Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก – ตอนที่ 126

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

ตอนที่ 126 – บทที่ 21: ชนเถื่อน #5

 

 

  ราชาชนเถื่อนเดินทางออกจากป้อมปราการที่สี่มายังป้อมปราการที่ห้า

 

  เขาได้รวบรวมกำลังพลเพิ่มเติมไปด้วยระหว่างทาง และเมื่อมาถึงเขาก็ออกเดินทางมุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือต่อในทันที เป็นการกระทำที่บ่งบอกว่าป้อมปราการที่สองไม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

 

“ฉันไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้”

 

  แวนเดลยังคงต้องใช้เวลาพักฟื้นบนเตียง เขายกตัวขึ้นกล่าวทักทายคณะอินกองที่มาเยี่ยมดูอาการ ด้วยความที่โอเกอร์ตนนี้มีความสูงถึงสี่เมตร แม้จะอยู่บนเตียงแต่ร่างกายของมันก็สูงกว่าระดับสายตาของอินกอง

 

  เนื่องจากป้อมปราการที่ห้า หก และเจ็ดไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่แล้ว การมุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือของราชาชนเถื่อนจึงตีความได้ว่าเป้าหมายคือตัวเมืองทาก้า

 

  เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายของคณะอินกองอย่างมาก

 

  แน่นอนว่าการมุ่งขึ้นทิศเหนือโดยทิ้งไพร่พลไว้เล็กน้อยอาจดูแปลก แต่ก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของแวนเดลดังเคทลินกับเฟลิซีคิด 

 

  แวนเดลสังเกตท่าทีสับสนของทั้งสองก่อนเริ่มอธิบาย

 

“ที่ไอ้บ้านั่นบุกโจมตีข้าก่อนมุ่งขึ้นเหนือมีเหตุผล 2 อย่าง อย่างแรกก็คือมันกลัวจะโดนโจมตีตลบหลัง อย่างสองคือเพื่อซื้อเวลาในการปิดถนน”

“ปิดถนน? เพราะเส้นทางจากนอกชายแดนสินะ?”

 

  แวนเดลพยักหน้าให้กับคำถามของเฟลิซี

 

“ใช่แล้ว ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ทำให้พวกบาบาเรี่ยนไม่สามารถตัดตรงจากนอกชายแดนมายังทาก้าได้ พวกมันต้องอ้อมไปยังเอเวียงก่อน”

 

  สภาพของเขตแดนนอกชายแดนอยู่นอกเหนือการรับรู้ของคณะอินกอง พวกเขาทำได้เพียงคาดเดาแต่ก็ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน

 

  ครั้งนี้เป็นโอกาสให้เคทลินได้ถาม

 

“แม่ทัพแวนเดลคะ พวกบาบาเรี่ยน… พวกมันหวั่นเกรงกำลังเสริมจากทางวังสินะคะ?”

“ใช่แล้ว พวกมันไม่อยากยุ่งกับห้าแม่ทัพองครักษ์ซักเท่าไร แต่ถ้าพวกมันยึดทาก้าได้ หมายความว่าเอเวียงจะโดนปิดล้อม ห้าแม่ทัพต้องเคลื่อนไหวแน่”

 

  ด้วยเขตแดนอันกว้างขวางของโลกมาร บรรดาห้าแม่ทัพองครักษ์จึงประจำตำแหน่งอยู่ในบริเวณที่เกิดการปะทะรุนแรงบ่อยครั้งเช่นทางเหนือ น้อยครั้งนักที่ห้าแม่ทัพจะมาปรากฏกายแถวชายแดนฝั่งตะวันออก ทว่าหากมีความเป็นไปได้ที่จะเสียเมืองเอเวียงให้กับเหล่าชนเถื่อน แน่นอนว่าห้าแม่ทัพต้องเคลื่อนไหว

 

  คณะอินกองคาดการณ์ไว้ว่าราชาชนเถื่อนจะบุกยึดป้อมปราการที่สอง

 

  เพื่อสร้างความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ทำให้สามารถถอนทัพโดยไม่ต้องพะวงว่าจะโดนปิดล้อม การที่ทหารป้อมปราการที่สองเข้าร่วมกับกำลังเสริมย่อมเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับเหล่าชนเถื่อน

 

  อย่างไรก็ตามราชาชนเถื่อนเลือกที่เมินป้อมปราการที่สองแล้วมุ่งหน้าสู่ทาก้า

 

“ไม่ถูกล่อซื้อแฮะ… ”

 

  อินกองหลุดพึมพำออกมา

 

  ป้อมปราการที่สองเรียกได้ว่าเป็นปราสาท กำแพงที่สูงหนา คูคลองล้อมรอบ ยิ่งรวมกำลังพลของอินกองกับแวนเดลด้วยแล้วถือว่านี่เป็นจุดได้เปรียบสำหรับฝ่ายอินกองอย่างมาก

 

  คารัคที่ได้ยินอินกองกล่าวเห็นด้วย

 

“ใช่ บางทีพวกมันเลือกที่จะรุกศึกใหญ่ก่อน? แทนที่จะสู้ในสนามรบที่เสียเปรียบ พวกมันบังคับให้ฝั่งเราต้องเลือก”

 

  ราชาชนเถื่อนมุ่งทัพขึ้นเหนือ กำลังเสริมกับการแทรกแทรงจากห้าแม่ทัพเป็นเรื่องในอนาคต เรียกได้ว่าอินกองในตอนนี้ต้องเลือกว่าจะยอมเสียความได้เปรียบเพื่อเข้าป้องกันเมืองทาก้าหรือไม่

 

  เฟลิซีหรี่ตาอย่างไม่ชอบใจ

 

“พวกเราทิ้งป้อมมา 3 จุด แถมป้อม 5 ก็เรียกได้ว่าอยู่ใกล้กับทาก้า ถ้าปล่อยไว้แบบนี้หัวเมืองทาก้าถูกตีแตกแน่นอน พวกเราต้องทำอะไรซักอย่าง”

“แต่ถ้าพวกเราออกไปจากป้อม 2 พวกมันคงบังคับพวกเราต่อสู้ในจุดที่พวกมันได้เปรียบแน่นอน”

 

  เมื่อเทียบกำลังรบในขณะนี้ ฝ่ายอินกองมีทหารราว 8000 ตน ฝ่ายชนเถื่อนมีทหารราว 14000 ตน กำลังต่างกันเกือบเท่าหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นกำลังพลส่วนใหญ่ของชนเถื่อนล้วนเป็นพลม้า ทำให้ฝั่งชนเถื่อนได้เปรียบเมื่อสู้ในที่โล่งอย่างมาก

 

  ทำให้ตัดสินใจได้ลำบากยิ่งนัก

 

  หากทาก้าโดนตีแตกแน่นอนว่าเป้าหมายต่อไปคือเอเวียง ถ้าพวกเขาเลือกไปเสริมกำลังย่อมเสียเปรียบด้านสนามรบ ราชาชนเถื่อนไม่โดนกลยุทธของอินกองหลอกลวง มิหนำซ้ำการมุ่งหน้าสู่ทาก้ากลับชิงความได้เปรียบคืนไปได้ด้วย

 

  แวนเดลมิได้เสนอแผนการอะไร เขาจ้องมองอินกองรอคอยคำตอบ

 

  เคทลินกับเฟลิซีก็เช่นกัน บุคคลสำคัญตนอื่นอย่างอลิตากับคัปลานก็จดจ้องมาที่อินกอง

 

  เจ้าชายฉัตรจะเลือกรับมืออย่างไร? แผนการจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงไร? เขาจะสามารถชิงความได้เปรียบกลับคืนมาได้หรือไม่?

 

  อินกองครุ่นคิดแล้วถอนหายใจออกมา

“ลุย”

“ฉัตร?”

