บทที่ 1 [ชีวิตเริ่มต้นใหม่จากที่นี่]
วลีที่ว่า “ชัยชนะในชีวิต” นั้นมันหมายความว่าอะไร?
มันหมายความว่าผู้ที่มีความสามารถในการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นได้ไงล่ะ
และผมก็เป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน
เกิดมาในฐานะลูกชายคนโตของดยุค ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดในประเทศ และตัดสินใจว่าจะเข้าเรียนที่ สถาบันเวทมนตร์แห่งชาติริชเบิร์กในอีกหนึ่งเดือน
「แน่นอนว่าผมเข้าโรงเรียนด้วยผลการเรียนที่ไม่ต้องทำให้ชื่อเสียงของทางบ้านต้องอับอาย」
“ความใฝ่ฝันของผมนั้นชัดเจนนั่นคือกลายเป็นดั่งสิ่งที่ชั่วร้าย”
“ผมไม่ได้มีเเนวคิดเช่นไอ้เรื่องความยุติธรรมเเละกลายเป็ฯเหมือนฮีโร่”
ทำไมผมต้องควรใช้ชีวิตอันแสนสั้นเพื่อผู้อื่นกันล่ะ?
ผมจะไล่ตามความต้องการของตัวเองใช้ชีวิตตามใจปราถนา เเละไม่ยอมให้ใครอื่นมาขวาง
ผมปรารถนาใช้ชีวิตแบบเดียวกับจอมมารผู้เป็นศัตรูกับมนุษยชาติ
วันนี้จะเป็นวันแรกที่น่าจดจำของชีวิตที่แสนวิเศษนี้
“ขออภัยที่ให้รอครับท่านพ่อ”
“เอาล่ะลูกชายข้า การพัฒนาตัวเองต่อไปนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ข้ารู้ว่าเจ้าเพียรหนักกับการเรียนขนาดไหน”
“ขอบคุณครับ.”
พ่อของผม Gordon Verret (กอร์ดอน เวอร์เลต) มองมาที่ผมตอนที่ผมกำลังขอบคุณและลูบเคราของตัวเองอยู่
เขามีรูปลักษณ์ที่เคร่งครัดและมีบรรยากาศที่เข้มงวด ซึ่งทำให้เขาดูแข็งแกร่งเมื่อมองแวบแรก และยังเป็นพ่อที่ดีเอาใจใส่ครอบครัว ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นพวกตามใจลูกมากไปก็ไม่เกินจริงนัก
ถ้าอยากเรียนรู้อะไร เขาจะจัดหาครูชั้นยอดมาให้
เขาเป็นพ่อที่ดีที่สุดที่มอบสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุด
“เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันก่อน เริ่มต้นปีหน้า ออก้า(ogre) เจ้าจะต้องเข้าเรียนที่ ลิชเบิร์ก รู้ไหมว่าที่นั่นจำเป็นต้องนอนในหอพัก?”
“เเน่นอน นั่นก็เพื่อให้สามารถทุ่มเทเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อฝึกฝนเวทมนตร์ใช่ไหมครับ?”
“ใช่. เจ้าสามารถนำผู้ดูแลหนึ่งคนไปที่หอพักด้วยได้ จงเลือกใครสักคนภายในหนึ่งเดือนซะ”
“ถ้าเป็นคนที่ผมเลือกเอง จะเลือกใครก็ได้ใช่ไหมครับ”
“ใช่แล้ว นี่เป็นการทดสอบเพื่อวัดสายตาในการมองคนของเจ้าด้วย จะเป็นสาวใช้ในบ้านก็ได้ หรือจะซื้อทาสสักคนก็ได้หากต้องการ แค่นำคนที่สามารถช่วยเหลือเจ้าที่โรงเรียนไปด้วย”
ผมกำลังรอโประโยคแบบนี้อยู่เลย
โอกาสที่จะได้ลูกน้องสุดยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องจ่ายด้วยตังค์ตัวเอง
คนที่ผมเลือกน่ะนะไม่เพียงแต่อาศัยอยู่ด้วยกันในหอพักเท่านั้นหรอก แต่ผมยังวางแผนที่จะให้ทำงานให้ผมไปตลอดชีวิตไปเลย
นั่นหมายความว่าเจ้านั่นจะต้องเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับการกระทำอันชั่วช้าของเรา
หากอยากได้คนที่มีประโยชน์ ผมแค่ไปหาพ่อค้าทาสและซื้อคนที่มีความสามารถสูงๆมา
เเต่นั่นมันไม่น่าสนใจหรอก
ผมคิดถึงเรื่องเล่าในนิทานมาสักระยะหนึ่งแล้ว ผู้กล้าของเรื่องที่ไม่เคยสูญเสียจิตใจที่ดีแม้เขาจะถูกหลอกมากี่ครั้งก็ตาม
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากดันไปเข้าไปพัวพันกับการกระทำผิด หรือได้ไปยุ่งเกี่ยวกับความชั่วร้ายเป็นเวลานานนานๆล่ะ ?
“ผมมีคนที่จับตามองอยู่ไว้อยู่ครับ”
“โห่…อย่างที่คาดไว้ มาดูกันว่าเจ้าจะพาคนแบบไหนมา”
พ่อยิ้มอย่างชั่วร้าย
งั้นผมขอตัวก่อน”
หลังจากโค้งคำนับและออกจากห้อง ผมก็รีบแต่งตัวและมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง
“คุคุคุ…ฮ่าๆๆๆ…!”
ยุคของฉันมันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
นี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่แสนวิเศษ
“ไปรับผู้สมรู้ร่วมคิดคนแรกของเรากันเถอะ”
◇ ◇ ◇ ◇ ◇
สุดขอบเมืองหลวง คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า วาชัว เป็นเมืองสกปรกที่แยกตัวออกจากเมืองหลวง
ยาเสพติด ค้ามนุษย์ การพนัน
เป็นเมืองเน่าๆ เเละน่าเกลียดสุดในโลกนี้
อย่างไรก็ตาม ฉันอยู่ในเวทีใต้ดินของเมืองนี้ ที่ซึ่งความมืดมิดของเมืองหลวงถูกรวบไว้
“เอาเลย!! ฆ่ามัน!!”
“!เล่นเเม่ง แทงมัน! ฟันมันให้ยับ!”
“คำหยาบที่ไร้สิ้นจิตสำนึกปลิวผ่านหัวฉันไป”
ข้างหน้าฉันมีชายคนหนึ่งสูงประมาณ 2 เมตร
ใส่หมวกกันน็อคมีเขา มีขวานเล่มใหญ่เเละเกราะเหล็กหนาๆ
นี่คือคู่ต่อสู้ของฉันในนัดนี้
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าน้องหนูชนะติดต่อกันมากี่ตา เเต่อย่ามาทำซ่าให้มากนักนะสาวน้อย”
ชายผู้ส่งเสียงกรรโชกอยู่เป็นเบอร์อันดับต้นๆ ของสนามประลอง
ฉันเดาว่าเขาคงไม่ชอบที่ฉันซึ่งเป็นผู้หญิงแซงหน้าเขาไป
“การต่อสู้นี้เกิดขึ้นมาเพราะโดนฝ่ายตรงข้ามบังคับให้มาเป็ฯคู่ต่อสู้”
“…หุบปาก เเล้วเข้ามาซะ”
ฉันคิดว่าได้ยินปรอทเเตก
ชายคนนั้นโดนยั่วยุอย่างง่ายดายเเละเหวี่ยงขวานด้วยกำลังทั้งหมดลงมา
มันเป็นการโจมตีที่โง่เง่าโดยอาศัยเเค่ความโกรธ
จนถึงตอนนี้เขาใช้เเค่กำลังอย่างเดียว
ถึงกระนั้น มันอาจจะได้ผลกับคู่ต่อสู้ที่ไม่มีทักษะ
แต่ฉันแตกต่างออกไป
“――ความบ้าคลั่งแห่งดาบ]” 「――【刀線狂い】」
“……?”
พลังที่ใช้ต่อสู้กับศัตรูจะถูกส่งกลับคืนสู่ตัวเองเสมอ
หลังจากหลบขวานแล้ว ฉันก็กระเเทกแขนของเขาเพื่อให้มีแรงตีกลับมากขึ้น
จากนั้นขวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็ตัดแขนของชายคนนั้นออกอย่างง่ายดาย
“อ้าาาาาาาา!?”
“…สู่สุขคติ”
“เอ๊ะ!? โอ้… โอ้…”
ดาบแทงเข้าไปในปากของชายคนนั้น
ปลายดาบทิ่มคอของเขา ทำให้พื้นเปื้อนเลือด
ฉันเช็ดเลือดดาบอันเป็นที่รักของตัวเองและใส่มันไว้ในฝัก และเมื่อฉันออกจากเวทีที่ผู้คนยังตื่นเต้นกันอยู่ ฉันก็เห็นผู้จัดการยืนอยู่ที่ทางเข้า
“เฮ้ คริส มีคนกำลังรอเธออยู่”
“…ฉันไม่ยักรู้ว่านัดใครไว้ “
“เอาล่ะ ตามมา! ถ้าไม่ขยับเดี๊ยวก็เเบนเเม่งทิ้งจากสนามซะหรอก!”
“……เข้าใจแล้ว”
โดนพูดใส่ด้วยความหยาบคายแต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อฟัง
เมื่อสูญเสียชื่อเสียงและสถานะในอดีต หนทางเดียวสำหรับฉันที่จะมีชีวิตอยู่คือการทำให้ดาบของฉันเปื้อนเลือดเข่นฆ่ากันทุกวันที่นี่
นั่นเป็นเรื่องที่น่าขัน
เพราะความชั่วร้ายที่ฉันเกลียดชังคือสิ่งที่ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ในตอนนี้
ตามผู้จัดการไป ฉันถูกพาเข้าไปที่ห้องวีไอพี
ห้องที่มีการตกแต่งที่ไม่ง่ายในสายตาคนรวย คนที่นั่งบนเก้าอี้หนังตรงกลางคือ…
“……เด็กหรอ?”
“คริส! ระวังปากหน่อย!”
“ผมไม่รังเกียจหรอก. เรื่องเเค่นั้นไม่กังวล ที่สำคัญกว่านั้นคุณผู้จัดการ ขอให้ผมอยู่กับเธอตามลำพังได้ไหม”
“โอ้ ใช่ ได้แน่นอนขอรับ! อ่า ผมจะกันคนไม่ให้เข้ามาใกล้ห้องนี้ให้ ดังนั้นอย่ากังวลไปทำทุกอย่างที่คุณต้องการเลยขอรับ … ถ้าอย่างนั้น…”
ผู้จัดการตบหลังฉันแล้วก็รีบออกจากห้องไป
…ฉันไม่เคยเห็นท่าทีโอนอ่อนเช่นนี้จากเขามาก่อน
เด็กคนนี้มีตำแหน่งสูงขนาดนั้นเลยเหรอ?
เมื่อฉันหันไปสนใจเขา ฉันพบว่าเขาถอนหายใจด้วยความโกรธเคือง
“ไร้สาระ ไม่มีทางที่เธอคนนั้นจะมาทำงานในที่แบบนี้หรอก”
“นั่นหมายความถึงอะไร?”
“ชายคนนั้นเข้าใจผิดว่าผมมาซื้อเธอเพราะผมต้องการผู้หญิงที่อดีตเป็นผู้บัญชาการของอัศวินศักสิทธ์…คริส รัคนิก้า Chris Ragnica”
“…!?”
ฉันอดไม่ได้ที่จะแปลกใจกับชื่อที่ชวนให้คิดถึง
แม้ว่าฉันจะดำรงตำแหน่งนั้นมาหลายปีแล้ว แต่ฉันก็ยังจำมันได้ดี
เด็กชายขอให้ฉันนั่งลงบนเก้าอี้
“ผมชื่อ อ้อก้า เวอเล็ท เป็นลูกชายคนโตของตระกูล ดยุค เวอเล็ท”
“ว่าไงนะ!? จริงเหรอ!?”
“อา นอกจากนี้ยังมีกริชที่มีตราประจำตระกูลสลักไว้เป็นหลักฐานด้วย”
ขณะที่เขาพูดอย่างนั้น เขาแสดงมีดสั้นที่สลักสัญลักษณ์ของตระกูล เวอเล็ท ให้ดูซึ่งฉันจำมันได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
การโกหกเกี่ยวกับตราประจำตระกูลของขุนนางถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ไม่มีทางที่เด็กแบบนี้จะใช้ของปลอมเเน่ๆ
นอกจากนี้ มันสมเหตุสมผลแล้วที่คนที่เกี่ยวข้องกับตระกูล เวอร์เล็ท จะสามารถหาฉันเจอได้่
พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการรวบรวมข่าวกรองและรับผิดชอบด้านการทูตเป็นหลัก
ด้วยความฉลาดนั้น คนอย่างฉันก็หาเจอได้อย่างง่ายดาย
ถึงแม้ว่าจะมีคนโง่ที่ดันใช้มันกับผู้หญิงที่น่าหดหู่ที่สุด
“…แล้วตระกูลเวอร์เล็ท ต้องการอะไรจากฉันล่ะ? เเต่ขอโทษด้วยแต่ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะให้สิ่งที่นายต้องการได้หรอก ฉันเกลียดพวกขุนนาง คงไม่จำเป็นต้องบอกว่าทำไมใช่ไหม?”
“แน่นอน มันเป็นพวกขุนนางที่ลงโทษเธอและไล่เธอออกจากการเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์”
“ถูกต้อง พวกเขาเป็นขุนนางเน่าเฟะที่ซ่อนการกระทำชั่วร้ายและโกงกินจนตัวเองอ้วนฉุ!”
ในฐานะผู้นำของ อัศวินศักสิทธ์ ฉันได้ประณามความชั่วร้าย
เพราะเชื่อว่ามันจะทำให้เกิดตวามสงบสุขแก่ประชาชน
ขณะที่ฉันกำลังตามสืบ ก็ได้ข้อมูลมีการค้ามนุษย์เกิดขึ้น เเละได้รวบรวมพยานหลักฐาน เข้าจับกุมที่เกิดเหตุ และทูลพระราชาให้จับกุมขุนนางทันที
กษัตริย์ไม่เคยเลือกหนทางที่ผิด
ฉันเชื่ออย่างสนิทใจว่ามันจะทำให้ความชั่วร้ายจะหายไปจากประเทศอีกครั้ง…!
เเต่เเล้วฉันนี่เเหละที่เป็นคนถูกเนรเทศ
หลักฐานทั้งหมดถูกซ่อนไว้และฉากการค้ามนุษย์กลายเป็นการให้ยืมเเทนการค้าทาสเป็นผลให้ฉันถูกกล่าวหาว่ารายงานเท็จ
หลังจากถูกปลดออกจากตำแหน่งอัศวินศักดิ์สิทธิ์และไม่มีที่อยู่อาศัย ฉันก็ลงเอยที่สนามประลอง
ช่างเป็นชีวิตประจำวันที่น่าอับอายจริงๆ ที่เธอใช้ทักษะดาบที่ฝึกฝนมาเพื่อความยุติธรรม กลับต้องใช้มันเพื่อหาเลี้ยงตัวเองเเละส่งเสริมระบบอันชั่วร้ายนี้ต่อไป…!
ถ้าคุณไม่ทำอย่างนั้น ก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ความน่าสงสารเข้ากัดกินหัวใจผม
“ผมได้ก็ได้รับรู้เรื่องนี้มาบ้างเเล้ว ยังไงก็เเล้วเเต่ถ้าหากในเวลานั้น หัวหน้าตระกูลแวร์เล็ต…พ่อของผมทำงานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าพ่อของผมอยู่ที่นั่นล่ะก็ เธอจะไม่มาอยู่ที่นี่เเน่ ”
“ฮึ่ม แล้วเป็นไงล่ะ สบายใจเเล้วหรือยัง มันสายไปแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นแค่คริสที่โง่เขลา…”
“…บอกตามตรงว่าผมผิดหวังนะคริส”
……อะไร?
ผู้ชายคนนี้พูดว่าอะไรนะ…? ผิดหวังเหรอ…?
ฉันตบกำปั้นที่กำแน่นไว้บนโต๊ะแล้วจ้องมองเขา
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มองไปทางอื่นเลย และไม่ขยับแม้โต๊ะจะหักและเศษไม้กระจัดกระจาย
ตรงกันข้าม เขาถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เธอกำลังใช้พลังของตัวเองตามอารมณ์ ความภาคภูมิใจของในฐานะอัศวินศักดิ์สิทธิ์หายไปไหนเเล้วล่ะ?”
“…หุบปาก! ฉันไม่ใช่อัศวินศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปเเล้ว”
“–เเต่ผมชอบเธอเมื่อตอนเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์นะ”
“――――”
“ฉันเคารพ คริส รัคนีก้า ผู้ที่เป็นกำลังใจเพื่อน ๆ ไม่เคยยอมแพ้ต่อกองทัพของ จอมมาร และไม่เคยก้มหัวให้ใคร”
“…อา…อา ยะ ยะย ะ หยุดเถอะ…”
อย่าพูดถึงฉันด้วยคำพูดที่วาบหวานเลย
นายกำลังพูดถึงตัวตนในอดีต เเละฉันทิ้งคนนั้นไปแล้ว ฉันละทิ้งคนแบบนั้นไปแล้ว
ฉันทิ้งมันไว้ในอดีตเพื่อเตือนตัวเองถึงตัวตนที่น่าสังเวชในปัจจุบัน
“ฉันกลับไปไม่ได้แล้ว…! คริส แรคนิก้าได้ตายลงไปแล้ว…!”
“ถ้าได้ละทิ้งทุกสิ่งไป งั้นเธอก็สามารถเริ่มใหม่ก็ได้”
“เอ๊ะ……”
“เริ่มต้นใหม่จากที่นี่ ที่ซึ่งเธอได้ยอมแพ้ทุกอย่างเพราะได้ตายไปแล้ว”
มืออันอบอุ่นของเขาสัมผัสแก้มของฉัน
ใบหน้าที่ตกต่ำของตัวเองหันขึ้นไปหาเขา
“ตามผมมา ผมจะแกะสลักสถานที่ที่ความยุติธรรมของเธอได้เปล่งประกาย”
น้ำตาไหลอาบแก้มฉัน
ฉันไม่สามารถหยุดเขาได้ มันเหมือนกับว่าเขากำลังล้างสิ่งสกปรกในตัวฉันออกไป
มันน่าสมเพชและน่าอนาถ แต่เธอก็ไม่หยุดร้องไห้
เขาใช้นิ้วเช็ดมันเบาๆ และเอามือทั้งสองข้างโอบรอบตัวฉันไว้
“แสดงให้ฉันเห็นถึงความรุ่งโรจน์นั้นอีกครั้งข้างๆผมนะ อัศวินคริส รัคนิก้า”
ในขณะนั้นชีวิตของฉันก็เบ่งบาน ใจฉันสั่นเทาด้วยความยินดี
ฉันเข้าใจมันโดยสัญชาตญาณ คนนี้เองที่เป็นคนที่ฉันควรรับใช้
ไม่ใช่ประเทศ
“–ฉันสาบานว่าจะควงดาบเพื่อท่าน โอก้าซามะ”