ชื่อเซรุ่มร้อยพิษเป็นเพียงการเปรียบเปรย
ทักษะนี้ไม่ได้ช่วยป้องกันอย่างสมบูรณ์จากพิษร้อยชนิดตามชื่อ นี่เป็นทักษะที่เสริมความทนทานของร่างกายต่อพิษทั้งหลายขึ้นมาในระดับหนึ่ง
อินกองจึงไม่ได้ปลอดภัยจากพิษร้ายเสียทีเดียว แขนขาของเขาเริ่มจะหมดแรง แม้แต่การหายใจก็เริ่มจะทำได้อย่างยากลำบาก
หลังจากศัตรูตัวสุดท้ายล้มลง
“เคียวร์พอยซั่น”
อินกองใช้เวทมนตร์รักษาตัวเอง นี่คือหนึ่งในเวทมนตร์ที่เขาใช้ข้ออ้างแอบเรียนมาจากเฟลิซี
เป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น เนื่องจากเขาไม่มีโอกาสได้ใช้เคียวร์พอยซั่นมากเท่าไฟร์แอร์โรว์หรือฮีล แต่มันก็แสดงประสิทธิภาพออกมาได้ดี อาจเป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจากลมปราณของเขาด้วย
ลมหายใจของอินกองเริ่มกลับมาปกติอีกครั้ง แม้เขาจะยังคงคาใจเรื่องตัวตนที่แท้จริงของศัตรู แต่ความปลอดภัยของสมาชิกทั้งหมดย่อมมาก่อน
“กรีนวินด์”
โล่ไวท์อีเกิ้ลบินกลับมาติดที่แขนตามคำเรียกขาน ในช่วงเวลานั้นเอง
“ค้ากกกซ์!”
เงาปริศนาที่ล้มอยู่ตรงหน้าอินกองเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกรีดร้องด้วยเสียงอันน่ารังเกียจ
‘นายท่าน?’
ผืนดินสั่นสะเทือน ทั่วทั้งอุโมงค์สั่นสะเทือน เป็นสัญญาณเตือนว่าอุโมงค์กำลังจะถล่ม
เวทมนตร์? ระเบิด? สัญญาณบอกศัตรูที่ยังหลบซ่อนอยู่? หรือบางทีอาจจะแค่จังหวะบังเอิญ?
สาเหตุที่แท้จริงไม่สำคัญ อินกองหันไปเห็นปากทางที่พวกเขาเข้ามาเริ่มถล่ม เขารีบเงื้อมือไปคว้าตัวเฟลิซีและเดเลียที่ยังล้มอยู่กับพื้น
“กรีนวินด์!”
เจตนาของอินกองสามารถเดาได้ไม่ยาก ไวท์อีเกิ้ลพุ่งออกจากแขนของอินกอง มันสยายปีกกางออกให้กว้างที่สุดลอยปกป้องศีรษะของคารัค กัมมะ และดาฟเน่
อินกองออกวิ่งในทันทีที่ตะโกนสั่งกรีนวินด์ แขนทั้งสองของเขากอดเฟลิซีและเดเลีย เขาวิ่งไปยังปากทางอีกฝั่งที่เชื่อมไปยังปราสาทธันเดอร์ดูม ก่อนจะโยนทั้งสองออกไป
เฟลิซีและเดเลียกลิ้งไปตามพื้นราวกับตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต อาจจะเพราะพื้นไม่ชันมาก อินกองจึงไม่ใส่ใจและรีบหันกลับมาในทันที เศษหินและดินจำนวนมากตกลงกระจายไปทั่วบริเวณ
‘นายท่าน!’
กรีนวินด์ตะโกนเรียกอินกอง หินขนาดใหญ่บนเพดานเริ่มสั่นอย่างรุนแรง มันใหญ่เกินกว่าที่ไวท์อีเกิ้ลจะป้องกันไว้ได้ หากมันตกลงมา พวกเขาทั้งหมดต้องถูกบดขยี้แน่นอน
‘โลหิตมังกร!’
อินกองเรียกใช้พลังแล้วรีบพุ่งตัวออกไป แรงถีบของเขาทำให้พื้นอุโมงค์แตกออกเลยทีเดียว
ในชั่ววินาทีนั้น เขารวบรวมสมาธิสังเกตสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
หินก้อนใหญ่ก้อนนั่นร่วงลงมาในที่สุด อินกองรีบรวมลมปราณยิงใส่มันในทันที!
บรึ้ม!
แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้พวกเขาปลอดภัย หินยักษ์ระเบิดกระจายออกเป็นเศษหินพุ่งไปทั่ว กรีนวินด์ป้องกันชิ้นส่วนที่พุ่งไปยังศีรษะของเหล่าสมาชิกที่ล้มลงอยู่ได้ก็จริง แต่ชิ้นส่วนเล็กเล็กก็สร้างบาดแผลให้ตามร่างกายที่อยู่นอกรัศมีคุ้มกัน
ยิ่งไปกว่านั้น แรงระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้อุโมงค์ถล่มลงมารวดเร็วกว่าเดิม ปากทางที่พวกเขาเข้ามาถูกปิดสนิทเป็นที่เรียบร้อย
อินกองรีบคว้ากัมมะและดาฟเน่ แล้วพุ่งตัวไปยังทางออกอีกฝั่ง โดยมีร่างของเจ้าออร์คถูกทิ้งไว้ด้านหลัง
#ทำ… ถูก… แล้ว… ที่เธอเลือกเขา… และทิ้งฉันไว้… ตรงกลางทาง…
‘นายท่าน!’
กรีนวินด์ตะโกนร้องออกมาอย่างตระหนก นั่นเพราะพวกเขาไม่เหลือเวลาให้กลับมาอีกรอบ
อินกองไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจะกลับไปช่วยคารัคแต่อย่างใด เขาวิ่งไปจนถึงปลายทางแล้วโยนกัมมะกับดาฟเน่เข้าไป ก่อนจะตะโกนสั่งพลางชูแขนซ้ายขึ้น
“กรีนวินด์!”
ไวท์อีเกิ้ลถูกสั่งให้กลับมา ปีกโล่ที่กางออกหุบลงก่อนมันจะบินกลับไปหาอินกอง กรีนวินด์มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ แต่นางก็ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้
‘นายท่าน!’
เสียงของนางดังออกมาอย่างขุ่นเคืองและผิดหวัง อินกองไม่สนใจนาง เขาพุ่งกระโดดออกจากอุโมงค์พลางตะโกนขึ้น
“คารัค!”
ทักษะเสริมจากมหาดเล็กราชวัลลภ ทักษะรับสั่ง!
ร่างของเจ้าออร์คข้ามผ่านมิติมาปรากฏลอยอยู่ตรงหน้าอินกอง ก่อนจะตกลงตามแรงโน้มถ่วง อีกฟากของทางออกลาดชันกว่าที่คิด จนเรียกได้ว่าเป็นหลุมทีเดียว แต่เพราะร่างของเจ้าออร์คที่ตกลงมาเป็นเบาะกันกระแทกรองให้เขาอยู่ด้านหน้า อินกองจึงไม่ได้รับแรงกระแทกแต่อย่างใด
เขากลิ้งไปตามพื้น ก่อนจะรักษาสมดุลแล้วลุกขึ้น ด้านหลังของเขามีเสียงดังขึ้นมากมาย
ตูม ตูม ตูม!
ถ้ำอุโมงค์ที่พวกเขาเพิ่งผ่านออกมาถล่มปิดตายเรียบร้อย เสียงที่ดังสนั่นบ่งบอกว่าเส้นทางอื่นก็ถล่มด้วยเช่นกัน
อินกองถอนหายใจออกมา พวกเขารอดพ้นความตายมาได้อย่างหวุดหวิด หากลังเลอีกแม้แต่สักวินาที พวกเขาคงไม่แคล้วถูกฝังเรียบร้อย
‘นายท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?’
‘ข้าขอโทษที่เข้าใจเจตนาของนายท่านผิดไป’
อินกองพยักหน้าให้กับกรีนวินด์ แต่ถึงพวกเขาจะรอดจากอุโมงค์ถล่มมาได้ ก็ยังเหลือปัญหาเรื่องพิษอยู่
อินกองจุดคบเพลิงขึ้น แล้วนำร่างหมดสติของคณะสำรวจมารวมไว้ด้วยกันรอบคารัค นั่นเพราะคารัคหนักที่สุด การเคลื่อนย้ายมันย่อมยุ่งยากที่สุด
‘ต้องเริ่มจากรักษาเฟลิซี’
แม้เขาจะเรียนรู้เวทมนตร์แก้พิษมาจากเฟลิซี แต่ว่าเวทมนตร์ของนางย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่าของเขา อินกองพยายามใช้เคียรว์พอยซั่นรักษาเฟลิซี พร้อมถอดหน้ากากกันแก๊สของนางออก แม้อากาศรอบตัวจะไม่ได้ปลอดโปร่งมาก แต่ก็ไม่มีก๊าซพิษปนอยู่
“เคียวร์พอยซั่นอีกครั้ง”
ระดับทักษะของเขายังต่ำอยู่ นั่นทำให้เขาต้องใช้เคียวร์พอยซั่นถึงสามครั้งในการรักษาพิษให้กับเฟลิซี จากนั้นเขาก็หยิบเอาน้ำยามากมายที่รับมาจากกระทรวงเกียรติยศออกมา
อินกองเปิดปากของเฟลิซีแล้วรินน้ำยาแก้เหนื่อยเข้าปากนาง ก่อนจะตามด้วยน้ำยาปลุกภวังค์
ตรงตามชื่อของมัน ยาทั้งสองมีฤทธิ์กระตุ้นร่างกายให้ลืมความอ่อนล้า และดึงสติกลับมา แน่นอนว่าแทนที่จะใช้น้ำยาทั้งสอง การพักผ่อนเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่พวกเขาไม่มีเวลามากพอที่จะรอนางพักผ่อน อินกองขอโทษเฟลิซีในใจพลางรินน้ำยาทั้งสองเข้าปากนาง
#กระทิงแดง/เอ็มร้อยเอาอยู่ (≖ ͜ʖ≖)
“เฮือก!”
เฟลิซีสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งตัวตรง การที่ลุกอย่างกระทันหันทำให้นางมีอาการวิงเวียน
อินกองลูบหลังของนางก่อนจะถามออกมา
“นูนะไม่เป็นอะไรนะครับ? รู้สึกผิดปกติอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ฉ -ั ต ร ?”
เฟลิซีมองมาที่อินกองอย่างสลึมสลือ สติของนางถูกปลุกกลับมาจากฤทธิ์ยาปลุกภวังค์ก็จริง แต่ก็ต้องใช้เวลาให้นางตั้งตัวเล็กน้อย
ทว่าอินกองที่กำลังเร่งรีบไม่มีเวลาให้กับนาง เขารีบอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นทันที
“พวกเราถูกรมควันพิษกันหมด นูนะต้องรีบรักษาครับ”
นางชำเลืองมองร่างหมดสติรอบตัวก่อนจะเข้าใจสถานการณ์ นางลุกขึ้นเหยียดตัวแล้วพลางหัวเราะเล็กหน่อย
“เธอนี่ใจร้ายจริงๆ”
“ขอโทษด้วยครับ”
เฟลิซีเริ่มร่ายเวทมนตร์รักษากับคารัคที่อยู่ใกล้ที่สุด ส่วนอินกองก็แยกไปรักษากัมมะที่นอนอยู่ไม่ไกล
เป็นงานที่ยุ่งยากพอตัว หลังจากใช้เวทมนตร์และน้ำยารักษาสมาชิกทั้งหมด อินกองก็ตรวจเช็คอีกรอบก่อนจะทิ้งตัวลงกับพื้นข้างเฟลิซี
เฟลิซีล้มตัวลงพักพลางจ้องไปที่คารัค
“คารัคมีบาดแผลอยู่หลายแห่ง แต่ก็ไม่มีอะไรร้ายแรง… ยกเว้นบริเวณช่วงท้องของมัน”
อินกองหันไปมองดูเจ้าออร์ค ร่างของมันเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนจากเศษหิน และก็มีรอยบางอย่างบนท้องของมัน รอยที่เหมือนกับรอยเท้า…
นั่นทำให้อินกองนึกถึงจังหวะที่เขาตกลงมาโดยมีคารัคเป็นเบาะกันกระแทก
“ก็นะ”
‘นายท่าน?’
กรีนวินด์ทักลอยลอยขึ้นมาอย่างตำหนิแต่อินกองก็เลือกไม่สนใจอีกเช่นเคย
เฟลิซีฝืนตัวพยุงร่างของนางขึ้นแล้วหันมาถามอินกอง
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ความจำของนางมีถึงที่นางหมดสติจากก๊าซพิษ อินกองพยายามสรุปอธิบายนางให้รวบรัดที่สุด
เงานิรนามปรากฏขึ้นหกตน
หนึ่งในนั้นกรีดร้องแล้วอุโมงค์ก็ถล่ม
เฟลิซีนวดขมับใช้ความคิด
อินกองใช้ไวท์อีเกิ้ลเป็นข้ออ้างถึงเรื่องที่เขาทนทานต่อพิษ แต่เฟลิซีไม่สนใจ นี่ไม่ใช่เวลามานั่งจับผิดรายละเอียดปลีกย่อย
บางสิ่งที่สำคัญกว่าทำให้นางเอะใจขึ้นมา
“พวกมันตายหมดแล้ว?”
“มันช่วยไม่ได้ครับ”
อินกองไม่ได้ฆ่าพวกมันทั้งหมด เขาต้องการเค้นขอมูลจากพวกมันเช่นกัน
ทว่าพวกมันก็ตายหมดสิ้นจากอุโมงค์ถล่ม ไม่ว่าเสียงกรีดร้องนั่นจะทำให้อุโมงค์ถล่ม หรือเป็นสัญญาณให้บางสิ่งถล่มอุโมงค์ พวกเขาก็สูญเสียสิ่งที่จะใช้เชื่อมโยงข้อมูลไป
เงาตนสุดท้ายตัดสินใจใช้ชีวิตของมันพยายามจบชีวิตของอินกองและคณะ
“หรือว่าแม่ทัพกาซบาลตายด้วยฝีมือพวกนั้น?”
“มีความเป็นไปได้อยู่ครับ”
พลโทของจอมมารไม่ได้มีร่างกายที่คงกระพัน จริงอยู่ที่ร่างกายของเผ่ามังกรสามารถต้านทานพิษได้ แต่ก็เพียงแค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น
‘แต่บางที… ก็อาจจะไม่ใช่กลุ่มเดียวกับที่ถูกส่งมาเก็บพวกเรา’
หากพูดตามความจริง ศัตรูของคณะอินกองเรียกได้ว่าอ่อนแอมาก พวกที่ถูกส่งเพื่อฆ่าพลโทน่าจะเป็นกลุ่มที่เก่งกว่านี้
แล้วก็ถึงตาอินกองเป็นฝ่ายถาม
“นูนะพอจะเดาได้ไหมครับว่าพวกมันเป็นใคร?”
“ไม่มีข้อมูลอะไรให้เชื่อมโยงแบบนี้ ฉันก็เดาไม่ออกหรอก”
ตัวตนของพวกนี้ ทำไมพวกมันถึงเข้าโจมตีหน่วยสำรวจจากวังจอมมารถึงสองครั้ง?
นั่นทำให้อินกองหวนนึกถึงมุสตาฟาและบาโคโรฟที่เขาพบที่ที่ราบอินคา ทั้งมุสตาฟาและบาโคโรฟต่างก็เป็นสัตว์อสูรที่ไม่ปรากฏในเกมบทกวีแห่งผู้กล้า เช่นเดียวกับเงานิรนามทั้งหก
นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือจะเป็นการแทรกแซงของมือที่สามที่ไม่มีในเกม?
ถ้ามีจริง พวกมันจะได้ประโยชน์อะไรจากการแทรกแซงนี้? ขัดขวางการสำรวจปราสาทธันเดอร์ดูมเพื่อจะเก็บสมบัติไว้เอง? หรือจะมีจุดประสงค์อื่น?
หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก เฟลิซีก็ส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจออกมา
“ฉัตร เธอเป็นแกนนำในภารกิจครั้งนี้เพราะงั้นฉันจะตามการตัดสินใจของเธอ ตอนนี้พวกเรามีสามทางเลือก”
ทางกลับถูกปิดตายแล้วตอนนี้พวกเขาก็อยู่ในส่วนหนึ่งของปราสาทธันเดอร์ดูม อินกองก็นึกทางเลือกออกได้สามทางเช่นกัน
“ทางแรก พวกเรารอกำลังเสริมอยู่ที่นี่”
ซึ่งไม่ใช่อะไรที่ดีแน่ พวกที่อยู่ด้านนอกไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับคณะของอินกอง พวกนั้นอาจจะล้มเลิกการสำรวจเพราะอุโมงค์ถล่มปิดตายเสียด้วยซ้ำ และถึงพวกนั้นจะพยายามขุดเจาะเศษหินเข้ามา ก็ยังต้องใช้เวลานานพอดู
“ทางที่สอง พวกเราไปรอกำลังเสริมที่ประตูทางเข้าปราสาทธันเดอร์ดูม”
เป็นอีกทางเลือกที่ถูกตัดทิ้งอย่างง่ายดาย
ประตูทางเข้าปราสาทธันเดอร์ดูมถล่มปิดตายอย่างสมบูรณ์ การจะขุดเจาะเข้ามาได้ต้องใช้เครื่องจักรจำนวนมาก
ในบทกวีแห่งผู้กล้า ภารกิจปราสาทธันเดอร์ดูมนี้ จะเริ่มปฏิบัติการด้วยการใช้เครื่องจักรจำนวนมากเจาะฝ่าประตูหน้าเข้ามา แต่ทว่าคณะของอินกองเข้ามาจากทางเชื่อมจากฝั่งเหมือง ซึ่งต่างไปจากในเกม นั่นทำให้เส้นทางประตูหน้าในตอนนี้ยังคงปิดตาย
“ทางที่สาม บุกฝ่าเข้าไปยังใจกลางปราสาทแล้วยึดมันซะ”
นี่เป็นปราสาทของพวกดวอฟ แน่นอนว่าต้องมีค่ายกลข้ามมิติหรือประตูมิติอยู่บ้างแน่นอน เช่นเดียวกับที่มีประตูมิติในถ้ำดวอฟเทือกเขาจิชก้า หรือมีประตูมิติในวิหารทั่งวัชรกร ซึ่งอย่างหลังถูกพบโดยคณะสำรวจของเฟลิซีในเวลาต่อมา
‘ใช่แล้ว ต้องมีแน่นอน’
ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเขาบุกฝ่าไปยังใจกลางปราสาทได้ บางทีพวกเขาอาจจะพบทางออกทางอื่นเพิ่ม
ถึงวิธีการที่เข้ามาจะเปลี่ยนไป แต่อย่างไรเสียปราสาทธันเดอร์ดูมก็ยังคือปราสาทธันเดอร์ดูม นั่นทำให้อินกองตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนทางเลือกที่สามจะดูดีที่สุดตามระเบียบสินะครับ?”
“ก็น่าจะนะ”
นั่นทำให้ตอนนี้มีอีกฝ่ายที่ก้าวเข้ามาอยู่ในกระดาน นั่นคือผู้พิทักษ์ปราสาทและกับดักอีกมากมาย แต่ถึงจะรู้เช่นนั้น การรอคอยความช่วยเหลือโดยไม่ทำอะไรก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแน่นอน
“ถ้างั้นพวกเราก็เตรียมตัวเดินทางกันต่อเถอะครับ”
เสียงที่ดังจากอุโมงค์ถล่มย่อมดูดความสนใจมาแน่นอน
อินกองลุกขึ้นแล้วยื่นมือไปหาเฟลิซี นางหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะจับมือเขา
แม้รายละเอียดอาจจะต่างไปจากแผนการที่วางไว้ แต่ก็ได้เวลาบุกยึดปราสาทแล้ว