Cr weibo : 北温知有
ข้าคือคุณหนูแห่งจวนอัครมหาเสนาบดี ร่างกายของข้าอ่อนแอแต่เด็ก จึงต้องอาศัยอยู่กับท่านยายที่เจียงหนานเพื่อรักษากายเป็นระยะเวลาหลายปีจนกระทั่งถึงวัยปักปิ่น ท่านยายจึงส่งข้ากลับมา
ท้องถนนในเมืองหลวงคึกคักกว่าเจียงหนาน ข้าอยากจะอยู่เดินเล่นยิ่งนัก แต่สิ่งที่ทำให้ข้าคาดไม่ถึงก็คือผู้คนเยอะแยะไปหมด เสี่ยวเถาถูกคนเบียดไปอยู่ข้างหน้า ในเวลาเดียวกัน ข้าก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าดังมาจากข้างหลัง ค่อยๆชัดเจนขึ้น ขณะที่ข้าหันหลัง ชายหนุ่มอาภรณ์สีดำสนิทควบอาชามาอยู่ระหว่างข้ากับรถม้าคันหนึ่ง
ชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีฟ้าเดินลงมาจากรถม้า พวกเขาพูดว่า ท่านนี้คือองค์ชายรอง ส่วนท่านที่ควบอาชาอยู่นั้นคือผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองหลวง ณ เวลานี้ และยังเป็นนายพลที่อายุน้อยที่สุดในกองทัพ แม่ทัพเซียวอัน ต่อมาเสี่ยวเถาดึงตัวข้าไว้ ในตอนที่ข้าหันหน้ากลับฉับพลัน ข้าเห็นรูปลักษณ์ของแม่ทัพเซียวอัน ดวงตาของเขางดงามยิ่งนัก ท่านยายเคยบอกกับข้าว่า เวลาชอบใครสักคน แม้แต่กองไฟในยามค่ำคืน หรือดวงดาวบนฟากฟ้า ก็ยังเทียบกับดวงตาของเขาไม่ได้เลย ข้าชอบแม่ทัพเซียวอัน
หลักจากกลับถึงจวน ข้าเขียนจดหมายแสดงความขอบคุณด้วยตนเอง แล้วให้คนส่งไปให้ถึงมือของแม่ทัพเซียวอัน ต่อมา ข้าดูแลบำรุงร่างกายอย่างหนัก และมักจะเข้าร่วมงานเลี้ยงที่เขาไป แต่ก็ได้เจอเขาแค่เพียงสามครั้งเท่านั้นเอง ประโยคสักคำก็ไม่ได้เอ่ยออกมา
มีเทศกาลซ่างหยวน* ก่อนถึงวันงานปักปิ่นของข้า ข้ารวบรวมความกล้าทั้งหมด นัดเขาออกมา ตอนที่พบหน้าเขา หัวใจของข้าเต้นโครมครามอย่างรุนแรง
ข้าและเขาหาสถานที่ที่ไร้ผู้คน ปล่อยโคมลอยด้วยกัน บางทีข้ายังอยากจะพูดให้มากกว่านี้ เราได้ไปนั่งเรือลำเดียวกัน คุยกันจนเสร็จ เขาบอกกับข้าด้วยแววตาเศร้าโศกว่า “ในไม่ช้านี้ ข้าต้องไปทำสงคราม” คำพูดเหล่านี้กรีดใจข้าอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าเข้าใจ นี่คือการปฏิเสธอย่างสุภาพและไม่มีทางเลือกของเขา
ข้าให้เขาลงจากเรือไปก่อน โดยบอกกับเขาว่าข้ายังอยากอยู่ต่อ เขาชะงักไปชั่วขณะ พูดขึ้นมาคำหนึ่งว่า “ได้”
หลังจากที่เขาไปแล้ว ความรู้สึกอึดอัดน้อยใจก็อั้นไว้ไม่อยู่ ข้าร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เสี่ยวเถามือไม้พัลวัน ไม่รู้จะปลอบโยนข้าเยี่ยงไรดี เวลานั้น ข้าได้ยินเสียงตะโกนไม่ไกลจากนี้ว่ามีนักฆ่า ข้ายังไม่ทันได้ปรับอารมณ์ ชายชุดดำคนหนึ่งก็บุกขึ้นเรือของข้า จับข้าและเสี่ยวเถาโยนลงน้ำไปพร้อมกัน
ข้าว่ายน้ำไม่เป็น ในขณะเดียวกัน ข้าเหมือนเห็นมีเงาคนผู้หนึ่งว่ายตรงมาทางข้า พาข้าขึ้นฝั่ง หลังจากข้าฟื้น ได้ยินสาวใช้เล่าว่าข้าสลบไม่ได้สติไปสามวันเต็ม มีอยู่สองวันที่ไข้ขึ้นสูง ได้ยินว่าวันนั้นผู้ที่ช่วยข้าคือองค์ชายรอง และเพราะเขาส่งสมุนไพรจากในวังมาให้ ไข้ของข้าจึงได้ทุเลาลง
ข้าขอบคุณเขาจากใจจริง แต่นี่มิได้หมายความว่าข้าจะยอมแต่งกับเขา ในวันพิธีปักปิ่น มีพระราชโองการ สมรสพระราชทานระหว่างข้ากับองค์ชายรอง และในวันเดียวกันนั้น ข้าได้ข่าวที่ส่งมาจากชายแดนว่า ด้วยระยะทางจากเมืองหลวงไปยังชายแดนนั้นยาวไกล รอจนกระทั่งกองกำลังเสริมไปถึง แม่ทัพเซียวอัน ก็จากไปแล้ว
ข้าได้รับจดหมายมาฉบับหนึ่ง บนกระดาษเขียนไว้ว่า “ขอโทษ” ผู้ที่นำจดหมายมามอบให้คือทหารผู้โชคดีที่รอดกลับมาได้ เป็นทหารใต้บังคับบัญชาของเขา ทหารผู้นั้นกล่าวว่า “หนึ่งวันก่อนท่านแม่ทัพจะเข้าร่วมสงคราม ท่านกำลังเขียนจดหมายฉบับนี้อยู่ เขียนเสร็จก็เดินออกไปชมจันทร์ ข้าถามท่านว่าเหตุใดจึงออกไปมองพระจันทร์ เขาบอกกำลังคิดถึงคุณหนูนางหนึ่งอยู่ หากคราวนี้กลับไปได้อย่างปลอดภัย จะต้องสู่ขอนางตบแต่งนางเป็นภรรยา”
ที่แท้ เขาก็ชอบข้ามาโดยตลอด เขาชอบข้าจริงๆ
ข้าบีบหัวใจของข้าเองไว้แน่น เจ็บจนข้าร้องออกมาไร้เสียง ปวดจนข้าหายใจไม่ออก กระทั่งได้ยินเสียงเรียกอย่างตกใจของเสี่ยวเถา ข้าล้มลงไปนอนกับพื้นหิมะขาวโพลน
ข้าเห็นหิมะลอยละล่องอยู่บนฟ้า ตกลงมาบนเปลือกตาของข้า จวบจนไออุ่นจากร่างกายเริ่มหายไปทีละนิดทีละน้อย ค่อยๆชาวาบ ไร้ความรู้สึก ข้ารู้ ข้าสามารถไปหาเขาได้แล้ว
*เทศกาลโคมไฟ