ตอนที่ 750 หลินสงขอความช่วยเหลือ
ใกล้ถึงวันส่งท้ายปีเก่าในไม่ช้า
อากาศกลับมาอุ่นจัด อุณหภูมิสูงสุดในตอนกลางวันอยู่ที่ 5 องศา ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากสำหรับกรุงปักกิ่งในฤดูหนาว
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ธุรกิจของตลาดสดฝูตัวตัวก็ร้อนแรงพอๆ กับอากาศ และผลประกอบการก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
แต่ตลาดฮุ่ยหมินนั้นช่างน่าอนาถ มีลูกค้าเพียงไม่กี่คนมาจับจ่าย ส่วนอาหารสดประจำวันแทบขายไม่ออก
แม้ว่าซูอวี้อิ๋งแทบจะระเบิดโทสะ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่หล่อนสามารถทำได้
วันนี้ตลาดสดฝูตัวตัวจะเปิดเพียงครึ่งวัน เนื่องจากตรงกับวันหยุด เพื่อให้พนักงานกลับบ้านไปทำอาหารมื้อค่ำส่งท้ายวันปีเก่า และจะเปิดตามปกติอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
หลังจากหลินม่ายกินข้าวเช้าเสร็จ เธอก็มีงานให้ทำมากมาย อันดับแรกเธอตั้งหม้อหลู่ไช่บนเตาถ่าน
จากนั้นถอดเสื้อคลุมผ้าฝ้าย เหลือเพียงเสื้อกันหนาวขณะยืนอยู่หน้าเตาแก๊สทอดอาหาร
แม้จะสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น แต่เธอก็ยังมีเหงื่อออกเพราะความร้อน
น้าถูหยุดยาวตั้งแต่วันปีใหม่ และจะไม่มาทำงานจนกว่าเทศกาลโคมไฟจะสิ้นสุด
ฟางจั๋วหรานต้องไปทำงานในวันส่งท้ายปีเก่า หลินม่ายทอดของอยู่หน้าเตา คู่สามีภรรยาเฒ่าเข้ามาช่วยเธอหยิบจับสิ่งของ
โต้วโต้วกำลังเล่นกับเด็กๆ ที่สนามหน้าบ้าน
เมื่อได้กลิ่นหอมของลูกชิ้นลอยออกมาจากครัว โต้วโต้วก็รู้สึกหิวจนน้ำลายแทบไหล
หล่อนทิ้งเด็กคนอื่นไว้ข้างหลังและวิ่งไปยังห้องครัว ก่อนบอกหลินม่ายว่า อยากกินลูกชิ้นที่ทอดใหม่
โต้วโต้วสามารถกินลูกชิ้นกว่าสิบลูกที่เพิ่งออกจากกระทะ
หลินม่ายตักลูกชิ้นปรุงสดใหม่ใส่ชามใหญ่ และขอให้โต้วโต้วแบ่งปันกับเด็กคนอื่น
เด็กเหล่านี้ล้วนเป็นลูกของเพื่อนบ้านในละแวกนั้น
พวกเขามาที่บ้านเพื่อเล่นกับโต้วโต้ว การปล่อยให้พวกเขาดูโต้วโต้วกินลูกชิ้นคนเดียวคงจะไม่เหมาะสมนัก
โต้วโต้วยืนอยู่ในสนามพร้อมลูกชิ้นชามใหญ่และเริ่มกินอย่างมีความสุข
อาหวงจ้องมองเจ้านายตัวน้อยอย่างกระตือรือร้น คล้ายกับบอกหล่อนว่ามันอยากกินลูกชิ้นแสนอร่อยเช่นกัน
โต้วโต้วจึงให้ลูกชิ้นไป 2 ลูก
อาหวงสะบัดหางอย่างมีความสุขและกินลูกชิ้นสองลูกอย่างรวดเร็ว
……
ในไม่ช้าก็เป็นเวลาเที่ยงวัน ตลาดฮุ่ยหมินเปิดเพียงครึ่งวันเหมือนกับตลาดสดฝูตัวตัว
แม้จะใกล้ถึงเวลาปิดแล้ว แต่ของในตลาดแทบขายไม่ออกเลย
ซูอวี้อิ๋งมองดูตลาดที่เต็มไปด้วยสินค้า ใบหน้าของเธอหมองคล้ำราวกับก้นหม้อ
ไม่สำคัญว่าสินค้าอื่นจะขายไม่ได้ แต่คงน่าเป็นห่วงถ้าอาหารสดขายไม่หมด
วันนี้อากาศร้อนเกินไป และผักบางชนิดที่มีปริมาณน้ำสูงจะเน่าเสีย
ปลาและเนื้อสัตว์ที่ชำแหละแล้วเริ่มเน่าเสียเล็กน้อยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเก็บไว้และขายในวันพรุ่งนี้ได้
ไหนจะอาหารปรุงสำเร็จที่ขายมาหลายวันแล้วที่ต้องทิ้งอีก
ผู้จัดการเฉียนลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาถามซูอวี้อิ๋งว่าจะแบ่งผักที่เน่าเสีย อาหารปรุงสุกที่ขายไม่ออก รวมถึงปลาและเนื้อสัตว์ที่อาจเน่าเสียหรือไม่
แม้ว่าจะผ่านการปฏิรูปและเปิดประเทศมาหลายปีแล้ว แต่เสบียงยังคงขาดแคลน โดยเฉพาะอาหาร
แม้จะไม่เหมือนก่อนการปฏิรูปและเปิดประเทศ ที่แม้แต่ผักกาดเน่าเสียก็ยังถูกหยิบกิน
ผักที่เน่าเสีย อาหารปรุงสุกใกล้จะเสีย ปลาและเนื้อสัตว์ที่อาจเน่าเสียจะไม่ถูกทิ้งโดยร้านค้า
แต่จะเอามารับประทานเองหรือแจกจ่ายพนักงาน
พนักงานไม่รังเกียจที่เอากลับไปแปรรูปกิน
ผู้จัดการเฉียนให้คำแนะนำนี้เมื่อเห็นว่าผักโรงเรือน อาหารปรุงสุก ปลาและเนื้อสัตว์ไม่สามารถขายได้
ซูอวี้อิ๋งรู้สึกกระวนกระวายใจมาก เมื่อได้ยินเช่นนี้ หล่อนก็พูดอย่างโกรธเคือง “ส่วนแบ่งอะไร? เก็บไว้ขายพรุ่งนี้!”
ผู้จัดการเฉียนพูดตะกุกตะกัก “ของพวกนี้ขายไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะปลาและเนื้อสัตว์ที่มีแนวโน้มว่าจะเน่าเสีย ถ้าลูกค้าซื้อกลับไปกินแล้วท้องเสียจะทำอย่างไร?”
ซูอวี้อิ๋งจ้องมองเขา “ถ้าพนักงานเอากลับไปกินได้ แล้วทำไมจะขายไม่ได้? แม้ว่าปลาและเนื้อสัตว์จะเน่าเสียไปบ้าง แต่ถ้าเติมน้ำส้มสายชูขณะปรุงอาหารก็ช่วยได้แล้วไม่ใช่เหรอ? ส่วนผักกินใบนั้น ก็แค่เด็ดใบเน่าๆ ออก แล้วนำมาขายพรุ่งนี้ใหม่”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เธอพูด ผู้จัดการเฉียนก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
…
หลินม่ายทำงานในครัวอย่างรวดเร็ว เธอทอดอาหารทั้งหมดในเช้าวันนั้น
เธอเทน้ำมันจากกระทะเพื่อพักให้เย็นในอ่างใบใหญ่ จากนั้นจึงเตรียมทำอาหารกลางวัน
ตามประเพณีของปู่ฟางและย่าฟาง อาหารเที่ยงวันส่งท้ายปีเก่าควรเป็นอาหารเบา ส่วนอาหารเย็นมื้อหนักจะกินตอนกลางคืน
หลินม่ายวางแผนที่จะปลาต้มผักกาดดองเป็นมื้อกลางวัน พร้อมผักใบเขียว 2 ถึง 3 อย่าง เสิร์ฟพร้อมเต้าหู้หมักของหวังจื้อเหอใส่จานเล็ก
เต้าหู้หมักของหวังจื้อเหอได้รับคำชมมากมาย แม้จะมีกลิ่นเหม็น แต่เข้ากันได้ดีกับข้าว
หลังจากหลินม่ายลองกินไปครั้งหนึ่ง เธอก็ตกหลุมรักอาหารจานนี้
แต่ฟางจั๋วหรานและโต้วโต้วต่างก็หลีกเลี่ยงมัน
ทุกครั้งที่หลินม่ายเสิร์ฟเครื่องเคียงนี้ ฟางจั๋วเหรินไม่เคยกินมัน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
แต่โต้วโต้วตัวน้อยกลับตะโกนเสียงดัง “แม่กำลังกินอึอีกแล้ว!”
