กิลด์ซินเนสทีเซีย – ตอนที่ 4 ภารกิจ

กิลด์ซินเนสทีเซีย

หลังจากวันนั้น ฉันก็ได้อาศัยอยู่ที่โรงแรมที่ห่างจากกิลด์ไปสองช่วงตึก และ ต้องเข้ารับบทเรียนพื้นฐานของนักผจญภัยเป็นเวลา 2 วัน

และวันนี้คือวันที่จะได้รับภารกิจแรงค์ C เป็นครั้งแรก เอี๊ยด! เสียงประตูไม้ที่ถูกดันออก 

“คุณมิยะสวัสดีค่ะ” 

ฉันโบกมือทักทายคุณมิยะที่กำลังนั่งอ่านรายงานอยู่เคาน์เตอร์ เธอยิ้มให้ก่อนจะก้มหน้าอ่านรายงานต่อ ฉันเดินไปดูบอร์ดประกาศภารกิจ

“อืม! จะทำอะไรดีเนี่ย ”

“นี่ !” คนที่เดินมายืนข้างฉันคือ กิลด์มาสเตอร์ ฉันยังจำการต่อสู้วันนั้นได้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าคน ๆ นี้ใช้เพียงพลังกายในการเอาชนะเรา

“อ…อะไรเหรอคะมาสเตอร์” เขาดึงใบประกาศเควสยื่นมาให้ “ไปทำเควสนี้ให้ทีสิ” 

“เอ๊ะ! แต่นี่มัน” เควสที่เขายื่นให้คือ ช่วยดูแลเด็กที่ไปเก็บสมุนไพรในป่าใกล้เมือง เป็นเควส E แรงค์ 

“อย่าได้คิดว่าเควสแรก จะไปไล่ฆ่ามอนสเตอร์ตัวเป้งในป่า เอาแค่เควสนี้ให้มันรอดก่อน กลับมาค่อยว่ากัน” 

จากนั้นเขาก็เดินจากไป ถ้าสังเกตดี ๆ ดวงตาของเขาดำขลับทั้งเส้นผมที่ยุ่ง ๆ นั่นยังเป็นสีดำ ช่างเป็นเอกลักษณ์โดยแท้

ยังไงก็เป็นงานที่กิลด์มาสเตอร์เลือกให้ไปทำหน่อยแล้วกัน “เอ้าซีฟานจัง จะไปทำเควสอะไรเหรอ” คุณมิยะเงยหน้าขึ้นมาพอดีก่อนที่ฉันจะเดินไปถึงเคาน์เตอร์

“เอ่อ เควสนี้ค่ะ” ฉันยื่นใบประกาศแบบเก้ง ๆ กัง ๆ “หืม กิลด์มาสเตอร์สินะ” 

ทำไมถึงรู้ได้ทันทีขนาดนี้กันนะ 

“ค..ค่ะพอดีกิลด์มาสเตอร์วานให้ไปทำน่ะ” 

คุณมิยะยิ้มให้ฉันก่อนจะยื่นใบเควสกลับมาให้ 

“ดีแล้วจ่ะ ยังไงก็พยายามเข้านะจ๊ะ”

เวลาคุณมิยะยิ้มนี่ ช่างดูสวยมากเลยจริง ๆ รอยยิ้มแบบนั้นเข้ากับผมสีแดง ตาสีทองมากเลย

 

จากนั้นฉันได้เดินไปตามข้อมูลที่เขียนไว้ในกระดาษ แต่ก็นานพอควรเลยล่ะกว่าจะมาถึง 

เมืองใหญ่นี่ช่างน่าปวดหัวกับเส้นทางเสียจริง

พอเดินมาถึงหน้าสถานที่ในใบประกาศถึงได้รู้ว่าเป็นสถานเลี้ยนเด็กกำพร้า 

“สวัสดีค่ะคุณอัศวิน ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” 

คุณแม่ชีคนหนึ่งเดินออกมา ผมสีฟ้าอ่อนปล่อยยาวถึงสะเอว มีผ้าคลุมที่หัว ดวงตาเปล่งประกายสีทองอย่างกับดวงดาวแถมรอยยิ้มที่ยิ้มให้ช่างน่าหลงไหล 

“อ…อะ..ค่ะ…เอ่อคือกิลมาสเตอร์ให้มาทำเควสที่นี่น่ะค่ะ” 

ฉันยื่นใบประกาศให้เธอ 

“แหม! หายากนะเนี่ยที่เขาจะให้คนอื่นมาทำแทน” 

เธอใช้มือจับที่แก้มทำท่าทางสงสัย

“เอ๊ะ ถ้างั้นทุกครั้งใครเป็นคนทำเหรอคะ” 

ทำไมเธอพูดเหมือนกิลด์มาสเตอร์มาทำเองเลยล่ะ 

“เดี๋ยวเข้าไปคุยกับข้างในดีกว่านะจ๊ะ” เดี๋ยวบอกกันก่อนสิคะคุณเเม่ชี

ฉันเดินตามเธอผ่านสวนที่เด็กกำลังเล่นกัน น่าจะประมาน 15 16 คนได้ ส่วนมากยังเป็นเด็กเล็กอยู่เลย 

พอถึงโต๊ะคุณแม่ชีได้นำเค้กพร้อมน้ำชามาเสิฟ 

“ทานได้ตามสบายเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันขอไปตามเด็กที่จะไปกับเธอมาก่อน” 

จากนั้นเธอก็เดินหายไปแต่ที่ต่างคือ เด็ก ๆ พวกนี้มาจากไหนเนี่ย!

“เน่ ๆ พี่สาวมาจากไหนเหรอ” 

“พี่สาวจะพาพวกพี่ริช ไปเที่ยวอีกแล้วเหรอ” 

“ทำไมถึงไม่พาเราไปด้วยล่ะ เน่ ๆ ให้เราไปด้วยนะ” 

เด็ก 3-4 คนมากอดตรงขาของฉันจากนั้นก็เริ่มโวยวายเรื่องที่เราก็ยังไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ

“นี่อย่าทำให้พี่สาวเขาลำบากใจสิ” 

เสียงของเด็กหนุ่มที่เดินออกมาทางฝั่งที่คุณแม่ชีที่เพิ่งออกไป 

สายตานิ่งขรึมรูปร่างดูเหมือนจะมีกล้ามเล็กน้อย 

“สวัสดีครับ ผมชื่อริช ส่วนนี่ นีน่าและเอลซ่า พวกเราสามคนจะไปเก็บสมุนไพรในป่าครับ น่าที่ของคุณคือช่วยดูแลเราจนกว่าจะกลับมาถึงที่นี่ ทำได้ใช่มั้ยครับ” 

เอ๊ะเด็กนี่มันอะไรกัน ทำไมฟังดูเหมือนว่าเราโดนดูถูกยังไงไม่รู้ 

“ด…ได้อยู่แล้วน่า เห็นแบบนี้ฉันก็อยู่แรงค์ C เลยนะแรงค์ C ” 

แล้วทำไมเราต้องรนลานด้วยล่ะเนี่ย 

“หืม!!” เด็กสาวที่ชื่อนีน่า ยื่นหน้าเข้ามาไกล้พร้อมหลี่ตาลง 

“เอาเถอะ” เอ๊ะ อะไรคือเอาเถอะแล้วนี่ตกลงมันยังไงกันเนี่ย 

หลังจากที่แนะนำตัวกันและเตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นพวกเราสี่คนก็ได้ออกเดินทาง 

ใช้เวลาประมานชั่วโมงกว่า ๆ ก็มาถึงชายป่า นี่คือป่าที่ไกล้เมืองที่สุด

“นี่ทำไมเธอถึงพกดาบด้วยล่ะ” 

ฉันสังเกตว่า เด็ก ๆ พวกนี้พกดาบสั้นคาดที่หลังสะเอวกันทั้งสามคน หรือจะใช้เพื่อเก็บสมุนไพรกัน

“ก็เพื่อป้องกันตัวสิถามได้” 

“มีชั้นอยู่ทั้งคน ไม่เห็นเป็นไรเลย” 

ฉันพูดขึ้นทันควันโดยไม่ทันคิดให้ถี่ถ้วนก่อน และคำที่ได้กลับมาคือ

“หน้าที่คุ้มกันมันก็หน้าที่คุณอยู่แล้ว แต่ใครจะรู้ล่ะว่าได้สักแค่ไหน” 

โอ้ยยยย!! ขอสักป๊าบได้มั้ยเนี่ย ฉันรู้สึกว่าตรงหัวจะมีเส้นเลือดปูดขึ้นเลยล่ะค่ะ

“เดี๋ยวพวกเราจะเข้าไปเก็บ สมุนไพรแถวนั้นนะคะ” 

เด็กสาวที่ชื่อเอลซ่าวิ่งตรงไปยังไกล้ ๆ ถ้ำ ดูเหมือนพวกเธอจะคุ้นเคยกับแถวนี้ดีพอควร

“มีอะไรให้ชั้นช่วยมั้ยจ๊ะ” 

ฉันเดินเข้าไปหานีน่าที่กำลังนั่งมองหาสมุนไพรอยู่ก่อนที่ริชจะพูดขึ้นมาว่า 

“คนคุ้มกันมีหน้าที่คอยระวังความเรียบร้อยและปลอดภัย ถ้าคนคุ้มกันมาเก็บสมุนไพรใครจะเป็นคนคอยระวัง นี่พี่โซไม่ได้สอนเหรอไง”

อึ๋ย! นี่มันเด็กอะไรกันเนี่ย บอกทีเถอะว่าอายุ 13 จริง ๆ ฉันนึกว่าผู้ใหญ่ร่างเด็ก 

“ต….แต่ชั้นเคยอยู่ในหุบเขามาก่อนนะ ฉันรู้จักกับสมุนไพรเยอะแยะเลยล่ะ” 

เราอาศัยอยู่ในป่ามาตั้งแต่เด็กเรื่องพวกนี้น่ะเราถนัดจะตายไป

“เหรอ? งั้นนี่คืออะไร” ริชหยิบต้นอะไรสักอย่างออกมาจากตระกร้า 

“ต้นหญ้ารักษา” 

“แล้วนี่ล่ะ” จากนั้นเขาหยิบอีกต้นขึ้นมา “หญ้าถอนพิษ” “นี่ล่ะ” “ต้นหัวใจสไลม์” “นี่ล่ะ” “ต้นหางมังกร” ………..

พวกเราทำแบบนั้นอยู่สักพักใหญ่จนนี่น่าและเอลซ่าเหมือนมานั่งดื่มน้ำดูโต้วาที 

“แล้วนี่ล่ะ” “หญ้าน้ำค้างแข็ง”

“หืม! ถือว่าใช้ได้” 

“แน่นอนอยู่แล้ว” 

เอ๊ะ! เดี๋ยวนะนี่เหมือนเราเป็นเด็กที่ถูกวัดความรู้เลยนิ เจ้าเด็กนี่มัน…..

หลังจากพักเหนื่อยพวกเราได้เข้าไปลึกขึ้นอีกนิดหน่อย 

“แถวนี้มีหมาป่าด้วยนะคะพี่ ซีฟาน” 

แถวนี้ดูเป็นป่าทึบจะมีหมาป่าก็คงไม่แปลก แต่ถ้าออกมาเดี๋ยวชั้นจะโชว์ฝีมือให้พวกเธอได้เห็นจนต้องพูดว่าชั้นสุดยอดให้ดูเลย ฮุฮุ

“ถ้าเกิดมันโพล่มาฉันจะจัดการให้เอง” ฉันใช้มือค้ำสะเอลสองข้างยืดอกขึ้น

“ให้มันจริงเถอะ!” 

หึ่ย ทำไมยิ่งนานไปดูเหมือนเด็กนี่ยิ่งเสียดสีเก่งขึ้นจังเลยนะ

ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลง ดูเหมือนวันนี้จะได้เวลากลับกันแล้วสินะ

 “เอาล่ะวันนี้คงพอแล้วล่ะครับ กลับกันเถอะ” 

เห้อ! การคุ้มกันไม่เหนื่อยหรอก ที่เหนื่อยคือหาวิธีรับมือเด็กนี่ต่างหาก

พวกเราเดินกลับออกมาทางเดิมก่อนจะมาหยุดที่หน้าถ้ำ 

แสงตะวันเริ่มกลายเป็นสีส้มอ่อน ๆ แล้วตอนนี้ พอค่ำลงถ้ำที่เคยคิดว่าปกติก็ดูเหมือนน่ากลัวขึ้นเหมือนกันนะเนี่ย

“วันนี้ก็ได้เยอะเหมือนเคยเลยนะเนี่ย” 

“ถ้าเป็นแบบนี้คงได้อีกสักอาทิตย์กว่า ๆ เลยล่ะ” 

เอลซ่า นีน่าเดินคุยคิกคักอย่างสนุกสนาน โดยมีรีชเดิมตามส่วน ฉันเป็นคนเดินรั้งท้าย

ในตอนไกล้ที่จะเดินถึงชายป่านั้น ตรงหน้าของทั้งสองก็ปรากฏเงาของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ ค่อย ๆ เดินตะคุ่ม ๆ เข้ามา 

สัญชาตญานของฉันมันบอกได้ทันทีว่าเจ้าสิ่งนั้นอันตราย 

ก่อนที่มันจะเผยตัวออกมาฉันรีบพุ่งตัวไปด้านหน้าของทั้งสอง พร้อมกับชักดาบตั้งท่าเตรียมพร้อม

“อย่าออกห่างจากฉันนะเด็ก ๆ” 

สีหน้าของทั้งสองดูตกใจมาก ก่อนจะพยักหน้าและกุมมือกันไว้มืออีกข้างแตะที่ด้ามดาบ 

ส่วนริชก็ชักดาบออกมายืนประกบด้านหลัง 

เงาสีดำค่อย ๆ เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ นั่นจึงทำให้รู้ว่าเจ้านี่ตัวใหญ่มากขนาดไหน 

“อิ๊กกี้ ฝากพวกเขาด้วย” กิ้ว นกน้อยตัวสีเหลืองออกจากกระเป๋าบินขึ้นไปจับบนหัวของเอลซ่า

ร่างสีเทาสูงประมาน 2 เมตร ค่อย ๆ โพล่ออกมาจากพุ่มไม้ตรงหน้า 

สันจมูกของมันมีเขาเหมือนกับแก้วคริสตัลตั้งชี้ขึ้นสะท้อนกับแสงอาทิตย์ สายตาที่จ้องมาที่เราแข็งกร้าว เสียงครางในลำคอที่สั่นเป็นจั่งหวะพร้อมกับเขี้ยวที่แยกออกมา 

ฉันรับรู้ได้ทันที่ว่าเจ้านี่เตรียมพร้อมที่จะพุ่งเข้ามาทุกเมื่อ ทำยังไงดีถ้าเกิดมันพุ่งเป้าไปยัง เด็กพวกนี้เราจะกันได้มั้ย 

“ต้องโจมตีก่อน อั๊ค ” 

กิ้งก่าสีแดงโพล่ออกมากลางอากาศลอยอยู่บนไหล่ข้างขวา ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่หมาป่าตัวนั้น 

ไฟเยอร์เบลด! 

ในจังหวะที่ไฟกระทบกับตัวหมาป่าฉันพุ่งไปทางด้านซ้ายเพื่อล่อให้มันหันมา 

ฉันตัดสินใจกระโดดถีบตรงช่วงลำตัวของมัน ก่อนที่จะกระโจนถอยหลังกลับมา 

พอได้รับแรงกระแทกเจ้าหมาป่าก็หันมาสนใจเราจนได้ 

”  อิ๊กกี้ สร้างอานาเขตสายฟ้า” 

นกตัวน้อยกางปีออกก่อนจะมีกรงรูปร่างเป็นกระแสไฟฟ้าคลุมพวกเด็ก ๆ ไว้ 

ย้าก! ฉันตัดสินใจพุ่งเข้าใส่มัน แน่นอนเจ้านั้นคำรามลั่นก่อนจะพุ่งตรงมาพร้อมอ้าปากกว้างเขี้ยวของมันดูใหญ่เกือบจะเท่าด้ามดาบ เรียงกันพร้อมที่จะขย้ำ ในจังหวะที่ปากของมันเข้ามาไกล้กับดาบของฉัน 

“ไฟเยอร์เบลด” เอาไฟร้อน ๆ เข้าปากไปเลย 

เจ้านั้นงับปากลงก่อนจะใช้มือตะปบมาโดนสีข้างของฉัน แรงกระแทกทำให้ตัวฉันพุ่งชนกับต้นไม้อย่างจัง อััก! 

ให้ตายเถอะแรงอะไรกันเนี่ย มันอ้าปากอีกครั้งก่อนจะมีลำแสงพุ่งออกมาจากปากของมัน 

“แย่แล้ว”

ฉันม้วนตัวหลบไปทางด้านซ้าย หลังจากสังเกตแล้วเจ้านี่ไม่ใช่มอสเตอร์หมาป่าธรรมดาแน่นอน ทั้งขนาดและพลังจากการแค่ปล่อยลำแสงทีเดียวเล่นเอาก้อนหินทะลุได้เนี่ย 

มันน่าจะระดับ B แล้วมั้ง คงต้องทุ่มสุดกำลังแล้วล่ะ 

“อั๊ค สวมเกราะ!”

เปลวไฟค่อย ๆ โอบล้อมรอบ ๆ ตัวจากขาขึ้นมาสะเอล และหุ้มเป็นก้อนกลม ก่อนจะแตกออก

 จากชุดเกราะสีเงิน ตอนนี้กลายเป็นสีแดง ผมที่เคยมัดหางม้าตอนนี้ถูกรวบห่อเป็นเหมือนช่อดอกไม้อยู่หลังหัว

“ต้องจบให้ได้ ภายใน 5 นาที” 

ฉันพุ่งเข้าใส่มันเต็มกำลัง พละกำลังของฉันหลังจากใช้ร่างนี้จะเพิ่มเป็นสองเท่า 

แต่ต้องแลกมาพร้อมกับการผลาญพลังเวทมากเลยทีเดียว เหมือนว่าเจ้านั้นจะรู้ตัวมันกระโจนถอยหลังก่อนจะมีแสงเปล่งขึ้นตรงเขาของมัน

โบร๊ว!!! 

“แสงมัน!” แสงสีขาวสว่างจ้าทั่วทั้งพื้นที่ 

แย่แล้วแบบนี้เรามองไม่เห็นอะไรแน่ ในตอนที่คิดแบบนั้นอยู่อุ้งเท้าอันใหญ่ตบมาที่ข้างลำตัวของฉันอย่างจัง

ปัก! 

แต่มันไม่เหมือนคราวก่อนหรอกนะ ฉันใช้แขนคว้าขาของมันไว้ก่อนจะจับมันทุ่มลง

เอ๊ง! 

สันหลังของมันโดนทุ่มกระแทกพื้นเผยให้เห็นหน้าท้องที่เป็นจุดไร้การป้องกัน 

ฉันกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า ยกดาบขึ้นเหนือหัวเปลวไฟโอบล้อมรอบใบดาบ “ไฟเยอร์เบลด เอ็กโพชั่น!” 

จากนั้นดิ่งตรงพุ่งใส่เจ้าหมาตัวนั้น ตู้ม!

แรงกระแทกทำให้ฉันต้องกระโจนถอยหลังออกมาเล็กน้อย และรอดูผลลัพธ์ของสิ่งที่เกิดขึ้น

มือและขาของเราเริ่มสั่นแล้ว นั่นเป็นตัวบอกว่ามานาใกล้หมด 

เขม่าควันค่อย ๆ จางไป ก่อนจะเผยให้เห็นร่างของเจ้าหมาป่าที่ยืนตระหง่านไร้รอยขีดข่วน

“อะไรกันโดนไปขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ ” 

แรงของเราใกล้หมดแล้ว อย่างน้อยต้องช่วยเด็กพวกนั้นให้ได้ 

ฉันหันไปหาพวกเด็ก ๆ ที่ห่างออกไปประมานหนึ่ง 

“พวกเธอชั้นจะยื้อมันไว้ พวกเธอวิ่งให้เร็วที่สุดซะ ฝากพวกเขาด้วยนะอิ๊กกี้” 

จากนั้นนกน้อยปลดกรงออกก่อนจะร้องแล้วบินนำทางพวกเด็ก 

“รีบไป!”

จนกว่าพวกนั้นจะออกไปจากป่าได้ฉันจะเล่นกับแกเอง

ย้าก! เราเข้าห้ำหั่นกันต่อไปอีกสักพัก ดูเหมือนเจ้านี้จะสร้างโล่มานาได้ด้วย นี่มันไม่ใช่มอสเตอร์ธรรมดาแล้ว

 

ห่างจากจุดต่อสู้ไม่ไกลนัก

“นี่ ริชพี่ซีฟานจะเป็นอะไรรึเปล่า”

นีน่าหยุดวิ่งทำหน้าท่าทางกังวลเหมือนจะร้องให้

“เอาเถอะน่ายังนั่นบอกให้วิ่งก็วิ่งไปก่อนเถอะ”

“แต่ว่า ดูเหมือนพี่เขาจะฝืนตัวเองอยู่นะ”

“ไม่เป็นหรอกยังไงยัยนั้นก็ไม่ตายหรอกน่า”

จากนั้นเขาก็พลัก นีน่าและวิ่งไปที่ชายป่า

 

กลับมายังจุดต่อสู้ 

“ให้ตายเถอะ ไม่เคยเจอมอสเตอร์แบบนี้มาก่อนเลย”

ดูเหมือนมานาเราจะหมดแล้วด้วย ชุดเกราะก็กลับเป็นแบบเดิมแล้วครึ่งตัว 

“คงมาได้แค่นี้สินะ แต่ชั้นไม่ยอมแพ้หรอก”

อาจจะคิดไปเองก็ได้แต่พอเห็นเจ้านี่แยกเขี้ยวแล้ว เหมือนมันกำลังยิ้มใส่เราอยู่เลย

“คงต้องใช้ท่าสุดท้ายแล้วสินะ” 

นี่เป็นสกิลที่ฉันถูกคุณย่าสอนมาตั้งแต่เด็ก เป็นสกิลที่ยืมพลังของธรรมชาติโดยรอบเพื่อกักเก็บไว้ในตัวให้ได้มากที่สุด แล้วปล่อยออกไปในที่เดียว เป็นพลังที่แรงที่สุดของชั้นแล้ว แต่ต้องแลกมาด้วยร่างกายต้องรับภาระหนักจนไม่สามารถขยับตัวได้

ฉันปักดาบลังพื้นก่อนจะมีแสงสีทองเปล่อล้อมรอบตัว 

เจ้าหมาตัวนั้นมันกลับไม่กระโจนเข้ามา แต่มันกลับยืนจ้อมมายังเรา ก่อนที่มันจะตั้งท่า 

“ดูเหมือนแกก็จะตัดสินด้วยท่านั้นสินะ”

เขาของมันเปล่าแสงสีเเดง ขนของมันตั้งขึ้นทั้งตัวก่อนจะอ้าปากกว้าง ลำแสงครั้งนี้ดูท่าจะแรงกว่าเดิม

ร่างของฉันเริ่มเปล่งแสงสีทอง ผมสยายลอยปลิวไสว เสียงกระเพื่อมของพลังงานรอบ ๆ ตัวเริ่มดังแรงขึ้นก่อนที่ตัวของฉันจะลอยขึ้นกลางอากาศ

“นี่คือทั้งหมดของชั้น!” พลังงานสายธานสีทองพุ่งหมุนรอบตัวโอบอุ้ม และหมุนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่ทั้งหมดจะไปรวมเข้าที่ดาบ 

“overload!” ฉันฟาดดาบลงกลางอากาศพลังทั้งหมดพุ่งตรงใส่เจ้าหมาป่า

ในเวลานั้นเจ้านั่นก็ปล่อยลำแสงสีแดงออกจากปากพุ่งตรงมากที่ฉันเช่นกัน

แรงปะทะของพลังทำให้ต้นไม้แถวนั้นทนรับไม่ไหวสลายหายไปเหลือเพียงพื้นที่ว่าง ๆ แม้เเต่ต้นหญ้าสักต้นก็ไม่มี 

“ถึงขนาดนี้ยังเอาแกไม่ลงอีกเหรอ?” หมาป่าตัวนั้นยังยืนตั้งตระหง่าน ไร้รอยขีดข่วนเหมือนเดิม 

มีเพียงตัวเราที่กำลังร่วงจากท้องฟ้า “หายตายเถอะ ใครว่างานคุ้มกันมันง่านกันนะ”

ภาพสุดท้ายที่เห็นคือหมาป่าตัวนั้นพุ่งกระโจนมาใส่ตัวเราด้วยความเร็ว

 

“อา ขอโทษด้วยค่ะอาจาร์ยหนูคงรออาจาร์ยกลับมาไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”

 

กิลด์ซินเนสทีเซีย

กิลด์ซินเนสทีเซีย

Status: Ongoing
“โซดิแอ็ด” ได้ก่อตั้งกิลด์ ซินเนสทีเซียขึ้นมา พร้อมกับผู้ติดตามของเขาอีก 3 คน หลังจากที่มีผู้คนในกิลด์เยอะขึ้น ทั้งสามคนก็สาธยายความโหดความเก่งของหัวหน้ากิลด์ให้แก่เหล่าลูกกิลด์ได้ฟัง แต่จนเวลาผ่านไป 5 ปี เหล่าลูกกิลด์ก็ยังไม่เคยเห็นความโหดของกิลด์มาสเตอร์เลยสักครั้ง นั่นจึงทำให้ผู้คนในกิลด์เรียกเขาว่า “fakemaster”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท