กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 58 อสรพิษเหมันต์

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        ตึง!

        ร่างใหญ่โตของจระเข้สามหางล้มลงทันที ฝุ่นควันตลบอบอวล

        อวิ๋นโม่ตกตะลึงรีบหันกลับไปมอง คนผู้นี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง เพียงกระบวนท่าเดียวก็ฆ่าจระเข้สามหางได้สำเร็จ หรือว่า จะเป็นหนึ่งในยอดยุทธ์ที่ต่อสู้กันเมื่อครู่ 

        ก่อนหน้านี้ลำแสงสองสายพุ่งลงมาที่เทือกเขาเหนือเมฆา ปะทะกันบนแนวเขา สะท้านสะเทือนน่าตื่นตระหนก ทำเอาสิ่งมีชีวิตบนเทือกเขาแตกตื่น อวิ๋นโม่คาดว่าผู้แข็งแกร่งสองคนนี้อย่างน้อยต้องอยู่ระดับคงเขตแดน คงไม่ใช่ว่าเขาบังเอิญเจอหนึ่งในนั้นกระมัง

        ตึง! 

        เรื่องที่อวิ๋นโม่คิดไม่ถึงก็คือ คนผู้นั้นสังหารจระเข้สามหางแล้วก็ล้มคว่ำลงกับพื้น เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บหนักจนสลบไปแล้ว 

        “สหาย” อวิ๋นโม่เดินเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง ตะโกนเรียกอยู่หลายครั้งค่อยมั่นใจว่าเขาสลบไปจริงๆ เขาถอนหายใจ ผู้กล้าเช่นนี้ จิตใจยากหยั่งถึง หลังจากตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีกบ้าง 

        อวิ๋นโม่เข้าไปตรวจดู พบว่าคนผู้นี้ยังหนุ่มมาก อายุประมาณยี่สิบกว่าปี ไม่ถึงสามสิบ จึงรู้สึกประหลาดใจ อายุน้อยแต่กลับมีพลังแข็งแกร่งจนน่ากลัว ต่อให้อยู่ในดินแดนแห่งนั้นก็นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์แล้ว

        คนผู้นี้ หรือว่าจะเป็นศิษย์อัจฉริยะของขุมกำลังใหญ่สักแห่ง

        “ไม่ว่าอย่างไร เขาช่วยชีวิตข้าครั้งหนึ่ง ข้าก็สมควรช่วยชีวิตเขาสักครั้งเป็นการตอบแทน” อวิ๋นโม่พึมพำ หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดก็พบว่า คนผู้นี้อยู่ระดับท่องพันลี้ ในร่างกายมีพละกำลังที่แข็งแกร่งสายหนึ่งซุกซ่อนอยู่

        เพียงครู่เดียวอวิ๋นโม่ก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

        “ที่แท้ก็โดนควันมัดวิญญาณ” อวิ๋นโม่ขมวดคิ้ว ควันมัดวิญญาณ เป็นยาพิษพิเศษชนิดหนึ่ง มันควบคุมพลังวิญญาณภายในร่างของผู้ฝึกยุทธ์ ทำให้ระดับพลังของผู้ฝึกยุทธ์ลดลงอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ต้องพิษควันมัดวิญญาณ ระดับพลังของผู้ฝึกยุทธ์จะเสื่อมถอยในระยะเวลาสั้นๆ

        “ควันมัดวิญญาณที่เขารับเข้าไปถือเป็นระดับยอดเยี่ยม ดูท่า คนผู้นี้คงจะไปถึงระดับมโนสำนึกแล้ว! ไม่เช่นนั้นระดับการฝึกฝนของเขาจะต้องสูญสิ้น ไม่ใช่ยังหลงเหลือพละกำลังในระดับท่องพันลี้” หลังแยกแยะชัดเจนแล้วอวิ๋นโม่ก็ต้องสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ พรสวรรค์ของคนผู้นี้ไม่ธรรมดา

        เหนือระดับท่องพันลี้ก็คือ ระดับคงเขตแดน เหนือระดับคงเขตแดนก็คือ ระดับมโนสำนึก คนผู้นี้อายุยังน้อย แต่กลับฝึกฝนจนถึงระดับมโนสำนึก ในสถานที่ที่ศาสตร์แห่งการหยั่งรู้ฟ้าดินยังล้าหลังเช่นนี้กลับมีผู้เปี่ยมพรสวรรค์อันน่าตกตะลึงผู้หนึ่ง ทำให้อวิ๋นโม่ต้องประหลาดใจอย่างแท้จริง

        “ไม่รู้ว่าศัตรูของเขาถูกฆ่าไปแล้วหรือยัง เพื่อความปลอดภัย ยังคงย้ายเขาไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัยก่อนดีกว่า” ศัตรูของคนพวกนี้ อย่างน้อยจะต้องเป็นยอดฝีมือระดับคงเขตแดน อวิ๋นโม่ในตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้กล้าระดับคงเขตแดน

        อวิ๋นโม่หยิบยาสมุนไพรรักษาอาการบาดเจ็บออกมา ห้ามเลือดให้คนผู้นั้น ในฐานะที่เป็นแพทย์โอสถ การรักษาขั้นพื้นฐานเช่นนี้ เขาย่อมเคยทำมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง อวิ๋นโม่นำชุดยาวชุดหนึ่งออกมาห่อหุ้มร่างของคนผู้นั้นเอาไว้ ก่อนเคลื่อนย้ายไปไกล

        อวิ๋นโม่กลัวว่าศัตรูของคนผู้นี้จะไล่ตามมา จึงไม่กล้าเก็บรวบรวมวัตถุดิบจากร่างของจระเข้สามหาง

        “เอ๋ สถานที่นี้ดูไม่เลว” อวิ๋นโม่เห็นบนหน้าผาแห่งหนึ่งมีรอยแตกลึกสายหนึ่ง เขาแบกคนเจ็บกระโดดเข้าไปในรอยแตกนั้น

        หลังจากนั้นอวิ๋นโม่ก็รู้สึกหนังตากระตุก เขามองผ่านรอยแยกออกไป เห็นลำแสงหลายสายปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เหาะไปยังบริเวณที่ตนเคยอยู่

        “หรือว่าจะเป็นศัตรูของคนผู้นี้ไล่ตามมาแล้ว” อวิ๋นโม่ประหลาดใจ รีบนำขวดหยกใบหนึ่งออกมาจากถุงเฉียนคุน เทยาออกมาสองเม็ด ตนเองกินเม็ดหนึ่ง อีกหนึ่งเม็ดยัดเข้าไปในปากคนเจ็บ

        ยาชนิดนี้ก็คือ โอสถศิลาจำแลง การกินมันลงไปไม่ได้ทำให้คนกลายเป็นก้อนหินจริงๆ แต่ทำให้ลมปราณภายในร่างของคนผู้นั้นเป็นเหมือนกับหินก้อนหนึ่งจนยากจะสัมผัสได้ ต่อให้ใช้ญาณหยั่งรู้ตรวจสอบ หากไม่ได้ตรวจโดยละเอียดก็จะคิดว่าเป็นก้อนหินก้อนหนึ่งเท่านั้น

        โอสถศิลาจำแลงพอเข้าปากก็ละลาย ฤทธิ์ยาไหลผ่านลำคอเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นกระจายไปตามเส้นเลือดและกระดูก

        ด้านนอกหน้าผา ยอดยุทธ์ที่มีพลังปราณลึกล้ำหลายคนร่อนลงจากท้องฟ้า คนเหล่านั้นเริ่มปลดปล่อยญานหยั่งรู้ออกมาตรวจสอบสถานการณ์รอบด้าน

        ยามที่ถูกญานหยั่งรู้หลายสายกวาดผ่าน อวิ๋นโม่หัวใจดิ่งวูบ คนเหล่านี้บรรลุถึงระดับคงเขตแดนแล้ว! หากพวกเขาทั้งสองถูกพบตัวละก็ จะต้องจบสิ้นแน่

        ยังดีที่ขณะญาณหยั่งรู้หลายสายกวาดผ่านไป ไม่มีใครสังเกตเห็นพวกอวิ๋นโม่

        “ที่นี่ไม่มี หาต่อไป!”

        “เมื่อครู่เพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ไ พละกำลังถดถอยถึงระดับท่องพันลี้ ทั้งยังบาดเจ็บหนัก สมควรหนีไปได้ไม่ไกล!”

        “จะต้องฆ่าคนผู้นี้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นหากวันใดที่เขาประสบความสำเร็จขึ้นมา ก็จะไม่มีใครสามารถยับยั้งเขาได้อีกแล้ว!”

        “ของสิ่งนั้นก็ต้องนำกลับมาให้ได้เช่นกัน!”

        เสียงคนหลายคนที่อยู่ด้านนอกดังเข้ามาถึงข้างใน อวิ๋นโม่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เก็บงำลมปราณของตนเองอย่างมิดชิด ซ่อนตัวนิ่งไม่เคลื่อนไหว จนกระทั่งฝ่าเท้าชาด้านก็ยังไม่กล้าขยับ

        หลังผ่านพ้นไปหลายชั่วยาม เมื่อแน่ใจว่าคนเหล่านั้นจากไปไกลแล้ว ถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมา ขยับสองขาของตนเอง

        อวิ๋นโม่ตรวจสภาพของคนผู้นั้นอีกครั้ง ค่อยกำหนดแผนการรักษาที่แน่นอน

        โดยทั่วไป ควันมัดวิญญาณชั้นยอดจะต้องใช้โอสถระดับห้าจึงจะสลายได้ อวิ๋นโม่ในตอนนี้ความสามารถไม่เพียงพอ ทั้งยังไม่มีเตาหลอมโอสถที่เหมาะสม ไม่มีทางหลอมโอสถระดับห้าออกมาได้ อีกอย่าง ต่อให้หลอมได้ก็ไม่อาจเสาะหาตัวยาราคาแพงเหล่านั้น

        แต่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา คิดจะรักษาคนผู้นี้ให้หาย ไม่จำเป็นต้องสลายควันมัดวิญญาณ แค่ผลักดันมันออกจากร่างกายก็เป็นวิธีรักษาอย่างหนึ่งแล้ว 

        ถึงควันมัดวิญญาณจะถูกมองเป็นยาพิษแขนงหนึ่ง แต่ที่จริงแล้วไม่ได้ส่งผลเสียร้ายแรงต่อร่างกาย มันเพียงควบคุมพลังปราณในร่างของผู้ฝึกยุทธ์ ดังนั้นหากมองอีกมุมหนึ่ง ควันมัดวิญญาณในร่างของผู้ฝึกยุทธ์ก็คือสิ่งสกปรกชนิดหนึ่ง และยาเสริมกำลังก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในการขับสิ่งสกปรกภายในร่างกายออกไป 

        แต่ว่ายาเสริมกำลังที่พูดถึงในที่นี้ ไม่ใช่ลูกกลอนของตระกูลอวิ๋น แต่เป็นโอสถระดับหนึ่งที่มีคุณสมบัติแท้จริง อีกทั้งแค่โอสถเสริมกำลังทั่วไปก็ยังใช้ไม่ได้ จะต้องเป็นโอสถเสริมกำลังที่มีผลมั่วซวีเป็นตัวยาหลักจึงจะได้

        โอสถเสริมกำลังทั่วไปจะส่งผลเสริมความแข็งแกร่งทางร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์ ส่วนโอสถเสริมกำลังที่ใช้ผลมั่วซวีหลอมขึ้นมา จะมีผลในการขจัดสิ่งสกปรกภายในร่างกาย

        “ดูท่าคงต้องออกไปหาผลมั่วซวีมา”

        อวิ๋นโม่มีตัวยาอื่นๆ หมดแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นตัวยาที่เหลือจากการหลอมโอสถรักษาบาดแผล อีกส่วนหนึ่งคือสมุนไพรที่เก็บมาจากเทือกเขาเหนือเมฆาเมื่อหลายวันก่อน มีแต่ตัวยาหลักอย่างผลมั่วซวีที่อวิ๋นโม่ไม่มี

        ยังดีที่ผลมั่วซวีไม่ใช่สมุนไพรหายาก บนเทือกเขาเหนือเมฆาสมควรมีอยู่

        “ผลมั่วซวีชอบอยู่ในที่เย็นชื้น ต้องเป็นสถานที่ที่มีอากาศหนาวเย็นอยู่เสมอ หากเสาะหาจากข้อแม้เหล่านี้ จะต้องหาพบแน่นอน”

        อวิ๋นโม่นำยารักษาบาดแผลออกมา ป้อนให้คนผู้นั้น จากนั้นออกไปตามรอยแตก ค้นหาผลมั่วซวี

        …………………

        “ที่นี่ก็ไม่มี!” 

        อวิ๋นโม่ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ เขาหาสถานที่หนาวเย็นหลายแห่ง แต่แค่ต้นมั่วซวีเพียงต้นเดียวก็ยังหาไม่เจอ เมื่อไร้หนทางอื่นก็ได้แต่ต้องเสาะหาไปตามสถานที่หนาวเย็นต่างๆ ต่อไป 

        เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงยามค่ำแล้ว ในที่สุดอวิ๋นโม่ก็เสาะหาสถานที่หนาวเย็นพบอีกแห่ง

        ในญานหยั่งรู้ของอวิ๋นโม่ ปรากฏสระน้ำหนาวเย็นผืนหนึ่ง ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง สระน้ำดูปกติและสงบเงียบ

        “ผลมั่วซวี!” อวิ๋นโม่ดีใจมาก ในที่สุดเขาก็ค้นพบผลมั่วซวีที่ตามหามานาน มันอยู่ด้านตรงข้ามกับสระน้ำ พอคิดจะเข้าไปใกล้ อวิ๋นโม่ก็ต้องหน้าเปลี่ยนสี รีบถอยออกมาอย่างรวดเร็ว

        กลางสระน้ำหนาวเย็นปรากฏฟองน้ำผุดพราย ดวงหน้าขนาดใหญ่สองดวงพลันโผล่ขึ้นมา

        หลังจากอวิ๋นโม่เห็นสิ่งมีชีวิตในสระน้ำเย็นอย่างชัดเจนก็ต้องสูดลมหายใจอย่างเหน็บหนาว โชคดีที่เมื่อครู่ตนเองเคลื่อนไหวช้าไปเล็กน้อย ไม่ได้พุ่งเข้าไปที่สระน้ำเย็นโดยทันที

        เพราะที่นั่นมีอสรพิษเหมันต์อยู่สองตัว เป็นตัวผู้และตัวเมียอย่างละตัว ตัวผู้นั้นบรรลุถึงระดับสามแล้ว! 

        อสรพิษเหมันต์ทั้งสองตัวผุดขึ้นมาจากสระน้ำเย็น ตัวผู้อ้าปากกว้างพ่นบางสิ่งออกมา ปรากฏว่าเป็นกระดูกขาวนับไม่ถ้วน ในนั้นมีกะโหลกศีรษะของสัตว์อสูรชนิดต่างๆ และมีกระดูกของมนุษย์ปะปนอยู่ด้วย

        อวิ๋นโม่เห็นสถานการณ์ในตอนนี้แล้วก็อดใจสั่นไม่ได้ ข้างสระน้ำเย็นปรากฏกระดูกขาวกองใหญ่ ตอนแรกเขาเข้าใจว่าเป็นเนินเขาลูกหนึ่ง หากเขาไม่ได้ออกตัวช้าไปก้าวหนึ่ง ตอนนี้ก็คงกลายเป็นอาหารชั้นดีของอสรพิษเหมันต์ไปแล้ว

        อสรพิษเหมันต์เป็นสัตว์อสูรขั้นหนึ่ง มีสายเลือดของมังกรเจือจาง แตกต่างจากงูยักษ์ชนิดอื่นๆ พอกลืนเหยื่อลงไปแล้วจะย่อยเพียงเลือดเนื้อ และคายกระดูกทั้งหมดออกมา

        บนหัวของตัวผู้มีรอยนูนขึ้นสองจุด ถ้าได้เติบโตต่อไป ในที่สุดอาจจะสามารถกลายเป็นมังกร! อสรพิษตัวผู้ตัวนี้บรรลุถึงระดับเปลี่ยนร่างแล้ว

        อวิ๋นโม่แอบอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง ไม่กล้าปรากฏตัว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์อสูรเหล่านี้

        และแล้วสีหน้าของอวิ๋นโม่ก็ยิ่งยินดี เขาพบว่าอสรพิษตัวเมียตัวนี้ ที่จริงแล้วเป็นสัตว์อสูรขั้นหนึ่งขอบเขตสูงสุด อสรพิษเหมันต์มีปราณ​สัตว์อสูรที่ไม่ธรรมดา หากสามารถเก็บรักษาพลังปราณ​ในร่างของอสรพิษตัวเมีย ไม่เพียงจะมีพลังปราณมากพอที่จะรักษาท่านแม่ ยังสามารถทำให้ลมปราณของนางแข็งแกร่งขึ้น อีกอย่างไม่แน่ว่าอสรพิษเหมันต์เพศเมียตัวนี้อาจมีผลึกอสูร หากได้มา อวิ๋นโม่ก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถหลอมโอสถเบิกสวรรค์ที่ดีกว่าโอสถที่ลั่วเทียนเคยกิน เป็นโอสถเบิกสวรรค์ที่มีระดับเหนือกว่า

        “ติดอยู่เพียงอสรพิษตัวผู้ตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป ด้วยความสามารถของข้าในตอนนี้ คิดอยากสังหารอสรพิษตัวเมียนั้นเป็นไปไม่ได้จนไม่จำเป็นต้องพูดถึงแล้ว” อวิ๋นโม่ถอนหายใจอีกครั้ง อสรพิษตัวผู้เป็นสัตว์อสูรระดับสาม เขาไม่อาจสู้มันได้เลย หากต้องการสังหารอสรพิษตัวเมีย เกรงว่าคงถูกอสรพิษตัวผู้จับกลืนทั้งเป็น

        “นี่คือ…”

        ทันใดนั้นอวิ๋นโม่ก็ต้องมองข้างหน้าด้วยความตกตะลึง

        ………………………………………

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท