Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก – ตอนที่ 145

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

 

  นี่คือครั้งที่สี่ที่อินกองเดินทางกลับวังหลวง ประสบการณ์เกี่ยวกับค่ายกลค่ามมิติทำให้คุ้นเคยกับสภาพรอบตัว ห้วงเวลาและแสงสว่างราวกับดูดทุกสิ่งสู่ความว่างเปล่าทั่วทิศทาง

 

  สิ่งที่ชัดเจนที่สุดสำหรับการกลับมาในครั้งนี้ของอินกองก็คือจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้น อันได้แก่ นาตาช่า ซิลวาน และซีพิร่า

 

  แวนเดลยังเฝ้าประจำการณ์ที่แดนเอเวียงจากเหตุการณ์คับขัน โดยมีเอลิต้ากับคัปลานร่วมเป็นกำลังสมทบ

 

‘ยังดีที่เราได้ลาไหว้เอลิต้า’

 

  เอลิต้าเดินทางมายังครามส์ครู่หนึ่งเพื่อสนับสนุนบำรุงรักษาเรือเหาะเพลิงมังกรทมิฬ อินกองจึงมีโอกาสพูดคุยร่ำลากับนาง แต่ไม่ใช่กับมิตรสหายที่แดนเอเวียง

 

  อินกองลืมตามองเห็นภาพรอบตัวเคลื่อนที่ช้าลงจนหยุดนิ่งเป็นลานกว้าง บ่งบอกว่าเขาได้เดินทางมาถึงค่ายกลเคลื่อนมิติที่วังจอมมารเสร็จสิ้น

 

  รอบตัวรายล้อมไปด้วยบรรดาผู้ที่เฝ้ารอต้อนรับ อินกองรับรู้อย่างคร่าวว่า “ผู้เข้าเฝ้ารับเสด็จ” มีปริมาณเพิ่มขึ้นในทุกครั้งที่เขาทำภารกิจกลับมา เมื่อคิดว่าบรรดาบุตรหลานนางกำนัลเหล่านี้เลือกรอต้อนรับอินกองมากกว่าติดตามทายาทตนอื่นเพื่อทำภารกิจ อินกองก็อมยิ้มขึ้นมาอย่างยินดี

 

  อินกองกวาดสายตาจนพบกับฟลอร่าที่รอต้อนรับกลับคฤหาสน์ พร้อมด้วยบรรดาผู้ที่คลั่งไคล้เฟลิซีถัดไปไม่ไกล รวมไปถึงใบหน้าที่คุ้นเคยจากงานเลี้ยงน้ำชาก่อนปะปน

 

‘พอดังแล้วก็แอบกดดันเหมือนกันนะเนี่ย’

 

  อินกองโบกมือทักทายฟลอร่า หากแต่ทางด้านฟลอร่ากลับมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย

 

  หรือว่าจะเป็นเพราะนาตาช่า? ไม่สิ บางทีอาจจะเพราะซีพิร่าที่เสียแขนไปข้าง? คิดอยู่ครู่หนึ่งอินกองก็ตัดเหตุผลทั้งสองออกไป นั่นเพราะทั้งสองตัวเลือกนี้ไม่น่าจะเพียงพอที่ทำให้บรรดาผู้รอรับเสด็จแสดงสีหน้าเช่นนั้นออกมา

 

  ไม่นานอินกองครุ่นคิดก็รับรู้ได้ถึงเหตุผลที่แท้จริง

 

  ฝูงชนที่รายล้อมแบ่งแยกออกเป็นสองฝั่งหลีกทางให้อีกกลุ่มหนึ่งเดินผ่านเข้ามา อีกหนึ่งใบหน้าที่อินกองคุ้นเคย

 

“แม่คะ?! เอ่อ อ่า องค์ราชินี?”

 

  ราชินีของเผ่าไลแคนโทรปส่งยิ้มให้กับเคทลินที่แสดงอาการเลิกลั่กก่อนหันไปสบตากับอินกอง นัยตาของนางดูสงบเยือกเย็นยากหยั่งถึงเช่นเคย ข้างกายนางมีลุดวิคผู้เป็นหัวหน้ากองพลโลหิตเฝ้าอารักขา

 

  คณะอินกองกล่าวทักทายปราศรัย

 

“เป็นเรื่องดีที่เราได้พบปะอีกครั้ง นับเป็นครั้งแรกที่เราพบกันที่ราชวังสินะ ยินดีต้อนรับทุกคนกลับมา”

 

  คำกล่าวที่เป็นพิธีในร่างที่ไม่ต่างจากเคทลินทำให้อินกองรู้สึกตะขิดตะขวงใจอย่างประหลาด

 

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งพระพุทธเจ้าข้า”

“เชิญทำตัวเช่นปกติ”

 

  ระหว่างที่อินกองกล่าวทักทายกับราชินีเอเลน เคทลินก็รีบกล่าวขัดอย่างร้อนรน

 

“เกิดเหตุเร่งด่วนอันใดทำให้องค์ราชินีเสด็จ…”

“สถานที่นี้คงไม่เหมาะแก่การสนธนา เช่นนั้นเราจึงขอตัวก่อน พวกเธอก็ควรแยกย้ายเข้าพักผ่อนที่คฤหาสน์เช่นกัน”

 

  เอเลนพูดตัดบทพลางจ้องตรงไปยังอินกอง เคทลินทำได้เพียงหยุดพูดอย่างไม่เต็มใจ

 

“เกล้ากระหม่อมขอน้อมรับพระพุทธเจ้าข้า”

“เธอก็เช่นกันเคทลิน”

“ค่ะ!… พระพุทธเจ้าข้า!”

 

  จากนั้นเอเลนก็จากไป อินกองมองแผ่นหลังของนางพลางครุ่นคิด

 

“นายคิดว่าราชินีจะแวะมาหาที่คฤหาสน์หรือเปล่า?’

“เป็นไปได้ ไม่งั้นก็อาจเชิญแกไปที่คฤหาสน์ของหล่อน”

 

  ความเห็นจากเจ้าออร์คฟังดูเป็นไปได้สูง ยิ่งเมื่อคิดถึงฐานะแล้ว การที่ราชินีเชิญเจ้าชายเข้าเยี่ยมย่อมตรงตามบรรทัดฐานมากกว่าการที่เจ้าชายเชื่อเชิญราชินี

 

‘ว่าแต่ด้วยเรื่องอะไรกัน? จีราด?’

 

  จีราดแหกคุกมืดของไลแคนโทรปออกมาก่อความวุ่นวาย หลังจากที่อินกองกำจัดนักโทษตนนี้อย่างสมบูรณ์เขาได้แจ้งข้อความไปยังทางเผ่าไลแคนโทรป ถ้าเรื่องที่ราชินีเอเลนต้องการพูดคุยกับเขาเป็นเรื่องจีราด อินกองก็จะไม่เหลืออะไรให้ต้องกังวล

 

  หลังจากเอเลนหายไปออกไปจากบริเวณ ฟลอร่าก็เข้ามาต้อมรับอย่างจริงจังเช่นเคย

 

“เกล้ากระหม่อมขอน้อมรับเสด็จฝ่าพระบาทกลับคฤหาสน์เพคะ”

“เรายินดีที่ได้พบเธออีกครั้ง มีเหตุอะไรในระหว่างที่เราจากไปหรือไม่?”

“ตัวคฤหาสน์สงบร่มเย็นเพคะ”

 

  คำตอบที่สั้นและรวดเร็ว

 

“มีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือไม่?”

“มีพระราชสาสน์ส่งมาจากทางพระราชวังเพคะ”

“หืม รอบนี้แแกจะสร้างเรื่องอะไรอีกละ?”

 

  คารัคพูดถามขึ้นอย่างจริงจังราวกับเป็นเรื่องปกติ

 

“เดี๋ยวดิ ทำไมถามอะไรแบบนั้น? แล้วนี่ นายควรจะพูดอะไรแบบนั้นออกมาหรือไง?”

“ข้ายอมแพ้แล้ว องค์ชายเองก็ควรยอมแพ้ต่อโชคชะตาได้แล้วเหมือนกัน พอคิดแบบนี้แล้วจิตใจสงบขึ้นเยอะ”

 

  คารัคกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งราวกับบรรลุดวงตาเห็นธรรม

 

  อินกองถอนหายใจให้ท่าทีของเจ้าออร์ค บ่งบอกว่าเขายังคงดิ้นรนขัดขืนและคาดหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“เอาเป็นว่ากลับคฤหาสน์ก่อนเถอะ”

 

&

 

“อึก ทำไมอมิตาภาถึงรู้สึกเหมือนกับถึงบ้านละฮะ? นี่มันไม่จริงใช่มั้ยฮะ”

 

  ทันทีที่คณะอินกองก้าวเข้าสู้ตัวเรือน อมิตาภาก็เลิกเสเสร้งทำตัวเป็นสัตว์เลี้ยงพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลางสังหรณ์ของเจ้าแรคคูนบ่งบอกว่ามันอาจจะต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต

 

  เดเลียเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะสม ก่อนย่อตัวลงในระดับสายตาอมิตาภาแล้วก้มศีรษะ

 

“อมิตาภา ข้ารอดชีวิตมาได้ด้วยอุปกรณ์วิเศษจากท่าน เป็นบุญคุณยิ่งนัก”

 

  ราวกับเป็นสัญญาณเริ่มต้นพิธีกรรม ซิลวานก็เข่าย่อเข้าลงข้างเดเลีย ตามมาด้วยเฟลิซี

“เราก็เช่นกัน ดาบที่ท่านสร้างขึ้นทำให้เรารอดชีวิตกลับมาได้ในครั้งนี้”

“ฉันขอบคุณมาก ทั้งซิลวานกับเดเลียต่างได้เธอช่วยชีวิตเอาไว้”

 

  ผิดกับทั้งสองที่ย่อเขาคำนับ เฟลิซีเดินคลานเข่าเข้าไปจับอมิตาภามากอดไว้แน่น ก่อนอมิตาภาจะตอบมาอย่างเสียมิได้

 

“ฮะ ช่วยชีวิตอะไรฮะ? อมิตาภาแค่ทำของตามรายการฮะ ก็แค่อุปกร์ที่ถูกสร้างตามคำขอฮะ เลิกทำตัวแปลกได้แล้วฮะ มันน่าสะอิดสะเอียนมากฮะ”

 

  ถึงกระนั้นหางของเจ้าแรคคูนกลับวาดส่ายไปมากลางอากาศอย่างอารมณ์ดี

 

  ดาฟเน่มองอมิตาภาที่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอย่างอบอุ่น ไม่ว่าจะเพราะคำชมหรือความรู้สึกภาคภูมิ ที่ชัดเจนก็คืออมิตาภาชอบใจมาก

 

“ไหนๆก็แล้ว นี่เป็นโอกาสดีที่จะแจกจ่ายอุปกร์เพิ่มฮะ”

“โฮ่ นี่แกสร้างของวิเศษเพิ่มเสร็จแล้ว?”

 

  คารัคพูดขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกาย

 

“ตั้งเกือบ 2 สัปดาห์แล้วนะฮะ ถ้าไม่มีอะไรเสร็จเลยก็เสียชื่อหมดนะฮะ”

 

  ตั้งแต่ที่อมิตาภาโดนลักพาตัวเข้าคณะเดินทางของอินกองเวลาก็ล่วงเลยมาได้สองสัปดาห์ และช่วงเวลาความสงบเช่นนี้หาได้ยากจากการที่อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าชายฉัตร ยิ่งศัตรูล่าสุดยังเป็นหนึ่งในสี่ฑูตวันโลกาวินาศอีกด้วย

 

“นี่เป็นชุดเกราะสำหรับเจ้าหญิงสุดยอดฮะ”

 

  ดาฟเน่หยิบกล่องออกมาเปิดหยิบชุดเกราะด้านใน การเป็นผู้ดูแลอมิตาภาอย่างใกล้ชิดเรียกได้ว่านางเปรียบเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวของนักมายากล

 

“ว้าวววว สุดยอดด!”

 

  เจ้าหญิงสุดยอดร้องอุทานอย่างตื้นตันหลังจากได้รับของวิเศษ เกราะเบาที่ถักทอด้วยโซ่ประดับเกล็ดมังกรสีดำ ตรงกลางของชุดเกราะมีการกลับตะเข็บทำเป็นลวดลายรูปหัวหมาป่า

 

  อมิตาภากระโดดลงใช้หางตบพื้นแล้วเริ่มอธิบายสรรพคุณ

 

“เกราะนี่ลงอาคมไว้หลายอย่างฮะ มีทั้งเพิ่มพละกำลัง และช่วยสนับสนุนเล็กน้อยฮะ อย่างเช่นถ้าเจ้าหญิงสุดยอดเรียกใช้ลมปราณนะฮะ เกราะนี้จะขยับข้อต่อเพื่อให้แนบชิดเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายฮะ”

 

  เกราะที่สามารถปรับเปลี่ยนขนาดตามรูปร่างผู้สวมใส่เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญยิ่งสำหรับเคทลิน เท่าที่อินกองจำได้จากในเกมบทกวีแห่งผู้กล้า เคทลินจากในเกมสูงกว่าเคทลินที่เขาเห็นปัจจุบันราวหนึ่งฝ่ามือ ยังไม่รวมเมื่อนางเข้าสู่ร่างสัตว์สมิง

 

“การถักทอของเกราะนี้ยังเป็นลวดลายที่สร้างเพื่อป้องการการโจมตีระยะไกลด้วยฮะ แต่ถึงยังไงถ้าหลบได้ก็หลบเถอะฮะ”

“ขอบคุณมากอมิตาภา นี่มันสุดยอดที่สุดเลย!”

 

  เคทลินกระโดดเข้าไปกอดเจ้าแรคคูนตัวน้อยอย่างเต็มกำลัง อมิตาภาทำเพียงกระพริบตาบ่งบอกถึงพละกำลังที่แอบซ่อนไว้ในร่างกายที่ดูบอบบาง

 

“ถัดไปก็ขององค์ชายฮะ”

 

  อมิตาภาส่งสายตาบ่งบอกให้ดาฟเน่หยิบกล่องส่งให้อินกอง อินกองเปิดมันออกพบกับเกราะขาทำจากเกล็ดมังกร

 

“กรีฟ?”

 

  อินกองเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ นั่นเพราะเกราะขาที่อินกองสวมใส่อยู่ก็ทำจากเกล็ดมังกรเช่นกัน

  อมิตาภามองด้วยสายตาชิงชัง

 

“วัตถุดิบอาจจะระดับเดียวกันแต่ฝีมือช่างต่างกันนะฮะ กรีฟนี่ช่วยองค์ชายใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากแสงสุดท้ายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นฮะ แถมไอมังกรก็ช่วยกระตุ้นพลังมังกรในตัวองค์ชายมากขึ้นด้วยฮะ”

 

  ยิ่งฟังอินกองยิ่งเห็นด้วย เกราะขาที่ช่วยให้สามารถใช้ทักษะเกี่ยวกับเท้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพียงแค่ข้อนี้ก็ทำให้เกราะขาชิ้นนี้มีมูลค่ามากกว่าเกราะขาที่เขาสวมใส่อยู่มากโข

 

  อินกองนำเกราะขาเข้าช่องเก็บของอย่างยินดี ถึงตาคารัคชวนแรคคูนตัวน้อยพูดคุย

 

“แล้วของข้าละเจ้าแรคคูน?”

“หึ เกราะของแกนะหรอ ไว้ทำให้ชิ้นท้ายสุดแล้วกัน ไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น”

 

  คารัคเศร้าสร้อยกับคำตอบที่ได้รับ ท่าทางของมันยิ่งทำให้อมิตาภาชอบใจยิ่งนัก

 

“องค์ชายส่งผ้าคลุมมาเลยฮะ ยังไงองค์ชายคงไม่ได้ใช้มันในระหว่างอยู่ที่วังอยู่แล้วฮะ”

“ฮูกคุ้มภัย?”

“ก็แค่จะขอดูนิดหน่อยฮะ”

 

  อมิตาภาอาจพูดอย่างไม่แยแสแต่มันเงื้อมมือมาอย่างรอไม่ไหว ความกระตือรือร้นในการปรับแต่งของวิเศษมังกรบรรพกาลแตกต่างจากการจดรายการคำสั่งอย่างชัดเจน 

 

“งั้นอมิตาภาขอตัวนะฮะ”

 

  อมิตาภาใช้พลังจิตยกผ้าคลุมฮูกคุ้มภัยลอยกลางอากาศแล้วเดินเข้าห้องวิจัย ดาฟเน่หันมาโค้งคำนับให้กับอินกองก่อนเดินตามเจ้าแรคคูน

 

  เมื่อเสร็จธุระกับอมิตาภา อินกองก็หันไปถามฟลอร่า

 

“ฟลอร่า การประชุดสภาครั้งถัดไปจะจัดขึ้นในวันไหน?”

“ยามรุ่งสางในวันรุ่งขึ้นเพคะ”

“กระชั้นชิดอีกแล้วนะองค์ชาย”

 

  อย่างที่เจ้าออร์คกล่าว การประชุดสภาจัดขึ้นแทบจะในทันทีที่อินกองกลับมายังวังหลวง ราวกับว่ามีการจัดประชุมอยู่บ่อยครั้ง

 

“แต่เวลาก็ผ่านมาสักพักหลังจากรายงานที่พวกเราแจ้งมาล่าสุด ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ”

 

  เฟลิซีตอบอย่างสบายใจก่อนหยุดชะงัก

 

“แต่ปัญหาก็คือแม่ของเคท บางทีเรื่องจีราดอาจยังค้างคาอยู่?”

