Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก – ตอนที่ 53

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

 

 

“เฟลิซีนูนะ?”

 

“ดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง ถึงจะเพิ่งผ่านมาไม่กี่วันก็เถอะ”

 

 นับตั้งแต่ที่อินกองออกจากวังจอมมาร เวลาก็ล่วงเลยมาได้เพียงห้าวันเท่านั้น

 

 เฟลิซีเข้ามายังใจกลางวัดบริเวณที่อินกองพักอยู่พร้อมกับเดเลีย ชุดของทั้งคู่ดูโอ่อ่าเหมือนเช่นเคย

 

 อินกองยักไหล่ก่อนจะถามต่อ

 

“ทางวังส่งนูนะมาหรือครับ?”

 

“ถูกต้อง ฉันขออาสามาเอง”

 

 เฟลิซีตอบก่อนจะนั่งลงบนเตียง เดเลียยืนข้างหลังนางเสมือนเงาประจำตัว

 

‘นางตั้งใจสินะ’

 

 ไม่มีข่าวว่าเฟลิซีจะมาเยือนกระทั่งอินกองพบนางด้วยตนเอง แสดงให้เห็นว่าเฟลิซีตั้งใจปิดการมาครั้งนี้ไม่ให้อินกองรับรู้

 

‘แต่เหมือนนางไม่ได้มีเจตนาอะไรร้ายแรง’

 

 ยิ่งเมื่อดูจากสีหน้าของนางแล้ว เหมือนนางต้องการให้อินกองประหลาดใจเสียมากกว่า เนื่องจากอินกองสนิทกับเฟลิซีอยู่พอสมควร การมาเยือนของนางจึงเป็นเรื่องดีสำหรับเขา

 

 แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังมีคำถามคาใจอยู่

 

“แล้วเรื่องทั่งวัชรกรละครับ?”

 

 สาเหตุแรกที่เฟลิซีไปยังเทือกเขาจิชก้าก็เพื่อสำรวจทั่งวัชรกร นางคงไม่กลับวังจอมมารหากไม่ใช่เพราะเรื่องการประชุมสภา

 

 เฟลิซีหัวเราะขึ้นพร้อมกับยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง

 

“ก็อยากจะไปสำรวจทั่งอยู่หรอกนะ แต่มีใครไม่รู้จบภารกิจไวเกินนี่สิ”

 

 เฟลิซียื่นหน้าเข้ามาใกล้เขา

 

“ใช้เวลาแค่สองวันกว่าเท่านั้น! สองวัน! เธอรู้ไหมว่าแม้แต่คริสต์กับเคทลินก็ยังไม่ได้เดินทางออกจากวัง?”

 

 ปฏิบัติการปราบคาเซียโดยปกติจะใช้เวลาราวสิบห้าวัน ในบางครั้งก็ใช้เวลาเป็นเดือน เนื่องจากพวกเขาต้องตามแกะรอยพวกคาเซีย ที่ไม่รู้จะเคลื่อนที่ไปทิศทางไหน

 

 ทว่าปฏิบัติการในครั้งนี้กลับจบลงในเวลาอันรวดเร็ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อรายงานถูกส่งไปยังทางวังจอมมาร เฟลิซีกับเคทลินก็ยังอยู่ที่วัง

 

‘ก็จริงแฮะ ตอนที่เล่นบทกวีแห่งผู้กล้า กลับวังแต่ละครั้งเราก็มักจะอยู่ที่วังเกือบสัปดาห์ได้’

 

 สิ่งที่ผิดแปลกคือการที่อินกองออกจากวังมาเร็วกว่าปกติเพื่อทำภารกิจ

 

 อินกองพยักหน้าเห็นด้วยกับเฟลิซี ก่อนนางจะลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้เขา

 

”ฉัตร การกระทำของเธอมันเด่นเกินไป”

 

 น้ำเสียงของนางไม่หลงเหลือความขี้เล่นอีกต่อไป มันกลับปนไปด้วยความเป็นห่วง

 

“ถึงภารกิจปราบคาเซียจะไม่ใช่เรื่องที่ยาก แถมยังเป็นภารกิจที่มาประจำปี ก็เลยไม่มีสายตาเพ่งเล็งมากนัก แต่ว่าสองวัน… มันสั้นเกินไป”

 

 ภารกิจแรกแรกมักเป็นที่จับตามองของทุกสายตา ยิ่งไปกว่านั้นปฏิบัติการปราบคาเซียเป็นภารกิจที่มีมานานจนถือเป็นขนบธรรมเนียม เป็นภารกิจที่รู้จักกันแพร่หลาย การที่ภารกิจนี้จบลงในเวลาเพียงสองวันจึงเป็นสิ่งที่สร้างความแปลกใจอย่างมาก

 

“ไหนจะรายละเอียดภารกิจในครั้งนี้ ที่ยังต่างไปจากทุกๆทีอีก มันดึงดูดความสนใจมากเกินไป”

 

 เดรคโอเกอร์ปรากฏตัวขึ้นในฝูงคาเซีย

 

 การเคลื่อนตัวที่เป็นแบบแผน ผิดแปลกไปจากทุกทีของเหล่าคาเซีย

 

 เวทมนตร์ผู้พิทักษ์อันทรงพลังที่ทำงานขึ้นในที่ราบอินคา

 

 สิ่งเหล่านี้เพียงสิ่งเดียวก็สามารถเรียกความสนใจได้อย่างมาก แถมทั้งหมดยังเกิดขึ้นในเวลาเพียงสองวัน

 

 ทั้งหมดเกิดขึ้นในสองวัน แน่นอนว่าสิ่งที่ได้ยิน มีความหมายมากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงสำหรับสายตารอบข้าง

 

“แค่ในการประชุมสภาที่ผ่านมาไม่นาน เธอก็เป็นที่เพ่งเล็งแล้ว ตอนนี้เธอยังทำอะไรให้เตะตาเพิ่มขึ้นไปอีก พวกขุนนางต่างมองเธอเป็นม้ามืดที่กำลังมาแรง”

 

 รายละเอียดว่าภารกิจใดถูกมอบให้ใคร ทำสำเร็จอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับ

 

 แต่มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ โดยปกติผู้เดียวที่รู้ระดับเกียรติยศของอินกองรวมถึงผลงานที่เขาสร้างก็คืออิซเบล

 

 ทว่าสถานการณ์เปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนตาม ในวินาทีที่จอมมารขานชื่อของอินกองออกมา ทั่วทั้งโลกมารก็ได้เปลี่ยนไป ข่าวเรื่องภารกิจแรกของอินกองได้แพร่กระจายไปทั่ว แล้วยังจะข่าวเรื่องภารกิจในครั้งนี้อีก

 

“แล้วตกลง นูนะมาทำอะไรกันแน่ครับ?”

 

 คำถามของอินกองสร้างความเขินอายให้เฟลิซี นางหยิบพัดขึ้นมากางปิดบังใบหน้าพร้อมกับหันไปมองทางอื่น

 

“ก็แค่ ถ้าใครก็ไม่รู้ถูกส่งมา… เธออาจจะไม่ปลอดภัย… ”

 

 สรุปก็คือ นางอาสาสมัครมาเองเพื่อที่จะปกป้องเขา

 

 อินกองรู้สึกประทับใจอย่างมาก เขามองนางด้วยสายตาขอบคุณ และนั่นทำให้เฟลิซีเขินอายยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม นางไม่กล้าสบตาพร้อมพยายามหาทางบ่ายเบี่ยง

 

“ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันมาเพราะฉันสนใจเวทมนตร์คุ้มกันที่เธอกระตุ้นให้ทำงานในวัดนี้ ไหนจะเรื่องควันสีม่วงที่ควบคุมบงการเหล่าคาเซียอีก… เพราะเรื่องพวกนั้น ฉันสนใจเรื่องพวกนั้นก็เลยอาสามาเองต่างหาก”

 

“ขอบคุณครับ”

 

 อินกองกล่าวขอบคุณจากใจจริง หูของเฟลิซีแดงก่ำก่อนนางจะนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง แล้วเปลี่ยนประเด็นการสนทนา

 

“แล้วอัสสุภูติราตรีช่วยเธอได้มากไหม?”

 

“แน่นอนครับ ผมรอดตายมาได้ก็เพราะมัน”

 

 แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่คำพูดเยินยอแต่อย่างใด ห่างไม่ใช่เพราะอัสสุภูติราตรีป้องกันเสียงคำรามอันเป็นไพ่ตายของมุสตาฟา เขาคงไม่สามารถเรียกคารัคมาช่วยได้ และตายคาคมเคียวอยู่ ณ ตรงนั้นเป็นแน่แท้

 

 คำตอบของเขาสร้างความพึงพอใจให้กับเฟลิซีอย่างมาก

 

“แน่นอน มันเป็นถึงสัญลักษณ์แห่งเอลฟ์รัตติกาล แล้วเธอจะได้เห็นคุณประโยชน์ของมันอีกมากมายในอนาคต”

 

 เฟลิซีหัวเราะอย่างยินดีก่อนจะพูดต่อ

 

“ยังไงก็เถอะ เธอสร้างความดีความชอบเป็นอย่างมากในภารกิจครั้งนี้ ถึงแม้จะเป็นปฏิบัตการปราบคาเซียอย่างทุกที แต่รายละเอียดกลับต่างไปอย่างสิ้นเชิง อิซเบลยังบอกอีกด้วยว่าถ้าวัดแห่งนี้สามารถใช้ปกปักษ์ที่ราบอินคาได้จริงละก็ ความดีความชอบของเธอก็จะเพิ่มมากขึ้นไปอีก”

 

 ด้วยหน้าที่งานของนาง ทำให้อิซเบลมีความสัมพันธ์อันดีกับทายาททั้งหมด และเมื่อกล่าวถึงอิซเบลก็ทำให้อินกองนึกขึ้นมาได้

 #วันล้างบางแซเฟียร์ฆ่าญาติพี่น้องทิ้งหมด และสุดท้ายก็แย่งตำแหน่งจอมมารมา แต่ก็ไม่กล้าหือกับอิซเบลนะเอ้อ เก่งกาจน่ากลัวสมกับเป็นปีศาจที่อาวุโ… ฟ่ออออออว์ ฉึก ฉึก ฉึก แครกกกกก

‾͟͟͞(((ꎤ ✧曲✧)̂—̳͟͞͞o (#╥﹏╥)尸

#อะแฮ่ม นั่นเพราะ ‘พี่สาว’ อิซเบลเป็นกลางสนิทสนมกับทุกฝ่ายตะหาก

 

“แล้วคริสต์ฮยองกับเคทลินนูนะยังคงสบายดีหรือเปล่าครับ?”

 

“คริสต์ก็เหมือนเคย เคทลินอยากจะมาด้วยนะ แต่นางไม่มีข้ออ้างอะไรสมเหตุสมผลก็เลยมาไม่ได้ ทักคู่ฝากทักทายเธอมาด้วย”

 

 อินกองได้รับคำตอบในทันทีที่ถาม

 

 นั่นทำให้เขาหัวเราะออกมาอย่างขบขัน แต่ไม่ใช่เพราะข่าวที่ได้รับ

 

“ดูเหมือนนูนะจะสนิทกันมากขึ้นนะครับ”

 

 เป็นอะไรที่อินกองไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ เมื่อนึกถึงตอนแรกที่พบทั้งหมดในปฏิบัติการปราบกบฏสายฟ้าชาด แม้เฟลิซีกับคริสต์จะยังดูห่างเหิน แต่เหมือนนางจะสนิทกับเคทลินขึ้นมากทีเดียว

 

 เฟลิซีรีบลุกขึ้นบอกปัดอย่างเขินอาย

 

“ยังไงก็เถอะ ทั้งคู่เตรียมตัวเดินทางกลับดินแดนของไลแคนโทรปแล้ว ทั้งคู่น่าจะออกจากวังจอมมารในวันพรุ่งนี้ไม่ก็มะรืน”

 

 อินกองผงกหัวรับ

 

‘ก็ช่วยไม่ได้ละนะ’

 

 กว่าเขาจะมีโอกาสพบทั้งคู่ก็คงอีกหลายเดือน

 

 ความผิดหวังเผยให้เห็นขึ้นบนในหน้าของเขา นั่นทำให้เฟลิซีโพล่งขึ้นมาราวกับต้องการปลอบโยน

 

“บางทีเราควรจบการพูดคุยไว้แค่นี้ แล้วพูดคุยกับใครก็ตามที่รออยู่ดีไหม?”

 

 อินกองกระพริบตาอย่างงงงวย เดเลียที่อยู่ด้านข้างเฟลิซียิ้มขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเฟลิซีไม่ได้หมายถึงเจ้าออร์คคารัค

 

 เนื่องจากทั้งคารัคและเดเลียถือเป็นองครักษ์ส่วนตัวของทั้งคู่ ทั้งสองย่อมเก็บเรื่องการสนทนาของเจ้านายเป็นความลับ และคอยจัดการเรื่องปลีกย่อยเล็กน้อย

 

 อินกองคิดได้ในที่สุดก่อนจะหันไปหาคารัค

 

“คารัค”

 

“รับทราบ”

 

 คารัคเปิดประตูออกไปพาผู้ที่รออยู่ด้านนอกเข้ามา นั่นก็คือเฟโรเชียสอาย

 

“ฟ้าหก เฟลิซี ดูมเบลด นานแล้ว”

 

“ถูกต้อง เราไม่ได้เจอกันนาน”

 

 ทั้งสองเคยพบกันในปฏิบัติการปราบคาเซียในอดีต อินกองรับรู้ถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ได้เลือนลาง

 

‘ดูเหมือนเฟโรเชียสอายจะสนิทได้ไม่ยาก ยกเว้นกับแค่แซเฟียร์สินะ’

 

 ระหว่างที่อินกองกำลังใช้ความคิดก็มีแขกอีกนางหนึ่งเดินเข้ามา ใบหน้าของนางทำให้เขาตาโตขึ้นในทันที

 

‘ดาฟเน่?’

 

 นางไม้ดาฟเน่ หนึ่งในบุตรีจากนางกำนัลของจอมมาร

 

 นางเป็นสาวงามผิวสีเขียวผมน้ำเงิน ราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด

 

 เฟลิซีแนะนำดาฟเน่ให้ทำความรู้จักกับอินกอง

 

“ไม่รู้ว่าทั้งคู่เคยพบกันหรือยัง? นี่คือดาฟเน่ บุตรีของนางสนมลำดับที่ห้า”

 #แค่ก แค่ก ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดี คิดว่าออกแนวๆของจีนที่มียศเป็นขั้นๆ แบบหวงโห้ว กุ้ยเฟย เต๋อเฟย บลา บลา บลา ซึ่งแต่ละขั้นยศมีกี่คนอันนี้ไม่รู้ละเอียด ชื่อก็พอจำได้แค่ลางๆ แล้วนี่เป็นแบบยศลำดับที่ห้า ไม่ใช่คนที่ห้านะ ภาษาไทยไม่รู้ใช้คำว่าอะไร ครั้นจะทับศัพท์ไปก็คงมีงง เลยใช้คำว่าสนมแทนไปก่อน

 

 เมื่อนับยศจากทางฝั่งแม่แล้ว ทำให้ฉัตรและเฟลิซีมีศักดิ์สูงกว่าดาฟเน่

 

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบองค์ชายเก้า หม่อมฉันมีนามว่าดาฟเน่ บุตรีแห่งอิโค สนมลำดับที่ห้า ”

 

“ยินดีที่ได้รู้จัก เราคือฉัตร”

 

 อินกองรับคำกล่าวแนะนำตัวของดาฟเน่ ท่าทางของนางแสดงให้เห็นว่าไม่เคยรู้จักกับฉัตรมาก่อน ซึ่งนั่นนับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับอินกอง

 

 เฟลิซีพูดขึ้นต่อ

 

“เพราะงานในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเทพารักษ์ ด้วยความที่ดาฟเน่เป็นดรูอิดที่เก่งกาจ นางต้องช่วยเหลือได้มากแน่นอน”

 

‘ใช่แล้ว นางเป็นดรูอิดที่เยี่ยมมาก’

 

 ในบรรดาลูกของนางกำนัล ด้วยความสามารถของนาง นางถือเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของบุคคลที่เขาต้องการตัว

 

 ดาฟเน่เงยหน้าขึ้นถามอย่างนิ่มนวล

 

“หม่อมฉันได้ยินมาว่าองค์ชายทรงพบกับเทพารักษ์กรีนวินด์”

 

“ใช่แล้ว เราได้ยินเสียงของนาง นางยังช่วยเหลือเราในการรบด้วย”

 

 ความจริงที่นอกเหนือจากนั้นก็คือ อินกองได้เข้าควบคุมกรีนวินด์ในเวลาต่อมา

 

 ดาฟเน่ตื่นเต้นกับคำตอบรับจากอินกอง นางเคลื่อนตัวเข้าใกล้แล้วพูดขึ้นต่อ

 

“กรีนวินด์เฝ้าอารักขาที่ราบอินคามาร่วมพันปีแต่ก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นนาง แม้แต่ในบรรดาเหล่าเซนทอร์ ไม่ใช่ว่าการได้ยินเสียงนางก็ถือเป็นปาฏิหาริย์?”

 

 ดาฟเน่หันไปถามเฟโรเชียสอายผ่านทางสายตา ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็พยักหน้ารับ

 

“แทบไม่เคย เสียงกรีนวินด์ ร่วมทศวรรษได้?”

 

 แต่อินกองกลับได้พบกับกรีนวินด์ และก็เป็นเพียงแค่หนึ่งวันหลังจากที่เขามาสู่ที่ราบอินคาเท่านั้น เขาทำลายสถิติของเหล่าเซนทอร์และเซเทอร์อย่างราบคาบ

 

“ยอดมาก”

 

“ใช่ เยี่ยม”

 

 เฟลิซีกล่าวอย่างชื่นชม และเฟโรเชียสอายก็เห็นด้วย ห่างออกไปเป็นร่างของเซเทอร์นามว่ากัมมะ แม้นางจะไม่ได้ปริปากอะไร แต่แววตาอันเป็นประกายของนางก็บอกได้ชัดเจน

 

‘เพราะอย่างนั้น นายท่านช่วยเอ็นดูข้าให้มากกว่านี้ด้วย’

 

 เสียงกระซิบของกรีนวินด์ดังขึ้นที่หูของอินกอง และแน่นอนว่านอกจากเขาแล้วก็ไม่มีผู้ใดได้ยิน

 

 อินกองทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนาง ก่อนเฟลิซีจะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา

 

“งั้นฉัตร ต่อจากนี้เธอคิดจะทำอะไร? ภารกิจนี้จบไวเกิน การจะกลับวังไปตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ถ้าจะขยายรายละเอียดภารกิจเพิ่มก็ไม่มีปัญหาอะไร”

 

 อินกองเข้าใจสิ่งที่เฟลิซีต้องการจะสื่อได้ชัดเจน

 

“ยังมีพวกคาเซียหลงเหลืออยู่ และกรีนวินด์ก็ต้องการจัดการพวกมันให้หมด”

 

‘ข้าไม่เคยกล่าวเช่นนั้นนะนายท่าน’

 

 กรีนวินด์พูดขึ้นมาอีกครั้ง และเหมือนนางจะไม่พอใจที่อินกองทำเป็นไม่ได้ยินนางในครั้งแรก เสียงของนางในครั้งนี้สามารถรับรู้ได้โดยทั่ว โดยเฉพาะเฟโรเชียสอาย เขามีอาการตกใจอย่างชัดเจน

 

“นี่มัน… กรีนวินด์?”

 

“ใช่แล้ว นางก็แค่เกรงใจ”

 

 ตอนแรกอินกองเพียงแค่ต้องการใช่เรื่องการเก็บกวาดเป็นแค่ข้ออ้างในการสำรวจทางทิศเหนือ แต่ในวันที่ผ่านมาทำให้เขาเปลี่ยนใจ

 

 ไวท์อีเกิ้ล(โล่ชีวาตม์)ยังคงเป็นจุดประสงค์หลัก แต่การสำรวจทิศเหนือก็เริ่มจะเป็นหนึ่งในจุดประสงค์ ไม่ใช่แค่ข้ออ้างอีกต่อไป

 

 อย่างที่เฟลิซีทักขึ้นมา หลายสิ่งที่เกิดในภารกิจครั้งนี้ผิดแปลกออกไปมาก บางทีอาจมีเหตุการณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้นในทางทิศเหนือนอกเขตปกครองจอมมาร

 

 ยิ่งเมื่ออินกองคิดถึงที่ราบอินคาและทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ด้วยแล้ว การสำรวจทางทิศเหนือดูเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเลี่ยงได้

 

‘แน่นอน ว่านี่ต้องเป็นความดีความชอบเพิ่มเติม’

 

 นอกเหนือจากนี้ อินกองยังมีข้อสงสัยคาใจอยู่ด้วย เพราะการปรากฏตัวของเดรคโอเกอร์ในที่ราบอินคาเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบทกวีแห่งผู้กล้า

 

“ไปด้วย”

 

“เฟโรเชียสอาย?”

 

 หัวหน้าเซนทอร์มองไปโดยรอบก่อนจะหยุดที่อินกอง

 

“ที่ราบอินคา ฟ้าเก้าปกป้อง อนาคต ไม่แน่นอน ข้าไปด้วย เผ่าสบายใจ”

 #หงุดหงิดไหม? แน่นอน คนแปลนี่ อ่านแล้วอ่านอีกกว่าจะเข้าใจว่าพี่แกต้องการจะสื่ออะไร แล้วก็ต้องแปลให้คนอ่านอ่านทีแรกไม่เข้าใจ ต้องอ่านวนไปมาก่อนถึงจะเข้าใจ เดี๋ยวไม่เห็นภาพ ฮาาาาา

 

 ฟังแล้วก็มีเหตุผล เฟลิซีระเบิดหัวเราะออกมาก่อนจะตอบเห็นด้วย

 

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันตกลง ฉันจะไปด้วย”

 

“ฟ้าหก?”

 

 เฟลิซีขยิบตาให้เฟโรเชียสอายก่อนจะพูดกับอินกอง

 

“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่รึ? ว่าที่ฉันมาก็เพื่อศึกษาสาเหตุที่เหล่าคาเซียมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป แน่นอนว่าศึกษาจากตัวที่ยังเป็นๆย่อมได้ผลดีกว่าตัวที่ตายแล้ว เห็นด้วยไหม?”

 

 นั่นก็มีเหตุผลอีกเช่นกัน และก็เป็นสิ่งที่เขาคาดคิดนับตั้งแต่ที่เห็นนางปรากฏตัว เพิ่มด้วยข้ออ้างของอินกองที่ว่าเป็นความต้องการของกรีนวินด์ ทำให้การสำรวจทิศเหนือดูจะสามารถทำได้โดยชอบธรรม

 

“เช่นนั้นหม่อมฉันจะติดตามไปด้วย”

 

 ดาฟเน่มองไปยังเฟลิซีและอินกองอย่างลังเล ก่อนอินกองจะตอบรับนาง

 

“เราขอฝากด้วย”

 

 ดาฟเน่ยิ้มออกมาอย่างยินดี

 

“ขอบพระคุณ หม่อมฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อองค์หญิงองค์ชายทั้งสอง”

 

‘ใช่แล้ว เราไม่พลาดโอกาสที่จะทำความสนิทสนมกับนางแน่นอน วะ ฮะ ฮะ ฮ่า’

 

 อินกองหัวเราะขึ้นมาในใจก่อนจะหันไปทางเฟลิซี นางยักไหล่ก่อนจะตอบกลับมา

 

“ถึงฉันจะเป็นพี่เธอ แต่ภารกิจในครั้งนี้เธอเป็นแกนนำ ฉะนั้นดูแลฉันให้ดีด้วย”

 

“แน่นอนครับ ผมขอฝากตัวด้วยเช่นกัน”

 

 เฟโรเชียสอายมองยังทั้งคู่ก่อนจะเอ่ยถามออกมา

 

“ฟ้าเก้า เมื่อไร?”

 

“ไม่มีความจำเป็นที่พวกเราต้องเร่งรีบ เข้านอนกันให้พร้อมแล้วค่อยเริ่มออกเดินทางวันรุ่งขึ้นน่าจะดีที่สุด”

 

 เนื่องจากเป็นการสำรวจ เขาจึงไม่คิดจะนำกำลังพลไปมากเกินความจำเป็น เฟโรเชียสอายพยักหน้าเข้าใจในความคิด

 

“รับทราบ เตรียมทัพ คัดเลือกนักรบ”

 

“ถ้าอย่างนั้น วันนี้ฉันจะสำรวจวัดกับดาฟเน่”

 

 เฟลิซีกล่าวขึ้นมาทิ้งท้าย แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกันทำตามหน้าที่ของตน

 

 หลังจากการหารือเสร็จสิ้น เหล่าเซเทอร์และเซนทอร์ก็ทราบข่าว ทั้งหมดพึงพอใจมากที่เจ้าชายฉัตรกับเฟโรเชียสอายจะเดินทางไปสำรวจทางทิศเหนือ นอกจากนี้การที่เจ้าหญิงเฟลิซีมาด้วย แสดงให้เห็นว่าทางวังจอมมารให้ความสำคัญกับที่ราบอินคาแห่งนี้

 

 และเมื่อถึงวันเดินทาง…

 

 มีหนึ่งชีวิตที่ไม่รู้สึกยินดีกับการเดินทางสำรวจเอาเสียเลย

 

“เป็นอะไรหรือเปล่าคารัค?”

 

 อินกองถามเจ้าออร์คโดยมีเฟโรเชียสอายและเซนทอร์อีกยี่สิบชีวิตอยู่ด้านหลัง

 

 คารัคโอดครวญเบาเบา

 

“ข้ารู้สึกไม่ดี… ราวกับต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่… ไม่หรอก… น่าจะแค่คิดไปเอง เดินทางกันเถอะ”

 

 แล้วคารัคก็ปิดปากมองตรงไปยังด้านหน้า และในเวลาเที่ยงของอีกสามวันถัดมา

 

&

 

“นี่มัน-! คารัค ทำไมนายต้องพูดเป็นลางด้วยเนี่ยยยย?”

 

“แกถามข้าเองนะ!”

 

 

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Status: Ongoing
จู-อินกอง เกมเมอร์หนุ่มผู้กำลังกระดี้กระด้าเนื่องจากเกมโปรดของเขาได้รับการนำกลับมาทำใหม่ให้ไฉไลยิ่งกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี VR  แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้เขาหลุดเข้ามาเผชิญกับเรื่องต่างๆ ราวกับเข้ามาอยู่ในเกมโปรดที่ว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดบทบาทของเขาดันเป็นตัวประกอบกระจ้อยร่อยที่จะถูกฆ่าตายกลางเกม  จู-อินกองจึงต้องใช้ประสบการณ์เกมที่เขาสั่งสมเอาไว้หาหนทางเอาตัวรอดจากความตายที่กำลังมาเยือน โดยหารู้ไม่ว่าเขามิเพียงกำลังเปลื่ยนโชคชะตาตัวเอง แต่ยังรวมไปถึงชะตาตัวละครรอบข้างและโลกทั้งใบ  นี่คือเรื่องราวของจู-อินกอง ผู้เป็นพระเอกของโลกใบนี้(?)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท