กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 30 เริ่มต้นหลงลำพอง สุดท้ายเคารพนับถือ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        อวิ๋นโม่เบ้ปาก เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “แค่นี้ก็ถือว่าเสียมารยาทแล้วหรือ ผู้จัดประมูลประกาศราคาสามครั้ง หากไม่ให้เวลาบ้าง แล้วจะให้ผู้อื่นใคร่ครวญเพื่อเพิ่มราคาได้อย่างไร ผู้เฒ่ากัวประกาศราคารวดเร็วเช่นนี้ หรือว่าฝ่ายจัดประมูลมีสายสนกลในบางอย่าง”

        ผู้เฒ่ากัวทำหน้าปั้นยาก เขาพยายามระงับโทสะในใจอย่างถึงที่สุด แม้เขาจะเป็นผู้จัดประมูลระดับก่อจิต มีตำแหน่งใหญ่โตในโรงประมูล แต่ก็ไม่อาจดำเนินงานประมูลตามใจชอบ หากทำให้คนใหญ่คนโตในตระกูลต่างๆ เข้าใจผิดไปจะต้องไม่ดีแน่

        “พูดเช่นนี้หรือว่าเจ้าสามารถเพิ่มราคา” ผู้เฒ่ากัวกล่าวเสียงเข้ม คิดจะลากอวิ๋นโม่ลงหลุม ทันทีที่เขาตอบว่าไม่สามารถ ตนก็จะมีเหตุผลในการจัดการอีกฝ่าย แต่หากอวิ๋นโม่บอกว่าทำได้ จากนั้นไม่สามารถเพิ่มราคา ตนก็ยังสามารถจัดการอวิ๋นโม่ได้อยู่ดี

        “เฮอะๆ ตอนนี้เจ้าเพิ่งจะเข้าใจหรือ หากข้าไม่อยากเพิ่มราคา คิดว่าข้าขัดจังหวะเจ้าเพราะกินอิ่มเกินไปหรือ” อวิ๋นโม่ยื่นมือออกมาเคาะขอบหน้าต่างเบาๆ จนเกิดเสียงก๊อกๆ

        ผู้คนแสดงสีหน้าแตกต่างกันไป ก่อนหน้านี้อวิ๋นโม่แสดงออกว่าไม่สามารถแข่งขันไปแล้วด้วยซ้ำ ตอนนี้กลับพูดเช่นนี้ สรุปแล้วเขาสามารถหรือไม่กันแน่ หากบอกว่าอวิ๋นโม่พล่ามสิ่งไร้สาระ แต่ท่าทางและน้ำเสียงของเขากลับแสดงถึงความมั่นใจเต็มสิบส่วน

        คนตระกูลฉินที่ชมดูฉากนี้ไม่กังวลใจ แม้แต่ตระกูลซางและตระกูลอวิ๋นยังไม่สามารถแข่งขันกับพวกเขา แค่เด็กหนุ่มระดับเสริมกำลังคนหนึ่งจะมีความสามารถมากขนาดนั้นได้อย่างไร ต่อให้อวิ๋นโม่เพิ่มราคาได้ พวกเขาก็ไม่กลัว ทรัพย์สินที่พวกเขามีในตอนนี้ไม่มีใครในเมืองกวนซานเจิ้นสามารถเทียบได้

        “ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดจะเพิ่มราคาเป็นเท่าไร ขอเตือนเจ้าสักคำ การประมูลไม่อาจติดค้างบัญชี หากเจ้าไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนมากขนาดนั้นก็ต้องนำศีรษะมาชดเชยให้ที่นี่!” ผู้เฒ่ากัวเอ่ยพร้อมแววตาเย็นยะเยือกทอประกายสังหาร

        อวิ๋นโม่หัวเราะเสียงเย็นคำหนึ่ง ต่อให้เขาไม่สามารถจ่ายเงินจริง โรงประมูลก็อย่าหวังว่าจะกักตัวเขาไว้ได้

        “บนตัวข้าไม่มีเงินมากขนาดนั้นจริงๆ”

        โอ้!