“ไม่ใช่ว่านั่นน่าจะเป็นเหตุผลเดียวหรือครับ?”

 

  นั่นเพราะราชินีเอเลนมาเยือนวังจอมมารน้อยครั้งได้ อินกองจึงคิดถึงสาเหตุอื่นที่ทำให้นางมาในครั้งนี้ไม่ออก

 

  เฟลิซีชำเลืองมองไปด้านเคทลินก่อนกล่าวอย่างระมัดระวัง

 

“นาง… คงแอบโกรธอยู่สินะ? อย่างไรเสียก็ตาม จีราดก็เป็นพ… ”

 

  ข้อสันนิษฐานของเฟลิซีทำให้เคทลินวิตกเพราะนางไม่สามารถโต้แย้งได้ ทั้งเคทลินกับเฟลิซีต่างให้ความสำคัญกับพี่ชายของทั้งคู่ เมื่อจินตนาการว่าหากเป็นซิลาวานหรือคริสต์ที่เสียชีวิต ทั้งสองจะรู้สึกเช่นไร? ถึงแม้จะตายจากการกระทำผิด แต่ทั้งเคทลินกับเฟลิซีย่อมชิงชังผู้ที่สังหารพี่ชายของพวกนาง

 

  ทว่าอินกองส่ายหน้า

 

“ผมคิดว่าน่าจะมีเหตุผลอื่น”

 

  เมื่ออ้างอิงจากในเกม อินกองสังหารจีราดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนในหลากหลายสถานการณ์ ยิ่งไปกว่านั้นทางฝ่ายไลแคนโทรปต่างถือว่าจีราดได้ตายไปตั้งแต่ครั้งแรกที่อินกองสู้กับเขา ในครานั้นบรรดานายทหารต่างแสดงความขอบคุณ มันย่อมผิดแปลกหากฝ่ายนั้นจะมาโกรธแค้นอินกองเอาตอนนี้

 

“ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”

 

  เฟลิซีกล่าวพลางลูบหัวเคทลิน

 

“ฉันขอโทษที่ต้องขอตัวทั้งที่เพิ่งมาถึงคฤหาสน์ แต่ฉันยังมีเรื่องที่ต้องสะสางร่วมกับซิลวานอยู่ แล้วไหนจะต้องเตรียมตัวสำหรับเข้าประชุมสภาอีก เคทสนใจมาด้วยกันมั้น? จะได้เตรียมตัวไปพร้อมกันเลย”

“เข้าใจแล้วคะออนนี่”

 

  การประชุมในครั้งนี้ไม่มีคริสต์เข้าร่วมด้วย นั่นเป็นโอกาสให้เคทลินได้ลองอะไรหลายอย่าง เช่นเดียวกับเมื่อตอนที่นางเดินสำรวจโถงประมูลที่เมืองทาก้าร์

 

“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะฉัตร ดูแลตัวเองดีๆละ”

 

  บรรดาสมาชิกคณะเดินทางต่างแยกย้ายเข้าที่พักของตน ทำให้คฤหาสน์ของอินกองเข้าสู่ความเงียบ

 

  ฟลอร่าเตรียมทุกอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกไว้เรียบร้อย ทำให้อินกองมีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที รวมถึงเวลาที่ใช้เพื่อง้องอนกรีนวินด์

 

‘เชอะ ข้าไม่ใช้ผู้หญิงใจง่ายหรอกนะ ถ้าคิดว่าจะชมนิดๆหน่อยๆ แล้วมาลูบหัวละก็ ไม่มีทาง’

 

  นั่นอาจเป็นคำพูดของกรีนวินด์แต่ที่อินกองรับรู้คืออีกอย่าง หากกรีนวินด์มีหางเช่นอมิตาภา นางคงวาดหางส่ายไปมาในอากาศอย่างอารมณ์ดีแน่นอน

 

&

 

  เช้าวันรุ่งขึ้น บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมต่างมารวมตัวกันบริเวณห้องรับรอง

 

  ในครั้งนี้เฟลิซีแต่งกายในชุดขาวที่ปกคลุมร่างกายอย่างมิดชิดผิดไปจากในทุกครั้ง

 

  เคทลินมาในชุดเปลือยไหล่สีชมพู มีริบบิ้นขนาดใหญ่คาดเอวผูกอยู่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกราวกับตุ๊กตา

 

  ซิลวานแต่งกายในชุดสูทสีดำเหมือนครั้งที่แล้ว เช่นเดียวกับอินกองและคารัค

 

  คารัคขยับตัวกระสับกระส่ายกล่าวพึมพำ

 

“ทำไมข้าต้องรู้สึกไม่สบายใจแบบนี้ด้วย หรือจะเป็นเพราะชุดนี่?”

“นั่นก็อาจจะใช่”

 

  อินกองเห็นด้วยกับเจ้าออร์ค เขามาอยู่ในร่างของเจ้าชายฉัตรได้ร่วมครึ่งปีแต่ยังรู้สึกเกร็งในทุกครั้งที่มีผู้อื่นมาแต่งตัว และยิ่งสำหรับในสถานที่สำคัญอย่างห้องประชุมสภาท่ามกลางสายตาของจอมมาร

 

‘ขอเถอะวะ อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นเลยครั้งนี้’

 

  เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นในการประชุมสภาทุกครั้งที่ผ่านมา

 

  เฟลิซีเห็นท่าทางของอินกองแล้วรับรู้ได้ นางหัวเราะพูดคุยเพื่อช่วยคลายกังวล

 

“ไม่ต้องกังวลหรอกฉัตร พวกเราก็พอรู้จักราชินีเอเลนอยู่ไม่ใช่หรือ? ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรให้ประหลาดใจหรอก”

“ลีซซี่พูดถูกแล้ว ไม่มีอะไรหรอก”

 

  ซิลวานกล่าวเห็นด้วย แต่การที่ทุกคนช่วยฟันธงเช่นนี้ยิ่งทำให้อินกองเครียด

 

  จังหวะนั้นเองเป็นช่วงเวลาที่เหล่าบริวารต่างมาเชื่อเชิญให้พวกเขาเข้าห้องประชุม อินกองเข้าห้องประชุมท้ายที่สุดเช่นเคย

 

  อินกองสังเกตเห็นความผิดปกติในทันทีที่เข้าย่างก้าวเข้ามา มีบางสิ่งลอยอยู่กลางห้องโถง

 

  บางทีอาจเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเวลาที่ราชินีเอเลนเข้าร่วมการประชุม?

 

  คำตอบถูกเพียงกึ่งหนึ่ง

 

  อินกองข่มเสียงหัวเราะเอาไว้ให้กับสิ่งที่เขาเห็นเลยถัดออกไป บนชั้นสูงสุดของอัฒจันทร์ที่จอมมารมิตรนั่งอยู่ ราชินีเอเลนนั่งถัดมาทางด้ายซ้าย และมีสตรีอีกหนึ่งนางนั่งถัดจากจอมมารในด้านขวา สตรีผู้นี้มีรูปโฉนละม้ายคล้ายคลึงเฟลิซีราวกับพี่สาว

 

  ราชินีลำดับที่สามซิลเวีย ดูมเบลด พระมารดาของเฟลิซี ผู้นำของเผ่าเอลฟ์รัตติกาล

 

#ไม่ต้องมีคำบรรยายใดใด สักคำให้ลึกซึ้ง…  อู้ไปนานครับ

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Status: Ongoing
จู-อินกอง เกมเมอร์หนุ่มผู้กำลังกระดี้กระด้าเนื่องจากเกมโปรดของเขาได้รับการนำกลับมาทำใหม่ให้ไฉไลยิ่งกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี VR  แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้เขาหลุดเข้ามาเผชิญกับเรื่องต่างๆ ราวกับเข้ามาอยู่ในเกมโปรดที่ว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดบทบาทของเขาดันเป็นตัวประกอบกระจ้อยร่อยที่จะถูกฆ่าตายกลางเกม  จู-อินกองจึงต้องใช้ประสบการณ์เกมที่เขาสั่งสมเอาไว้หาหนทางเอาตัวรอดจากความตายที่กำลังมาเยือน โดยหารู้ไม่ว่าเขามิเพียงกำลังเปลื่ยนโชคชะตาตัวเอง แต่ยังรวมไปถึงชะตาตัวละครรอบข้างและโลกทั้งใบ  นี่คือเรื่องราวของจู-อินกอง ผู้เป็นพระเอกของโลกใบนี้(?)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท