กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 57 หนี

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        “จบกัน!” 

        อวิ๋นต้ามั่วสีหน้าหวาดกลัว จระเข้สามหางน่ากลัวเกินไป ความเร็วเพิ่มถึงขีดสุด กรงเล็บที่ตะครุบลงมา อวิ๋นต้ามั่วย่อมหลบไม่ทัน

        เปรี้ยง! 

        ในวินาทีวิกฤตินั้น อวิ๋นโม่วิ่งเข้ามาสุดกำลัง ขวางอยู่ตรงหน้าอวิ๋นต้ามั่ว ต่อยหมัดออกไปจนเกิดลำแสงระเบิดกระจายทุกทิศทาง

        กรงเล็บตะปบลงมา พละกำลังที่น่ากลัวระเบิดออก อวิ๋นโม่และอวิ๋นต้ามั่วกระเด็นออกไปพร้อมๆ กัน

        “พรวด!” 

        อวิ๋นโม่อ้าปากกระอักเลือดคำหนึ่ง ‘สัตว์อสูรระดับสามน่ากลัวจริงๆ พละกำลังของข้าไม่อาจต้านทานได้เลย’

        “เจ้าคือ… อวิ๋นโม่!” อวิ๋นต้ามั่วเบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ

        เมื่อครู่อวิ๋นโม่ฝืนรับการโจมตีของจระเข้สามหาง พลังรุนแรงน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกจนผ้าคลุมศีรษะของเขากระเด็นออกไป เผยใบหน้าเยาว์วัยของเขา

        “ที่แท้เขาก็คืออวิ๋นโม่!” คนตระกูลอวิ๋นต่างตกใจจนตาค้าง

        ผู้แข็งแกร่งที่ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ ที่แท้ก็เป็นศิษย์ตระกูลอวิ๋น ทั้งยังเป็นเศษสวะที่พวกเขาเคยดูถูก! เรื่องเช่นนี้ย่อมน่าตื่นตระหนก แม้แต่อวิ๋นหลานเหอและอวิ๋นต้ามั่วเองก็ยังคิดไม่ถึงว่าผู้แข็งแกร่งที่ลอบคุ้มครองตระกูลอวิ๋น ที่แท้ก็คือศิษย์รุ่นเยาว์คนหนึ่ง

        เรื่องก่อนหน้าที่พวกเขาคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ พอถึงตอนนี้ก็กระจ่างแล้ว

        “มัวตะลึงอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบหนีอีก! อยากถูกฝังอยู่ในปากของจระเข้สามหางกันทั้งหมดหรือไร” อวิ๋นโม่ตะโกนอย่างร้อนใจเป็นที่สุด เขาช่วงชิงโอกาสหลบหนีมาให้คนเหล่านี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเอาแต่ตะลึงนิ่งอยู่กับที่

        พอได้ยินอวิ๋นโม่ ทุกคนก็ได้สติขึ้นมา หลายคนแสดงสีหน้าหวาดกลัว จระเข้สามหางสามารถฆ่าพวกเขาได้ทั้งหมด

        “รีบหนีเร็ว!” บางคนร้องตะโกนขณะที่สองขาสั่นเทา

        “อวิ๋นโม่ เขาก็คืออวิ๋นโม่!”

        “ตระกูลอวิ๋นเรามีผู้เยาว์ที่โดดเด่นถึงเพียงนี้!”

        “เพิ่งจะอายุสิบกว่าปีเท่านั้น นับดูแล้วยังไม่โตเต็มที่เลย เด็กหนุ่มที่มีความสามารถถึงระดับก่อจิต อัจฉริยะที่เกิดในตระกูลอวิ๋น!”

        พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจของอวิ๋นหลานเหอเหมือนมีคลื่นซัดกระหน่ำ ตัวเขาในตอนนี้ทั้งดีใจและหวาดกลัว ดีใจที่ตระกูลอวิ๋นมีเด็กรุ่นหลังที่โดดเด่น หวาดกลัวก็เพราะอัจฉริยะที่โดดเด่นผู้นั้นกำลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต

        “ไม่ได้ จะปล่อยให้อวิ๋นโม่เกิดเรื่องไม่ได้!” อวิ๋นหลานเหอตัดสินใจได้ในทันที “ต่อให้พวกเราทั้งหมดต้องถูกกลบฝังอยู่ที่นี่ก็จะให้เกิดเรื่องกับอวิ๋นโม่ไม่ได้!”

        “ทุกคน พวกเราจะหนีไม่ได้! อวิ๋นโม่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ พวกเราจะทนดูเขาตายแทนพวกเราได้หรือ” อวิ๋นหลานเหอตะโกนเสียงดัง “อวิ๋นโม่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ พวกเราจะทิ้งเขาไม่ได้! ตระกูลอวิ๋นมีอวิ๋นโม่คือโชคครั้งใหญ่ หากเขาตายแล้ว ต่อไปตระกูลอวิ๋นก็คงต้องสูญสิ้น!”

        “ไม่ผิด พวกเราจะหลบหนีโดยทิ้งเขาไปไม่ได้!” อวิ๋นต้ามั่วเองก็ตะโกนด้วย “หากอวิ๋นโม่ตายแล้ว พวกเจ้าคิดว่าตระกูลอวิ๋นเราจะยังได้รับความคุ้มครองจากผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นอีกหรือ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกขุมกำลังอื่นเล่นงาน ถูกคนลบหลู่ทุกวัน ชีวิตแบบนั้นต่างอะไรจากความตาย!”

        “ใช่ ช่วยอวิ๋นโม่! เขาคืออนาคตของตระกูลอวิ๋น จะปล่อยให้เขาตายไม่ได้!” มีคนตะโกนตอบ

        “ช่วยอวิ๋นโม่! ฟัดกับจระเข้สามขา!”

        สุดท้ายกลุ่มล่าสัตว์ตระกูลอวิ๋นกลับไม่ได้หลบหนี ทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อเสี่ยงชีวิตกับจระเข้สามขา

        “พวกเจ้าจะรั้งอยู่ทำไม ต้านทานจระเข้สามขาไม่ได้หรอก!” อวิ๋นโม่ตะโกนสุดเสียง ในสมองโกรธเกรี้ยว แต่หัวใจกลับอบอุ่น

        “ไม่ คนที่ควรมีชีวิตต่อไปก็คือเจ้า ไม่ใช่พวกเรา!” อวิ๋นหลานเหอร้องเสียงดัง นำผู้คนเข้าโรมรันกับจระเข้สามหาง

        อวิ๋นโม่ทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร พวกอวิ๋นหลานเหอก็คงตัดสินใจเสี่ยงชีวิตกับจระเข้สามหางอยู่ดี พละกำลังของคนเหล่านี้ ต่อให้เก่งกล้ามากแค่ไหนก็คงมีชีวิตไม่พอให้จระเข้สามหางฆ่า แค่จระเข้สามหางตะปบลงมาก็คงสังหารได้ทั้งหมดแล้ว

        จระเข้สามหางขู่คำราม เตรียมพุ่งโจมตีพวกอวิ๋นหลานเหอ

        “ไม่มีทางอื่นแล้ว!” อวิ๋นโม่ตัดสินใจล่อจระเข้สามหางออกไป ถึงพลังของเขาจะสู้เดรัจฉานตัวนี้ไม่ได้ แต่ก็ยังมีโอกาสหลบหนี ภายใต้กรงเล็บของมัน พวกอวิ๋นหลานเหอที่อยู่ระดับเปลี่ยนชีพจรนั้นไร้โอกาสรอดชีวิตแน่นอน

        “โฮก!”

        อวิ๋นโม่ยกหินก้อนใหญ่ขึ้นมาโยนใส่จระเข้สามขา

        ตูม! เปรี้ยง! 

        มันอ้าปากรับเอาไว้ กัดหินจนแหลก จากนั้นพุ่งใส่คนที่ท้าทายมันด้วยความโกรธแค้น

        “อย่า!” อวิ๋นต้ามั่วรีบร้องออกไป

        อวิ๋นหลานเหอเองก็ตะโกนเสียงดัง “อวิ๋นโม่ เจ้าคืออนาคตของตระกูล จะเกิดเรื่องไม่ได้!”

        แต่อวิ๋นโม่และจระเข้สามขารวดเร็วเกินไปแล้ว พวกเขาไม่มีทางตามทัน ได้แต่เบิกตามองหนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรวิ่งหายเข้าไปในป่า

        “จบกัน!” บางคนน้ำตาไหลพราก “ต่อให้อวิ๋นโม่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่มีทางสู้จระเข้สามขาได้”

        “ทุกอย่างกระจ่างแล้ว เหตุผลที่ทั้งช่างตีเหล็กฟาง ผู้เฒ่ากัว และผู้อาวุโสท่องพันลี้ยินยอมคุ้มครองตระกูลอวิ๋นเราก็เพราะเห็นความสามารถของอวิ๋นโม่ ตอนนี้อวิ๋นโม่ตกอยู่ในสภาวะคับขัน ตระกูลอวิ๋นเราจบสิ้นแล้ว”

        “หากอวิ๋นโม่หายสาบสูญ ผู้กล้าเหล่านั้นก็คงไม่คุ้มครองตระกูลอวิ๋นอีกต่อไป”

        ทุกคนน้ำตาไหล ต่างก็คิดว่าอวิ๋นโม่คงโชคร้ายมากกว่าดี

        “พวกเรา… ติดค้างอวิ๋นโม่!” บางคนน้ำตาคลอ พร่ำโทษตนเอง

        “แต่ก่อนทุกคนบอกว่าเขาคือสวะ ไม่เคยดีต่อเขามาก่อน บางคนก็รังแกเขา แต่ว่าอวิ๋นโม่กลับไม่ถือสา ทั้งยังคิดเพื่อตระกูลอยู่ตลอดเวลา เมื่อวานเปิดโปงแผนการของตระกูลฉิน ช่วยชีวิตพวกเราทุกคนเอาไว้ ตอนนี้เพื่อพวกเรา เขากลับพาตัวเองไปเสี่ยง พวกเราติดค้างเขามากเกินไปแล้ว!”

        “พูดจาไร้สาระอะไร!” อวิ๋นหลานเหอสองตาแดงก่ำ “อวิ๋นโม่คืออนาคตของตระกูลอวิ๋น เป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุด เขาจะต้องไม่ตาย”

        “ใช่ อวิ๋นโม่จะต้องไม่ตาย!”

        “พวกเราต้องไปช่วยเขา! ใช่แล้ว ผู้อาวุโสระดับท่องพันลี้ผู้นั้นไม่ใช่ว่าจะคุ้มครองตระกูลอวิ๋นสิบปีหรอกหรือ พวกเราไปหาเขา ให้เขามาช่วยอวิ๋นโม่!”

        “ไม่ได้!” ข้อเสนอของคนผู้นั้นถูกอวิ๋นต้ามั่วห้ามเอาไว้ “หากเรื่องราวไปถึงจุดที่ย่ำแย่ที่สุด ทันทีที่ยอดฝีมือเหล่านั้นรู้เรื่องก็อาจจะไม่คุ้มครองตระกูลอวิ๋นอีกต่อไป ถึงตอนนั้นตระกูลเราจะตกอยู่ในอันตราย อีกอย่าง ที่นี่ห่างไกลจากเมืองกวนซาน ผู้กล้าเหล่านั้นไม่มีทางมาช่วยได้ทัน”

        “ต้ามั่วประเมินสถานการณ์ได้ถูกต้อง จะให้ผู้กล้าเหล่านั้นมาช่วย ต้องไม่ทันแน่ ไม่สู้พวกเราไปเสาะหาเองดีกว่า หากหาอวิ๋นโม่เจอ ต่อให้ต้องสละชีวิตก็ต้องช่วยเขาให้ได้!” อวิ๋นหลานเหอตัดสินใจเด็ดขาด นำกลุ่มล่าสัตว์ตระกูลอวิ๋นไล่ตามเข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขาเหนือเมฆา

        อวิ๋นโม่วิ่งเร็วปานติดปีกบินมาตลอดทาง คิดสลัดจระเข้สามหาง แต่น่าเสียดาย จระเข้สามหางตัวนั้นไม่เพียงมีพละกำลังน่าหวั่นเกรง แต่ยังรวดเร็วว่องไวอย่างที่สุด เหมือนกับว่ามันหมายหัวอวิ๋นโม่เข้าแล้ว จึงติดตามมาไม่ยอมปล่อย

        “เจ้าเดรัจฉานตัวนี้ทำไมพละกำลังถึงได้มากนัก” อวิ๋นโม่รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ระยะห่างระหว่างเขากับจระเข้สามหางยิ่งผ่านไปก็ยิ่งสั้นลง หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เขาต้องถูกไล่ทันแน่นอน

        ฮูม! 

        ทันใดนั้นจระเข้สามหางก็อ้าปาก เปลวเพลิงร้อนแรงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากปาก

        อวิ๋นโม่หนังตากระตุก เปลวเพลิงนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว ยังมาไม่ทันถึงตัว เขาก็รู้สึกเหมือนตกอยู่ในคุกเพลิงแล้ว หากสัมผัสเปลวไฟนี้เข้า เขาคงต้องกลายเป็นขี้เถ้าอย่างไม่ต้องสงสัย

        ขลุกๆ โครมๆ อวิ๋นโม่กลิ้งตัวอย่างหมดท่า หลบเปลวไฟพ้นอย่างหวุดหวิด

        ฮูม! 

        เปลวไฟม้วนตัวเข้ามา เผาผลาญทุกอย่างเป็นเถ้าถ่าน แม้แต่พื้นดินก็ยังเปลี่ยนสภาพ อวิ๋นโม่เห็นแล้วหนังตากระตุกไม่หยุด เขาไม่กล้าผ่อนการเคลื่อนไหว ลุกขึ้นได้ก็วิ่งสุดชีวิตต่อไป

        “โฮก!” จระเข้สามหางร้องคำราม ไล่ตามอวิ๋นโม่ไม่ลดละ

        หนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรทะลวงผ่านป่าเขาไล่ตามกันไป บรรดาสัตว์อสูรที่โชคร้ายก็ถูกเปลวไฟที่จระเข้สามหางพ่นออกมาเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

        “ร้ายกาจ!” อวิ๋นโม่ขบฟัน พละกำลังของเขาใกล้ถึงขีดสุดแล้ว

        ทันใดนั้นเบื้องหน้าพลันปรากฏเงาร่างคนผู้หนึ่ง เขานั่งอยู่บนก้อนหิน ท่าทางเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัส คนผู้นั้นกำลังดูดซับปราณรอบกาย อวิ๋นโม่ดูไม่ออกว่าเขาอยู่ระดับใด

        “รีบหนี!” อวิ๋นโม่ตะโกนเตือนเสียงดัง เป็นเพราะวิ่งมาเร็วเกินไป ต่อให้เขาอยากเปลี่ยนทิศก็ไม่ทันแล้ว ใบหน้าของเขามีแต่ความเสียใจ ถึงจะคิดว่าตนเองไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำให้ผู้อื่นพลอยเดือดร้อนไปด้วย

        คนผู้นั้นนั่งนิ่งไม่ขยับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจเคลื่อนไหวหรือไม่

        “แล้วไปเถอะ!” อวิ๋นโม่ไม่ต้องการทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย ทั้งไม่คิดจะให้เขามารับเปลวเพลิงแทนตนเอง จึงตัดสินใจกระทืบเท้าลงบนพื้น ปลายเท้าจมลึกลงไปในดินโคลน ลากยาวออกไปด้านหน้าหลายจั้งค่อยหยุดลง

        ไอร้อนรุนแรงไล่มาถึงด้านหลัง อวิ๋นโม่รู้ว่าเปลวไฟของจระเข้สามขาพุ่งเข้ามาแล้ว ตอนนี้ต่อให้เขาคิดจะหลบก็ไม่ทันแล้ว

        อวิ๋นโม่หันกลับไป คิดจะเผชิญหน้ากับเปลวเพลิงที่น่ากลัวนั้น

        แต่ในตอนนั้นเอง ลำแสงบาดตาสายหนึ่งก็พุ่งมาจากด้านหลัง เปลวไฟร้อนแรงเมื่อเจอกับลำแสงสายนั้นก็เหมือนหิมะต้องแสงอาทิตย์ สลายหายไปในอากาศทันที

        ฟู่! ตูม!

        เสียงระเบิดดังสนั่น ลำแสงนั้นพุ่งผ่านส่วนหัวของจระเข้สามหาง น้ำพุเลือดไหลทะลัก

        ………………………………………

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท