้นท่านก็ลาออกจากหน้าที่ในวังมาทำหน้าที่ที่จวนอ๋องดีไหม”
แม่นมเจียงรีบโบกมือขึ้น: “ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องหรอก ขอพระทัยในความรักเอ็นดูของพระชายามาก บ่าวงกๆ เงิ่นๆ เกรงว่าจะทำงานที่จวนอ๋องมอบหมายให้ไม่ได้ กลับไปรายงานฮองเฮาเหนียงเหนียงดีกว่า”
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้าด้วยความสิ้นหวังเล็กน้อย: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็ไม่รั้งเจ้าไว้แล้ว ทางด้านองค์หญิงเหออานนั้น แม่นมมีสิ่งใดจะพูดอีกหรือไม่?”
“ไม่มีๆ องค์หญิงเอาแต่ใจ ดีที่มีท่านอ๋องและพระชายาคอยสั่งสอน หลังจากบ่าวกลับวังแล้วจะอธิบายกับเหนียงเหนียงเอง” แม่นมเจียงกลัวว่าพระชายาเจ็ดจะกักกันตนเอาไว้ จึงรีบแสดงจุดยืนของตน
เฟิ่งชิงหัวจึงยิ้มออกมาด้วยความพอใจได้ ตบไปยังบ่าของแม่นมเจียงครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า: “แม่นมเจียงนี่รู้จักสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร ข้าค่อนข้างชอบท่านขึ้นมาแล้วล่ะ ต่อไปหากท่านมีเวลาว่างก็มาเที่ยวเล่นที่นี่บ่อยๆ ได้นะ”
แม่นมเจียงแสร้งยิ้มออกมา ไม่กล้ารับปาก แล้วก็ค่อยๆ ถอยออกจากประตูห้องโถงไป หลังจากรอจนร่างของตนเองหายลับไปจากสายตาของพระชายาแล้ว ร่างทั้งร่างก็หันหน้าแล้วเริ่มเผ่นออกไปอย่างบ้าคลั่งเลย จนเกือบอยากจะเอามือลงไปวิ่งไปกับพื้นด้วย
เฟิ่งชิงหัวเห็นเช่นนั้นก็เม้มริมฝีปากแล้วมองไปยังจานที่อยู่บนโต๊ะครู่หนึ่ง จากนั้นเปิดออกมาหนึ่งอย่าง แต่กลับไม่ใช่สิ่งประหลาดต่างๆ นานา ที่ฮูหยินเฉิงเซี่ยงคิดเอาไว้เลย แต่กลับกลายเป็นจานเปล่าทุกใบ
แค่เวลาเพียงไม่นานเช่นนี้ เฟิ่งชิงหัวจะมีเวลาว่างไปหาอะไรมากมายขนาดนั้นให้พวกนางได้กัน เพียงแค่หาของง่ายๆ มาทำให้พวกนางตกใจก็เท่านั้น ใครจะไปคิดว่าจะทนต่อความกลัวไม่ได้เช่นนี้จริงๆ ในตำราแพทย์นั้นไส้เดือนยังไงก็เป็นถึงยาชนิดหนึ่งเชียวนะ
หลังจากที่เฟิ่งชิงหัวทำให้ทั้งสองคนตกใจไปแล้วก็สั่งการให้คนเก็บจานทั้งหมดออกไป ตนเองเลยอาศัยจังหวะนี้กลับห้องไปพักผ่อน
และองค์หญิงเหออานที่รอคอยเสด็จแม่ส่งคนมาช่วยชีวิตตนในจวนอ๋องมาโดยตลอดนั้นกลับไร้ซึ่งความหวัง
ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าในวังส่งคนมาแล้ว ดังนั้นนางก็ให้คนประคองมาที่ฝั่ง จัดแจงเนื้อตัวอยู่ครู่หนึ่งเพื่อเตรียมจากออกไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าผ่านไปไม่นานเพียงน้ำชาหนึ่งจอกเท่านั้น กลับได้ยินว่าแม่นมเจียงถูกพระชายาเจ็ดไล่ออกจากจวนอ๋องไปแล้ว
และต่อมาอีก ก็ได้ยินว่าแม่นมเจียงได้พาฮูหยินเฉิงเซี่ยงมาเป็นกองหนุนด้วย เหออานก็ยิ่งมีท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยชัยชนะไปอีก และตอนนี้ก็ได้ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามเต็มๆแล้ว ดวงอาทิตย์ได้เปลี่ยนมาทางทิศตะวันตกแล้ว นางก็หิวจนท้องร้องจ๊อกๆ เช่นกัน แต่กลับไม่มีใครเอาอาหารเย็นมาส่งให้นางเลย ยิ่งไม่มีใครมารับนางด้วยซ้ำ
องค์หญิงเหออานเอามือยันพื้นแล้วลุกขึ้นมา แต่ว่ายังไม่ทันได้เดินไปถึงปากทางลานเรือนก็ถูกคนมาขวางทางเอาไว้
หลิวหยิ่งไม่อยู่ เรื่องเล็กเช่นนี้แน่นอนว่าไม่จำเป็นจะต้องให้เขาที่เป็นองครักษ์ประจำกายเช่นนี้มาดูแล คนที่มาขวางทางนางเอาไว้กลับเป็นองครักษ์สีหน้าเย็นชาอีกคนหนึ่ง
“ไปให้พ้น!” องค์หญิงเหออานกล่าวด้วยเสียงโมโห “รู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใครกัน คิดไม่ถึงว่ากล้ามาขวางทางข้า!”
ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ไม่มีใครมาสนใจว่านางหิวโหยจนเนื้อหน้าอกด้านหน้าจะติดกับเนื้อด้านหลังอยู่แล้ว หากไม่ไปอีกหรือว่าต้องรอให้ตายก่อนหรือไง!
องค์หญิงเหออานเดาไว้ว่าเสด็จพี่เจ็ดจะต้องไม่รู้ว่านางถูกรังแกเช่นนี้เป็นแน่ จะต้องเป็นพระชายาเจ็ดผู้หญิงที่ร้ายกาจผู้นั้นแอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ อย่างแน่นอน
“ท่านอ๋องมีรับสั่ง ก่อนที่องค์หญิงจะซ่อมแซมของที่ทำเสียหายให้เสร็จ ห้ามไม่ให้ออกจากเรือนหลังไปแม้แต่ก้าวเดียว”
“ของพวกนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรว่าจะซ่อมเสร็จภายในวันเดียวกันฮะ!” องค์หญิงเหออานหมดความอดทน
“งั้นก็องค์หญิงซ่อมเสร็จเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็ค่อยออกไปได้”
“เจ้าเป็นคนของพระชายาเจ็ดใช่หรือไม่! เสด็จพี่เจ็ดไม่มีทางพูดเช่นนี้ต่อข้าแน่ เจ้ารีบหลบทางให้ข้าจะดีกว่า มิเช่นนั้นข้าจะตัดหัวเจ้า!” องค์หญิงเหออานกล่าวออกมาด้วยความเอาแต่ใจ
“กระหม่อมเป็นคนของท่านอ๋อง ใต้ปฐพีนี้มีเพียงท่านอ๋องถึงจะสามารถตัดหัวของกระหม่อมได้เท่านั้น เกรงว่าองค์หญิงจะไม่มีคุณสมบัตินี้” องครักษ์หน้าเย็นชากล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา
องค์หญิงเหออาน: “……”
บ่าวชั้นต่ำ บ่าวชั้นต่ำพวกนี้มันน่ารังเกียจอย่างที่สุด!
ภายในวังหลวง ในห้องบรรทมของฮองเฮา ตอนนี้หลังจากที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงได้ทราบเรื่องทั้งหมดจากปากของแม่นมเจียงแล้วก็ทรงกริ้วมหันต์จนเอามือตบโต๊ะไปหนึ่งฉาด
“ไร้เหตุผลสิ้นดี! หนานกงเยว่ลั่วผู้นี้ราวกับว่ากินดีเสือดาวมาก็ว่าได้ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเป็นปฏิปักษ์ต่อข้า ช่างไร้เหตุผลสิ้นดีจริงๆ!”
และในตอนที่ฮองเฮากำลังกริ้มหนักจนขบฟันกัดกรามอยู่นั้น ก้ได้ยินเสียงดังมาว่าฮ่องเต้เซวียนถ่งเสด็จมา จึงรีบคุกเข่าลงต้อนรับ ความไม่ได้รับความเป็นธรรมบนใบหน้าก็ไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้
“ฝ่าบาท ท่านช่วยเหออานหน่อยเถอะ นางอยู่ที่จวนอ๋องจวนจะถุกทรมานจนตายแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ต่อไปพวกเรายังจะสามารถเห็นนางได้อีกหรือ?”
ฮ่องเต้เซวียนถ่งได้ทราบเรื่องในจวนอ๋องเฉินนานแล้ว เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของฮองเฮาจึงขมวดคิ้วแล้วกล่าวออกมาว่า: “เป็นถึงฮองเฮาของประเทศ ไม่ว่าจะอ้าปากหรือหุบปากก็พูดแต่เรื่องตายไม่ตาย ไม่แปลกเลยที่เหออานไม่มีสัมมาคารวะเช่นนี้ ข้าสั่งให้นางไปกล่าวขอโทษที่จวนอ๋อง ใครจะไปคิดว่านางกลับก่อเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึงอีก ก็ควรจะต้องให้บทเรียนแก่นางเสียหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงให้นางคิดว่าฟ้ากว้างใหญ่แผ่นดินไพศาลนางจะทำอะไรที่ไม่มีกฎเกณฑ์ก็ได้”
“แต่ว่าฝ่าบาท เรื่องบทลงโทษก็ผ่านไปแล้ว ก็ช่างมันเถอะ เหออานร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก แช่อยู่ในน้ำเป็นระยะเวลานานเช่นนั้น ความชื้นแทรกซึมเขาสู่ร่างกายจะเป็นการดีได้อย่างไรกัน ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงกลางคืนแล้ว นางจะสามารถปรับตัวกับวันแบบนั้นได้อย่างไรกัน ท่านก็เป็นห่วงนางหน่อย รับสั่งเรียกนางกลับมาเถอะ” ฮองเฮากล่าวออกมาได้อย่างน่าสงสารจับใจนัก น้ำตาก็ไหลออกมาเหมือนกับว่าไม่ต้องจ้างเลย
แม้ว่าฮ่องเต้เซวียนถ่งจะไม่ได้ชอบพอในตัวฮองเฮาท่านนี้เท่าไรนัก แต่ว่าสำหรับเหออานแล้วนั้นก็ยังรักเอ็นดูมากอยู่ดี แต่ว่าตอนนี้กลับเกี่ยวพันถึงลูกชายสุดที่รักของตนเอง
ฮ่องเต้เซวียนถ่งลูบหนวดที่อยู่ใต้คางไปมาแล้วก็กล่าวว่า: “เหออานก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ก็ย่อมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองเป็นคนก่อบ้าง เจ้าเจ็ดมีความบันยะบันยัง ไม่ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าหรอก เจ้าวางใจเถอะ”
พูดจบก็จากไปทันที
ฮองเฮามองไปทางด้านผู้ชายที่สวมชุดเพ้าลายมังกรทั้งตัวผู้นั้นอย่างโกรธเกลียด จนเกือบจะขบฟันที่อุดไว้หักแล้ว
“เหนียงเหนียง แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี? ก็คงจะไม่ปล่อยให้องค์หญิงต้องค้างอยู่ที่คอกลาคอกม้าในจวนอ๋องหรอกกระมัง?” แม่นมเจียงเห็นองค์หญิงเหออานมาตั้งแต่เล็ก แน่นอนว่าก็ย่อมเป็นห่วงเอ็นดูองค์หญิงน้อยที่โตมากับมือคู่นี้จองตน
“เขากล้าเหรอ! ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเหออานก็เป็นลูกสาวที่ฝ่าบาทโปรดที่สุด เขากล้าย่ำยีองค์หญิงคนเดียวของประเทศหรือ?”
แม่นมเจียงมองมายังฮองเฮาครู่หนึ่ง ไม่กล้าพูดออกมา แต่ในใจกลับคิดประโยคหนึ่งไว้อย่างมั่นใจเลยว่า กล้าสิ แม้ว่าท่านอ๋องจะเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง แต่ว่าท่านอย่าลืมว่าในจวนอ๋องยังมีพระชายาเจ็ดอยู่ด้วยนะ?
คนผู้นั้นแม้แต่ท่านแม่แท้ๆ ของตนเองยังกล้ากลั่นแกล้งเลย นับประสาอะไรกับน้องสะใภ้ตัวเล็กๆ อย่างองค์หญิงเล็กๆ คนหนึ่งกันเล่า
แม่นมเจียงทราบแค่เพียงว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของฮองเฮาเหนียงเหนียงเท่านั้น บัดนี้ฝ่าบาทมาถึงที่นี่แล้ว และเห็นได้ชัดว่าคอยหนุนหลังท่านอ๋องเจ็ดไว้อยู่ แม้ว่าจะเป็นฮองเฮาเหนียงเหนียงไปก็เอาใจไม่ได้ผล บัดนี้ก็ทำได้เพียงเฝ้ารอคอยเท่านั้นว่าองค์หญิงเหออานจะทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่ในจวนอ๋อง อย่าแข็งข้อกับท่านอ๋องและพระชายา รนหาที่ตายให้น้อยหน่อยก็จะยังได้ใช้ชีวิตอย่างสบายหน่อย