 

  อินกองหัวเราะให้กับท่าทีประหลาดใจของเคทลินก่อนหันไปสบตาแวนเดล

 

“พวกเราทิ้งทาก้าไปไม่ได้ ถ้าพวกนั้นอยากเล่นอะไรยากๆ เราก็จะเล่นด้วย”

 

  หนึ่งในกลยุทธการศึกคือการทำให้ศัตรูตัดสินใจลำบาก ยิ่งการตัดสินใจเป็นไปได้ยากเพียงไร ยิ่งเสียความได้เปรียบ

 

“แผนการละองค์ชาย?”

 

  แวนเดล อลิตา คัปลานต่างแสดงสีหน้าสนใจอย่างมาก นั่นเพราะคำตอบในสถานการณ์เช่นนี้มิใช่อะไรที่สามารถกลั่นกรองโดยง่าย

 

“เราไม่จะปล่อยให้มันได้เปรียบ ถ้าฝ่ายเราต้องเลือก พวกมันก็ต้องเลือก”

 

  อินกองตอบอย่างเรียบง่าย

 

&

 

  กำลังพลฝ่ายวังจอมมารเดินทางออกจากป้อมปราการที่สอง

 

  หากไม่นับรวมกำลังพลเล็กน้อยสำหรับป้องกันเมืองแล้วนี่เรียกว่าเป็นกำลังรบทั้งหมดของเอเวียง

 

  บรรดาชนเถื่อนไม่กลัวการปะทะกับกองกำลังของศัตรู พวกเขาจึงมิได้เคลื่อนทัพอย่างเร่งรีบอะไร เมื่อคำนึงถึงจุดเริ่มต้นการเดินทัพแล้ว ฝั่งชนเถื่อนอยู่ใกล้ทาก้ากว่ามาก ทำให้ฝ่ายที่ต้องเร่งรีบเป็นฝ่ายวังจอมมาร

 

  ระยะห่างระหว่างทัพทั้งสองร่นน้อยลงจนถึงระยะห่างเพียงครึ่งวัน ทว่าระยะห่างกลับไม่ลดลงมากไปกว่านี้

 

  กองกำลังฝ่ายวังจอมมารรักษาระยะห่างนี้ไว้อย่างจงใจ พวกเขามิได้พยายามลดหรือเพิ่มระยะห่างระหว่างทั้งสองทัพ เมื่อฝั่งชนเถื่อนหยุดฝั่งวังจอมมารก็หยุด เมื่อเคลื่อนทัพก็เคลื่อนทัพ แม้แต่เมื่อฝั่งชนเถื่อนเลือกจะเปลี่ยนทิศเข้าหาฝั่งวังจอมมารเพื่อทำศึก ฝั่งวังจอมมารก็ถอยหนีเพื่อรักษาระยะห่างเอาไว้

 

  น่าอัศจรรย์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างเคลื่อนทัพในเวลาพร้อมเพรียงกัน ราชาชนเถื่อนจึงไม่สามารถนำทัพเข้าใกล้ศัตรูได้

 

  ที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นก็คือฝ่ายวังจอมมารดูจะมิได้พกพาเสบียงรบมา จึงเป็นสาเหตุให้สามารถเคลื่อนทัพได้อย่างรวดเร็ว

 

  กลับกลายเป็นว่าราชาชนเถื่อนเสียเปรียบ หากเขามุ่งมั่นจะเดินทางขึ้นเหนือ ย่อมถึงทาก้าโดยมีกำลังฝ่ายวังจอมมารประกบหลัง

 

  หัวเมืองทาก้ามีกำลังทหารส่วนตัวเพื่อใช้ปกป้องทรัพย์สมบัติในเมืองจากเหล่าโจรที่ชุกชุมทั่วเอเวียง หรือก็คือไม่ต่างจากป้อมปราการ

 

  แน่นอนว่ากำลังพลของทาก้าไม่เป็นปัญหาสำหรับเหล่าชนเถื่อน แต่ปัญหาจะเกิดเมื่อพวกเขาต้องทำศึกสองด้านพร้อมกัน

 

  ราชาชนเถื่อนถูกบังคับให้เลือก ขึ้นเหนือเพื่อทำการรบที่ทาก้า หรือเปลี่ยนสถานที่ยืดเยื้อจนฝ่ายวังจอมมารต้องถอยเพราะเสบียงหมด

 

  ทั้งสองล้วนเป็นตัวเลือกที่แย่ โดยเฉพาะตัวเลือกที่สองที่เปลืองเวลาและเสบียงทัพ แต่หากมองในมุมของวังจอมมาร ตัวเลือกที่สองมิได้แย่เสียทีเดียวเพราะฝ่ายวังจอมมารต้องการป้องกันเมืองทาก้ามิใช่การรบ

 

  ยิ่งกว่านี้การที่เสบียงจากป้อมปราการที่เหล่าชนเถื่อนยึดได้ต่างถูกเผาทิ้งไปก่อนหมดสิ้น ทำให้เหล่าชนเถื่อนมิได้มีเสบียงรบมากนัก

 

  แม้ราชาเคราโตสจะสามารถบุกยึดป้อมปราการได้ เขากลับมิได้ประโยชน์มากมาย กลับกันฝ่ายวังจอมมารกอบกู้ช่วยเหลือและรวบรวมเสบียงจากสามป้อมปราการไว้ได้ เรียกได้ว่าศัตรูของเขาประเมินสถานการณ์ได้ดีทีเดียว

 

  ด้วยตัวเลือกที่ไม่ดีนัก ราชาชชนเถื่อนต้องตัดสินใจเลือกอีกครั้ง

 

&

 

“พวกมันเคลื่อนทัพแล้ว”

 

  ข้อได้เปรียบของอินกองคือ เขาสามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวศัตรูผ่านทัศนวิสัยร่วมกับกรีนวินด์

 

  เหล่าชนเถื่อนเร่งฝีเท้ามุ่งเข้าสู้ทาก้า ดูเหมือนพวกเขาตัดสินใจได้ในที่สุด

 

  ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่ราบของเอเวียงทำให้การมองเห็นเป็นไปได้ง่าย หากสนามรบมิใช่เขตเอเวียง อินกองคงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากกลยุทธนี้ได้อย่างเต็มที่

 

  เฟลิซีกับเคทลินยอมรับกับเหตุการณ์เช่นนี้ด้วยคำตอบว่า ‘ฉัตร’ ทว่าแวนเดลกลับแตกต่างออกไป

 

  ในมุมมองของแวนเดล ความสามารถในการมองเห็นสอดส่องศัตรูในระยะไกล ความสามารถในการเคลื่อนย้ายเสบียงรบสำหรับทหารร่วมหมื่น เรียกได้ว่าเป็นมหาเวท

 

  อลิตากับคัปลานก็เช่นกัน ทั้งสามทำได้เพียงมอง ‘เจ้าชายฉัตร’ ด้วยแววตายกย่อง

 

  เจ้าชายฉัตรเก็บซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ได้อย่างแนบเนียนมายาวนาน และในตอนนี้คมเขี้ยวนั้นก็เผยโฉมให้พวกเขาได้เห็น

 

  คารัคถามอินกอง

 

“มันเลือกจะสู้ที่ทาก้าสินะ?”

“บางทีนะ”

 

  เมื่อมองในมุมของฝ่ายชนเถื่อน หากพวกเขาหยุดเพียงตรงนี้นับว่าทั้งหมดที่ทำมาสูญเปล่า พวกเขาทำได้เพียงต้องก้าวต่อแม้จะมีอุปสรรคยากเย็นก็ตาม

 

  คารัคส่งผ่านคำสั่งของอินกองให้ทหารทั้งหมดเคลื่อนทัพ

 

  เช้าวันรุ่งขึ้น กองทัพของราชาชนเถื่อนก็เคลื่อนมาถึงเมืองทาก้า

 

&

 

  ท้องฟ้าอึมครึม สายลมพัดกระหน่ำ บรรยากาศที่บ่งบอกถึงพายุ

 

  ราชาชนเถื่อนจดจ้องกำแพงเมืองทาก้าบนม้าศึกสีดำทมิฬ มีเพราโตสกับเหล่าขุนพลเคียงข้าง

 

  เมื่อมองหันหลังเห็นกำลังพลวังจอมมารอยู่ห่างออกไปไม่ไกล

 

  เรียกว่าศัตรูของเขารักษาระยะได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะเป็นระยะที่สั้นกว่าครึ่งวันแต่ก็มิใช่ระยะที่เขาสามารถสั่งทัพให้บุกโจมตีได้อย่างทันที ยิ่งกว่านั่นดูเหมือนศัตรูของเขาตัดสินใจจะรักษาระยะนี้ไว้จนกว่าเขาจะบุกโจมตีเมืองทาก้า

 

  เจ้าชายลำดับที่เก้า… 

 

  เจ้าชายผู้นี้สามารถปราบกำลังพลที่ราชาเคราโตสส่งไปบุกป้อมปราการที่ห้า หก และเจ็ดได้อย่างงดงาม เขายังสามารถช่วยชีวิตแวนเดลพร้อมกับทำลายทหารที่ตามล่า ข้อมูลเพิ่มเติมจากเพราโตสบ่งบอกว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้น ราชาชนเถื่อนอดสนใจในตัวศัตรูของเขาผู้นี้มิได้

 

‘เดี๋ยวก็ได้รู้กันแล้ว’

 

  เคราโตสแสยะยิ้มออกมา ร่างกายกำยำด้วยความสูงราวสองเมตรครึ่งพร้อมด้วยกระบองศึกพาดบ่า สามารถเรียกได้ว่าตัวเขาผู้นี้ไม่ต่างจากเครื่องจักรสงคราม

 

  เขาหลับตาลงถอนหายใจ ไอพลังสีแดงแผ่ซ่านออกมาปกคลุมรอบบริเวณ ไอพลังแห่งรณการ

 

“หึหึ กองทัพจอมมาร มาลุยกันซักหน่อยเป็นไร”

 

  เคราโตสคำรามร้องพลางควบม้าเข้าบุกจู่โจมประตูเมืองทาก้า

 

  เหล่านักรบชนเถื่อนต่างไม่รอช้า เสียงคำรามศึกดังสนั่นพร้อมด้วยกองทัพที่พุ่งทะยานเข้าโจมตีเมืองตามราชาของพวกตน

 

  พายุได้ก่อตัวขึ้นที่เมืองทาก้าแล้ว

 

 

จบบทที่ 21 – ชนเถื่อน เริ่มบทที่ 22 – แก่นมังกร

#นี่คือภาพแผนผังที่ผู้แปลพยายามตีความออกมานะครับ อาจจะไม่ตรงตามเนื้อเรื่องเป๊ะๆซักเท่าไร

 

ค่ายกลใหญ่                                                              +

+

+

+

ทาก้า                                         +

x                                   +

7                                           +

6                                                           +

5                             +

+

เอเวียง                    4      <=======    K(e)RATOS

1                                     3                            +

2                                                     +

|            H                  +

|                                 +

ค่ายกล

 

You are here > x   

ช่วยแวนเดลตรง H

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Status: Ongoing
จู-อินกอง เกมเมอร์หนุ่มผู้กำลังกระดี้กระด้าเนื่องจากเกมโปรดของเขาได้รับการนำกลับมาทำใหม่ให้ไฉไลยิ่งกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี VR  แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้เขาหลุดเข้ามาเผชิญกับเรื่องต่างๆ ราวกับเข้ามาอยู่ในเกมโปรดที่ว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดบทบาทของเขาดันเป็นตัวประกอบกระจ้อยร่อยที่จะถูกฆ่าตายกลางเกม  จู-อินกองจึงต้องใช้ประสบการณ์เกมที่เขาสั่งสมเอาไว้หาหนทางเอาตัวรอดจากความตายที่กำลังมาเยือน โดยหารู้ไม่ว่าเขามิเพียงกำลังเปลื่ยนโชคชะตาตัวเอง แต่ยังรวมไปถึงชะตาตัวละครรอบข้างและโลกทั้งใบ  นี่คือเรื่องราวของจู-อินกอง ผู้เป็นพระเอกของโลกใบนี้(?)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท