“ขอบังอาจถาม ท่านคือ?” อวิ๋นเว่ยเซิงยังงุนงงอยู่บ้าง เขาไม่รู้จักคนพวกนี้ หรือคนผู้นี้ช่วยเหลือตระกูลอวิ๋นเพราะหลีเยียน?
“ข้ามีนามว่าอู่ซานเหอ จากวันนี้ไปข้าจะเป็นผู้คุ้มครองตระกูลอวิ๋น ข้าจะปกป้องตระกูลนี้สิบปี!” คำพูดนี้พอกล่าวออกไป ทำให้คนที่รู้ฐานะของอู่ซานเหออยู่แล้วต้องตกตะลึง เขาจะปกป้องตระกูลอวิ๋นสิบปี! หลีเยียนสะท้านเฮือก ยิ่งมั่นใจในความคิดของตนเอง
อวิ๋นโม่รู้สึกซาบซึ้ง ดูท่าอู่ซานเหอคงเป็นคนให้ความสำคัญกับความรู้สึก อันที่จริงอวิ๋นโม่เคยเอ่ยปากว่าไม่ต้องตอบแทนอะไรแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขายังจะรักษาคำสัญญาที่ตนเองเคยให้ไว้
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอวิ๋นถกเถียงกันใหญ่ รู้สึกว่าเรื่องราวเกินคาด ทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมคนผู้นี้จึงทำเช่นนี้ แต่พวกเขาต่างก็ดีใจ ฐานะของคนผู้นี้ไม่ธรรมดา หากตระกูลอวิ๋นได้รับการคุ้มครอง ต่อไปจะต้องมีอนาคตสดใส ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่ยอดฝีมือระดับก่อจิตตระกูลหวัง พอเห็นอาจารย์อู่ท่านนี้ยังกลัวจนตัวสั่น
“อาจารย์อู่ ทำไมท่านถึง…”
“หุบปาก!” อู่ซานเหอมอบรอยยิ้มแก่ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอวิ๋น แต่กับหวังลั่วเหิงกลับไม่ไว้หน้า
ความเคลื่อนไหวถัดไปของอู่ซานเหอยิ่งทำให้ผู้คนต้องประหลาดใจ
เพียะ!
เขาตบออกไปหนึ่งฝ่ามือก็ทำให้หวังลั่วเหิงลอยออกไป ร่วงทับเก้าอี้หลายตัวในหอประชุม หวังลั่วเหิงมึนงงไปทั่วร่าง ได้แต่กุมแก้ม มองอู่ซานเหออย่างพูดไม่ออก ถึงตอนนี้ค่อยเชื่อว่าสิ่งที่คาดเดาไว้น่าจะผิดพลาด ช่างตีเหล็กฟางและผู้เฒ่ากัวไม่ได้เจอของดีอะไรในตระกูลอวิ๋น แต่สมควรเป็นเพราะอู่ซานเหอ ขณะเดียวกันเขาก็คิดไม่ถึงว่าอู่ซานเหอจะฟื้นพละกำลังแล้ว ทั้งยังสงสัยว่าอีกฝ่ายช่วยเหลือตระกูลอวิ๋นเพราะหลีเยียน
ผู้คนตระกูลอวิ๋นทั้งประหลาดใจ ไม่เข้าใจ และตื่นเต้นดีใจปะปนกัน แค่ฝ่ามือเดียวของอู่ซานเหอก็ทำเอายอดฝีมือตระกูลหวังที่มีความสามารถเหนือกว่าผู้นำตระกูลลอยออกไป อย่างน้อยเขาต้องเป็นยอดฝีมือระดับก่อจิตชั้นสูงแล้วกระมัง ต่อไปเมื่อมียอดฝีมือผู้หนึ่งคุ้มครองยังจะต้องหวาดกลัวอะไรตระกูลหวังอีก
“ครั้งนี้เป็นแค่การสั่งสอนเท่านั้น ต่อไปอย่ามายุ่งเกี่ยวกับตระกูลอวิ๋นอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้ตระกูลหวังหายไปจากอาณาจักรจั่วสุย!” อู่ซานเหอเอ่ยเสียงเย็น ดวงตามีประกายฆ่าฟัน
หวังลั่วเหิงได้สติกลับมา สีหน้าเปลี่ยนเป็นย่ำแย่กว่าเดิม แม้อู่ซานเหอจะแข็งแกร่ง แต่ตนถูกเหยียดหยามเช่นนี้ก็ทำให้แค้นเคืองอย่างยิ่ง
“อาจารย์อู่ ท่านปกป้องตระกูลอวิ๋นเพื่อหลีเยียน มันคุ้มกันแล้วหรือ ท่านต้องรู้ว่าคนของที่นั่นอาจนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ หากเขาตรวจสอบไล่เรียง ต่อให้ท่านแข็งแกร่งแค่ไหนก็สู้พวกเขาไม่ได้กระมัง หากถูกลากเข้าไปพัวพันด้วย จุดจบจะต้องน่าอนาถ!”
อวิ๋นโม่สะท้านขึ้นมา รู้ว่าเรื่องที่หวังลั่วเหิงเอ่ยถึงต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ทำให้ท่านแม่สูญเสียพลังฝึกฝนและบิดาหายตัวไปในตอนนั้น ถึงอยากทำความเข้าใจเรื่องราวให้มาก แต่ก็ไม่สะดวกสอบถาม อู่ซานเหอสีหน้าเย็นชา คว้าหวังลั่วเหิงขึ้นมาได้ก็ตบลงไปอีกครั้ง
“อย่าคาดเดาส่งเดช เหตุผลที่ข้าปกป้องตระกูลอวิ๋นไม่เกี่ยวกับหลีเยียน หากเจ้ายังพูดจาพล่อยๆ ต่อไป ข้าจะฆ่าเจ้า!” สายตาอู่ซานเหอเย็นเป็นน้ำแข็ง ตั้งใจสังหารคน หวังลั่วเหิงตัวแข็งขึ้นมา ไม่กล้ากล่าวอะไรอีก
“ข้ากล้าบอกเจ้า ต่อให้คนพวกนั้นมาข้าก็ไม่กลัว!” อู่ซานเหอเอ่ยเสียงเย็น จากนั้นพอโบกมือก็ซัดหวังลั่วเหิงกระเด็นออกนอกหอประชุม “ไสหัวไปซะ บอกผู้นำตระกูลหวังของเจ้า อย่าคิดยุ่มย่ามกับตระกูลอวิ๋นอีก!”
คนตระกูลหวังสองคนและคนตระกูลฉินหลายคนจากไปพร้อมกับคราบฝุ่นเต็มใบหน้า ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนจบไม่มีใครเข้าใจชัดเจนว่าทำไมคนอย่างอู่ซานเหอจึงมาคุ้มครองตระกูลอวิ๋น
บางคนแอบสอบถามฐานะของอู่ซานเหอกับหลีเยียนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพียงไม่นานเรื่องที่อู่ซานเหอเป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุยและเป็นยอดยุทธ์ระดับท่องพันลี้ก็ทำให้ทั้งตระกูลอวิ๋นแตกตื่น
“ตระกูลอวิ๋นของข้าสามารถได้รับความคุ้มครองจากยอดยุทธ์ระดับท่องพันลี้ อีกทั้งยอดฝีมือผู้นี้ยังเป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุย” อวิ๋นเสี่ยวกั่วตกตะลึง ในใจยากจะเชื่อ เดิมทีคิดว่ากอดขาของตระกูลหวังไว้ ตนก็สามารถมองข้ามพวกเด็กรุ่นเยาว์ในตระกูลหวังไปได้ แต่ว่าตอนนี้ตระกูลอวิ๋นไม่กลัวตระกูลหวังอีกแล้ว แผนการก่อนหน้านี้ของนางกลายเป็นเรื่องตลก
อวิ๋นเลี่ยสีหน้าเขียวคล้ำ มันพบว่ายอดยุทธ์ระดับท่องพันลี้คนนี้ดูเหมือนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับครอบครัวของอวิ๋นโม่ หากเป็นอย่างนั้น แผนการที่เขาต้องการให้พวกผู้นำของตระกูลจัดการอวิ๋นโม่คงต้องล้มเหลว
“อาจารย์อู่ โปรดเข้าไปนั่งข้างใน ข้าจะจัดงานเลี้ยงรับรองท่าน!” อวิ๋นเว่ยเซิงประสานหมัดด้วยความเคารพ คนผู้นี้คือยอดฝีมือรระดับท่องพันลี้ ทั้งยังให้คำสัญญาคุ้มครองตระกูลอวิ๋นสิบปี เขาไม่อาจละเลย
เหล่าผู้นำในตระกูลอวิ๋นพากันขยับเข้ามา ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม
“ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุยแล้ว พวกท่านเรียกข้าด้วยนามของข้าเถอะ”
“สหายอู่ เชิญนั่ง อาจารย์ฟาง ผู้เฒ่ากัว ขอเชิญพวกท่านเข้าไปข้างในด้วย!” อวิ๋นเว่ยเซิงไม่กล้าเรียกนามของเขาตรงๆ คิดไปคิดมายังคงเรียกเป็นสหาย*เหมาะสมกว่า ตัวเขาเป็นผู้นำตระกูลคนหนึ่ง ไม่ควรอ่อนน้อมหรือวางท่ามากเกินไปอวิ๋นเสี่ยวกั่วขยับขึ้นไปด้านหน้า เริ่มทักทายอู่ซานเหอด้วยตนเอง ส่วนอวิ๋นเลี่ยถูกผู้อาวุโสแปดดึงเข้าไปแนะนำตัว พูดกับอู่ซานเหออย่างไม่เต็มใจไปสองประโยค
อู่ซานเหอเป็นใคร เขาคือยอดฝีมือระดับท่องพันลี้ ยามปกติไม่มีทางสนใจเด็กรุ่นหลัง แต่เพราะได้รับบุญคุณจากอวิ๋นโม่จึงเสนอตัวปกป้องตระกูลอวิ๋น เขาแค่ทักทายเด็กพวกนี้สองคำเท่านั้น ไม่ใส่ใจจะต่อบทสนทนาด้วย
“ไม่จำเป็นต้องจัดงานเลี้ยงให้ข้าแล้ว ข้าอยู่ที่ท้ายถนนอาวุธ มีเรื่องอะไรก็ไปหาข้าได้” อู่ซานเหอปฏิเสธอวิ๋นเว่ยเซิง เตรียมผละจากไป หลายปีมานี้เขาพลาดโอกาสไปมากมาย ทั้งอยากรีบกลับไปฝึกฝน ไหนเลยจะมีแก่ใจร่วมงานเลี้ยง
“ท่านลุงอู่ ไปบ้านข้าเถอะ ข้าจะทำอาหารให้ท่านชิม อาหารที่เมิ่งเอ๋อร์ทำอร่อยมากนะ!” เมิ่งเอ๋อร์เชื้อเชิญอู่ซานเหอ นางรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีและชอบเขามาก
อู่ซานเหอไม่เพียงไม่ปฏิเสธ แต่ยังผงกศีรษะรับคำ ทำให้ทุกคนประหลาดใจ “ในเมื่อเมิ่งเอ๋อร์เชิญ เช่นนั้นข้าย่อมต้องไป”
ผู้คนในตระกูลอวิ๋นล้วนไม่เข้าใจ ผู้นำตระกูลเชิญ อู่ซานเหอไม่สนใจ แต่เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งเชิญ เขากลับรับปาก นี่มันเหตุผลประเภทไหน ทุกคนต่างชะงักไป คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก
สิ่งที่ยิ่งทำให้พวกเขางงแทบบ้าก็คือ ช่างตีเหล็กฟางและผู้เฒ่ากัวก็ปฏิเสธคำเชิญของอวิ๋นเว่ยเซิง เดินยิ้มเข้าหาเมิ่งเอ๋อร์ ขออาศัยกินข้าวสักมื้อ สองคนนี้ล้วนเป็นคนฉลาด เห็นเมิ่งเอ๋อร์เชิญอู่ซานเหอมาก็คาดเดาได้ว่าเด็กสาวต้องเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสลึกลับคนนั้น พวกเขาย่อมไม่ต้องการพลาดโอกาสเอาใจเขา
เพียงแต่พวกเขาล้วนคิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
คนทั้งสามที่มีฐานะไม่ธรรมดาถูกครอบครัวอวิ๋นโม่เชิญไปจนหมด ทำเอาทุกคนอิจฉาแทบตาย หลายคนเริ่มคิดไปไกลอีกขั้น เดาว่าสาเหตุที่คนทั้งสามเต็มใจปกป้องตระกูลอวิ๋นจะต้องเกี่ยวข้องกับครอบครัวอวิ๋นโม่
“ต่อไปอย่าสร้างปัญหาให้พวกอวิ๋นโม่และเมิ่งเอ๋อร์ หากทำได้จะต้องผูกมิตรกับพวกเขา!” ผู้ใหญ่ในตระกูลอวิ๋นบางคนเริ่มแนะนำลูกหลาน
ส่วนผู้อาวุโสแปดและอวิ๋นเลี่ยสีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด ราวกับกลืนแมลงวันเข้าไป เดิมทีคิดว่าสามารถจัดการอวิ๋นโม่ได้แล้ว คิดไม่ถึงว่าพริบตาเดียวมันก็มีโอกาสพลิกสถานการณ์
อวิ๋นเสี่ยวกั่วสีหน้าสับสน เดิมทีนางคิดว่าพอประจบหวังจิงอวิ๋นได้ ก็สามารถข้ามหัวอวิ๋นโม่ แต่แล้วทั้งหมดกลับกลายเป็นเรื่องขบขัน นางรู้แล้วว่าทำไมอวิ๋นโม่ถึงมีเงินเยอะ เรื่องนี้คงเกี่ยวข้องกับสามคนนั้น
“ต่อให้เจ้ากลายเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลอวิ๋นแล้วอย่างไร สายตาก็ยังคับแคบอยู่แค่ในเมืองกวนซานเจิ้น”
“มีเงินแล้วอย่างไร แผ่นดินนี้ไม่ใช่แค่มีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้ ต่อให้เจ้ามีเงิน โลกทัศน์ก็ยังคับแคบอยู่ในเมืองกวนซานเจิ้น ไม่อาจทำเรื่องใหญ่อะไรได้!”
นึกถึงคำพูดในวันนั้น หัวใจของอวิ๋นเสี่ยวกั่วก็ต้องขมขื่น ที่แท้ นางต่างหากที่เป็นกบก้นบ่อ เป็นคนสายตาคับแคบมาตลอด อีกอย่าง อวิ๋นโม่กับนางไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ฐานะที่ได้มาจากการประจบผู้อื่น กลับกันสามคนนั้นต่างหากที่อยากสนิทสนมกับครอบครัวอวิ๋นโม่
อวิ๋นเสี่ยวกั่วขบฟัน คิดจะไปขอโทษอวิ๋นโม่ แต่พอคิดถึงคำพูดของอวิ๋นโม่ในวันนั้นก็ต้องล้มเลิกความคิดหันกายจากไป
ในใจของนางยังคงขัดเคืองด้วยความเสียดาย เดิมทีนางมีโอกาสปีนขึ้นที่สูง แต่ตนเองกลับละทิ้งไป
อวิ๋นเลี่ยมีแต่ความกังวล กลัวว่าอวิ๋นโม่จะมาหาเรื่อง เพราะว่า ก่อนหน้านี้เขาอาศัยบารมีตระกูลหวังตั้งตัวเป็นศัตรูกับอวิ๋นโม่ ตอนนี้สถานการณ์พลิกผันแล้ว อวิ๋นโม่จะยอมปล่อยตนหรือ
อวิ๋นเลี่ยก้มหัวลง แทรกตัวไปกับผู้คน คิดหลบให้พ้นสายตาอวิ๋นโม่
“พี่ใหญ่ พวกเรากลับกันเถอะ ทำอาหารอร่อยๆ ต้อนรับพวกท่านลุงอู่กัน” เมิ่งเอ๋อร์จับแขนอวิ๋นโม่หัวเราะฮิฮะ อยากกลับบ้านแล้ว
“ไม่ต้องรีบ มีบางเรื่องยังไม่ได้ข้อสรุป” อวิ๋นโม่พูดเสียงเรียบ
พอได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนก็พากันหัวใจกระตุก คิดในใจว่าแย่แล้ว ก่อนหน้านี้หลายคนออกปากตำหนิอวิ๋นโม่ กล่าวหาว่าเขาเป็นขโมย สมควรลงโทษสถานหนัก ตอนนี้อวิ๋นโม่มีภูเขาสามลูกเป็นที่พึ่งพิง คิดจะจัดการพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก
หลายคนหวาดหวั่น กลัวว่าอวิ๋นโม่จะเอ่ยชื่อพวกเขาขึ้นมา โดยเฉพาะอวิ๋นเลี่ยที่ทั้งร่างชะงักตัวแข็งค้าง ก้าวเท้าไม่ออกแล้ว
ความจริงพวกเขาคิดมากไปแล้ว เพราะตั้งแต่ต้นจนจบอวิ๋นโม่ไม่เคยเห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตา ยกเว้นคนที่กระโดดออกมาหาเรื่องทำให้เขาเกลียดชัง เขาถึงได้เตรียมตัวลงดาบ
………………………………………
*ในที่นี้คือคำว่า 道友 Dào yǒu ใช้เรียกผู้มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน นิสัยใจคอต้องกัน