        ทันทีที่อวิ๋นโม่พูดออกไป ผู้คนก็ระเบิดเสียงฮือฮา ไม่มีเงินแล้วยังกล้าขัดขวางการประมูลตั้งสองสามรอบ อวดดีขนาดนี้คงไม่ต้องการมีชีวิตอีกแล้วใช่ไหม

        “น่าสนุก!” ฉินเหอหลินยิ้มเย็นขณะดูอวิ๋นโม่ “กล้าผิดใจกับโรงประมูลเช่นนี้ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจสามารถลงมือจัดการมันได้เร็วขึ้น!”

        หากไม่มีฝ่ายจัดงานประมูลคุ้มครอง ตระกูลฉินก็สามารถลงมือจับตัวอวิ๋นโม่ที่นี่ได้อย่างไม่ต้องกังวล

        “เฮอะ อยากรีบตายนักหรือไร” เด็กขายตั๋วส่ายหัว ในใจเกิดความยินดีขึ้นมา “อยากรู้จริงๆ ว่าตอนที่เจ้าเด็กนั่นถูกผู้เฒ่ากัวจัดการ แล้วถูกคนของตระกูลฉินฆ่าทิ้ง ผู้ดูแลหลู่จะว่าอย่างไร”

        หากกล่าวกันตามจริง เป็นเพราะผู้ดูแลหลู่ อวิ๋นโม่จึงสามารถเข้าร่วมงานประมูล หากโรงประมูลตัดสินใจเล่นงานอวิ๋นโม่ ผู้ดูแลหลู่จะไม่โดนหางเลขไปด้วยหรือ เขาจะต้องถูกลงโทษสถานหนักแน่นอน ไม่แน่ว่าตำแหน่งหน้าที่ก็อาจหลุดลอยไปเพราะเรื่องนี้ด้วย! เด็กขายตั๋วผุดยิ้ม วาดฝันถึงวันคืนอันแสนสุขในอนาคต

        ฟู่!

        กระแสพลังรุนแรงสายหนึ่งระเบิดออกจากร่างของผู้เฒ่ากัว สายตาราวรูปปั้นน้ำแข็งของเขามองไปยังอวิ๋นโม่ น้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับอยู่ในฤดูหนาว “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าลงมือกับเจ้างั้นหรือ”

        อวิ๋นโม่ส่ายหน้า รู้สึกไม่ชมชอบผู้จัดประมูลคนนี้สักเท่าไร เขาหันไปหยิบของชิ้นหนึ่งจากห่อสัมภาระมาวางไว้บนมือก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่มีเงินทองมากมายขนาดนั้นจริงๆ แต่ว่าในบรรดาสิ่งของที่ใช้แลกเปลี่ยนกันในแผ่นดินนี้ เหรียญทองนับว่าไร้ประโยชน์ที่สุด” 

        “ว่าอะไรนะ ข้าได้ยินไม่ผิดไปใช่ไหม คนผู้นี้บอกว่าเหรียญทองไร้ประโยชน์สินะ” บางคนแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา

        “ข้ามั่นใจว่าคนผู้นี้จะต้องสติไม่ดีแน่!”

        ขณะที่ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ อวิ๋นโม่ก็ไม่ได้ถ่วงเวลาอีกต่อไป เขาแสดงของในมือ “ข้าไม่มีเหรียญทอง แต่ว่ามีสิ่งนี้ คิดว่าหากต้องการประมูลถุงเฉียนคุนก็คงเพียงพอแล้ว!”

        “โธ่ ข้าก็นึกว่าเขามีของดีอะไร แค่กรวดก้อนหนึ่งจะมีค่าสักเท่าไรกันเชียว” ฉินเหอหลินหัวเราะเสียงเย็นชา เขาคิดว่าอวิ๋นโม่เป็นบ้าไปแล้ว แต่แล้วเสียงหัวเราะก็ต้องหยุดลง เพราะเขาพบว่ายอดฝีมือระดับก่อจิตที่อยู่ข้างกายเปลี่ยนสีหน้าในฉับพลัน

        เพียงครู่เดียวคนที่รู้จักสิ่งล้ำค่าต่างก็ต้องอ้าปากค้าง มองไปยังของในมืองอวิ๋นโม่อย่างยากจะเชื่อ ผู้เฒ่ากัวเองก็เบิกตาโต มองก้อนหินในมืออวิ๋นโม่ด้วยความตื่นตะลึง

        “ผู้เฒ่ากัว ท่านเป็นผู้จัดประมูลมากประสบการณ์ สมควรรู้จักสิ่งนี้กระมัง” อวิ๋นโม่ถามยิ้มๆ “ไม่ทราบว่ามันพอจะซื้อถุงเฉียนคุนได้หรือไม่”

        “หินวิญญาณ!” ผู้เฒ่ากัวหลุดปากออกมาสองคำ ทำเอาทั่วทั้งห้องโถงเกิดความปั่นป่วน

        เมืองกวนซานเจิ้นเป็นเพียงสถานที่เล็กๆ คนที่รู้จักหินวิญญาณมีอยู่ไม่มาก แต่คนส่วนใหญ่ล้วนเคยได้ยินเรื่องหินวิญญาณ มันเป็นหินที่มีไอวิญญาณเต็มเปี่ยม ช่วยในการฝึกฝนของผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อจิต เป็นสิ่งล้ำค่าอย่างยิ่ง หากให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อจิตในเมืองกวนซานเจิ้นเลือกระหว่างถุงเฉียนคุนกับหินวิญญาณละก็ แทบจะไม่มีใครเลือกถุงเฉียนคุนเลย เพราะว่าสิ่งที่สามารถเพิ่มพลังอำนาจได้จึงจะเป็นของดีที่แท้จริง พลังอำนาจเพิ่มขึ้นแล้วยังกลัวว่าจะครอบครองสมบัติใดไม่ได้อีกหรือ

        ผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อจิตของสามตระกูลใหญ่ต่างลุกขึ้นยืนแทบจะในเวลาเดียวกัน

        เจ้าบ้านตระกูลซางเอ่ยอย่างรีบร้อน “น้องชายผู้นี้ สามารถขายหินวิญญาณให้พวกเราตระกูลซางได้หรือไม่ เจ้าวางใจได้ ข้าไม่เพียงจะช่วยเจ้าประมูลถุงเฉียนคุน แต่ยังมีข้อเสนอดีๆ ให้อีก!”

        อวิ๋นเว่ยเซิงเองก็เอ่ยปากแทบจะในเวลาเดียวกัน “น้องชาย หากมอบหินวิญญาณให้ตระกูลอวิ๋น ข้าไม่เพียงประมูลถุงเฉียนคุนให้เจ้า แต่ยังสามารถรับปากคำขอของเจ้าหนึ่งเรื่อง”

        “เจ้าบ้านั่น!” ฉินเหอหลินกำหมัดแน่น ความโกรธเกลียดทบทวี หากมันไม่นำหินวิญญาณออกมา หินก้อนนั้นก็จะตกเป็นของเขา แต่ตอนนี้เขาหมดสิทธิ์ครอบครองหินวิญญาณเสียแล้ว

        เด็กขายตั๋วถึงกับวิญญาณหลุดลอย เขารู้แล้วว่าสิ่งที่ตนวาดฝันเอาไว้สูญสลายไปหมดแล้ว

        เพียงพริบตาเดียว สถานการณ์ทั้งหมดก็กลับตาลปัตร ก่อนหน้านี้ผู้คนยังคิดว่าเด็กหนุ่มเป็นคนดื้อด้าน ยามนี้จึงรู้ว่าเขาต่างหากคือนายท่านตัวจริง! ยามนี้อวิ๋นโม่กลายเป็นขนมหวานในสายตาของทุกคนแล้ว

        “เจ้าบ้านซาง ประมุขอวิ๋น โปรดระมัดระวังคำพูดด้วย ที่นี่คือสถานจัดงานประมูล กฎเกณฑ์บางอย่างไม่อาจละเมิดได้!” ผู้เฒ่ากัวเอ่ยเสียงต่ำด้วยน้ำเสียงสั่นไหวอยู่บ้าง หากอวิ๋นโม่รับปากคนเหล่านั้น โรงประมูลของเขาก็อย่าหวังว่าจะได้รับหินวิญญาณจากมืออวิ๋นโม่เลย

        “สหายน้อย อำนาจของตระกูลฉินเราเจ้าเองก็คงเห็นชัดในสายตาอยู่แล้ว ถุงเฉียนคุน ข้าก็จะช่วยเจ้าประมูล หากเจ้ายังมีความต้องการอื่นใดก็บอกมาได้ ตระกูลฉินเราจะต้องทำให้เจ้าพอใจได้แน่!” เจ้าบ้านตระกูลฉินเอ่ยปาก หากได้รับหินวิญญาณมา แม้ต้องผิดใจกับโรงประมูลแล้วอย่างไร

        อวิ๋นโม่มองสถานการณ์ทั้งหมดด้วยความสงบนิ่ง เขารู้แต่แรกแล้วว่าหากนำหินวิญญาณออกมาก็จะเกิดความเคลื่อนไหวเช่นนี้ เดิมทีเขาไม่คิดจะนำหินวิญญาณออกมา หินวิญญาณก้อนนี้เดิมเขาคิดว่า รอให้รักษามารดาหายและนางบรรลุถึงระดับก่อจิตแล้วค่อยให้นางใช้ แต่เมื่อคิดอย่างละเอียด สำหรับสถานการณ์ตรงหน้าของตน ถุงเฉียนคุนเหมือนจะมีประโยชน์มากกว่าอยู่บ้าง

        หินวิญญาณล้ำค่า แต่ก็แค่สำหรับยอดยุทธ์ในเมืองเล็กๆ นี้เท่านั้น หากเขาแข็งแกร่งขึ้นมา คิดจะหาหินวิญญาณก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

        ผู้เฒ่ากัวเห็นผู้นำสามตระกูลใหญ่ต้องการหินวิญญาณโดยไม่สนใจกฎเกณฑ์ก็ร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้วจึงรีบเอ่ยปาก “น้องชาย เจ้าอย่ารีบร้อน ข้าจะให้คนมาประเมินราคาของหินวิญญาณเดี๋ยวนี้ ไม่สิ! ข้าจะไปด้วยตนเอง!”

        ว่าแล้วผู้เฒ่ากัวก็รีบขึ้นไปที่ห้องส่วนตัวของอวิ๋นโม่

        อวิ๋นโม่ไม่แยแส หากสถานจัดงานประมูลทำให้เขาอึดอัดใจ เขาก็ไม่ถือสาที่จะมอบหินวิญญาณให้สามตระกูลใหญ่ จุดประสงค์ของเขาคือถุงเฉียนคุน ขอเพียงได้รับถุงนั้นมา อย่างอื่นล้วนเป็นเรื่องเล็ก

        ผู้เฒ่ากัวรีบวิ่งไปรอหน้าห้องส่วนตัวของอวิ๋นโม่ จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยค่อยเคาะประตู

        อวิ๋นโม่เปิดประตูยิ้มให้ผู้เฒ่ากัว แต่ไม่ได้เชิญเขาเข้าไปด้านใน

        ผู้เฒ่ากัวใจหล่นวูบ รู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจการกระทำก่อนหน้านี้ของตน เมื่อคิดถึงผลลัพธ์สุดท้าย ผู้เฒ่ากัวก็โค้งเอวคำนับขออภัยอวิ๋นโม่อย่างมีมารยาท

        “ก่อนหน้านี้ข้าผู้เฒ่ากระทำผิดพลาดไป ขออภัยต่อแขกผู้สูงศักดิ์ ขอท่านอย่าได้ถือสา” น้ำเสียงจริงใจ ไม่มีความยโสแม้แต่น้อย เขากลัวจริงๆ ว่าหินวิญญาณจะหลุดลอยจากมือตน ไม่เพียงไม่อาจยกโทษให้ตัวเอง เกรงว่าแม้แต่โรงประมูลก็คงลงโทษสถานหนักจนเขาไม่อาจรับไหว

        อวิ๋นโม่พยักหน้ารับเงียบๆ ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้อีกฝ่าย อนุญาตให้เขาเข้ามาในห้อง

        ………………………………………

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท