Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก – ตอนที่ 5

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

#กำลังพยายามแก้ไขเรื่องการเว้นวรรคตอน เว้นขึ้นบรรทัดใหม่นะครับ  ตัวหนังสืออาจจะยังพอลายตาอยู่บ้าง แต่กำลังพยายามปรับปรุงครับ

 

 

“เดี๋ยวสิ เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมเพิ่งมาบอก?”

 

“เอ้า ก็ไม่เห็นถาม เลยนึกว่าจำได้”

 

 เขาไม่ได้ถาม

 

 ใช่เลย เขาไม่ได้ถามข้อมูลเรื่องนี้ การตอบสนองของคารัคมันก็ปกติดีนะ ปกติดีทุกอย่างถ้าอินกองจำอะไรได้เหมือนที่ควรจะเป็น!

 

 อินกองถอนหายใจ เขาควรทำตัวให้ดูมีเหตุผล แทนที่จะไปโทษคารัค

 

“แล้วเรานัดกันไว้กี่โมง?”

 

 นี่ยังตอนเช้าอยู่ ถ้านัดกันเอาไว้ตอนเย็น เขาก็ยังพอมีเวลา

 

 คารัคยืนเกาคางแล้วตอบกลับมา

 

“เอ่อ… รู้สึกว่าจะนัดกันไว้ก่อนเที่ยง เพราะงั้นก็คง 11 โมง”

 

 แทนที่จะมาเสียเวลาคิดถึงหน่วยเวลาของโลกนี้

 

 อินกองรีบแง้มสายตาไปดูนาฬิกาตรงบริเวณแผนที่ย่อของเขา  

 

 9:52

 

‘อีกแค่ชั่วโมงเดียว!’

 

 อีกไม่นานการประชุมก็เริ่มขึ้น อินกองหงุดหงิดที่เขาเพิ่งจะรู้ข่าว

 

“แล้วที่ไหน?”

 

 อินกองรีบถาม และคารัคก็ชี้ไปที่ทิวเขาใกล้ๆ

 

“พวกเราจะคุยกันที่ค่ายขององค์หญิงเคทลิน นี่ก็ใกล้จะได้เวลาเดินทางแล้ว แกไปเตรียมตัวเถอะ”

 

 มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงต้องเตรียมแบบตามมีตามเกิดละนะ

 

 อินกองเริ่มตั้งสติ สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ไม่ใช่การนั่งสบถเสียใจในความผิดพลาด

 

 ข้อมูล เขาต้องการข้อมูลยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

 

“นี่คารัค นายรู้ใช่ไหมว่าผมยังสับสนนิดๆหน่อยๆเนื่องจากพิษไข้?”

 

“องค์ชายไหวแน่นะ?”

 

 คารัคมองมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล ถึงจะดูเทอะทะ แต่มันก็ดูจิตใจดี

 

“ผมไม่เป็นไร ยังไงนายช่วยเล่าเกี่ยวกับคริสต์และเคทลินหน่อยได้ไหม อย่างเช่นผมคุยกับพวกนั้นอย่างไรบ้าง?”

 

 คำเรียก

 

 ถ้าดูแค่อายุ จะเรียก เคทลินนูนะ คริสต์ฮยอง ก็ดูไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่ว่าทั้งฉัตร คริสต์ และเคทลิน ต่างก็เรียกได้ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์

 

‘เราไม่คิดว่าเราจะเรียกพวกนั้นว่า นูนะ หรือฮยอง หรอกนา’

#คิดไม่ตกว่าจะแปลแบบนี้ หรือเรียกแค่พี่ก็พอ

 

 คารัคมองหน้าอินกองก่อนจะตอบด้วยความมั่นใจ

 

“ข้าจะรู้ได้ไง”

 

“นายน่าจะเคยเห็นบ้างสิในที่ประชุม!”

 

“ก็วันนี้มันวันแรก ข้าก็บอกไปแล้วว่า ข้าเพิ่งจะพบองค์ชายก็แค่เมื่อวาน”

 

 มันเป็นตรรกะที่สมบูรณ์แบบมาก อินกองที่พ่ายแพ้ต่อเหตุผลของเจ้าออร์คไม่สามารถทำอะไรได้

 

“เอาเถอะ งั้นเตรียมตัวเดินทางกัน”

 

&

 

 การเตรียมตัวไม่มีอะไรมาก แค่เปลี่ยนใส่ชุดสำหรับเข้างานพิธีเท่านั้น

 

‘เพราะว่าเรามีไข้อยู่’

 

 พวกนั้นอาจจะคิดว่าแต่งตัวแปลกๆ แต่อินกองยังยืนยันจะใช้ข้ออ้างนี้

 

‘เราก็แค่ทำตัวให้ดูเนียนๆเข้าไว้’

 

 แน่นอนว่าพวกนั้นต้องสงสัยบ้างแหละ แต่สงสัยแล้วจะทำอะไรได้? ยังไงๆนี่มันก็ร่างของฉัตร!

 

 ส่วนที่คารัคไม่สงสัยอะไรในอินกองมาก ก็ด้วยความที่ว่ามันเป็นออร์ค

 

‘ไม่แน่ บางที่พวกนั้นอาจจะกังวลเหมือนคารัคก็ได้’

 

 ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่าทั้งฉัตร เคทลิน และคริสต์ ต่างไม่ได้สนิทกันมาก พวกนั้นก็คงแค่เป็นกังวล ไม่น่าจะมานั่งสงสัยอะไรหรอก

 

‘หรือบางที่ อาจจะไม่สนใจเลยก็เป็นได้’

 

 อินกองมองไปรอบๆแล้วพยักหน้าพอใจ คารัคเดินนำหน้าเขาพร้อมออร์คอีก 2-3 ตัวข้างๆ

 

‘เอาละ ลองมาตั้งใจคิดกันดีๆสักรอบ’

 

 เขาเล่นบทกวีแห่งผู้กล้าจนจบเรื่องในมุมมองของแซเฟียร์ ดังนั้นเขาจึงพูดไม่ได้ว่าเข้าใจความสัมพันธ์ของฉัตร เคทลิน และคริสต์อย่างถ่องแท้

 

 แต่มันก็เกินพอที่จะให้เขามาตั้งใจคิดถึงความเป็นไปได้ในระดับหนึ่ง

 

 แซเฟียร์แทบจะไม่เคยคุยกับฉัตร เคทลิน และคริสต์เลย เพราะฉัตรมักจะยืนหลบมุมคนเดียวอยู่ตลอด ส่วนเคทลินกับคริสต์ก็นานที ถึงจะโผล่มาที่วังจอมมาร

 

 ราชินีของเผ่าไลแคนโทรป เอเลน มูนไลท์ ต่างจากราชินีองค์อื่นก็ตรงที่ นางไม่มีความทะเยอทะยานให้ลูกๆของนางขึ้นบัลลังค์จอมมารเลยสักนิด เคทลินกับคริสต์ก็เลยได้รับการเลี้ยงดูอยู่ที่วังของไลแคนโทรปซะเป็นส่วนใหญ่

 

 เพราะงั้นจึงทำให้ทั้งคู่ไม่ค่อยปรากฎตัวที่วังของจอมมาร

 

‘สรุปคือ ฉัตรไม่น่าจะเคยคุยกับทั้งเคทลินและคริสต์เหมือนกัน’

 

 ถึงนี่จะไม่น่าใช่การพบปะกันครั้งแรก แต่มันก็เป็นไปได้สูงว่าทั้งหมดยังไม่น่าจะเคยคุยกัน

 

‘เอาละ ได้บทมาแล้วก็ตามน้ำเลยละกัน อย่าทำตัวให้แปลกมากก็พอละ’

 

 เขามีไข้ขึ้นสูงทำให้ความทรงจำสับสนไปหมด จนเหมือนกับว่าเขาสูญเสียความทรงจำ

 

 อินกองแสดงสีหน้ามุ่งมั่นออกมา แต่ซักพักเขาก็เริ่มหอบ

 

‘แฮ่ก แฮ่ก ถึงเราเพิ่มเลเวลมาแล้วก็จริง แต่สมรรถภาพร่างกายก็ยังคงต่ำอยู่ดี’

 

 ตัวเขาในตอนนี้อยู่ที่เลเวล 3 ถึงเขาจะมีสถานะทุกอย่างอยู่ที่ 9 แต่เขายังคงอ่อนแอกว่า นาย ก ทำให้เขายังคงเหนื่อยเวลาเดินบนทางขึ้นเขาชันๆ

 

“เกือบจะถึงแล้ว แข็งใจไว้”

 

 คารัคพูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากเห็นสภาพของอินกอง

 

“ฮะ ฮะ”

 

 อินกองหัวเราะเบาๆแล้วพยายามเดินต่อไป นี่เขาเดินมาไกลเท่าไรแล้ว? เส้นทางข้างหน้าเริ่มลดระดับความชัน เผยให้เห็นที่ราบขนาดพอประมาณ

 

“เอาละ ถึงแล้ว”

 

 อินกองเหยียดตัวยืดเส้นสายแล้วมองไปรอบๆ พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้โล่งไปซะทีเดียว ยิ่งหากเทียบกับค่ายที่อินกองอยู่แล้ว ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นหมู่บ้านขนาดย่อมๆมากกว่า

 

 มีเต้นท์และกระโจมมากมายตั้งอยู่รายล้อมอย่างเป็นระเบียบบนช่องที่วาดไว้ตามพื้น

 

 เหล่าทหารก็ดูต่างออกไป ทุกคนดูเหมือนจะเป็นกองกำลังของเคทลินโดยเฉพาะ สังเกตจากตราสัญลักษณ์ของไลแคนโทรปบนชุดหนังสีดำขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกราวกับกองทัพสัตว์ป่า

 

 แน่นอนว่าพวกนี้คือนายทหารระดับสูง

 

 พวกออร์คที่อยู่ท่ามกลางเหล่าทหารพวกนี้ก็ดูแปลกออกไป ถึงจะดูแล้วรู้ว่าเป็นทหารตามท้องที่และดูไม่ต่างจากที่ค่ายของอินกองสักเท่าไร แต่พวกนี้ดูดุดันและทนทานกว่า

 

 คารัคหัวเราะเมื่อเห็นอินกองมีสีหน้าตึงเครียด

 

“ไม่เป็นไรหรอก นี่พวกเดียวกันทั้งนั้น สบายใจได้”

 ดูเหมือนเจ้าออร์คจะคิดว่าอินกองตื่นกลัวจากบรรยากาศรอบๆ

 

“ใช่แล้ว พวกนี้คือพันธมิตร”

 

 อินกองตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

 คารัคตบไหล่อินกองเบาๆ

 

“เข้าไปข้างในกันเถอะ ที่ประชุมอยู่ทางนั้น”

 

 ตั้งอยู่ ณ ใจกลางของค่าย คือกระโจมอันใหญ่ที่รายล้อมด้วยทหารไลแคนโทรปมากมาย

 

‘คริสต์กับ เคทลิน’

 

 องค์ชายลำดับที่ 7 กับองค์หญิงลำดับที่ 8

 

 พี่น้องต่างมารดาของฉัตร

 

 ทั้งคู่ดูเหมือนสัตว์ร้ายสองตัวเมื่อเทียบกับแซเฟียร์

 

 อินกองกลืนน้ำลาย แล้วเดินเข้ากระโจมไปกับคารัค

 

&

 

 ข้างในกระโจมต่างกับข้างนอกเป็นอย่างมาก

 

 หากจะบอกว่าข้างในเป็นเหมือนวังขนาดย่อม ก็สามารถพูดได้เต็มปากเลยทีเดียว พรมหรูหราปูที่พื้น ผนังถูกประดับด้วยสิ่งทอหลากหลาย ดูงดงามเป็นอย่างมาก

 

 นอกจากนี้ ยังมีแสงเล็ดลอดเข้ามาเล็กน้อย ลักษณะเดียวกับที่พบได้ในโบสถ์ที่มีหลังคากระจกแก้ว

 

 กลางกระโจมมีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่หนึ่งตัว ถึงแม้อินกองจะมาจากอีกโลกหนึ่ง แต่นี่ก็เรียกได้ว่าอลังการมาก

 

 มีแผนที่สมรภูมิรบขนาดใหญ่กางอยู่บนโต๊ะ

 

“กรุณานั่งรอตรงนี้สักครู่”

 

 ทหารไลแคนโทรปหนุ่มนำอินกองไปยังที่นั่งของเขาที่โต๊ะ ดูเหมือนจะมีที่นั่งถูกจัดไว้เพียงสามที่สำหรับฉัตร เคทลิน และคริสต์เท่านั้น

 

 หลังจากอินกองนั่งเป็นที่เรียบร้อย ทหารหนุ่มก็พูดขึ้นต่อ

 

“องค์ชายคริสต์ กับองค์หญิงเคทลินกำลังเดินทางมา กรุณารอสักครู่และขออภัยที่ล่าช้า”

 

 อินกองไม่มีอะไรทำนอกจากนั่งรออยู่ในกระโจม เขาชำเลืองมองนาฬิกาก็พบว่ายังมีเวลาเหลืออยู่ 10 นาที ก่อนการประชุมจะเริ่มตามที่นัด

 

‘นี่มัน สุดยอดเลย’

 

 อย่างที่หวังได้จากคริสต์และเคทลิน

 

 ถึงฉัตรจะเป็นบุตรของจอมมารเหมือนกัน แต่ก็มีหลายอย่างที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

 อันที่จริงอินกองไม่ได้ชื่นชอบคริสต์กับเคทลินเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากทั้งคู่เป็นตัวปัญหาเมื่อตอนที่เขาเล่นในบทบาทของแซเฟียร์

 

 ระบบเกมให้เขาเซฟและโหลดเล่นใหม่ได้ ซึ่งการต่อสู้กับทั้งคู่ทำให้เขาได้ใช้ระบบนี้อย่างเต็มที่  นี่ยังไม่นับลูกน้องจำนวนมหาศาลที่เขาต้องฝ่าด่านเข้าไปให้ได้เสียก่อนอีกด้วย

 

 ยิ่งพอเวลาผ่านไป การต่อสู้ชิงบัลลังค์ก็ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ จนบางครั้งเขาไม่รอดไปถึงฉากที่แม่ทัพใหญ่อย่างทั้งคู่ปรากฎตัวเสียด้วยซ้ำ

 

 คริสต์จะคอยคำรามข่มขู่ศัตรู ในขณะที่เคทลินจะทำเพียงยืนดูอยู่เงียบๆด้วยสีหน้าเย็นชา

 

‘พวกนี้จัดว่าเป็นบอสรองเลยก็ว่าได้’

 

 ในเมื่อตอนนี้เขาไม่ได้มาพบทั้งคู่ในฐานะศัตรู เขาต้องรีบสร้างสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ ยิ่งเขามีพันธมิตรมากเท่าไร เขาก็จะต่อกรกับแซเฟียร์ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

 

‘ถ้าจะสู้กับแซเฟียร์ อย่างแรกเราต้องกันไม่ให้มีคนไปเข้าร่วมกับมันละนะ’

 

 เขาถอนหายใจเบาๆ การที่ต้องวางแผนต่อสู้กับศัตรูอย่างหลบๆซ่อนๆนี่มัน เหมือนกับเงียมแปะฮอไม่มีผิด

 

“องค์ชาย”

 

 เสียงของคารัคทำให้เขาสะดุ้งจากห้วงความคิด ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างนอก

 

 คริสต์กับเคทลินได้เดินทางมาถึงแล้ว

 

คำฝากจากผู้แต่ง:

ลูกๆของจอมมารจะใช้ชื่อสกุลจากทางฝั่งแม่

จะสามารถใช้ชื่อสกุลของจอมมารได้

ก็ต่อเมื่อได้รับเลือกให้เป็นรัชทายาทสืบทอดบัลลังค์เท่านั้น

 

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Status: Ongoing
จู-อินกอง เกมเมอร์หนุ่มผู้กำลังกระดี้กระด้าเนื่องจากเกมโปรดของเขาได้รับการนำกลับมาทำใหม่ให้ไฉไลยิ่งกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี VR  แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้เขาหลุดเข้ามาเผชิญกับเรื่องต่างๆ ราวกับเข้ามาอยู่ในเกมโปรดที่ว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดบทบาทของเขาดันเป็นตัวประกอบกระจ้อยร่อยที่จะถูกฆ่าตายกลางเกม  จู-อินกองจึงต้องใช้ประสบการณ์เกมที่เขาสั่งสมเอาไว้หาหนทางเอาตัวรอดจากความตายที่กำลังมาเยือน โดยหารู้ไม่ว่าเขามิเพียงกำลังเปลื่ยนโชคชะตาตัวเอง แต่ยังรวมไปถึงชะตาตัวละครรอบข้างและโลกทั้งใบ  นี่คือเรื่องราวของจู-อินกอง ผู้เป็นพระเอกของโลกใบนี้(?)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท