ตอนที่ 751 ความกังวลของคู่สามีภรรยาเฒ่า
หลินม่ายรีบวิ่งออกจากห้องครัวทันที เธอเห็นฟางจั๋วเยวี่ยและเถาจืออวิ๋นถือสิ่งของมาเต็มมือ ขณะนำฉีฉีเข้ามายังลานบ้าน
เธอรีบสั่งให้โต้วโต้วไปบอกปู่ฟางและย่าฟางว่า คุณอากับป้าเถามาถึงแล้ว
เธอเดินไปช่วยถือถุงสิ่งของที่เถาจืออวิ๋นถืออยู่ ก่อนถามด้วยความเป็นห่วง “พี่เดินทางมาทางเครื่องบินหรือรถไฟเนี่ย?”
ฟางจั๋วเยวี่ยรีบตอบ “รถไฟช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิคนแน่นไปหมด เราจะขึ้นรถไฟได้ไงเล่า แน่นอนว่าเราต้องมาเครื่องบินอยู่แล้ว”
คนทั้งสามกำลังพูดคุยกัน ปู่ฟางและย่าฟางเดินออกจากห้องนั่งเล่นหลังจากโต้วโต้วมาบอก พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ได้ทันทีหลังเห็นฟางจั๋วเยวี่ยยืนคุยกับหญิงสาวทั้งสอง
คู่สามีภรรยาเฒ่าเผยยิ้มและเข้าไปรุมล้อมเถาจืออวิ๋นเพื่อกล่าวคำทักทาย
ฟางจั๋วเยวี่ยต้องการเดินไปด้านข้างของเถาจืออวิ๋น แต่ปู่ฟางใช้ไหล่ดันเขาออกพลางเอ่ยตำหนิ
ฟางจั๋วเยวี่ยรู้สึกว่าสถานะในครอบครัวของเขาลดลงอีกครั้ง
คนจีนพูดเรื่องมงคลช่วงปีใหม่ พวกเขาไม่อยากไปโรงพยาบาลช่วงนี้และพยายามห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บให้ได้ได้มากที่สุด และรอจนกว่าจะสิ้นสุดวันปีใหม่
ทำให้ในวันนี้มีผู้ป่วยน้อยกว่าปกติ ฟางจั๋วหรานไม่มีงานรัดตัว เขาจึงขับรถกลับบ้านไปทานอาหารกลางวัน
หลินม่ายเปิดประตูให้เขา
เมื่อเห็นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ ฟางจั๋วหรานเอ่ยคำเบา “นี่คุณทำงานบ้านมานานแค่ไหนแล้ว ร้อนมากไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ร้อนบ้างเล็กน้อย”
หลินม่ายขยิบตาพลางกระซิบบอก “จั๋วเยวี่ยกลับมาพร้อมกับพี่เถาและลูกชายของหล่อนด้วยล่ะ”
ฟางจั๋วหรานประหลาดใจ แต่เขาตอบสนองทันทีและถามออกไป “พวกเขากำลังคบหากันหรือ?”
หลินม่ายพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าฟางจั๋วเยวี่ยจะยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่เขาก็รักเถาจืออวิ๋นมาก
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน หลินม่ายยิ่งมีความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจ
เมื่อคู่หนุ่มสาวมาที่ห้องนั่งเล่น ฉีฉีและโต้วโต้วก็เล่นด้วยกันบนโซฟาเดี่ยว
ฟางจั๋วเยวี่ยเกาศีรษะขณะพูดกับปู่ฟางและย่าฟาง “คุณปู่ครับ คุณย่าครับ คงไม่คัดค้านการแต่งงานระหว่างผมกับจืออวิ๋นใช่ไหมครับ?”
เถาจืออวิ๋นนั่งข้างเขา ลดศีรษะลงอย่างเขินอาย
ปู่ฟางและย่าฟางหัวเราะอย่างหนักจนแทบมองไม่เห็นดวงตา ก่อนพูดพร้อมกันว่า “พูดไม่ถูกก็อย่าเปิดปากเลยหลานเอ๋ย เราจะปฏิเสธได้อย่างไร เรามีความสุขมากเลยต่างหาก!”
ฟางจั๋วเยวี่ยยิ้มกว้างทันที เขาหันไปหาเถาจืออวิ๋นและพูดว่า “ผมบอกคุณแล้ว คุณปู่และคุณย่าจะไม่คัดค้าน แต่คุณก็กังวลอยู่ตลอด ตอนนี้สบายใจได้แล้วนะ”
เถาจืออวิ๋นรู้สึกอายมากยิ่งขึ้น
ย่าฟางพูดกับฟางจั๋วเยวี่ยอย่างเคร่งขรึม “จืออวิ๋นเป็นผู้หญิงที่ดี หลานต้องดูแลหล่อนอย่างดีไปตลอดชีวิต”
ฟางจั๋วเยวี่ยเผยยิ้มอย่างมีความสุข “ถ้าผมดูแลจืออวิ๋นไม่ดี คุณย่าจะตีผมให้ตายเลยก็ได้!”
เถาจืออวิ๋นเงยหน้าขึ้นทันที “วันปีใหม่ไม่ควรพูดคำอัปมงคลนะคะ”
ฟางจั๋วเยวี่ยถูมือเข้าด้วยกัน “จริงด้วย ผมไม่กล้าทำแล้วครับ!”
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง
ดวงตาฟางจั๋วหรานเบิกกว้างจนแทบถลนออกมา
จั๋วเยวี่ยไล่ตามเถาจืออวิ๋นตั้งแต่เมื่อใด?
ควรจะเป็นระหว่างสองเดือนที่ผ่านมา
ด้วยเวลาเท่านี้ก็คิดแต่งงานแล้วเหรอ?
เร็วอะไรเช่นนี้!
สมัยก่อนเขาไม่กล้าไล่ตามผู้หญิงเช่นนี้หรอก
หรือบางทีผิวหน้าเขาไม่อาจหนาเท่าจั๋วเยวี่ย
ในเมื่อมีแขกมาบ้านสองคนคือเถาจืออวิ๋นและลูกชาย พวกเขาจึงไม่สามารถรับประทานอาหารธรรมดาในตอนเที่ยง
โชคดีที่มีอาหารผัด อาหารทอดและหลู่ไช่ที่บ้าน
หลินม่ายหั่นเนื้อปรุงรสหนึ่งจาน ลูกชิ้นทอดอีกหนึ่งจาน ทำให้อาหารมื้อเที่ยงผ่านไปด้วยดี
เด็กน้อยทั้งสองฉีฉีและโต้วโต้วนั่งด้วยกันอย่างสนิทสนม พวกเขาตักอาหารให้กันและกัน
ส่วนพวกผู้ใหญ่ต่างก็นั่งกินและพูดคุยกัน
ฟางจั๋วเยวี่ยตักเนื้อปรุงรสหลายชิ้นให้เถาจืออวิ๋น ก่อนถามหลินม่ายว่า “พี่สะใภ้ คุณมีบ้านพักตากอากาศขายในอสังหาริมทรัพย์ที่คุณพัฒนาหรือเปล่า?”
หลินม่ายตกตะลึงครู่หนึ่ง “นายต้องการซื้อบ้านพักตากอากาศเป็นเรือนหอหรือ?”
ฟางจั๋วเยวี่ยพยักหน้า “ผมไม่ต้องการให้จืออวิ๋นและฉีฉีใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ผมอยากให้พวกเขามีชีวิตที่ดี”
เถาจืออวิ๋นพูดอย่างเขินอาย “จะซื้อบ้านพักตากอากาศไปทำไม? บ้านที่หลินม่ายมอบให้ฉันก็ใหญ่พอสำหรับจัดงานแต่งงานแล้ว ไม่ต้องเสียเงินด้วย”
ฟางจั๋วเยวี่ยจ้องมองอีกฝ่ายและพูดอย่างจริงจัง “เราสองคนกำลังแต่งงานกัน แล้วจะอาศัยอยู่ในบ้านของคุณได้อย่างไร?”
เถาจืออวิ๋นพูด “ฉันไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้หรอก”
“แต่ผมสน!”
หลินม่ายกลัวว่าทั้งสองจะทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้ จึงพูดแทรกขึ้นว่า “ฉันไม่มีอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านพักตากอากาศอยู่ในมือหรอก แต่สำหรับนายแล้ว ฉันสละที่ดินของอาคารที่กำลังก่อสร้างบนถนนซินหัว เพื่อนำมาสร้างวิลล่าสักสิบหลังก็ยังได้ แต่ราคาจะแพงมาก นายต้องตั้งใจหาเงินอย่างแข็งขันนะ!”
ฟางจั๋วเยวี่ยยิ้มอย่างเขินอาย “ไม่ว่าผมจะพยายามหาเงินมากแค่ไหน แต่ผมคงไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อบ้านก่อนงานแต่งงานวันที่ 1 พฤษภาคมหรอก พี่สะใภ้ ผมขอผ่อนจ่ายได้ไหม?”
หลินม่ายพูดอย่างไม่เห็นแก่ตัว “ได้อยู่แล้ว!”
ฟางจั๋วหรานมอบผักโขมจานโปรดให้กับภรรยา ขณะเหลือบมองฟางจั๋วเยวี่ยอย่างเงียบงันหลายครั้ง
หลังอาหารกลางวัน ฉีฉีและโต้วโต้ววิ่งไปที่ลานบ้านเพื่อเล่นด้วยกัน
เถาจืออวิ๋นยืนยันที่จะช่วยหลินม่ายล้างถ้วยชามและตะเกียบ ก่อนที่ทั้งสองจะยกถ้วยชามและตะเกียบเหล่านั้นออกจากห้องนั่งเล่น
จากนั้นฟางจั๋วหรานก็กระซิบพูดกับฟางจั๋วเยวี่ย “เงินสำหรับซื้อวิลล่าสามารถเป็นหนี้ได้สามปีเท่านั้น และจะต้องคืนให้พี่สะใภ้โดยเร็ว”
ความกลัวที่เกิดจากการครอบงำของพี่ชายคนโตทำให้ฟางจั๋วเยวี่ยเผยท่าทางกระอักกระอ่วน “เข้าใจแล้ว ผมสัญญาว่าจะชำระค่าบ้านให้หมดภายในสามปี”
แค่นั้นฟางจั๋วหรานก็พอใจแล้ว
เมื่อเห็นว่าเถาจืออวิ๋นและฉีฉีไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่น ปู่ฟางและย่าฟางจึงเรียกฟางจั๋วเยวี่ยให้เข้ามาหา
ถามขึ้นว่า เขาและเถาจืออวิ๋นจะแต่งงานกันในวันที่ 1 พฤษภาคม แล้วแม่ของเขารู้เรื่องแล้วหรือยัง
คู่สามีภรรยาเฒ่ากังวลมากว่าหวังเหวินฟางจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน
แม้ว่าจะไม่มีใครสนใจว่าหล่อนเห็นด้วยหรือไม่ แต่พวกเขากลัวว่าหล่อนจะทำตัวเลวร้ายเหมือนปีศาจ เข้ามาก่อความวุ่นวายให้กับงานแต่งงานของฟางจั๋วเยวี่ยและเถาจืออวิ๋น
ฟางจั๋วเยวี่ยพูดอย่างเฉยเมย “ผมยังไม่ได้บอกคุณแม่เลยครับ แต่คุณแม่รู้ว่าผมกับจืออวิ๋นคบหากัน ดังนั้นหล่อนควรจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว คุณปู่กับคุณย่าไม่ต้องห่วงนะครับว่าคุณแม่จะยอมรับหรือไม่ ต่อให้คุณแม่ไม่เห็นด้วย การแต่งงานของผมก็จะดำเนินต่อไปตามปกติ”
ปู่ฟางกล่าวด้วยความกังวล “ปู่เกรงว่าแม่ของหลานจะไปสร้างปัญหาในงานแต่งน่ะสิ”
ฟางจั๋วเยวี่ยกล่าว “ไม่เป็นไรครับ ผมจะไม่เชิญคุณแม่ร่วมงานแต่งงานในวันนั้น”
ย่าฟางกล่าว “มันขึ้นอยู่กับหลานแหละ ต้องทำให้มั่นใจว่างานแต่งงานของตัวเองจะไม่พัง”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกับ เถาจืออวิ๋นถูกหลินม่ายไล่ให้กลับมาที่ห้องนั่งเล่น ทุกคนจึงเปลี่ยนเรื่องคุยกันทันที
หกโมงเย็น ได้เวลาอาหารเย็นส่งท้ายปีเก่า
อาหารเย็นส่งท้ายปีเก่าจะร่วมรับประทานในช่วงค่ำ
ฟางจั๋วเยวี่ยหยิบประทัดสายยาวมาแขวนบนไม้ไผ่ เขาขอให้ฉีฉีจุดไฟ
ฉีฉีรู้สึกกลัวเล็กน้อย
ฟางจั๋วเยวี่ยสนับสนุน “เด็กน้อย ไม่อยากจุดประทัดหรือ?”
ด้วยการโน้มน้าวของฟางจั๋วเยวี่ย ฉีฉีจึงจุดประทัดอย่างกล้าหาญ ก่อนจะกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
หลินม่ายกระซิบข้างหูเถาจืออวิ๋น “ฉันคิดว่าฉีฉีเริ่มเหมือนจั๋วเยวี่ยมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ก่อนหน้านี้เขามีนิสัยค่อนข้างขี้อาย”
เถาจืออวิ๋นพยักหน้า “ตำแหน่งพ่อของเขาเคยว่างเว้นมาก่อน ตอนนี้เขาได้อยู่กับจั๋วเยวี่ย ทั้งสองเป็นเหมือนพ่อลูกและเพื่อนสนิท ดังนั้นนิสัยของเขาจึงเริ่มเปลี่ยนตามอีกฝ่ายน่ะ”
หล่อนกล่าวอย่างภูมิใจเล็กน้อย “ฉีฉีตัวติดกับจั๋วเยวี่ย เขาเริ่มตกหลุมรักการซ่อมเครื่องจักรเหมือนกัน ตอนนี้เขาเริ่มซ่อมของเล่นชิ้นเล็กได้แล้ว”
หลินม่ายชมเชย “น่าทึ่งมาก!”
หลังจากจุดประทัด ทุกคนก็นั่งรอบโต๊ะอาหารและรับประทานอาหารเย็นส่งท้ายปีเก่าอย่างมีความสุข
แม้แต่อาหวงก็ได้รับเนื้อจำนวนมากในชาม มันกระดิกหางไปมาด้วยความดีใจ
ในเวลาเดียวกัน หวังเหวินฟางและหวังเฉียงผู้เป็นหลานชายก็ได้รับการปล่อยตัวหลังจากรับโทษ พวกเขาต่างก็รับประทานอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่าที่บ้านของคุณยายหวัง
หวังเฉียงถูกไล่ออกจากหน่วยของเขาตั้งแต่ติดอยู่ในคุก เช่นเดียวกับคุณยายหวังที่กลายเป็นผู้อาวุโสไม่มีรายได้
หวังเหวินฟางถูกเลิกจ้างและกลายเป็นสมาชิกสามัญของคณะศิลปะ ทำให้รายได้ของหล่อนลดลงมาอย่างมาก
หล่อนต้องเลี้ยงดูคนสามคนด้วยเงินเดือนจากงานเดียว และยังต้องดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไป
แม้แต่ในมื้อค่ำวันส่งท้ายปีเก่าก็มีอาหารไม่มากนัก
คุณยายหวังที่เคยชินกับชีวิตสวยหรูเหลือบมองอาหารสี่จานและซุปหนึ่งอย่างบนโต๊ะอาหารเย็น
นางจำได้ว่าฟางจั๋วหรานรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดตอนที่ยังไม่มีปัญหากับเขา
ไม่ใช่แค่กินดีอยู่ดี แต่ยังมีเงินติดกระเป๋าด้วย
ตอนนี้พวกมันล้วนหายไปแล้ว
มันเป็นเพราะหรงหรงนังตัวดีคนนั้น
โชคดีที่หล่อนไม่เคยติดต่อพวกเขาเลยตั้งแต่ไปฮ่องกง
นางพูดกับหวังเหวินฟางด้วยความขมขื่น “หรงหรงยัยเด็กคนนั้นช่างไม่มีหัวใจจริงๆ หล่อนแต่งงานกับคนฮ่องกง ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบสองปีแล้ว แต่ไม่เคยส่งเงินกลับมาหรือมาเยี่ยมเยียนเราเลย วันปีใหม่ทั้งที หล่อนไม่คิดโทรหาครอบครัวเพื่อไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเลย ห่วงแต่ความสุขของตัวเอง และไม่สนว่าเราจะเป็นตายร้ายดียังไง!”
เมื่อพูดถึงหวังหรง หวังเหวินฟางพลันรู้สึกหดหู่อยู่ในใจ “หล่อนเป็นที่นิยมในฮ่องกงได้รับการเชยชมมากมาย หล่อนจะจำเราได้ยังไงคะ?”
ขณะที่แม่ลูกเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อหวังหรง พวกหล่อนก็หารู้ไม่ว่าหวังหรงได้ตายไปนานแล้ว ศพของหล่อนถูกมัดและถ่วงด้วยก้อนหิน ก่อนจะนำไปโยนทิ้งทะเลเพื่อเป็นอาหารปลา
หวังเฉียงที่กำลังกินหมูตู๋นเงยหน้าขึ้นมองหวังเหวินฟางและคุณยายหวัง “แล้วถ้าผมจะไปฮ่องกงเพื่อตามหาหรงหรงล่ะ?”
หวังเหวินฟางและคุณยายหวังมองหน้ากัน
หวังเหวินฟางโคลงศีรษะปฏิเสธ “ช่างมันเถอะ ครอบครัวของเรามีเงินให้แกไปฮ่องกงเพื่อตามหาหรงหรงเสียเมื่อไหร่”
หวังเฉียงพึมพำเสียงต่ำ “ผมจะหาเงินเพื่อไปฮ่องกง แล้วผมจะต้องขอเงินจากหล่อนกลับมาเยอะๆ!”
เขาต้องติดคุกเพราะหวังหรง เขาจะไม่ยอมติดคุกโดยเปล่าประโยชน์ และต้องให้หวังหรงชดเชยสิ่งที่เขาเสียไป!
หลังจากถูกจองจำเป็นเวลานาน หวังเฉียงก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขากลายเป็นคนเลือดเย็นและไร้ความปรานี แม้แต่ความรักในครอบครัวก็เป็นเพียงม่านหมอกที่เบาบาง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม่ต้องตามหายัยหรงหรอก ป่านนี้เหลือแต่โครงกระดูกอยู่ก้นทะเลแล้วมั้ง
ไหหม่า(海馬)