มันทำให้หลินม่ายค่อนข้างลำบากใจ
แต่เพราะย่าฟางช่วยห้ามปรามหลายครั้งว่าให้เด็กน้อยหยุดตะโกนเสียงดัง
ขณะที่หลินม่ายกำลังเตรียมอาหารกลางวัน โต้วโต้วและอาหวงก็ยื่นหน้าเข้ามาในครัว “คุณแม่ คุณลุงกำลังตามหาแม่อยู่ค่ะ”
หลินม่ายเดินออกจากห้องครัวและเห็นว่าเป็นหลินสง
เธอทั้งประหลาดใจและขยะแขยง จึงพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณหาฉันเจอได้อย่างไรคะ?”
หลินสงรีบมาหาหลินม่ายโดยที่ไม่ได้รับประทานอาหารตั้งแต่เช้า
เพราะว่าเขาไม่ค่อยมีเงิน กลัวว่าหากใช้เงินกับอาหารเช้า อาจทำให้ไม่พอสำหรับค่าเดินทางกลับบ้าน
การมาเมืองหลวงครั้งนี้ ภรรยาของเขาไม่เห็นด้วย โดยบอกว่าพ่อแม่ของเขาเป็นฆาตกร และไม่มีสิ่งใดที่เขาจะขอให้หลินม่ายช่วยได้ แล้วยังไม่ให้ค่าเดินทางมาด้วยซ้ำ
เขาจึงต้องขโมยเงินจากที่บ้านเพื่อใช้ในการเดินทางมาเมืองหลวง แต่เขาไม่กล้าขโมยเงินจำนวนมาก จึงนำมาแค่เงินไม่กี่หยวนสำหรับการเดินทางไปกลับและค่าอาหาร
แต่เขาไม่คาดคิดว่าค่าใช้จ่ายในเมืองหลวงจะแพงขนาดนี้ เขาไม่สามารถซื้ออาหารกินได้ทุกมื้อ ดังนั้นเขาจึงงดอาหารเช้า
ในตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารทอดและหลู่ไช่โชยมาจากในห้องครัว เขาอดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นแรงๆ
เขาพูดอย่างตะกละตะกลาม “น้องสาว พี่หิวมาก เธอช่วยหาอะไรให้ฉันกินหน่อยได้ไหม?”
หลินม่ายขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ “อย่ามากล่าวอ้างถึงความสัมพันธ์ ฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับครอบครัวหลินของคุณเลย ฉันจึงไม่ใช่น้องสาวของคุณ น้องสาวของคุณคือหลินเพ่ยกับไป๋ซวงต่างหาก! ”
เธอมองหลินสงตั้งแต่หัวจรดเท้าและถามอีกครั้ง “คุณหาฉันเจอได้อย่างไร?”
หลินสงลูบมืออย่างไม่สบอารมณ์พลางกลืนน้ำลาย ก่อนตอบว่า “ฉันค้นจากสิ่งที่พ่อแม่บอกเกี่ยวกับที่อยู่ก่อนหน้าของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ แต่ก็คว้าน้ำเหลว โชคดีที่เพื่อนบ้านบอกที่อยู่ของเธอในเมืองหลวงกับฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคงหาเธอไม่เจอ”
หลินม่ายพูดอย่างเย็นชา “คุณตามหาฉันทำไม?”
หลินสงรู้สึกอายเล็กน้อยที่จะพูด แต่เขากัดฟันพูดออกมา “ไม่ใช่ว่าฉันกำลังตามหาเธอ แต่เป็นพ่อแม่ของฉันที่บอกให้ฉันมาหาเธอ”
หลินม่ายเผยยิ้มอย่างดูถูก “นี่พวกเขายังกล้าขอให้คุณมาหาฉันอีกเหรอ? หนังหน้าหนากันเหลือเกินนะ!”
ร่องรอยของความโกรธฉายแววในดวงตาของหลินสง แต่มันก็หายวับไปทันที
เขากล่าวด้วยความหดหู่ใจว่า “พ่อแม่ของฉันได้รับรายงานว่านังสุนัขตัวเมียหลินเพ่ยบอกว่าพวกเขาเป็นฆาตกรในคดีฝังศพคอนกรีต พวกเขามีแนวโน้มที่จะถูกตัดสินประหารชีวิต พวกเขาขอให้ฉันขอร้องเธอ โดยหวังว่าเธอจะมีวิธีช่วยพวกเขา แม้ว่าโทษจะเปลี่ยนเป็นจำคุกตลอดชีวิตก็ตาม”
หลินม่ายเยาะเย้ย “พ่อแม่ของคุณสิ้นหวังถึงขนาดขอความช่วยเหลือจากฉันหรือ? พวกเขาเลยมาหาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือจริงๆ! คุณคิดว่าฉันเป็นคนดียอมช่วยพ่อแม่ของคุณจริงหรือ? ฉันจะบอกความจริงกับคุณให้ ฉันไม่มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระพวกนี้หรอก ส่วนคุณก็อย่าทำให้พวกเขามาคาดหวังในตัวฉันด้วย ปล่อยให้พวกเขารอความตายอย่างสบายใจเถอะ หลังจากที่ตายไปแล้ว อย่าลืมกลายเป็นผีมาหลอกหลอนหลินเพ่ยเพื่อชำระแค้นล่ะ”
สิ้นคำพูด เธอก็ตะคอกใส่เสียงดัง “ออกไปซะ!”
หลินสงยังคงยืนกรานที่จะอยู่ต่อ หลินม่ายหรี่ตามองเขา “อะไรกัน? คุณต้องการให้ฉันเรียกตำรวจมาจับคุณ เพื่อที่คุณจะได้กินอาหารเย็นส่งท้ายปีเก่าในคุกใช่ไหม?”
หลินสงวิ่งหนีออกไปด้วยความหิวโหย
หลินม่ายที่เคยถูกเขาทุบตีและดุด่ามาก่อนตอนนี้ได้กลายเป็นบุคคลที่เขาไม่สามารถยั่วยุได้ และยังต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
หลังจากขับไล่หลินสงออกไป หลินม่ายนึกถึงความโกรธที่ฉายในแววตาหลินสงก่อนหน้า
ในใจครุ่นคิด ทำไมเขาต้องโกรธตัวเธอด้วย! เธอติดหนี้อะไรเขาหรืออย่างไร?
เธอเดินกลับไปที่ห้องและโทรหาจ้าวเลี่ยง ขอให้เขาสั่งพนักงานทั้งหมดห้ามรับผลิตผลทางการเกษตรใด ๆ จากครอบครัวของหลินสงอีกในอนาคต
ก่อนหน้านี้เธอขอให้จ้าวเลี่ยงซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของครอบครัวหลินสงโดยไม่คำนึงถึงเรื่องบาดหมางในอดีต ทว่าหลินสงไม่เคยขอบคุณเธอ แล้วยังแบกหน้ามาพูดจาไร้สาระแบบนี้ เธอจึงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ช่วยเหลือครอบครัวของเขาอีก
หลังจากวางสาย หลินม่ายก็กลับไปยังห้องครัวเพื่อทำอาหารกลางวันต่อ
เมื่ออาหารกลางวันพร้อมแล้ว โต้วโต้วและอาหวงวิ่งเข้ามาอีกครั้ง โดยบอกว่าคุณอากลับมาแล้ว และยังพาป้าเถากับฉีฉีมาด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มาขอความช่วยเหลืออะไรม่ายจื่อเล่า ไปคิดบัญชีกับยัยหลินเพ่ยนู่น มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย
ไหหม่า(海馬)