กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 54 เข้ามารับความตาย!

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        “อ๊าก!” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น เมื่อทุกคนหันไปมองก็เห็นว่าอวิ๋นหู่ถูกตัดแขนขาดไปข้างหนึ่ง

        ผู้ลงมือย่อมเป็นอวิ๋นโม่ ญาณหยั่งรู้ของอวิ๋นโม่ตรึงอยู่กับอวิ๋นหู่ตลอดเวลา ทันทีที่เห็นเขาเคลื่อนไหว อวิ๋นโม่ก็นำคืนเหมันต์ออกมาจากถุงเฉียนคุน ตัดแขนของอีกฝ่ายในคราวเดียว

        “ขอบคุณ!” อวิ๋นหลานเหอหน้าซีดขาว ในใจยังคงหวาดหวั่นไม่หาย หากไม่ได้อวิ๋นโม่ช่วยไว้ ร่างของเขาคงจะแยกจากกันแล้ว ขณะพูด อวิ๋นหลานเหอก็ชักกระบี่จากข้างเอว ตวัดกระบี่ไปทางอวิ๋นหู่ที่กำลังกุมไหล่ร้องโหยหวน

        “ท่านปู่รีบหลบเร็ว!” อวิ๋นเลี่ยตะโกนลั่น

        ติง! 

        แสงสดใสสายหนึ่งสาดเข้ามา ปัดกระบี่ของอวิ๋นหลานเหอออกไป ช่วยชีวิตของอวิ๋นหู่เอาไว้

        “ถึงมันจะโง่จนเกือบทำให้แผนการใหญ่ของข้าเสียหาย แต่ก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง คงจะปล่อยให้เจ้าฆ่ามันไม่ได้” ชายสวมหน้ากากผู้หนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ แววตาฉายจิตสังหารเข้มข้น

        “เลี่ยเอ๋อร์ ไป!” อวิ๋นหู่หยิบยาห้ามเลือดออกจากอกแล้วเทลงบนปากแผล จากนั้นดึงอวิ๋นเลี่ยออกห่างจากคนตระกูลอวิ๋น

        “ท่านปู่!” อวิ๋นเลี่ยหน้าซีดขาว มันไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป ได้แต่ปล่อยให้อวิ๋นหู่ลากไปจนถึงด้านหลังของชายสวมหน้ากาก

        “หัวขโมย!”

        “คนทรยศ!”

        “ตัวบัดซบ!”

        เสียงตะโกนด่าดังขึ้นไม่ขาดสาย คนตระกูลอวิ๋นต่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เกลียดชังอวิ๋นหู่อย่างที่สุด คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะทรยศตระกูลอวิ๋นจริงๆ ทำให้พวกเขาต้องติดกับ

        ตอนนี้ทุกคนกำลังโกรธแค้นและผิดหวัง จึงไม่มีคนสนใจความเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของอวิ๋นโม่ หากได้สติกลับมาจะต้องตกใจว่า เด็กหนุ่มที่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นระดับเสริมกำลัง กลับมีพละกำลังสูสีกับระดับเปลี่ยนชีพจรชั้นสูง

        “อวิ๋นหู่ เจ้ามันหมาป่าตาขาว ตระกูลเลี้ยงดูเจ้า แต่เจ้ากลับตอบแทนตระกูลเช่นนี้ เจ้ายังมีหัวใจอยู่หรือไม่” อวิ๋นต้ามั่วตะโกนกร้าว โกรธจนสองตาแดงฉาน

        “คนเราต้องมองไปข้างหน้า นับตั้งแต่อวิ๋นเว่ยเซิงปลดข้าออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสแปด ฐานะของข้าก็ไม่มีโอกาสฟื้นคืน ดังนั้น ข้าต้องเดิมพันดูสักครั้ง พวกเจ้าก็จากไปอย่างวางใจเถอะ ตระกูลอวิ๋นจะต้องเติบโตและเจริญรุ่งเรืองด้วยมือของข้า! อีกไม่นาน พวกผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสรองก็จะติดตามเจ้าไป พวกเจ้าจะไม่เหงา” อวิ๋นหู่เจ็บปวดจนเหงื่อผุดเต็มกรอบหน้า แต่เขายังคงยิ้มได้ ยิ้มด้วยความดีใจ

        “อวิ๋นหู่ เจ้าจะต้องไม่ตายดี!” มีคนร้องด่า พวกเขารู้ว่าวันนี้คงหนีไม่รอดแล้ว ถูกผู้มีวรยุทธ์มากมายล้อมไว้เช่นนี้ เกรงว่าคงมีแต่ผู้นำกลุ่มทั้งสองคนที่พอจะมีโอกาสหนี

        “ข้าก็ว่า แค่ปลาไม่กี่ตัว จำเป็นต้องให้ข้าลงมือด้วยหรือ” ทันใดนั้นน้ำเสียงที่ทำให้เหล่าบุรุษรู้สึกคันในหัวใจก็ลอยออกมา ทุกคนหันหน้าไปมอง เห็นสตรีทรงเสน่ห์กำลังเยื้องย่างเข้ามาช้าๆ สองขากลมกลึงของนางไม่เปื้อนฝุ่นดินแม้แต่น้อย ผ้าไหมสีแดงห่อหุ้มทรวงอกเต่งตึง พันอยู่รอบกายอย่างลวกๆ หัวไหล่ขาวเนียน สะดือสวยน่าดึงดูด สองขาเรียวยาว ต่างปรากฏสู่สายตาผู้คน เย้ายวนเกินต้านทาน

        คราวนี้ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอวิ๋นและแม้แต่คนสวมหน้ากากที่อยู่ด้านหลังก็ต้องมองจนตาค้าง กลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว มีแต่พวกโจรภูเขาที่สายตายังคงจดจ้องคนตระกูลอวิ๋นอย่างดุดัน

        “แมงป่องพิษ! นางก็คือแมงป่องพิษ!” มีคนรู้ฐานะของนาง จึงตะโกนออกมา

        “อะไรนะ แมงป่องพิษเป็นผู้หญิงงั้นหรือ” หลายคนมีสีหน้าเหลือเชื่อ

        “พวกนี้เป็นแค่ปลาเล็กปลาน้อย แต่ว่าครั้งต่อไปจะต้องตกปลาใหญ่แน่ เจ้าวางใจเถอะ” ชายสวมหน้ากากผู้ช่วยชีวิตอวิ๋นหู่เอ่ยปาก เขามองแมงป่องพิษอย่างใจลอยเล็กน้อย จากนั้นหันหน้าไปทางอื่น

        “เป็นเจ้า! เจ้าคือผู้แข็งแกร่งระดับก่อจิตตระกูลฉิน ฉินกวงเซิ่ง” คนตระกูลอวิ๋นผู้หนึ่งเอ่ยอย่างตกตะลึง “ข้าเคยเจอเจ้า เคยได้ยินเสียงของเจ้า! เสียงแบบนี้ ไม่ผิดแน่ เจ้าก็คือฉินกวงเซิ่ง!”

        “ฉินกวงเซิ่ง พวกเจ้าบังอาจมากเกินไปแล้ว กล้าลงมือกับตระกูลอวิ๋น ไม่กลัวจะถูกฆ่าล้างตระกูลหรือไร!” อวิ๋นต้ามั่วตะโกนลั่น กำขวานวิญญาณในมือแน่นขึ้นอีก

        ฉินกวงเซิ่งไม่สนใจอวิ๋นต้ามั่ว เพียงเอ่ยกับแมงป่องพิษว่า “คนผู้นี้เสียแขนไปข้างหนึ่ง แต่ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือ หากมันสามารถหลอกพวกผู้นำตระกูลอวิ๋นได้ พวกเราจะหาทางหลอกล่อยอดฝีมือระดับท่องพันลี้ที่อาจติดตามมาออกไป ถึงตอนนั้น ปลาใหญ่ของตระกูลอวิ๋น เจ้ากล้ากินหรือไม่”

        ฉินกวงเซิ่งไม่สนใจคนตระกูลอวิ๋นในที่นี้แม้แต่น้อย ยังคงพูดคุยตกลงกับแมงป่องพิษด้วยตนเอง

        “เฮอะๆ!” แมงป่องพิษคลี่ยิ้มมุมปาก เผยเสน่ห์ถึงสิบส่วน แต่คนตระกูลอวิ๋นกลับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งร่าง

        “ขนาดพวกเจ้ายังไม่กลัว แล้วทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย ต่อให้เกิดเรื่องผิดพลาดหรือล่วงเกินคนที่ไม่สมควรล่วงเกินก็ไม่เป็นไร อย่างมากพวกเราก็แค่พาคนส่วนใหญ่ในค่ายย้ายฐานที่มั่นไปยังส่วนลึกของเทือกเขาเหนือเมฆา”

        “ถ้าเช่นนั้นก็จัดการพวกปลาซิวปลาสร้อยเหล่านี้กันเถอะ” ฉินกวงเซิ่งเอ่ยอย่างสงบนิ่ง น้ำเสียงไร้ความตื่นเต้น ราวกับกำลังพูดถึงชีวิตของมดไม่กี่ตัว ไม่ใช่มนุษย์ยี่สิบกว่าคน

        “ระดับก่อจิตสองคน ด้านนอกยังมีจอมยุทธ์นับร้อย พวกเราจะหนีได้อย่างไร”

        “จบแล้ว ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว วันนี้พวกเราคงต้องถูกฝังอยู่ที่นี่”

        คนตระกูลอวิ๋นใบหน้าซีดขาว บางคนเพราะเห็นศัตรูรายล้อมก็คิดจะขอยอมแพ้ บางคนจ้องอวิ๋นหู่เขม็ง แค้นจนอยากจะดื่มเลือดกินเนื้อ และบางคนตัวสั่นสะท้าน หวาดกลัวถึงขีดสุด

        “ไม่ ข้าไม่อยากตาย” มีคนร้องไห้ออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ไม่ว่าใครก็ไม่อาจสงบใจได้

        “อวิ๋นหู่! ต่อให้ข้าต้องกลายเป็นผี ก็จะไม่ละเว้นเจ้า!” มีคนตะโกนเสียงดัง เขาคิดว่าคนที่เลวที่สุดก็คืออวิ๋นหู่ หากไม่มีคนผู้นี้ พวกเขาไม่มีทางถูกเปิดเผยความเคลื่อนไหวจนถูกตระกูลฉินและฝูงโจรปิดล้อม หากไม่มีอวิ๋นหู่ ตระกูลฉินและพวกโจรก็ไม่กล้าลงมือกับพวกเขา

        เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอวิ๋นต่างก็เหม่อมองด้วยความสิ้นหวัง หลายคนรู้สึกว่าชีวิตของตนเองจบสิ้นแล้ว

        อวิ๋นโม่มองแมงป่องพิษและฉินกวงเซิ่งแล้วเผยรอยยิ้มกว้าง เขากำคืนเหมันต์เอาไว้ในมือพลางเดินไปด้านหน้า แต่มือข้างหนึ่งรั้งเขาเอาไว้

        “น้องชาย ขอบคุณที่เจ้าอุตส่าห์มาเตือนพวกเราก่อน แล้วยังมีบุญคุณช่วยชีวิตเมื่อครู่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าอวิ๋นหลานเหอต่อให้ต้องทิ้งชีวิต ก็ต้องปกป้องเจ้าให้ปลอดภัย!”

        อวิ๋นต้ามั่วกุมขวานวิญญาณในมือมั่น เอ่ยปากว่า “น้องชาย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำให้เจ้าต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ข้ากับหัวหน้ากลุ่มจะพยายามรั้งตัวยอดฝีมือระดับก่อจิตสองคนนั้นไว้ เจ้าก็ฉวยโอกาสนี้หนีไปเถอะ เมื่อครู่พวกเราสายตาไม่ดี จึงมองการฝึกฝนที่แท้จริงของเจ้าไม่ออก หากข้าเดาไม่ผิดละก็ เจ้าสมควรอยู่ระดับเปลี่ยนชีพจรชั้นสูงแล้วกระมัง”

        “ด้วยความสามารถของเจ้า หากไม่มียอดฝีมือระดับก่อจิตรั้งเอาไว้ จะต้องหนีออกจากวงล้อมได้แน่” อวิ๋นหลานเหอกวาดตามองไปรอบๆ ราวกับกำลังค้นหาเส้นทางหลบหนีให้อวิ๋นโม่ “ข้ายังมีคำขอร้องอีกเรื่องหนึ่ง”

        “เชิญกล่าว” อวิ๋นโม่หัวใจสะท้าน แม้ความจริงเขาจะมีความสามารถในการสังหารยอดฝีมือระดับก่อจิตทั้งสอง แต่อวิ๋นต้ามั่วและหลานเหอไม่รู้เรื่องนี้ ทั้งสองกล่าวคำพูดแบบนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้มีน้ำใจอันร้อนระอุ

        “หากเจ้าหนีไปได้ โปรดบอกความจริงเรื่องนี้กับผู้นำตระกูลอวิ๋น อวิ๋นเว่ยเซิง ถึงตอนนั้นเจ้านำป้ายหยกนี่ไป เขาจะต้องเชื่อคำพูดของเจ้าแน่นอน” อวิ๋นหลานเหอหยิบป้ายหยกแผ่นหนึ่งส่งให้อวิ๋นโม่

        อวิ๋นโม่รับป้ายหยกมาดู มุมปากผุดรอยยิ้ม จากนั้นยื่นมันคืนอวิ๋นหลานเหอ อาศัยคนเหล่านั้น ยังไม่อาจเอาชนะอวิ๋นโม่ได้ ดังนั้นคำขอร้องของอวิ๋นหลานเหอ เขาจึงไม่ได้รับปาก

        อวิ๋นหลานเหอรับป้ายหยกคืนมา ในดวงตาปรากฏความผิดหวัง “แล้วกันไปเถอะ เรื่องนี้เสี่ยงอันตรายเกินไป ข้าเองก็ไม่อาจบังคับผู้อื่น ทำให้สหายต้องตกอยู่ในอันตราย พวกเราก็นับว่าผิดมากแล้ว ยังจะกล้าขอร้องอะไรอีก”

        “ไม่ว่าอย่างไรน้องชายก็มีบุญคุณต่อพวกเรา ต้องเสี่ยงอันตรายเพราะพวกเรา ดังนั้นไม่ว่าเจ้าตัดสินใจอย่างไร ข้ากับหัวหน้ากลุ่มก็จะช่วยให้เจ้าหนีไปให้ได้” อวิ๋นต้ามั่วกล่าว

        ฝูงโจรภูเขาและจอมยุทธ์ตระกูลฉินที่อยู่รอบด้านต่างตั้งท่ากำหมัด เตรียมตัวลงมือ แมงป่องพิษและฉินกวงเซิ่งย่างเท้าเชื่องช้า มุ่งเป้าไปที่อวิ๋นหลานเหอและอวิ๋นต้ามั่วที่แข็งแกร่งที่สุด

        ไกลออกไป อวิ๋นหู่จัดการบาดแผลเรียบร้อยก็เตรียมผละจากไป แน่นอนว่าจะต้องไปหลอกพวกผู้นำตระกูลอวิ๋นให้ขึ้นเขามา

        อวิ๋นโม่มองอวิ๋นต้ามั่วและอวิ๋นหลานเหอ ส่งยิ้มก่อนเอ่ย “ไม่ใช่ข้าไม่รับปากพวกท่าน แต่ว่า ไม่จำเป็น”

        ว่าแล้วก็เดินขึ้นหน้าไป ง้าวคืนเหมันต์ส่องประกาย

        “น้องชาย ไม่นะ! เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา!” อวิ๋นต้ามั่วเห็นแล้วก็ร้อนใจขึ้นมา

        “สหายน้อยอย่าได้ทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเปลี่ยนชีพจรไม่อาจรับมือผู้แข็งแกร่งระดับก่อจิต!” อวิ๋นหลานเหอตะโกนอย่างร้อนใจ

        อวิ๋นโม่ไม่ตอบแต่เดินไปข้างหน้าอีกหลายก้าว ปักคืนเหมันต์ลงบนพื้นก่อนตะโกนเสียงดัง “ฉินกวงเซิ่ง แมงป่องพิษ เข้ามารับความตาย!” 

        คราวนี้ ทั่วทั้งบริเวณก็ตกอยู่ในความเงียบ

        ………………………………………

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท