Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 920 ก่อกวน

ตอนที่ 920 ก่อกวน

  ค่ายผู้รอดชีวิตซางจิงผู้บัญชาการมู๋ขมวดคิ้วขณะดูแถลงการณ์ตรงหน้า หน้าเขาไม่ได้ซีดหากกลับตึงด้วยความเครียด

  เลาหมิงที่อยู่ถัดไปกำลังสูบบหุรี่อยู่ก็เหลือบมองไปที่เลาเสี่ยวเสียวที่กำลังเล่นอยู่ด้านนอกผ่านทางหน้าต่างและเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังหรือเบาเกินไป  พวกเขามีความทะเยอทะยานมากและต้องการจะทำการประเมิณเมืองอันลูอย่างพิเศษ หึ! พวกมันไม่รอช้าที่จะยึดที่ทำเงินของชูฮันเลย 

  ผู้บัญชาการมู๋ดึงสายตากลับมาที่กระดาษแถลงการณ์ในมือ ฉันควรจะคิดได้ว่าพวกลูกผสมมันไม่มีทางสร้างวงล้อมใหญ่ขนาดนี้เพื่อจัดการกับค่ายเขี้ยวหมาป่าโดยไม่มีเหตุผล? ดูเหมือนว่านอกจากจะมีพวกลูกผสมอยู่เบื้องหลัง มันยังมีกลุ่มอื่นเกี่ยวข้องอีก 

   เป็นการดีกว่าที่จะพูดว่ามันเป็นสไตล์การยืมมือผู้มีผลประโยชน์ร่วมกัน เลาหมิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ  ลูกผสมจะต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลังเราคอยให้การสนับสนุนในการจัดการกับค่ายเขี้ยวหมาป่า แต่ยังไม่แน่ชัดว่าคือใคร? ทว่าคนพวกนี้ที่อยู่ในซางจิงจะต้องเป็นพวกที่ได้ผลประโยชน์จากการก่อความวุ่นวาย ดูเหมือนว่าพวกมันจะวางแผนที่จะจัดการกับชูฮันมานานแล้ว 

   ภารกิจลับของทีมหลงยาก็คือเพื่อลอบจัดการพวกที่เป็นหนอนบ่อนไส้พวกนี้ปัจจุบันมีเพียงแค่ค่ายจินหยางที่มอบการสนับสนุนให้กับค่ายเขี้ยวหมาป่า แต่ดูเหมือนว่าการช่วยเหลือก็น่าจะมีปัญหาเหมือนกัน  ผู้บัญชาการมู๋ส่ายหัวอย่างหมดหนทาง  ค่ายอื่นๆกำลังจับตาดูอยู่ จุดประสงค์ของพวกที่หวังร้ายต่อชูฮันในซางจิงก็เห็นได้ชัด รอแค่ค่ายเขี้ยวหมาป่าหายสาปสูญไป และรอตระครุบเมืองโรแมนติกมาไว้เป็นของตัวเอง เราต้องให้พวกมันได้แค่ฝันต่อไป 

  เลาหมิงสูดลมหายใจลึกแววตาเปล่งปลั่ง คนในซางจิงพวกนี้คิดว่าในยุคโลกาวินาศ ดินแดนของจีนจะเป็นของพวกมันทั้งหมดตราบเท่าที่มันสามารถกำจัดพวกเราไปได้? เหอะ มองไม่เห็นความเป็นจริงเลยรึไง! มากไปกว่านั้น เสาหินประเมิณในเมืองโรแมนติกก็เป็นแค่การประเมิณสำหรับระยะ 2 เท่านั้น ตำแหน่งที่ตั้งก็ห่างไกลจากซางจิงอย่างมาก มันคิดว่าจะสามารถควบคุมได้แค่เพราะใจอยากเหรอ! 

   ฉันสนใจอีกสองประเด็นอื่นมากกว่า ผู้บัญชาการมู๋ปิดเอกสารในมือตรงหน้าเงียบๆ ก่อนจะกอดอก  ข้อแรก ใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังลูกผสม? ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเป็นผลประโยชน์ต่อมนุษย์มากกว่าพวกลูกผสม มันมีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างมนุษย์กับลูกผสมรึเปล่า? ข้อสอง สถานการณ์ของชูฮันตอนนี้เป็นยังไง? 

   คำถามแรกไม่สามารถตอบหรือวิเคราะห์ได้พวกมันอาจจะร่วมมือกับลูกผสมหรือว่ามีพลังที่เหนือกว่าควบคุมลูกผสมอยู่โดยที่เรามองไม่เห็น ที่จริงแล้ว ท่านและผมก็น่าจะพอจะเดาไว้แล้ว ถ้ามันพวกต้องการจัดการชูฮันจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าชูฮันจะรอดมั้ย?  แววตาของเลาหมิงล้ำลึก  ส่วนคำถามที่สอง ที่ท่านอยากจะรู้จริงๆคือชูฮันยังไม่ตายจริงๆใช่มั้ยมากกว่า? 

  สัญชาตญาณของผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงบอกว่ามันมีข้อกังขาเกี่ยวกับการหายตัวไปของชูฮันในครั้งนี้หากพวกเขาไม่มีหลักฐานหรือเบาะแสอะไรให้ไล่ตามได้เลย

  ค่ายหนานตู้ก็ล้มเมืองหนานตู้ก็กลายเป็นของลูกผสมและซอมบี้ เมืองอันลูก็ถูกซอมบี้ล้อมเอาไว้หมด ซางจิงก็มีหนอนบ่อนไส้และพวกจ้องจะยึดอำนาจ ทุกอย่างนั้นมุ่งตรงไปที่ราชาลูกผสมหมดด้วยเป้าหมายหลัก

  สำหรับผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงที่ครั้งหนึ่งเคยครอบครองแผ่นดินยิ่งใหญ่นี้ไม่ยากเลยที่จะหาข้อสรุปเกี่ยวกับข่าวลือการตายอันน่าสงสัยของชูฮันเพราะฉะนั้นหลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทั้งคู่จึงได้ตัดสินใจส่งเหอเฟิงไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าเพื่อคุมสถานการณ์

  ที่ปัญหาในตอนนี้ยังสามารถจัดการได้เพราะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าชูฮันยังมีชีวิตอยู่และอิงจากการคาดการณ์ของผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิง เป้าหมายแท้จริงของลูกผสมในครั้งนี้คือการทำลายล้างเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดให้สิ้นซากนั้นเอง

  ชูฮันบุคคลที่สำคัญที่สุดในเหตุการณ์นี้ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยมากกว่าเดือนหนึ่งแล้ว ไม่มีเบาะแสใดๆเลยทั้งสิ้น ราวกับว่าข่าวลือที่ลือไปทั่วนั้นเป็นเรื่องจริง

  ในขณะที่ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงกำลังไร่เรียงลำดับเหตุการณ์เพื่อวิเคราะห์ปัญหาอยู่ภายในห้องจู่ๆประตูก็เปิดออกอย่างด้วยการผลักเข้ามาจากด้านนอก ตามมาด้วยร่างของคนคนหนึ่งที่แสดงความไม่เป็นมิตรออกมาชัดเจน

   ผู้บัญชาการมู๋ น้ำเสียงนั้นเหยียดๆและสีหน้าที่ไร้ซึ่งความเคารพชัดเจน ชายที่ดูอายุไม่เกิน 30 ปี ไม่มีตราเครื่องหมายใดๆบนชุด แต่กลับสามารถเดินฝ่าเข้ามาถึงชั้นในสุดของซางจิงซึ่งมีถึงห้าชั้นได้ง่ายๆ

  แววตาของผู้บัญชาการมู๋วาววับก่อนจะมองผู้มาใหม่นิ่งๆ และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกดดัน  อ๋อ หวังเฉินนี่เอง มีอะไร? 

  เลาหมิงมองอีกฝ่ายด้วยสายเหยียดๆกลับไปหลังจากที่เกิดโลกาวินาศผ่านมาสองปี ทั้งซางจิงก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่แม้แต่ผู้บัญชาการมู๋ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ ในขณะที่หวังเฉินชายอายุ 27 ปีที่มีความสามารถกลางๆไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย จู่ๆก็ก้าวขึ้นมาเป็นคนที่มีผู้มีอำนาจในซางจิงสนับสนุนอย่างมาก แม้แต่การประชุมระดับสูง หวังเฉินก็เป็นหนึ่งในตัวแทนภายใต้อำนาจที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ไม่มีใครรู้ว่าหวังเฉินเป็นตัวแทนของฝั่งไหน หรือมีไผ่ลับอะไรในมือ?

  นอกจากหวังเฉินมันยังคนอื่นอีกในซางจิง เหย่จือโปที่ค่อนข้างมีอำนาจไม่น้อยในซางจิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เพียงแต่ว่าจู่ๆเหย่จือโปก็หายตัวไปกระทันหันอย่างน่าสงสัย และหวังเฉินก็ก้าวขึ้นมาโดดเด่นท่ามกลางทุกคน เขาไม่มีแม้แต่ยศตำแหน่งทางทหาร แต่กลับมีตำแหน่งในซางจิง

  รวมถึงการมายังห้องทำงานของผู้บัญชาการมู๋โดยไม่เคาะประตูเลยเช่นในตอนนี้มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นในซางจิงที่กล้าทำเช่นนี้ ทำไมคนที่ไม่มีอำนาจทางทหารหรือยศตำแหน่งอะไรเลยถึงได้กล้าทำอะไรเช่นนี้ในซางจิง? ซางจิงในตอนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกคนนี้หมดแล้ว สถานการณ์มันมืดมนจนแทบหาแสงสว่างไม่เจอ

  หวังเฉินแสยะยิ้มผ่านแววตาใช้สายตาน่ารังเกียจกวาดมองโต๊ะของผู้บัญชาการมู๋อย่างไม่รักษามารยาท ก่อนจะเดินเข้ามาอย่างไม่ลังเลด้วยท่าทางไร้ซึ่งความเคารพยำเกรง เอื้อมมือมาพลิกกระดาษที่วางอยู่ดู

   ยังไม่ประทับตราอีก? หวังเฉินไม่แม้แต่จะทำวัทยาหัตถ์เพื่อแสดงความเคารพก่อนด้วยซ้ำ น้ำเสียงที่ใช้ก็สบายๆเหมือนคุยกับเพื่อน มองเหยียดลงใส่ผู้บัญชาการมู๋  แถลงการณ์นี้มีอะไรต้องแก้ไขงั้นเหรอครับ? 

  ผู้บัญชาการมู๋รู้สึกถึงความกดดันของชายหนุ่มตรงหน้าหากเขาเลือกที่จะไม่แสดงอารม์ใดๆออกมา เพียงแค่เคาะนิ้วลงกับโต๊ะไปเรื่อยๆ  ตัวแทนของซางจิงที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเมืองอันลู แถลงการณ์นี้กล่าวว่าอ้างอิงมาจากหลักฐานที่สมเหตุสมผล ถ้าเช่นนั้นความจริงแล้วตัวเมืองอันลูเองไม่ได้มีมูลค่าในตัวเอง แต่เป็นเพราะเสาหินประเมิณระยะ 2 ทุกอย่างถึงได้เปลี่ยนไป 

   ผมก็คิดว่าอย่างนั้น หวังเฉินไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของการพูดเช่นนี้ของผู้บัญชาการมู๋ เขานิ่วหน้าและถามต่อ  นอกจากนั้น ตอนนี้เมืองอันลูเป็นเมืองที่มีซอมบี้อยู่น้อยที่สุดในประเทศเมื่อเทียบกับที่อื่นๆในพื้นที่เดียวกัน ดังนั้นจึงบอกได้ว่าพื้นที่เป็นพื้นที่หายาก มีทั้งที่พักสำหรับชาวบ้าน เพราะฉะนั้นมันจึงไม่เหตุผลให้ซางจิงต้องละทิ้งสถานที่นั้นไปอย่างเปล่าประโยชน์ 

   แต่นี้มันไม่ใช่ยุคศิวิไลว์พลเอกทั้งหลายในทุกภูมิภาคมีอำนาจการควบคุมในเขตแดนของตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ ซางจิงไม่มีอำนาจไปแทรกแซง หน้าที่ของซางจิงคือการดูแลประสานและให้ความร่วมมือในการติดต่อสื่อสารและการขนส่งระหว่างแต่ละดินแดน ทว่าแต่ละดินแดนจะมีอิสระในการปกครองดูแลตัวเองโดยไม่ต้องขึ้นต่อซางจิง  เลาหมิงยกบุหรี่ขึ้นมาดูดก่อนจะพ่นควันสีเทาออกมาในอากาศจนมันบดบังแววตาที่แท้จริงของเขา  ถ้าฉันจำได้ถูกต้อง เมืองอันลูดูเหมือนจะเป็นพื้นที่ในอำนาจการดูแลพิเศษของพลเอกชูฮัน 

  สิ่งที่เลาหมิงพูดนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดีกันอยู่แล้วแต่ทั้งสองฝ่ายแสร้งทำเป็นไขสือเท่านั้นเอง

 

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Status: Ongoing

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง

สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น

วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว

ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ

และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้

และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย

นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท