เมืองกวนซานเจิ้นมีถนนขายอาวุธโดยเฉพาะอยู่เส้นหนึ่ง แต่เรื่องที่น่าเสียดายก็คือ หลังจากดูไปสิบกว่าร้าน อวิ๋นโม่ก็ยังไม่เจออาวุธที่เหมาะสม เขาอยู่ระดับเสริมกำลัง ยังใช้อาวุธวิญญาณที่ต้องอาศัยพลังปราณไม่ได้ อีกทั้งไม่มีเงินซื้อ อาวุธทั่วไปก็คุณภาพต่ำเกินไป ด้วยพละกำลังของอวิ๋นโม่เกรงว่าใช้ได้ไม่นานก็คงต้องเปลี่ยนอาวุธใหม่
เดินมาจนสุดถนนก็เหลือแต่ร้านตรงปลายถนนที่มีฝุ่นหนาปกคลุมเท่านั้นที่ยังไม่ได้ดู ร้านเช่นนี้ยากที่จะมีสินค้าดีๆ แต่ว่าอวิ๋นโม่ก็ยังเดินเข้าไปด้วยหัวใจคาดหวัง
เจ้าของร้านเป็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง เขานั่งดื่มเหล้าอยู่บนตั่ง พอเห็นอวิ๋นโม่เดินเข้ามาก็กล่าวเสียงเรียบ “ราคาเขียนเอาไว้ที่ด้านข้างแล้ว ชอบอันไหนก็วางเงินไว้บนโต๊ะ นี่เป็นราคาที่ถูกที่สุดแล้ว ต่อราคาไม่ได้อีก”
อวิ๋นโม่ยิ้มอย่างจนใจ สภาพร้านนี้ดูไปก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เถ้าแก่ยังมีนิสัยเช่นนี้อีก เกรงว่ายามปกติคงยากที่จะทำการค้า
“เอ๋” อวิ๋นโม่มองเจ้าของร้านแล้วก็เกิดความประหลาดใจขึ้นมาแวบหนึ่ง เพียงครู่เดียวก็เก็บงำสายตาและเดินไปยังชั้นวางอาวุธ
อาวุธเหล่านี้ราคาถูกมากจริงๆ แต่ก็เป็นเพราะว่าพวกมันย่ำแย่เกินไป หากเปรียบเทียบกับร้านอื่นๆ อาวุธในที่นี้แทบจะเรียกว่าอาวุธไม่ได้แล้ว หากไม่ขายราคาถูกสักหน่อยก็คงขายไม่ออก
อวิ๋นโม่กวาดตามองรอบหนึ่ง สีหน้าก็ปรากฏความผิดหวัง เดินมาแล้วทั้งถนนก็ยังไม่พบอาวุธที่เหมาะสม หลังจากส่ายศีรษะก็เตรียมเดินจากไป หากไม่ได้จริงๆ คงต้องฝืนใจหาอาวุธที่พอจะเหมาะมือสักชิ้นไปใช้ก่อน
ขณะออกจากร้าน เท้าของอวิ๋นโม่ก็พลันหยุดลง สายตาของเขามองไปทางด้านหลังเจ้าของร้าน ตรงนั้นมีง้าวเล่มหนึ่งพิงกำแพงอยู่ ตัวง้าวสะท้อนประกายเย็นเยียบจากภายในเพราะตีขึ้นมาจากทองแดงเหมันต์ ทองแดงเหมันต์เป็นโลหะหายากชนิดหนึ่ง เนื้อโลหะแข็งแกร่งมาก สะสมอยู่ในลวดลายของน้ำแข็งหมื่นปี โลหะที่หายากเช่นนี้มักถูกใช้สำหรับสร้างอาวุธวิญญาณ แต่ง้าวนี้กลับเป็นเพียงอาวุธธรรมดา แต่ต่อให้มันเป็นอาวุธธรรมดา ง้าวเล่มนี้ก็เหนือกว่าอาวุธทั่วไปมาก
อวิ๋นโม่รีบเดินเข้าไปหยิบง้าวนั้นขึ้นมาเอ่ยว่า “ง้าวที่ดี!”
เถ้าแก่วางไหสุรา มองง้าวพลางกล่าว “มันชื่อ คืนเหมันต์ ไม่ขาย เจ้าเองก็ซื้อไม่ได้”
“ทำไมถึงเรียกว่าคืนเหมันต์”
“ง้าวเล่มนี้เมื่อฟาดออกไปจะปรากฏประกายแสงหนาวเย็นสายหนึ่ง เมื่อศัตรูได้เห็นก็ต้องตกอยู่ในคืนมืดมิดตลอดกาล”
“ชื่อที่ดี!” อวิ๋นโม่เอ่ย การตกอยู่ในคืนมืดมิดตลอดกาลหมายถึงความตายนั่นเอง ง้าวที่ตีมาจากทองแดงเหมันต์ย่อมคู่ควรกับนามนี้
“หากไม่คิดจะซื้ออะไรก็ไปเสียเถอะ”
อวิ๋นโม่ได้ยินแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เขาเพิ่งเคยเห็นเถ้าแก่ที่ขับไสผู้คนเป็นครั้งแรก ดูท่าง้าวเล่มนี้คงจะเป็นของรักของเถ้าแก่ ไม่ได้มีไว้ขาย และต่อให้ขายอวิ๋นโม่ก็คงซื้อไม่ไหว แต่เขาถูกใจง้าวเล่มนี้เข้าแล้ว จึงไม่อาจตัดใจวางมือง่ายๆ
เห็นสายตาของอวิ๋นโม่ เถ้าแก่ก็พูดอีกครั้ง “คืนเหมันต์ไม่ได้มีไว้ขาย เจ้าไปเถอะ”
อวิ๋นโม่ลูบคลำคืนเหมันต์ พลันเอ่ยว่า “ยอดฝีมือระดับท่องพันลี้ กลับมาอยู่ในร้านขายอาวุธเล็กๆ อันห่างไกล ช่างเป็นเรื่องแปลกประหลาด อ้อ ไม่ถูกสิ! สมควรเรียกว่า อดีตยอดฝีมือระดับท่องพันลี้”
แววตาของบุรุษวัยกลางคนเปลี่ยนเป็นเฉียบคม เขากวาดตามองอวิ๋นโม่ อยากมองให้ทะลุถึงโฉมหน้าที่แท้จริงภายใต้หน้ากาก
“ระดับเสริมกำลัง เหอะ เด็กน้อย คิดไม่ถึงว่าข้าหลบมาอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าก็ยังสืบเสาะมาถึง ทำไม คิดจะอาศัยข้าเข้าสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุยหรือ”
อวิ๋นโม่ได้ยินก็ชะงัก ไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย
“สำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุย สถานที่เช่นนั้นเข้าได้ง่ายจะตายไป ทำไมต้องอาศัยเจ้าด้วย” ด้วยความสามารถของอวิ๋นโม่ การเข้าสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุยย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ฮ่าๆๆ โอหังขนาดนี้ แม้ทุกครั้งที่เปิดรับสมัคร สำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุยจะรับนักเรียนจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็เข้าไปได้”
อวิ๋นโม่ไม่สนใจปัญหานี้ เขากล่าว “เจ้าคงถูกมดพ่นอัคคีผู้พิทักษ์รักษาเห็ดเซียนอัคคีโจมตีตอนที่ไปเก็บเห็ดเซียนอัคคีสินะ”
เถ้าแก่ผุดยิ้ม “ไม่ต้องทำเป็นมีลับลมคมใน ขอเพียงไปสืบเสาะมาก็ต้องรู้ว่าข้าบาดเจ็บได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าบอกว่าไม่ได้ต้องการอาศัยข้าเพื่อเข้าสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุย ถ้าเช่นนั้นเจ้ามาหาข้าทำไม”
สีหน้าอวิ๋นโม่ปรากฏความประหลาดใจ “ที่แท้ก่อนหน้านี้เจ้าก็เคยเป็นคนของสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุย มิน่าเล่าถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งเช่นนี้”
เถ้าแก่ขมวดคิ้วเอ่ย “เจ้าไม่ได้จงใจมาหาข้าจริงๆ”
อวิ๋นโม่ส่ายศีรษะตอบ “ข้าจะมาหาเจ้าทำไม ข้าเพียงต้องการซื้ออาวุธ จึงเข้าร้านของเจ้าเท่านั้น”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปเถอะ คืนเหมันต์ไม่ขาย” เถ้าแก่ตัดรอน
อวิ๋นโม่ยิ้มอย่างมั่นใจ เอ่ยว่า “พิษไฟของมดพ่นอัคคีสลายยากก็จริง แต่ใช่ว่าจะไร้ทางรักษา ช่างบังเอิญที่ข้ารู้วิธีรักษาอยู่เหมือนกัน”
สำหรับอวิ๋นโม่แล้ว การสลายพิษไฟของมดพ่นอัคคีนั้นง่ายเหมือนทำกับข้าวจานหนึ่ง แน่นอนว่าเขาไม่สามารถซื้อง้าวคืนเหมันต์ได้ก็จริง แต่ว่าเขาสามารถทำให้อีกฝ่ายยินดีมอบง้าวคืนเหมันต์ออกมา
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ได้รับพิษไฟของมดพ่นอัคคี ลมปราณภายในร่างจะถูกผลาญเพื่อใช้ต่อต้านพิษไฟจนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับเสริมกำลังผู้หนึ่ง สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับท่องพันลี้แล้ว นี่ไม่ต่างอะไรกับความพิการ อวิ๋นโม่ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทอดทิ้งโอกาสที่จะฟื้นฟูพลังได้
เถ้าแก่วัยกลางคนมองอวิ๋นโม่อย่างขบขัน เอ่ยเสียงเย็นชา “เยี่ยม กล้าหลอกลวง หลอกจนถึงเรื่องสภาพร่างกายของข้า เจ้าเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเสริมกำลังตัวเล็กๆ ยังจะอวดอ้างว่าสามารถรักษาพิษของมดพ่นอัคคีได้”
“ข้าอยู่ระดับเสริมกำลังก็จริง แต่ใครบอกเล่าว่าระดับเสริมกำลังไม่อาจสลายพิษไฟของมดพ่นอัคคีได้”
เถ้าแก่ยังคงมองอวิ๋นโม่ด้วยรอยยิ้มเย็นชา ครู่ใหญ่จึงเอ่ย “ในเมื่อเจ้าพูดว่าสามารถรักษาได้ เช่นนั้นหากเจ้ารักษาได้ละก็ ข้าจะมอบง้าวคืนเหมันต์ให้เจ้าทันที ไม่คิดเงินแม้แต่เหรียญเดียว แต่หากเจ้ารักษาไม่ได้ เช่นนั้นก็ทิ้งชีวิตเอาไว้ เจ้ากล้าหรือไม่”
หากรักษาเจ้าจนหายแล้ว เจ้ายังจะเก็บเงินข้า ผีที่ไหนจะยอมทำการค้าเช่นนี้! อวิ๋นโม่พึมพำในใจ เขาได้แต่เก็บประโยคครึ่งหลังเอาไว้ ก่อนหน้านี้เขาเคยรักษาพิษไฟของมดพ่นอัคคีให้ผู้อื่นไม่ใช่เพียงครั้งเดียว แล้วทำไมจะรักษาอีกไม่ได้
“มีอะไรไม่กล้ากัน” อวิ๋นโม่เอ่ย
“ดี! งั้นเจ้าจะรักษาเช่นไร” เถ้าแก่ถาม
“การสลายพิษย่อมต้องใช้ตัวยาพิเศษบางอย่าง ตอนนี้ข้ายังไม่มี แต่มีวิธีที่จะสะกดพิษไฟเอาไว้ ทำให้เจ้าฟื้นคืนสู่ระดับก่อจิต”
“ทำเช่นไร”
“ไม่ยาก” อวิ๋นโม่โบกมือ “ตอนนี้ข้าต้องการขึ้นไปบนเขาเหนือเมฆา จึงจำเป็นต้องใช้ง้าวคืนเหมันต์ หากเจ้ารับปากให้ข้ายืมคืนเหมันต์ ข้าก็จะบอกวิธีแก่เจ้า หลังจากข้ากลับมาค่อยถอนพิษให้เจ้า”
สีหน้าของเถ้าแก่ปรากฏความขัดแย้งไปมา สำหรับเขาแล้ว นี่ไม่ต่างอะไรกับการพนันตาหนึ่ง เท่ากับมีความหวังอยู่สายหนึ่ง แต่หากอวิ๋นโม่ได้ง้าวคืนเหมันต์แล้วหนีไปโดยไม่กลับมาเล่า
สุดท้ายเถ้าแก่ก็เลือกที่จะเดิมพันดูสักครั้ง หากวิธีของอวิ๋นโม่ได้ผล ต่อให้เขานำคืนเหมันต์จากไปโดยไม่กลับมา พลังของตนเองได้รับการฟื้นฟูถึงระดับก่อจิตก็ไม่นับว่าขาดทุน
“ได้ ข้ารับปากเจ้า!”
“ตามนั้น!” อวิ๋นโม่เผยรอยยิ้ม จากนั้นเริ่มชี้แนะวิธีสะกดพิษไฟ
“พิษที่เจ้าได้รับนับว่ายังไม่นานเท่าใด หากใช้พลังปราณสกัดพิษไฟก็ไม่ใช่เรื่องยาก เจ้าใช้พลังผลักดันพิษไฟในเส้นชีพจรให้เคลื่อนไปยังจุดตันเถียน จากนั้นใช้วิธีเดียวกันนี้บีบอัดพลังปราณในจุดตันเถียนให้เป็นลูกกลมไทเก๊กลูกหนึ่ง ห่อหุ้มพิษไฟเอาไว้ภายใน พลังปราณที่เหลือก็เพียงพอจะให้เจ้าใช้ในระดับก่อจิตแล้ว”
เมื่อทำตามวิธีที่อวิ๋นโม่ถ่ายทอดให้ เถ้าแก่ร้านขายอาวุธก็สร้างลูกกลมพลังปราณไทเก๊กลูกหนึ่งในจุดตันเถียนได้สำเร็จ สะกดพิษไฟทั้งหมดเอาไว้ภายใน เขาตื่นเต้นจนต้องลุกขึ้นยืน ยกฝ่ามือตบลงบนโต๊ะ โต๊ะตัวนั้นก็แหลกเป็นผุยผงในทันที
“ได้ผลจริงๆ ด้วย! ได้ผลจริงๆ” เจ้าของร้านระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ แม้ไม่อาจฟื้นฟูพลังอันสุดยอดกลับมาได้ แต่เมื่อมีพลังในระดับก่อจิตย่อมดีกว่าตอนที่เป็นขยะก่อนหน้านี้มาก เขาแค่คิดจะทดลองดูเท่านั้น ไม่ได้เชื่อในตัวอวิ๋นโม่เลยสักนิด คาดไม่ถึงว่าวิธีของอีกฝ่ายจะใช้ได้ผลจริงๆ
“เถ้าแก่ ง้าวคืนเหมันต์ล่ะ”
เถ้าแก่คว้าคืนเหมันต์ขึ้นมาอย่างเบามือ ในดวงตามีความเสียดายเข้มข้น “มันติดตามข้ามาหลายสิบปี จึงไม่ได้เป็นแค่สิ่งของ แต่มีความรู้สึกแฝงอยู่ เจ้าต้องดูแลมันให้ดี!” ว่าแล้วก็ส่งง้าวคืนเหมันต์ถึงมืออวิ๋นโม่
อวิ๋นโม่ยิ้มรับง้าวคืนเหมันต์ด้วยความพอใจ หากเถ้าแก่เกิดเปลี่ยนใจเขาก็มีวิธีจัดการอีกฝ่าย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปตระเตรียมโอสถเหล่านี้เอาไว้เถอะ คิดจะรักษาพิษไฟยังต้องให้เจ้าเสาะหาตัวยาด้วยตนเอง” อวิ๋นโม่หยิบพู่กันและกระดาษบนโต๊ะ เขียนตัวยาที่ต้องใช้ในการขจัดพิษลงไป “ข้ากลับมาแล้วจะขจัดพิษให้เจ้า”
เถ้าแก่รับกระดาษมาด้วยความตื่นเต้น ตัวยาพิเศษหลายชนิดที่อวิ๋นโม่เขียนเอาไว้เป็นตัวยาที่เกี่ยวกับการขจัดพิษจริงๆ ไม่ได้เขียนอย่างเรื่อยเปื่อย ตอนแรกเขาคิดว่าพออวิ๋นโม่ได้รับง้าวคืนเหมันต์ไปก็คงจะไม่กลับมาแล้ว ตอนนี้ดูท่าอีกฝ่ายคิดจะช่วยขจัดพิษให้เขาจริงๆ
“ขอบคุณมาก หากเจ้าสามารถขจัดพิษไฟให้ข้าได้จริง ภายหน้ามีเรื่องยากลำบากอันใดก็สามารถมอบเป็นธุระให้ข้าได้ทุกเมื่อ! ใช่แล้ว ข้ามีนามว่าอู่ซานเหอ ก่อนหน้านี้เป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุย” อู่ซานเหอกุมหมัดคำนับ
อวิ๋นโม่ผงกศรีษะ มียอดยุทธ์ระดับท่องพันลี้ผู้หนึ่งมาติดค้างน้ำใจ สำหรับตนในตอนนี้ถือว่าไม่เลวเลย
“คืนเหมันต์ ข้าจะนำไปแล้ว สำหรับนามของข้า… เจ้าสามารถเรียกข้าว่า แพทย์โอสถ”
“ท่านเป็นแพทย์โอสถ” อู่ซานเหอเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “จริงด้วย หากมิใช่แพทย์โอสถ ไหนเลยจะสามารถขจัดพิษไฟของมดพ่นอัคคีได้”
แพทย์โอสถ ไม่เพียงสามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมโอสถได้ แพทย์โอสถมีจำนวนน้อยนิด ไม่ว่าไปที่ใดจึงได้รับการต้อนรับอันดีอยู่เสมอ
อวิ๋นโม่ไม่พูดอะไรอีก เพียงโบกมือแล้วนำคืนเหมันต์จากไป
อู่ซานเหอตื่นเต้นยินดี หลังจากอวิ๋นโม่ไปแล้วก็รีบออกจากร้าน นำกระดาษที่มีชื่อตัวยาเหล่านั้นไปหาซื้อยา
…………………
เทือกเขาเหนือเมฆาทอดตัวกว้างไกล มียอดเขาสูงเสียดเมฆมากมายดังชื่อของมัน เส้นทางบนภูเขามีสมุนไพรอุดมสมบูรณ์ สัตว์อสูรมากมาย เป็นตัวเลือกในการฝึกฝนของผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมาก ทรัพยากรของผู้ฝึกยุทธ์ในแถบนี้ โดยมากมาจากเทือกเขาเหนือเมฆาทั้งนั้น
เทือกเขาเหนือเมฆามีสัตว์อสูรจำนวนมาก อันตรายเต็มเปี่ยม บางครั้งแม้อยู่เพียงรอบนอกของภูเขาก็ยังสามารถพบเห็นสัตว์อสูรที่มีพละกำลังน่ากลัว ดังนั้นผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าไปในภูเขาจึงสร้างเส้นทางเข้าออกที่ปลอดภัยขึ้นมาสายหนึ่ง นานวันเข้าทางออกของเส้นทางสายนี้ก็กลายเป็นตลาดเปิดบรรยากาศคึกคักขึ้นมา ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากและขุมกำลังต่างๆ ใช้ที่นี่เป็นสถานที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนโอสถวิเศษและวัตถุดิบที่ผู้ฝึกยุทธ์อื่นๆ รวบรวมได้จากภูเขาเหนือเมฆา
อวิ๋นโม่เองก็เลือกขึ้นเขาผ่านเส้นทางสายนี้ ถึงเขาจะมีความมั่นใจ แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงมากเกินไป ที่ต้องประหลาดใจก็คือ ยามที่เขาไปถึงจุดแลกเปลี่ยนสินค้า มีคนมากมายพากันจับตาดูเขา แม้เขาจะสวมหน้ากาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่ คนที่ปิดบังรูปโฉมเช่นเขาก็ใช่ว่าจะไม่มี ที่จริงมีอยู่ไม่น้อย แล้วยังจะแปลกตรงที่ใด
“น้องชาย ง้าวของเจ้าขายหรือไม่” เจ้าของแผงผู้หนึ่งเดินออกมาถาม
“ไม่ขาย!”
“ให้หนึ่งร้อยเหรียญทองเลยนะ!”
“หนึ่งพันเหรียญทองก็ไม่ขาย!” อวิ๋นโม่ตอบอย่างรวบรัด ล้อเล่นหรือไร กว่าเขาจะได้ง้าวคืนเหมันต์มาจากอู่ซานเหอไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วจะขายได้อย่างไร
เห็นอวิ๋นโม่จากไป เจ้าของแผงก็ส่ายศีรษะด้วยความเสียดาย ถอนใจพลางเอ่ย “น่าเสียดายอาวุธดีๆ!”
อวิ๋นโม่เพิ่งเดินออกจากจุดแลกเปลี่ยนสินค้า เจ้าของแผงรอบนอกรูปร่างสูงผอมผู้หนึ่งก็เรียกเขาเอาไว้
“ไม่ขายอาวุธ!” อวิ๋นโม่ขมวดคิ้ว คนเมื่อครู่ต้องการซื้อคืนเหมันต์จากเขา เขาจึงคาดเดาได้ว่าบางทีคืนเหมันต์อาจกระตุ้นความสนใจของคนเหล่านี้
แต่แล้วเรื่องกลับอยู่เหนือความคาดหมายของอวิ๋นโม่ คนผู้นั้นยิ้มพลางส่ายศีรษะ “ข้าไม่ได้ต้องการซื้ออาวุธของเจ้า”
“หากข้าดูไม่ผิดละก็ เจ้าคงอยู่ระดับเสริมกำลังใช่หรือไม่”
“แล้วจะทำไม ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเสริมกำลังไม่อาจขึ้นเขาเหนือเมฆาได้หรือ” อวิ๋นโม่ถามเสียงเย็น
เจ้าของแผงผู้นี้รู้ว่าอวิ๋นโม่เข้าใจผิดแล้ว แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิด ยังคงตอบอย่างใจเย็น “ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเสริมกำลังย่อมสามารถขึ้นเขาเหนือเมฆาได้อยู่แล้ว อีกทั้งไม่แน่ว่าอาจเก็บเกี่ยวโอสถวิเศษได้อีกด้วย แต่ว่าเจ้าขึ้นภูเขาไปเพียงคนเดียว ถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก”
“ในเมื่อจะเข้าไป ย่อมไม่เกรงกลัวสัตว์อสูร หากบังเอิญพบเจอสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเกินไป ข้าย่อมหลีกเลี่ยง” อวิ๋นโม่ตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย อีกฝ่ายเตือนด้วยความปรารนาดี เขาย่อมไม่ชักสีหน้าเย็นชาใส่
ด้วยความสามารถของอวิ๋นโม่ในยามนี้ ขอเพียงไม่เจอกับสัตว์อสูรระดับสอง เขาก็ไม่กังวล
เจ้าของแผงรูปร่างผอมสูงส่ายศีรษะกล่าว “เจ้าคงไม่ได้เตรียมข้อมูลมามากพอ เทือกเขาเหนือเมฆานี้ นอกจากสัตว์อสูรที่น่ากลัวแล้ว ยังมีภยันตรายอีกอย่างหนึ่ง ด้วยกำลังของเจ้า หากบังเอิญเจอเข้า เกรงว่าอาจหมดทางรอดก็เป็นได้”
“เอ๋ เทือกเขาเหนือเมฆา นอกจากสัตว์อสูรแล้วยังมีอันตรายใดอีกหรือ” อวิ๋นโม่ถามอย่างสงสัย เขาไม่เคยทราบเรื่องนี้จริงๆ
……………………………………