Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก – ตอนที่ 96

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

 

 

 อินกองเดินกลับมาที่ทางเข้าวัดต้นไม้ สมาชิกทั้งหมดรวมตัว

 

 เคทลิน เฟลิซี ซิลวาน เซร่า เดเลีย ดาฟเน่ และคารัค รวมทั้งหมดแปดตน

 

“ฉัตร… ฉันได้กลิ่นแปลกๆจากฉัตร”

 

 เมื่อทั้งหมดมารวมตัวกัน เคทลินก็เริ่มดมกลิ่นอย่างกระทันหัน นางหลับตาลงเพ่งสมาธิไปยังประสาทรับรู้ จมูกของนางเคลื่อนมาบริเวณไหล่ของอินกอง

 

 เฟลิซีที่อยู่ถัดจากอินกองไปทางด้านขวาหัวเราะให้กับท่าทางของเคทลิน

 

“เคทลิน จมูกไวเหมือนหมาเลย?”

 

 แม้จะฟังดูไร้มารยาท แต่เคทลินก็เป็นลูกครึ่งไลแคนโทรปหมาป่า

 

 ความจริงก็คือเผ่าไลแคนโทรปมีประสาทสัมผัสการดมกลิ่นเป็นเลิศ

 

 ระหว่างที่เคทลินยังคมดมกลิ่น เฟลิซีก็เริ่มสนใจขึ้นมา นางหลับตาและเริ่มเลียนแบบเคทลิน

 

“หืม? มีกลิ่นหอมบางอย่าง กลิ่นคล้ายผลไม้ หรือจะเป็นเอกลักษณ์ของคนธรรพ์?”

 

 คนธรรพ์เป็นเผ่าที่มีพรสวรรค์ในด้านการร้องรำทำเพลง ร่างกายส่งกลิ่นหอม ฉัตรมีสายเลือดของคนธรรพ์นั่นทำให้เขาแสดงเอกลักษณ์ประจำเผ่าออกมา ในลักษณะเช่นเดียวกับที่เคทลินเป็นลูกครึ่งไลแคนโทรป

 

 อินกองแสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาพยายามรักษาสมดุลร่างกายไม่ให้ล้มท่ามกลางการดมกลิ่นของสาวงามทั้งสอง

 

 ซิลวานที่มองดูอย่างอิจฉาสะกิดหลังของเฟลิซี

 

“ลิซซี่ อปป้าก็มีกลิ่นหอมเหมือนกันนะ?”

 

“มากเกินไป ใช้น้ำหอมน้อยลงเถอะ”

 

 เฟลิซีตอบสวนกลับโดยไม่เหลียวหลังทำให้ซิลวานทรุดลงกับพื้น นางยังคงดมกลิ่นต่อ

 

“จริงอย่างที่เคทลินบอก ฉันรู้สึกถึงกลิ่นบางอย่างผิดแปลกไปจากปกติ?”

 

 นางพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ทำให้มีเสียงใหม่ดังแทรกขึ้นมาจากด้านหลังอินกองทันที

 

“ข้าลบมันไปแล้วนิ?”

 

 กรีนวินด์ปรากฏกายขึ้นเข้าถูไถอินกอง

 

“กรีนวินด์? ลบอะไรหรือ?”

 

 เฟลิซีถามนาง เคทลินหยุดดมกลิ่นแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัยเช่นกัน

 

 ระหว่างที่อินกองอยู่ในที่นั่งลำบาก คารัคก็พูดตัดบทขึ้น

 

“เลิกเล่นได้แล้วองค์ชาย”

 

 คารัคฉุดซิลวานที่ล้มลงขึ้นพลางหัวเราะ

 

“ข้าเป็นองค์รักษ์ขององค์ชาย ข้าทนเห็นแกอยู่ในสภาพนั้นไม่ไหวหรอกนะ”

 

 คารัคมองไปยังอินกองที่อยู่ท่ามกลางโฉมงามทั้งสองแล้วผงกศีรษะ

 

 เป็นสัญญาณกระตุ้นอินกอง เขาพูดขึ้นเสียงดังเริ่มหัวข้อสนทนา

 

“เอาละมาเตรียมตัวเดินทางไปทะเลสาบสุริยันกันเถอะ อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ จุดประสงค์แรกก็คือรวบรวมวัตถุดิบให้อมิตาภา ส่วนอีกประการก็อย่างที่รู้กันแล้ว?”

 

 กรีนวินด์ถอยกลับออกมาพร้อมกับเฟลิซีและเคทลิน

 

 แล้วเฟลิซีก็พูดเสริมอินกอง

 

“ใช่แล้ว คำใบ้ที่มีในห้องทะเบียนของปราสาทธันเดอร์ดูมชี้มายังที่นี่ แล้วในตอนแรกฉันก็แจ้งไปยังวังหลวงว่าจะเดินทางมาสำรวจทะเลสาบสุริยันด้วย”

 

 รายงานเท็จมีความผิดในระดับหนึ่ง การที่สามารถตัดปัญหาเรื่องนี้ไปได้ถือเป็นเรื่องที่ดี

 

“ซากโบราณใต้ทะเลสาบ… แค่พูดถึงก็น่าสนใจแล้ว”

 

 เคทลินแสดงสีหน้าคาดหวังออกมา

 

 คารัคถามกลับ

 

“แล้วจะเอายังไงกับกัมมะ? นางน่าจะกลับมาพร้อมกำลังเสริมในไม่กี่วัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่เจ้าแรคคูนจะดีหรือ?”

 

 ม้าเร็วทั้งสองถูกส่งไปขอกำลังเสริม พวกเขาส่งข้อความไปหาโรบินผ่านทางเครื่องมือสื่อสารบนเรือเหาะของซิลวานเรียบร้อย แต่กัมมะได้ออกเดินทางมาพร้อมกำลังเสริมชุดแรกก่อนหน้านั้นแล้วจึงเป็นปัญหา

 

 อินกองรู้ว่ากัมมะมีฝีเท้าที่เร็ว แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่านางทำหน้าที่ด้วยความตั้งใจอย่างมาก

 

 คณะของอินกองจึงต้องทิ้งผู้ส่งสารเอาไว้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ หากหน้าที่นี้สามารถทิ้งให้เป็นภาระของอมิตาภาได้ก็จะดีไม่น้อย แต่ก็อาจมีข้อคลางแคลงได้อย่างที่คารัคบอก

 

“ช่วยไม่ได้สินะ”

 

 เฟลิซีได้ข้อสรุปแล้วหันไปมองซิลวาน

 

“ซิลวานช่วยอยู่คอยอธิบายได้ไหม? พวกเราต้องการคนที่รู้สถานการณ์และสามารถปกป้องป่าแมงมุมได้ในเวลาเดียวกัน”

 

“อืม สิ่งที่หน้ากลัวที่สุดก็คือการจู่โจมกระทันหันหลังจากที่ทุกอย่างจบลง ทิ้งซีพิร่าไว้พร้อมทหารหนึ่งกองน่าจะพอ”

 

 ซิลวานลูบคางใช้ความคิดพลางพูดอย่างวางท่า คารัคถามแทรกขึ้น

 

“ซีพิร่าใช่หัวหน้ากองคนนั้นสินะ? ที่เป็นสาวงามผมม่วง?”

 

“ใช่แล้วนางคือที่ปรึกษาของซิลวาน จะว่าไปแล้วเจ้าเห็นนางเพียงครั้งเดียวก็จำได้เชียวรึ?”

 

 คำถามของเฟลิซีเรียกสายตาอันเฉียบคมของเซร่า เดเลีย และดาฟเน่ไปยังคารัคทันที

 

 เจ้าออร์คตอบกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้าน

 

“การจำแนกบุคลากรถือว่าสำคัญ ยิ่งหน้าตาของทหาร ถ้ามีพวกสอดแนมเข้ามา การจำหน้าทหารไม่ได้ยิ่งอันตรายไม่ใช่หรือ? การจำหน้าดีเสียกว่าการจำชื่อ”

 

 นี่แสดงให้เห็นว่าคารัคจดจำใบหน้าและลักษณะของลูกเรือซิลวานทั้งหมดไว้เรียบร้อย

 

 ซิลวานมองคารัคอย่างเหลือเชื่อพลางกระซิบถามเฟลิซี

 

“ลิซซี่ ไอ้นั่นใช่ออร์คจริงๆหรือ?”

 

“ฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกัน อยากจะลองชำแหละชี้ชัดซักครั้ง”

 

 คำพูดของเฟลิซียากจะบอกได้ว่านางพูดเล่นหรือพูดจริง เดเลียจึงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม

 

“คารัคสามารถมาก เขาสมเป็นองครักษ์ของเจ้าชาย”

 

“สุดยอดมากๆ”

 

 เซร่ากล่าวชื่นชมในลักษณะเคทลิน และแน่นอนว่าดาฟเน่ก็ไม่นิ่งเฉย

 

“เป็นคนที่สามารถพึ่งพาได้ตลอดเวลา”

 

 ซิลวานจ้องมองคารัคอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง คารัคเกาหัวพลางหัวเราะ

 #ไรจูววววว เอ็กซ์โปลดดดดดด

 

“ข้าก็แค่ทำตัวให้สมกับที่เป็นองครักษ์”

 

 ทั้งสามมองคารัคอย่างอบอุ่น อินกองหันไปมองเฟลิซีแล้วทั้งสองต่างหัวเราะ ก่อนเฟลิซีจะพูดสรุปขึ้นอีกครั้ง

 

“เอาละนั่นก็คือทั้งหมด พวกเราพร้อมเริ่มเดินทางกันหรือยัง? ซิลวานช่วยกรุณาด้วย”

 

 คำขอจากเฟลิซีทำให้ซิลวานพยักหน้าในทันที

 

“ไว้ใจอปป้าได้เลย”

 

 ซิลวานเดินออกจากวัดต้นไม้ไปรวมลูกเรือ เฟลิซีมองดูซิลวานพร้อมเหล่าลูกเรือเตรียมการเดินทาง

 

“อปป้านี่หลอกง่ายดีจริง”

 

 อินกองแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรพลางเดินออกจากวัดพร้อมคารัค เรือเหาะของซิลวานที่มีชื่อว่า ‘เพลิงมังกรทมิฬ’ กำลังถอนสมอเตรียมล่องสู่ท้องฟ้า

 

 หลังจากนั้นยี่สิบนาที…

 

“เพลิงมังกรทมิฬเชียร์! พร้อม!”

““““พร้อม!””””

“เริ่มได้!”

 

 ซิลวานชักดาบของเขาขึ้นพร้อมร้องตะโกน ตามมาด้วยเสียงตอบรับจากเหล่าลูกเรือ เครื่องยนต์เวทมนตร์เริ่มทำงานแล้วเรือใบก็เริ่มลอยตัว

 

“ลมโชย! ท่องนภา, เพลิงมังกรทมิฬ ฮ่าไฮ่!”

““““โบยบิน!””””

““““ล่องลอย!””””

 

 ลูกเรือทั้งหมดหน้าแดงก่ำ ซีพิร่าและหน่วยทหารที่อยู่ด้างล่างต่างแสดงสีหน้าว่าพวกตนโชคดี

 

“น่าขายหน้าที่สุดดดดดดดด”

 

 เฟลิซีพึมพำพลางก้มตัวลงราวกับต้องการหลบจากสายตาทั้งหมด นางแสดงท่าทางแทนบรรดาเหล่าลูกเรือ

 

&

 

 เพลิงมังกรทมิฬเป็นหนึ่งในไพ่ตายของเผ่าเอลฟ์รัตติกาล

 

 ชื่อเดิมของมันคือ แบล็คอาร์ค

 

 ด้วยความที่เผ่าเอลฟ์รัตติกาลยึดถือในสตรีเพศ ตระกูลดูมเบลดจึงสืบทอดต่อโดยบุตรสาวที่ดีที่สุด ส่วนบุตรชายที่ดีที่สุดจะได้รับสืบทอดแบล็คอาร์คแทน นี่เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบเนื่องต่อกันมา

 

 ลูกจากบุตรชายจะไม่ถือว่าเป็นตระกูลดูมเบลด หรือก็คือตระกูลจะสืบผ่านทางสายเลือดฝั่งแม่เท่านั้น นั่นหมายความว่าแบล็คอาร์คก็จะกลับสู่ตระกูลดูมเบลดสายเลือดหลักเสมอ

 

 ซิลวานรับสืบทอดเรือแบล็คอาร์คมาจาก ลีโอนาโด้ ดูมเบลด ผู้เป็นพี่ชายของราชินีซิลเวีย

 

 และการที่ซิลวานเพิ่งบรรลุนิติภาวะมาเพียงหนึ่งปี จึงหมายความว่าซิลวานรับสืบทอดเรือแบล็คอาร์คมาเพียงหนึ่งปีเช่นกัน

 

 การขับขี่โดยมือสมัครเล่นย่อมเกิดข้อผิดพลาดขึ้นเล็กน้อย แต่การเดินทางของคณะอินกองบน ‘เพลิงมังกรทมิฬ’ ก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ระยะทางที่ต้องใช้เวลาหลายวันถูกร่นลงเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง

 

 อินกองใช้เชือกมัดข้อมือเขาเอาไว้ก่อนปืนขึ้นเสากระโดง เขาอยู่ที่ความสูงราวสองร้อยเมตรทำให้มีลมแรง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาต่อการสังเกตการณ์

 

 ทะเลสาบสุริยัน…

 

 สถานที่ที่อินกองเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยครั้งในเกมบทกวีแห่งผู้กล้า

 

 อสูรโลหะที่อมิตาภากล่าวถึงมีชื่อเรียกว่า คาลโตส พวกมันมีผิวที่กันการเกาะตัวของน้ำโดยธรรมชาติ ทำให้พวกมันสามารถอาศัยอยู่ในทะเลสาบได้โดยไม่มีปัญหา

 

 แน่นอนว่าอุปกรณ์ที่สร้างโดยชิ้นส่วนจากคาลโตสจะได้รับคุณสมบัติป้องกันน้ำไปด้วย

 

‘ฟาร์มพวกมันจนเบื่อหน้าไปเลยช่วงนึง’

 

 ด้วยเหตุผลที่ว่าอินกองคุ้นเคยกับอสูรโลหะเหล่านี้ดี ทำให้เขาคุ้นเคยกับจุดอ่อนของพวกมันด้วย เขามั่นใจว่าสามารถรับมือกับพวกมันจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย

 

‘รัศมีเทพ’

 

 หนึ่งในพลังวิเศษทั้งสี่อันได้แก่ ลมปราณ พลังจิต เวทมนตร์ และรัศมีเทพ

 

 และในขณะเดียวกันมันก็เป็นจุดอ่อนของพวกคาลโตส

 

 พันธมิตรร่วมกับแสงสุดท้ายทำให้รัศมีเทพในตัวของเขาตื่นขึ้น

 

‘แต่เวทมนตร์กับรัศมีเทพใช้ร่วมกันลำบาก’

 

 พลังจากธรรมชาติกับพลังจากปาฏิหาริย์ย่อมไม่เข้ากัน

 

 และเช่นเดียวกับโลกมนุษย์ ที่โลกมารก็มีเทพอยู่หลายองค์

 

 อย่างฟลอร่าที่คอยดูแลคฤหาสน์ของอินกองก็เป็นสาวกของเทพีคาอีล่า เทพีแห่งความฝันและเงา

 

 สาเหตุที่แซเฟียร์ไม่ใช้รัศมีเทพก็เป็นเพราะมันต่อต้านกับเวทมนตร์ของเขา

 

‘แต่เราต่างออกไป’

 

 อินกองรวบรวมรัศมีเทพขึ้นที่มือขวาของเขาพลางครุ่นคิด ภายในนั้นมีประกายสีเขียวที่ย้ำเตือนเขาถึงแสงสุดท้าย

 

 อินกองลองเสริมพลังเวทเข้าไป พลังที่สองแตกชั้นกันก่อนจะทยอยรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว

 

 กายาชาตรี

 

 ทักษะเสริมจากพลังพระเอกที่สามารถรวมกระทั้งพลังของเอนคิดูและอันเคลที่ตรงข้ามกัน

 

 จะเกิดอะไรขึ้นหากเวทมนตร์และรัศมีเทพสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างกลมกลืน? และหากเขาเสริมลมปราณเข้าไปด้วยก็จะกลายเป็นสามพลังวิเศษ

 

 อินกองหายใจอย่างตื่นเต้นก่อนจะเบนความสนใจไปยังสิ่งอื่น ทะเลสาบขนาดใหญ่เรืองแสงสีทองระยิบระยับท่ามกลางท้องฟ้าสีแสด

 

 ทะเลสาบแห่งนี้เรืองแสงสีทองทั้งในยามกลางวันและกลางคืน จึงเป็นที่มาของชื่อสุริยัน

 

 อสูรโลหะเป็นกลุ่มเดียวที่อาศัยบริเวณทะเลสาบนี้

 

 ทว่าก็ยังมีสิ่งที่เรียกว่า‘ผู้เฝ้าทะเลสาบ’ที่เปรียบเสมือนหัวหน้าของพวกมัน

 

‘น่าจะได้เวลาที่ไอ้นั่นโผล่มาละ’

 

 ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดงสาดส่อง มีบางอย่างผุดขึ้นจากกลางทะเลสาบ

 

 ฉายาตัวดูดปัญหาที่อินกองพยายามปฏิเสธมาตลอด

 

 ความพยายามปฏิเสธของเขาจะได้ผลหรือไม่?

 

“งูทะเลยักษ์? ในทะเลสาบ?”

 

 บรรดาลูกเรือที่เห็นต่างส่งเสียงร้องอย่างประหลาดใจ อินกองได้แต่กัดฟันกำหมัดแน่น

 

 เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น บรรดาลูกเรือต่างเข้าประจำตำแหน่งรบ

 

“งูทะเลยักษ์?”

 

 ซิลวานจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเคร่งเครียด อสรพิษตัวนั้นจ้องมองมายังเรือเหาะของพวกเขาเช่นกัน

 

 งูทะเล…

 

 สัตว์ชั้นต่ำในตระกูลมังกรที่อาศัยอยู่ในทะเล

 

 ลำตัวของมันยาวราวห้าสิบเมตร มันถือเป็นสัตว์อสูรที่ดุร้าย

 

 ผู้เฝ้าทะเลสาบ สัตว์อสูรที่เรียกว่าแข็งแกร่งและต่อกรได้ยากเพราะมันอาศัยอยู่ในทะเลสาบ

 

 แต่ไม่ใช่วันนี้

 

“ปฐมเพลิง”

 

 อินกองเรียกใช้ทักษะที่ได้รับจากแสงสุดท้าย

 

 เปลวเพลิงสีเขียวลุกขึ้นชโลมเกราะเท้าเกล็ดมังกร อินกองสวมพสุธากัมปนาทกับไวท์อีเกิ้ล เขาปลดสายนิรภัยที่รัดเอวไว้

 

“ฉัตร?”

 

 ซิลวานจ้องมองอินกองอย่างสับสน เฟลิซีโบกพัดของนางอย่างผ่อนคลายพลางหันมาถามราวกับนางกำลังพักผ่อน

 

“เธอจะลุยสินะ?”

 

“ครับผม พวกเราต้องสำรวจใต้ทะเลสาบนิดหน่อย”

 

 อินกองหัวเราะตอบกลับ ซิลวานยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น คารัคหันมาแสยะยิ้มให้อินกองก่อนมันจะหันกลับไปคุยกับเดเลีย

 

“อาซคาลัน”

 

 ผลงานชิ้นเอกในกลุ่มอาวุธพิฆาตมังกร

 

 อาวุธอันร้ายกาจที่ถูกใช้สังหารมังกรพาติซานในปราสาทธันเดอร์ดูม

 

 ไม่มีการต่อต้านระหว่างพสุธากัมปนาทและอาซคาลันอย่างคราวก่อน อินกองกำหอกสีขาวไว้ในมือพลางหันไปทักเคทลิน

 

“ขอโทษนะครับนูนะ”

 

 เคทลินเอียงคอสงสัยในท่าทางขอขมาของอินกอง

 

 แม้อินกองจะไม่อยากใช้วิธีนี้ แต่นี้เป็นหนทางที่รวดเร็วที่สุด เพื่อลดเวลาลงแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

 

 โลหิตมังกร…

 

 พลังแฝงของร่างมังกรจำแลง

 

 พสุธากัมปนาทส่งเสียมคำรามออกมา พร้อมกับการสั่นเทาต่อต้านจากอาซคาลัน

 

 สิ่งที่อินกองยากจะทานทนในปราสาทธันเดอร์ดูมเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่เขาเตรียมวิธีรับมือเอาไว้แล้วในครั้งนี้

 

 ด้วยแก่นจันทราและแก่นบริวาร

 

 อินกองดึงพลังจากตัวเคทลินเช่นเดียวกับที่เขาทำยามต่อสู้กับภูติที่คลุ้มคลั่ง

 

 เคทลินตกใจที่พลังถูกดูดไปอย่างกระทันหันแต่ก็เพียงชั่วขณะ นางเบ้ปากแล้วพึมพำออกมา

 

“ฉัตรแย่มาก”

 

 ทำไมเสียงของนางดูน่ารักทั้งที่ถ้อยคำแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง? ยิ่งกว่านั้นท่าทางของนางกลับดู… ยินดี?

 

 อินกองรวมลมปราณไปยังหอกอาซคาลัน แน่นอนว่าทั้งพลังเวทและรัศมีเทพก็ถูกรวมไว้ที่หอกเช่นกัน

 

 อินกองไม่สนใจสายตาของซิลวานที่ยังตกตะลึง เขาเดินปีนขึ้นไปบนหัวเรือ

 

“ลุยละนะ”

 

“ลุยมันองค์ชาย”

 

 อินกองกระโดดพุ่งลงใส่ผู้เฝ้าทะเลสาบในทันทีที่เสียงตอบรับดังขึ้นจากคารัค

 

&

 

[คุณได้รับฉายา: พิชิตมังกรในคราเดียว]

 

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Status: Ongoing
จู-อินกอง เกมเมอร์หนุ่มผู้กำลังกระดี้กระด้าเนื่องจากเกมโปรดของเขาได้รับการนำกลับมาทำใหม่ให้ไฉไลยิ่งกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี VR  แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้เขาหลุดเข้ามาเผชิญกับเรื่องต่างๆ ราวกับเข้ามาอยู่ในเกมโปรดที่ว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดบทบาทของเขาดันเป็นตัวประกอบกระจ้อยร่อยที่จะถูกฆ่าตายกลางเกม  จู-อินกองจึงต้องใช้ประสบการณ์เกมที่เขาสั่งสมเอาไว้หาหนทางเอาตัวรอดจากความตายที่กำลังมาเยือน โดยหารู้ไม่ว่าเขามิเพียงกำลังเปลื่ยนโชคชะตาตัวเอง แต่ยังรวมไปถึงชะตาตัวละครรอบข้างและโลกทั้งใบ  นี่คือเรื่องราวของจู-อินกอง ผู้เป็นพระเอกของโลกใบนี้(?)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท