อินกองพุ่งทะยานเข้าโจมตีร่นระยะในชั่วพริบตา
การผสานระหว่างลมปราณกับพลังเวทแสดงผลอันเหลือเชื่อ สองพลังที่หักล้างกลับสมานรวมได้อย่างกลมกลืน สิ่งอัศจรรย์ที่เกิดจากการรวมตัวของหลายแก่นพลังในตัวอินกอง
ทุพภิกขภัยกำลังคลุ้มคลั่งจากความโกรธส่งผลให้มองข้ามการกระทำของอินกอง กว่าจะดึงสติกลับมาศัตรูก็ประชิดตัวเสียแล้ว
จริงที่ปฏิกิริยาตอบสนองจากความทรงจำของจีราดช่วยป้องกันจุดตายไว้ แต่ความรวดเร็วของอินกองทำให้ทุพภิกขภัยไม่สามารถเลี่ยงความเสียหายได้ทั้งหมด
ไอพลังสีขาวระเบิดออกกระแทกให้อาชาแห่งทุพภิกขภัยเสียหลัก นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ลำแสงไอพลังสีขาวพวยพุ่งจู่โจมอย่างมิให้ตั้งตัว ดั่งพญางูหลายเศียรฉกจู่โจมจากทุกทิศทาง การโจมตีนี้ยังเสริมพลังจากเคล็ดอัสนีทำให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก!
ดุจสายฟ้าฉีกกระชากร่าง ทุพภิกขภัยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“@#%$#^!”
เสียงกรีดร้องที่ไร้ความหมายเยี่ยงเดรัจฉาน ทุพภิกขภัยแผ่ไอพลังจำนวนมากออกมารอบตัวเพื่อตั้งรับจากทุกทิศทาง ไอพลังนี้ยังบอกถึงอาณาเขตที่เขาสามารถกลืนกินศัตรู เป็นตรึงพื้นที่ให้ศัตรูล่าถอย อย่างไรเสียร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสไม่อาจแบกรับภาระจากการใช้พลังจำนวนมากอย่างรวดเร็ว
อินกองถอยออกพลางมองหาช่องโหว่ เขาพยายามวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากการโจมตีเมื่อครู่
สาเหตุที่ซิลวานสภาพเจียนตายและผลงานที่สร้างไว้ ร่างของศัตรูตรงหน้าครึ่งหนึ่งถูกทำลาย ถูกแทนที่ด้วยพลังแห่งทุพภิกขภัย สิ่งที่ไม่สามารถทำได้โดยง่าย เป็นคำใบ้บอกว่าซิลวานปลดปล่อยราชันแห่งภูติ
อ้างอิงจากเกมบทกวีแห่งผู้กล้า ศัตรูหัวหน้าใหญ่ในฉากวันล้างบางก็คือซิลวาน บุตรชายแห่งจอมมารที่แกร่งกล้าที่สุดในเชิงดาบ และทรงพลังที่สุดในพลังเวทจากราชันแห่งภูติที่ถูกผนึก
อินกองมั่นใจว่าซิลวานปลดปล่อยราชันแห่งภูติเพื่อปกป้องเฟลิซี การกระทำนี้ช่วยยื้อเวลาเอาไว้จนอินกองมาสมทบทัน แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่แพง
ความทรงจำเกี่ยวกับซิลวานผุดขึ้นในหัวของอินกอง ซิลวานที่สุขอย่างเต็มที่ยามรับดาบจากอมิตาภา ซิลวานที่บาดเจ็บจากการต่อสู้ ซิลวานที่ยืนหยัดปกป้องเฟลิซีท่ามกลางเสียงหัวเราะจากจีราด ซิลวานรู้ผลกระทบจากการปลดผนึกแต่ยังเลือกการกระทำ อินกองโกรธแค้นขึ้นมาเกินจะบรรยาย!
ไอพลังสีขาวแผ่ขยายระเบิดออกมาพยายามบีบกั้นไอพลังสีดำ
การแย่งชิงอาณาเขตระหว่างไอพลังทั้งสองทำให้ทุพภิกขภัยไม่สามารถขยับตัวได้ บาดแผลจำนวนมากทำให้เขาต้องเพ่งสมาธิมากกว่าปกติ
อาจเพียงครู่หนึ่งแต่พลังแห่งอาณัติเป็นฝ่ายที่กุมความได้เปรียบ นั่นทำให้ทุพภิกขภัยชิงชังมากยิ่งขึ้น
มันไม่สามารถยอมรับว่าอาณัติเหนือกว่า!
ทุพภิกขภัยย่อตัวลง เรียกบางสิ่งจากความทรงจำของจีราด รวมไอพลังเข้าห่อหุ้มร่างตนก่อนพุ่งเข้าหาอินกอง
ทุพภิกขภัยอาจสูญเสียอาณาเขตที่ไอพลังแผ่ออก แต่การรวมไอพลังไว้ที่ตนแล้วพุ่งโจมตีทำให้มันเป็นดั่งกระสุน การกระทำนี้ทำให้สามารถแหวกฝ่าอาณาเขตไอพลังสีขาวเพื่อเข้าประชิดอินกอง โบราณสถานสั่นสะท้านจากแรงปะทะอีกครั้ง
อย่างไรเสียทุพภิกขภัยก็สับสนเล็กน้อย นั่นเพราะศัตรูตรงหน้ามิได้ชำนาญการต่อสู้อย่างซิลวาน แต่กลับสร้างปัญหามากกว่า เขาอาจสูญเสียพลังจำนวนหนึ่งจากการต่อสู้ก่อนหน้า แต่ทุพภิกขภัยมาเยือนโลกนี้ก่อนนัก ระยะเวลาทำให้พลังของเขาเพิ่มพูนมากกว่าอาณัติ การต่อสู้ควรจบลงอย่างง่ายดายด้วยชัยชนะของเขา
ผู้ที่รู้คำตอบของคำถามนี้ก็คือจีราด มันเป็นคำตอบที่ถูกมองข้าม
คำตอบคืออินกองรู้เกี่ยวกับเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพมากกว่าซิลวาน ทำให้สามารถรับมือกับกระบวนท่าได้รัดกุมมากกว่า
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนไปหากทุพภิกขภัยอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มร้อย แต่ในสถานะปัจจุบันที่พลังของทั้งสองอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน อินกองจึงเหนือกว่า
บรึ้ม บรึ้ม!
“$%^#@!”
เหตุผลอีกประการที่ทำให้อินกองเป็นฝ่ายได้เปรียบคือ เคล็ดไอศวรรย์ราชันสุรเป็นวิชาที่พัฒนามาจากเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพ พลังทำลายที่เพิ่มมากขึ้น ทวงท่าที่กระชับ แม่นยำ และหนักแน่นมากขึ้น จีราดที่เป็นนักรบสามารถรับรู้ถึงสิ่งนี้ได้ แต่ทุพภิกขภัยต่างออกไป
ทุพภิกขภัยมิใช่นักรบจึงมีสิ่งเล็กน้อยที่ทำให้แตกต่าง
ยิ่งแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันมากขึ้นทุพภิกขภัยก็ยิ่งเกรี้ยวกราด ในมุมมองของเขาทั้งสองใช้วิชาเดียวกัน การโจมตีของเขาถูกปัดป้องในขณะที่ศัตรูสามารถสร้างความเสียหายได้อย่างต่อเนื่อง
มิหนำซ้ำพลังแห่งทุพภิกขภัยกับพลังแห่งอาณัติขณะนี้ยังเรียกได้ว่าเท่ากัน ไอพลังทั้งสองไม่สามารถกลืนกินกันได้
อิเนียถูกสวนด้วยอิเนีย ระเบิดปราณถูกสวนด้วยระเบิดปราณ ความทรงจำของจีราดอาจมากประสบการณ์กว่า แต่เคล็ดวิชาฝ่ายอินกองพัฒนามากกว่า
ทางออกจึงมีเพียงหนึ่ง ทันใดนั้นทุพภิกขภัยก็หมุนตัวใช้ฝ่ามืององุ้มฟาดเข้าที่อก
ลมปราณที่หนาแน่นควบตัวเป็นหมาป่ากระโจนเข้าขย้ำอินกอง นี่เป็นกระบวนท่าลับที่จีราดคิดค้นขึ้นเอง เนื่องจากมิใช่ทวงท่าของเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพเขามั่นใจว่าศัตรูไม่มีทางรู้จัก แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นดังที่คาดคิด อินกองหมุนตัวงอนิ้วเป็นกรงเล็บแล้วโจมตีกลับ
[คุณได้เรียนรู้ กระบวนท่าคมเขี้ยวหมาป่า]
ลมปราณหมาป่ากระโจนขย้ำทุพภิกขภัย ไอพลังสีดำกระจายออกทิ้งช่องว่างบริเวณอก เขาเซถอยหลังด้วยอาการสับสน ความทรงจำของจีราดในตัวกรีดร้องปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าศัตรูของเขาไม่ปล่อยให้ช่องโหว่นี่หลุดรอด อินกองต่อยหมัดตรงเข้าไปยังรูกลางอกของทุพภิกขภัยแล้วระเบิดพลังแห่งอาณัติออกที่จุดนั้น!
บรึ้ม!
ไอพลังสีดำถูกระเบิดออกเป็นเศษเสี้ยวแตกกระจัดกระจาย ทิ้งไว้เพียงกายเนื้อที่แท้จริงของร่างปัจจุบัน เหลือเพียงร่างกายท่อนบนซีกขวา แม้แต่ศีรษะก็เหลือเพียงซีกล่าง
อินกองมองร่างศัตรูที่อยู่ในสภาพชวนอาเจียน เขาใช้พลังจิตยกร่างตรงหน้าให้ลอยขึ้นแล้วฟาดมันเข้ากับกำแพง จากนั้นโล่บินทั้งสองก็พุ่งเข้าเฉือนราวกับรอคอยเวลานี้มาแสนนาน!
ฉึก ฉึก ฉึกกก!
ประกายสีเขียวบินฉวัดเฉวียนพร้อมกับเศษเนื้อที่ถูกตัด ร่างของทุพภิกขภัยกำลังถูกทำลายจนสภาพยากแก่การจะเรียกว่าสิ่งมีชีวิต
“#$%^&@! ด”
เสียงร้องที่คล้ายคลึงกับที่ผ่านมา ไอพลังสีดำที่หลงเหลืออยู่ในกายเนื้อพุ่งออกจากร่าง ราวกับนักบินทิ้งตัวสละเครื่อง ไอพลังทีมีลักษณะคล้ายลูกบอลเพลิงสีดำพุ่งสูงขึ้น มันบินวนรอบค้นหาบางสิ่งก่อนจะหยุดแล้วดิ่งตรงลงมายังอินกอง!
“ฉัตร!”
เฟลิซีร้องออกมา แต่เสียงของนางถูกกลบด้วยเสียงของบางสิ่ง ราวกับดังขึ้นจากในหัวของคณะสำรวจ
“อาณัติ! อาณัติ!!!!!!! เดรนนนนนนนนน!”
เสียงที่ก่อให้เกิดความรู้สึกอันเลวร้ายและน่าหวาดวิตก
อินกองพยายามป้องกันตัวเองแต่การโจมตีทุกอย่างทะลุผ่านบอลเพลิงดำ ราวกับว่ามันเป็นเป็นเพียงภาพลวงตา ราวกับว่าเป็นบางสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้ บางสิ่งที่อยู่นอกเหนือภพภูมินี้
ลูกบอลเพลิงนี้เข้าห่อหุ้มร่างของอินกองราวกับต้องการจะกลืนกิน แต่ไฟสีขาวก็ลุกโชนขึ้นจากบริเวณหัวใจของอินกอง ดวงไฟนี้ปกป้องร่างกายของเขาจากเพลิงสีดำ และในพริบตานั้นอินกองก็หลุดเข้าภวังค์ เขามองเห็นสองตัวตนประชันกัน ชายที่ดำทมิฬ กับสตรีที่ขาวบริสุทธิ์
เพราะอะไร? ช่วยมันไว้ทำไม? ไม่สิ… ต้องการอะไรถึงทรยศพวกเรา ทรยศพี่น้อง?
เพลิงสีดำกล่าวถามออกมา คำถามที่เขารอคอยคำตอบมาร่วมสหัสวรรษ
เพราะอะไรผู้ที่เป็นหัวหน้ากลับทอดทิ้งและแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม?
อาณัติ รณการ ทุพภิกขภัย อาสัญ สี่ความเสื่อมสลาย สี่ฑูตแห่งวันโลกาวินาศ สี่ตัวตนที่ปรารถนาถึงจุดจบ
หากทว่ามิใช่ ‘สี่’ ตัวตนอีกต่อไปเมื่ออาณัติได้ละทิ้งจุดมุ่งหมายนี้ ไม่แปลกที่สมาชิกที่เหลือจะชิงชังเมื่อผู้นำถอยหนี นางย่อมรู้ดีแต่เพราะเหตุใดนางจึงเลือกเส้นทางนี้? การต่อสู้เมื่อราวหนึ่งพันปีที่แล้ว? หรือเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา?
เพลิงสีดำโหมกระหน่ำ ความโกรธ สับสน ชิงชัง เคี้ยนแค้น ถาโถมต้องการคำตอบ เปลวเพลิงสีขาวกลับคงความสว่างไม่เปลี่ยนแปลง มิได้ลุกโชนหรือมอดลง
นั่นทำให้อินกองฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา
สตรีนิรนามผู้มีดวงตาสีแดงและน้ำเงิน…
อาณัติ—
นาง… เบื่อหน่ายกับการทำลายล้างอันไร้ความหมายไร้ที่สิ้นสุด นางอาจเป็นตัวตนที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อแสวงหาความพินาศ แต่ความปรารถนาของนางกลับขัดกับจุดมุ่งหมายของตัวตน นั่นคือสาเหตุที่นางเลือกอินกองเป็นร่างทรง แทนที่จะเข้าควบคุมเขา นางต้องการให้เขาเข้าควบคุมและยึดครองตัวนาง
[ระดับขั้น เอกลักษณ์:อาชาแห่งอาณัติ เพิ่มขึ้น]
[เพิ่มระดับขั้นทักษะ อาณัติ]
[ทักษะ ใต้ร่มเงากษัตริย์ ได้รับการเสริมประสิทธิภาพ]
[ทักษะ มหาดเล็กราชวัลลภ ได้รับการเสริมประสิทธิภาพ]
อินกองรู้สึกว่าสตรีชุดขาวหันมาสบตาเขา และกล่าวข้อความที่เขาได้รับ แต่คงเป็นเพียงความคิดชั่ววูบจากเสียงที่เหมือนนาง เพราะตัวตนสีขาวและสีดำยังคงประชันหน้ากัน
อินกองหลุดออกมาจากภวังค์ เขารวบรวมสมาธิก่อนจะยื่นมือออกมาแล้วปัดเปลวเพลิงสีดำที่พยายามกลืนกินร่างเขาออก ดั่งหมอกควันที่จางหายราวกับไม่เคยคงอยู่ตั้งแต่แรก
พลังแห่งทุพภิกขภัยจางหายไป…
คงไว้ซึ่งพลังแห่งอาณัติ
อินกองเข้าใจในบทบาทของตัวเองในที่สุด เขามองสำรวจตนเองที่ห่อหุ้มด้วยพลังแห่งอาณัติ ก่อนมองไปยังสภาพร่างของจีราดที่หลงเหลืออยู่
อินกองเดินไปยังซากของจีราดท่านกลางเสียงสาปแช่งของทุพภิกขภัยที่ดังขึ้นจากในจิตใต้สำนึก เขารวมพลังแห่งอาณัติเข้าสู่พสุธากัมปนาทแล้วทำลายร่างตรงหน้า
ร่างแตกกระจายกลายเป็นเศษละอองธุลี ถูกไอพลังสีขาวเผาทำลาย การกระทำของอินกองกำจัดจุดเชื่องโยงระหว่างทุพภิกขภัยกับโลกนี้ ทุพภิกขภัยจะไม่สามารถเข้าแทรกแทรงอะไรจนกว่าเขาจะสามารถหาร่างทรงใหม่
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]
#ไม่มีฉายาเพราะ
#1. จีราดตายไปนานแล้วนี่เป็นแค่ซาก
#2. อินกองไม่ได้ทำลายทุพภิกขภัย แค่ไล่ให้ออกจากโลกนี้ มาวุ่นวายอะไรด้วยไม่ได้
อาจเป็นผลข้างเคียงจากการที่อินกองเข้าสู่ภวังค์ไปเห็นการประชันหน้าระหว่างอาณัติกับทุพภิกขภัย ทุกครั้งที่เขาได้ยินเสียงข้อความรายงาน ภาพของสตรีชุดขาวหันมาส่งยิ้มให้พร้อมกับกล่าวข้อความดังกล่าวผุดขึ้นมา
“ฉัตร ช่วยซิลวานด้วย ซิลวาน ซิลวาน… ”
เสียงเฟลิซีดังขึ้นดึงความสนใจของอินกอง นางกอดร่างของซิลวานร้องครวญคราง จอมเวทอย่างนางย่อมรู้ดีว่าสภาพของซิลวานในตอนนี้เกินกว่าจะสามารถช่วยอะไรได้ แต่นางยังคงภาวนาถึงปาฏิหาริย์
อินกองเดินเข้าใกล้ ซิลวานจ้องมาที่เขาอย่างยิ้มแย้ม
เฟลิซีปลอดจากภยันตราย มิหนำซ้ำศัตรูตัวฉกาจยังถูกกำจัด ซิลวานได้ทำสิ่งที่เขาต้องทำสำเร็จลุล่วง เขายิ้มอย่างปล่อยวางราวกับภาระที่เขาแบกไว้ได้หมดสิ้น มั่นใจในความปลอดภัยของน้องสาว อาจจะแลกมาด้วยชีวิตแต่ซิลวานถือว่าหน้าที่ของเขาเสร็จสิ้นแล้ว
ทว่าอินกองไม่คิดอย่างนั้น เขายิ้นมือออกแทงเข้าไปในดวงตาของซิลวานเพื่อคว้าจับบางอย่างแล้วใช้พลังแห่งอาณัติ
ตามมาด้วยการปะทะระหว่างแสงสีขาวกับแสงสีทอง
#เมื่อความขี้เกียจรอบงำจนกลายเป็น โลมาจอมเฉื่อย
#บางทีก็แบบ อยากแปลเรื่องอื่นเพิ่มไปด้วยเผื่อจะช่วยให้หายเฉื่อย แต่กลัวจะขึ้นอืดหนักกว่าเดิม