บทที่ 728 มีคุณชายช่วยเหลือ เจ้าไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีกแล้ว!
“น่าสนใจมากใช่หรือไม่ เจ้าดูเสีย ข้ายังสามารถเพิ่มได้อีกด้วย!”
ชางเหยาพยายามแสดงฝีมืออย่างเต็มที่เพื่อดึงดูดให้จิ้งจอกขาวหันมาสนใจ เพียงแค่นางคิด บนฝ่ามือก็มีพลังควบแน่นกลายร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยหนึ่งตัวลอยออกมา จิ้งจอกตัวนั้นเหมือนกับจิ้งจอกสีแดงเพลิงทุกประการ
ภายในใจของนางมีความมั่นใจอยู่พอสมควร นางเป็นถึงองค์หญิงแห่งจักรวรรดิชางเยว่ ฝึกฝนจนเข้าสู่ขอบเขตนักบุญ ทว่าตอนนี้กลับมาพยายามดึงดูดความสนใจของจิ้งจอกขาวธรรมดา ๆ ด้วยความยากลำบาก หากสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรอวี้ซวีได้รู้เรื่องนี้เข้า คงจะต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจอย่างแน่นอน
แต่ไม่มีทางเลือกอื่น นางชื่นชอบจิ้งจอกขาวตนนี้มากจริง ๆ จึงเต็มใจจะทำสิ่งเหล่านี้
น่าเสียดายที่จิ้งจอกขาวก็ยังคงไม่สนใจนาง
“ข้ายังสร้างได้มากกว่านี้อีก!”
ชางเหยาเอ่ยออกมา บนฝ่ามือของนางมีแสงเปล่งประกาย ควบแน่นเป็นร่างของจิ้งจอกน้อยทีละตัวทีละตัว
จิ้งจอกน้อยเริ่มจะรำคาญขึ้นมาแล้ว จึงหันไปมองชางเหยา จากนั้นก็เป่าจิ้งจอกตัวน้อยที่ชางเหยาควบแน่นขึ้นมาทั้งหมดจนสลายหายไปสิ้นในคราวเดียว
“เอ๋!?”
ชางเหยาตกตะลึงไปในทันใด บนหัวเล็ก ๆ คล้ายเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่!?
ไม่ใช่ว่านี่เป็นเพียงแค่จิ้งจอกสีขาวธรรมดาตัวหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
จิ้งจอกน้อยที่นางใช้พลังนักบุญควบแน่นขึ้นมา ไยจึงสามารถถูกเป่าเบา ๆ จนสลายหายไปสิ้น!
“เจ้าก้าวเดินบนเส้นทางการฝึกตนมานานแล้วอย่างนั้นหรือ?”
นางมองจิ้งจอกขาวด้วยแววตาแปลกประหลาด ก่อนเอ่ยถามออกมา
ไม่มีทางที่จิ้งจอกสีขาวจะยังไม่ก้าวเดินบนเส้นทางการฝึกตน ไม่เช่นนั้น จิ้งจอกน้อยที่นางใช้พลังควบแน่นออกมาคงจะไม่ถูกเป่าจนสลายไปเช่นนี้
“อย่ามายุ่งกับข้า!”
จิ้งจอกสีขาวเอ่ยออกมา น้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง สิ่งนี้ทำให้ชางเหยาตื่นตกใจมาก อันใดกัน เห็นได้ชัดว่าเดินบนเส้นทางการฝึกตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เหตุใดนางกลับไม่สามารถสัมผัสถึงสิ่งใดได้?
ขอบเขตของจิ้งจอกสีขาวอยู่ขอบเขตใดกันแน่!
นางถอยห่างจากจิ้งจอกขาวในทันที ท่าทางจริงจังระมัดระวังขึ้นมา
ทว่านางพลันนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงมองไปยังจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงในอ้อมแขนของนาง “เจ้า…เจ้าเองก็ไม่ใช่ว่าก้าวเดินบนเส้นทางการฝึกตนแล้วใช่หรือไม่!?”
“อื้อ ดูเหมือนว่าข้าจะแข็งแกร่งกว่าพี่สาวอยู่บ้าง”
จิ้งจอกน้อยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่มเหมือนเด็ก
“อันใดกัน!”
ชางเหยารู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาทันใด นางปล่อยจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงลงจากอ้อมแขนทันที เกิดความคิดอยากจะหนีไปจากที่นี่
“แม่นางอย่าได้หวาดกลัวไปเลย”
ในตอนนั้นเอง เซี่ยเหยียนก็เอ่ยปากหยุดชางเหยาเอาไว้
ชางเหยายิ่งหวาดกลัวมากกว่าเดิม สั่นสะท้านไปจนถึงจิตวิญญาณ นางสัมผัสได้ถึงพลังที่มองไม่เห็นจับตัวนางเอาไว้ ทำให้นางไม่สามารถหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้
‘ข้าถูกหลอกแล้ว! ทั้งยังถูกหลอกอย่างโง่เขลา!’
น้ำตาของชางเหยาไหลออกมา เห็นได้ชัดว่านางถูกหลอก คนเหล่านี้ไม่ใช่ปุถุชนธรรมดาแต่อย่างใด ขอบเขตการฝึกตนเหนือชั้นกว่านางเป็นอย่างมาก!
“พวกท่านอย่าฆ่าข้าเลย ข้ายังอยากพบพี่ชวนอยู่ ยังไม่ได้สยบพี่ชวนเอาไว้เลย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้เข้าเรือนหอกับพี่ชวนเสียด้วยซ้ำ!”
นางร้องไห้พร้อมกล่าวออกมา “พวกท่านค่อยสังหารข้าในภายหลังได้หรือไม่ รอข้าทำสิ่งเหล่านี้สำเร็จ ไร้อาวรณ์ใดในชีวิต ข้าจะมาหาพวกท่านให้พวกท่านสังหารข้าได้!”
นี่มันอันใดกัน!
เซี่ยเหยียนฟังแล้วก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ในหัวเล็ก ๆ ของชางเหยากำลังคิดสิ่งใดอยู่กัน เหตุใดจึงคิดว่าตนเองจะต้องถูกสังหารกัน!
อีกทั้งยังมีเรือนหออีก!
แม่นางน้อยอายุเท่าใดกันเชียว เหตุใดจึงคิดเรื่องเหล่านี้ออกมาเสียแล้ว?
ประเด็นสำคัญคือคำพูดส่วนท้ายของชางเหยา ช่างน่ารักเกินไปแล้ว!
ทำเรื่องทั้งหมดสำเร็จแล้วจะกลับมา…
นางเพิ่งเคยได้ยินคำพูดเหล่านี้เป็นครั้งแรกในชีวิต
“เหตุใดเจ้าจึงคิดจะตายกัน? อีกทั้งเพียงแค่เข้าเรือนหอก็ไร้อาวรณ์แล้วหรือ? ไม่อยากจะให้กำเนิดเหล่าปลาตัวน้อยให้พี่ชวนของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
นางหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา
“ให้กำเนิดปลาน้อย! แน่นอนว่าข้าอยาก แต่ข้ากลัวว่าพวกท่านจะรอนานขนาดนั้นไม่ได้…”
ชางเหยาร้องไห้เอ่ยออกมา
ทว่าจู่ ๆ นางพลันเอะใจบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงเอ่ยออกมาด้วยความงุนงง “ท่านรู้ได้อย่างไรเรื่องให้กำเนิดปลาน้อย…”
เหตุใดจึงกล่าวว่าให้กำเนิดปลาน้อย?
คนผู้นี้รู้ว่าพี่ชวนเป็นเผ่ามัจฉาอย่างนั้นหรือ?
“เหตุใดจะไม่รู้เล่า ก็เขาเป็นน้องชายที่แสนดีของข้า…”
เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นลั่วสุ่ยก็ปรากฏตัวออกมาเบื้องหน้าของชางเหยา
เมื่อชางเหยาได้ยินคำพูดนั้นก็ยังคงไม่เข้าใจสิ่งใด ทว่าเมื่อนางเห็นลั่วสุ่ยก็รีบวิ่งร้องไห้เข้าไปกอดลั่วสุ่ย
“เป็นพี่สาว! พี่สาวมาเพื่อช่วยข้าอย่างนั้นหรือ? ข้าถูกคนหลอกเสียแล้ว!”
นางร้องไห้อย่างทุกข์ตรม
“หลอกอันใด! ห้ามพูดเช่นนั้น! นั่นนับว่าเป็นการดูหมิ่นคุณชาย! การได้พบคุณชาย นับเป็นวาสนาที่แม้สั่งสะสมมาหลายชั่วอายุคนก็ไม่อาจทำได้!”
ลั่วสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
เดิมที นางกำลังตกปลาอยู่ริมธารน้ำห่างออกไปไม่ไกล ทว่าสัมผัสได้ถึงลมหายใจของชางเหยา ทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีว่า ชางเหยามายังอาณาจักรแห่งนี้ด้วยสาเหตุอันใด?
อีกทั้งยังเป็นคุณชายที่พานางมาที่นี่ด้วย
“หืม? คุณชาย? คุณชายอันใด?”
ชางเหยาตะลึงงัน
“คุณชายคือผู้ที่พาเจ้ามาที่นี่”
ลั่วสุ่ยพูดด้วยความจริงจัง “คุณชายคือผู้ยิ่งใหญ่อย่างถึงที่สุด ทั้งข้าและเสี่ยวชีล้วนติดตามคุณชายอยู่”
“พี่ชวนเองก็อยู่ในอาณาจักรนี้ด้วยหรือ!?”
ชางเหยารู้ว่าเสี่ยวชีที่ลั่วสุ่ยกล่าวถึงคือมัจฉาสัตมายา
นางไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าพี่ชวนจะอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้!
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งพี่ชวนและพี่สาวลั่วสุ่ยก็ล้วนติดตามหลี่จิ่วเต้าผู้นั้น!
“ใช่”
ลั่วสุ่ยถามชางเหยากลับ “เหตุใดเจ้าถึงได้มายังอาณาจักรแห่งนี้? แล้วเจ้ามาเพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่! ข้ามากับท่านพ่อแล้วก็ยอดฝีมือในตระกูล พวกข้าต้องการจะเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหล!” ชางเหยากล่าว
จากนั้นนางก็เอ่ยต่อด้วยความคับแค้นใจ “พี่ลั่วสุ่ยรู้หรือไม่ว่าพี่ชวนนั้นแย่มาก! ภายหลังยามที่เขากลับไปยังอาณาจักรอวี้ซีก็ยังคงหลีกเลี่ยงหลบหน้าข้าเช่นเดิม! ข้าจึงต้องการจะเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหลกับท่านพ่อ ด้วยหนทางเช่นนี้ ข้าจึงจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้! เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ข้าก็จะสามารถสยบพี่ชวนลง ดูสิว่ายังจะหลบหน้าข้าอีกได้หรือไม่!”
“สมกับเป็นเจ้าเสียจริง!”
ลั่วสุ่ยแย้มยิ้ม นางรู้เกี่ยวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างมัจฉาสัตมายาและชางเหยา ชางเหยาเป็นสตรีที่กล้าจะรักและกล้าจะชัง หลังจากผูกใจมุ่งมั่นกับมัจฉาสัตมายาแล้ว นางก็ไม่เคยยอมแพ้ ทั้งยังตามจีบอย่างกล้าหาญอยู่เสมอ!
นิสัยเช่นนี้นับว่าดีเสียจริง
อย่างน้อยนางก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก
“พี่ชวน เสี่ยวชี?”
เซี่ยเหยียนรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง
“เสี่ยวชีคือมัจฉาสัตมายา นางกับเสี่ยวชีมาจากอาณาจักรเดียวกัน อืม ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ อย่างน้อยข้าก็เห็นด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง สำหรับข้าชางเหยาเป็นเหมือนน้องสะใภ้ไปเรียบร้อยแล้ว”
ลั่วสุ่ยอธิบายให้เซี่ยเหยียนฟัง บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างมัจฉาสัตมายาและชางเหยา
“ฮ่าฮ่า ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”
เซี่ยเหยียนหัวเราะออกทันทีหลังจากฟังจบ นางเองก็ชื่นชอบนิสัยกล้ารักกล้าชังของชางเหยาเป็นอย่างมาก
หญิงสาวมองไปที่ชางเหยาพลางเอ่ยออกมา “วางใจเถิด ข้าเองก็จะสนับสนุนเจ้า!”
“ขอบคุณพี่สาวทั้งสองสำหรับการสนับสนุน!”
ชางเหยากล่าวออกมาอย่างอ่อนหวาน
“ทว่าข้าเองก็ไม่รู้ว่าพี่ชวนรู้สึกกับข้าเช่นไรกันแน่…”
นางกลัวว่าพี่ชวนจะไม่รู้สึกอันใดกับนางแม้แต่น้อย ยามนั้นถึงแม้นางจะสามารถสยบพี่ชวนได้ แต่ก็ไม่อาจนับได้ว่าเป็นความสำเร็จ
“วางใจเถิด เขาเองก็มีใจต่อเจ้าอย่างแน่นอน หากไม่มีใจ เขาคงเลิกยุ่งกับเจ้าไปนานแล้ว!” ลั่วสุ่ยตอบ
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
เซี่ยเหยียนพยักหน้า ฟังจากเรื่องราวที่เล่ามาแล้ว นางเองก็คิดว่ามัจฉาสัตมายาเองก็มีใจให้กับชางเหยา
“อีกทั้ง การกล้าไล่ตาม กล้าจะรัก แล้วจะทำไม? การได้พยายามแสวงหาความสุขของตนเองนั้นไม่ผิด! หลังจากนี้แม้ล้มเหลว ก็ไม่หลงเหลือความเสียใจทิ้งเอาไว้ให้กับตนเอง!” เซี่ยเหยียนกล่าวต่อ
“อือ! ข้าเองก็คิดเช่นนั้น!”
ชางเหยาพยักหน้า “ข้าจะไม่ยอมแพ้เรื่องของพี่ชวน หัวใจของข้ายึดมั่นในตัวพี่ชวน เขาจะเป็นสามีของข้าไปตลอดชีวิต!”
“ฮ่าฮ่า ข้าเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดคุณชายจึงพาเจ้ากลับมา”
ลั่วสุ่ยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “หากคุณชายไม่พาเจ้ากลับมา แม้เจ้าจะสามารถเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหลก็ไร้ประโยชน์ ยังคงไม่มีความหวังที่จะสยบเสี่ยวชีลงได้”
ภายในใจของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ นับไม่ถ้วน แดนบรรพโกลาหลนับว่าเป็นสถานที่สูงสุด ทว่าลั่วสุ่ยตระหนักได้เป็นอย่างดี แดนบรรพโกลหลนั้นยังไม่อาจเปรียบเทียบกับลานเล็ก ๆ ของคุณชายได้ ซ้ำยังห่างไกลจนไม่อาจเทียบเคียงได้
แม้ว่านางจะไม่เคยไปยังแดนบรรพโกลาหล แต่นางรู้ว่าคุณชายแข็งแกร่งมากเพียงใด ทุกอย่างที่อยู่ในลานล้วนแต่เหนือชั้นเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น หินโกลาหลในลานที่ตกลงมาจากแดนบรรพโกลหลยังเคยกล่าวออกมาอย่างจริงจัง ว่าลานเล็ก ๆ ของคุณชายนั้นอยู่เหนือยิ่งกว่าแดนบรรพโกลาหลอย่างแน่นอน พลังที่ไหลเวียนอยู่ในลานเล็ก ๆ นั้นห่างชั้นจากพลังโกลาหลของแดนบรรพโกลาหลจนไม่อาจเทียบ
ทั้งเหนือชั้นและทรงพลังยิ่งกว่า
มัจฉาสัตมายาฝึกฝนอยู่ในลานเล็ก ๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชางเหยาจะเปรียบเทียบได้อย่างแน่นอน แม้ว่าชางเหยาจะเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลและสามารถเกี่ยวเก็บครั้งใหญ่ได้ ก็ยังไม่มีทางที่ชางเหยาจะสามารถสยบมัจฉาสัตมายาลง
“เอ๋?”
ขางเหยาฟังแล้วไม่เข้าใจ
ลั่วสุ่ยยิ้มพร้อมกล่าวออกมา “คุณชายต้องการจะช่วยเหลือเจ้า เห็นได้ชัดว่าอยู่ข้างเจ้า”
คุณชายเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง จะไม่รู้ถึงเรื่องราวระหว่างมัจฉาสัตมายาและชางเหยาได้อย่างไร ไม่จำเป็นต้องคิด คุณชายก็คงสามารถล่วงรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับมัจฉาสัตมายาและชางเหยาได้อย่างแจ่มแจ้ง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คุณชายยังเลือกที่จะพาชางเหยากลับมาด้วย ทั้งยังให้ชางเหยาอยู่ทานมื้อเย็น สิ่งนี้บ่งบอกความตั้งใจคุณชายได้ชัดเจนยิ่ง
เป็นอย่างที่นางเพิ่งกล่าวออกไป คุณชายต้องการจะช่วยเหลือชางเหยา
“ใช่”
เซี่ยเหยียนเสริม “ด้วยการสนับสนุนของคุณชาย เจ้าก็ไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีกต่อไป อีกทั้งเมื่อคุณชายต้องการจะช่วยเจ้า ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่าเสี่ยวชีเองก็มีใจให้กับเจ้า”
หากเสี่ยวชีไม่มีใจต่อชางเหยา นางคิดว่าคุณชายจะต้องไม่ช่วยเหลือชางเหยาอย่างแน่นอน
คุณชายล่วงรู้ทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดไม่รู้ จะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าเสี่ยวชีเองก็มีใจให้มัจฉาสัตมายา เป็นเหตุให้ลงมือช่วยเหลือชางเหยา ทำให้ชางเหยาและมัจฉาสัตมายาได้ประสบเรื่องน่ายินดี
“หือ? คุณชายเก่งกาจเพียงนั้นเชียวหรือ?”
ชางเหยาตื่นตะลึง คุณชายผู้นั้นเก่งกาจมากถึงเพียงนั้น? ฟังจากคำพูดของลั่วสุ่ยกับเซี่ยเหยียนแล้ว คุณชายผู้นี้เป็นตัวตนที่สามารถทำได้ทุกสิ่งอย่าง!
“เจ้าจะไม่เชื่อผู้ใดก็ย่อมได้ แต่ต้องเชื่อคุณชาย!“
ลั่วสุ่ยเอ่ยด้วยความจริงจัง “คุณชายเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังเกินกว่าเจ้าจะจินตนาการถึง เซี่ยเหยียนเอ่ยไม่ผิด ในเมื่อคุณชายตัดสินใจจะช่วยเจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็สามารถวางใจในเรื่องนี้ได้เลย!”
หลังจากนั้น นางก็บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคุณชายให้ชางเหยาฟัง หลังจากที่ชางเหยาได้ยินแล้ว หัวใจก็สั่นไหวขึ้นมาจริง ๆ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า บนโลกนี้จะมีตัวตนที่อยู่เหนือสรรพสิ่งเช่นนี้อยู่!
กระทั่งคนตายยังสามารถฟื้นชีพกลับมาได้อย่างง่ายดาย!
สวรรค์! คุณชายผู้นี้ช่างเก่งกาจจริง ๆ!
นางไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว ด้วยการสนับสนุนของคุณชาย นางเพียงแค่ทำเรื่องหาญกล้าเช่นนี้ต่อไป!
“ข้อห้ามบางอย่างของคุณชาย เจ้าเองก็ต้องจำให้ดี! อย่าได้ละเมิดข้อห้ามเหล่านี้เด็ดขาด!”
ลั่วสุ่ยบอกชางเหยาเกี่ยวกับข้อห้ามต่าง ๆ ของคุณชายให้จดจำเอาไว้
“ตกลง!”
ชางเหยาพยักหน้าอย่างหนักแน่น จากนั้นก็จดจำทั้งหมดอย่างเงียบงัน
“เช่นนั้น ข้าขอแสดงความยินดีล่วงหน้าที่เรื่องดี ๆ ของเจ้าจะกลายเป็นจริงตามปรารถนา!” ลั่วสุ่ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
คุณชายลงมือแล้ว ย่อมไม่มีเรื่องนอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น บทสรุปทุกอย่างถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
ชางเหยาจะกลายมาเป็นน้องสะใภ้ที่แท้จริงของนาง!