“เอาล่ะ ตามรายงานการสำรวจ ของทีมสำรวจนั้น ได้มีการยืนยันแล้วว่า มีหมาป่าปีศาจคอยลาดตระเวนตรงทางเข้าส่วนแรก ไปถึงส่วนกลาง ลึกเข้าไปจะแยกเป็น 2 ส่วน คือกลุ่ม ออร์ค และ โทรล หากผ่านสองส่วนนี้ได้จะเจอกับประตูห้องของบอสดันเจี้ยน ซึ่งยังไม่เป็นที่เปิดเผยว่าคือตัวอะไร จากระดับที่ประเมินขอประกาศเควสระดับ C ปาร์ตี้ ขึ้นไป”
[ C ปาตี้คือการรวมตัวของระดับ D 3 คนขึ้นไปเพื่อให้ความสามารถการต่อสู่เทียบเท่า C แรงค์ ]
“และ! ไม่อณุญาติให้ C แรงค์เข้าไปเพียงคนเดียวเด็ดขาด ผู้ที่ต้องการที่จะเข้าไปให้จัดตั้งปาร์ตี้ และยื่นรายชื่อยังหน้าเคาน์เตอร์ให้เรียบร้อย”
ท่าทางและหน้าตาที่จริงจังของเขานั้น บอกให้รู้ว่านี้เป็นสิ่งสำคัญต้องปฏิบัติตามเท่านั้น
“แน่นอนว่าไม่อณุญาติให้ไปยุ่งกับห้องบอส จนกว่าแรงค์ A ของกิลด์เราจะกลับมาในอีก 2 วัน”
การที่จะเปิดห้องบอสนั้นมันง่าย แต่การหนีจากบอสที่มองเราเป็นศัตรูนั้นแสนยาก นั่นจึงเป็นหน้าที่ของนัก สอดแนม และยิ่งเป็นดันเจี้ยนที่มีความยากสูงยิ่งมีบอสที่แข็งแกร่ง การจะหนีรอดมาได้ต้องใช้ความสามารถอย่างมาก
“จนกว่า นักสอดแนม ของเราจะกลับมาขอให้ทุกคนอย่าได้ไปยุ่งกับห้องบอสเด็ดขาด”
“รับทราบ!”
ทุกคนรับทราบและเข้าใจถึงจุดหนั้นดี แต่ก็เป็นที่น่าตื่นเต้นเช่นกัน เพราะหลังจากที่จอมมารตนล่าสุดถูกสังหารไป ดันเจี้ยนก็ไม่เกิดขึ้นอีกเลย เหลือเพียงดันเจี้ยนที่ถูกเคลียในแต่ละพื้นที่ พร้อมกับมอนส์เตอร์เล็กน้อยที่เกิดตามระยะเวลา
แน่นอนว่าแบบนั้นมันดีและสงบสุข แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเสียรายได้หลักของนักผจญภัย
“นี่ ดันเจี้ยนเกิดขึ้นได้ยังไงเหรอคะ”
ซีฟานพูดขึ้นด้วยสีหน้างุนงงสงสัย ทำเอาทุกคนชงักไปชั่วขณะ
เป็นเรื่องธรรมดาที่ซีฟานจะไม่รู้จักการกำเนิดของดันเจี้ยน เพราะการที่เธอเกิดมาอยู่เพียงในป่าตั้งแต่เด็ก และจอมมารที่ถูกสังหารไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเธออายุเพียง 7 ขวบเท่านั้นเอง
มิยะได้อธิบายให้เธอฟังว่า
การเกิดดันเจี้ยนนั้น เป็นผลมาจากพลังมานาของธรรมชาติถูกหลอมรวมเข้ากับมานาของจอมมารที่ฟุ้งมาตามอากาศยิ่งพื้นที่ใกล้กับจอมมารเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสเกิดดันเจี้ยนที่แข็งแกร่งมากขึ้น
สามารถพูดได้ว่าพื้นที่ประเทศใกล้ทวีปปีศาจตอนนี้คงได้รับผลกระทบอย่างมากเลยล่ะ
“แล้วทำไมถึงมีจอมมารล่ะคะ”
นั่นเป็นคำถามที่ไม่มีใครหาข้อสรุปได้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทุกยุคสมัยเหตุใดถึงมีจอมมาร และเหตุใดถึงมีผู้กล้า
บางตำนานเล่าว่า จอมมารเกิดจากพลังของความเคียดแค้นที่ก่อตัวขึ้นเป็นกลุ่มก้อนของพลังด้านลบของโลกนี้
หรือในคัมภีร์กล่าวไว้ว่า จอมมารคือปีศาจที่รับพลังจากเทพแห่งความโกลาหลเพื่อทำหน้าที่ทำให้โลกนี้ล่มสลาย และผู้กล้าคือตัวแทนแห่งทวยเทพผู้มีหน้าที่หยุดการทำลายล้างของจอมมาร
และตามหลักแล้วหากจอมมารตนหนึ่งถูกสังหาร การที่จอมมารตนใหม่จะเกิดขึ้นมาอย่างต่ำก็น่าจะ 300 – 500 ปี แต่นี่ยังไม่ถึง 10 ปีกว่าเลยด้วยซ้ำ นั่นทำให้เห็นว่าตำนานหรือเรื่องเล่าไม่ใช่ความจริงเสียทั้งหมด
“จอมารที่เกิดจากเทพแห่งความสับสนน่ะ ได้ตายเมื่อ 500 ปีที่แล้ว ตามคัมภีร์นั่นแหละ แต่จอมมารรุ่นหลังเกิดจากการทำสัญญากับปีศาจแห่งนรก หรือเรียกว่าจอมมารเก๊ก็ได้”
นั่นคือเสียงของ โซ ที่เดินเข้ามาลูบหัวของ ซีฟาน
“และนี่คือข้อมูลล่าสุดที่บอกได้ ขอให้ทุกคนจำไว้ ถึงจะไม่น่าเชื่อแต่คือเรื่องจริง และพลังของมันก็ไม่ได้มากเท่าจอมมารที่แท้จริง แต่ก็ไม่ได้น้อยจนคนอย่างพวกเราจะจัดการได้”
ทุกคนที่ได้ยินต่างทำหน้าตาไม่เชื่อกับสิ่งที่ โซ พูดออกมา เพราะข้อมูลที่ว่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาจากไหน จนโซถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เห้ออ นี่พวกนายอยู่สบายจนลืมแล้วเหรอว่า แม่หญิง แอสเทอรี่ ของเราเป็นใคร”
ทุกคนครุ่นคิดอยู่ชั่วพักหนึ่งก่อนจะมีเสียงตะโกนดังขึ้น
“ว๊ากกกกก”
“อะไรของแกเนี่ย”
“แอสเทอรี่ แอสเทอรี่ บลูสตาร์ วีรสตรี แห่งประเทศ และเป็น…..1 ใน ผู้เดินทางไปปราบจอมมารกับกลุ่มผู้กล้า”
ทุกคนเงียบไปพักนึง ก่อนจะมีเสียงซุบซิบหนาหูขึ้น
“เฮ้ยจริงดิ”
“แกเข้ามาได้ไม่นานเลยไม่รู้อ่ะดิ”
“ถึงไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็จริงแฮะ”
“นี่เราเห็นด้านแปลก ๆ จนลืมว่าหล่อนเป็นใครไปแล้วเหรอเนี่ย”
แอสเทอรี่ บลูสตาร์ 1 ใน ปาร์ตี้ของผู้กล้าทั้ง 5 คน นักดาบผู้ยืนเทียบคู่ในสงครามพร้อมกับผู้กล้า และ เป็นผู้ที่ได้รับรู้เหตุและผลในการกำเนิดจอมมาร ซึ่งนั่นคือเรื่องเมื่อ 10 ปี ที่ผ่านมา
“เอาล่ะแม้จะเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือไม่มากก็น้อย แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย”
มิยะปรบมือเรียกสติผู้คนที่กำลังชุลมุนกันอยู่
“เพราะฉนั้นขอให้ทุกคนระวังตัวในการสำรวจกันด้วย หากเห็นท่าทีไม่ดีให้ถอยทันที อย่าได้โลภกับสิ่งของตรงหน้าเด็ดขาด เข้าใจไหม”
“รับทราบ”
และการสำรวจดันเจี้ยนก็ได้เริ่มต้นขึ้น
.
.
.
.
.
“นี่ คุณซีฟาน อายุเท่าพวกเราเหรอเนี่ย”
“พวกเรานึกว่าเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ซะอีก”
“อะไรกันนี่ฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ใช่ ๆ ทั้งรูปร่างหน้าตาสวยอย่างกับสาววัย 20 เลยล่ะค่ะ”
“แหม พูดแบบนี้ก็เขิลแย่เลยค่ะ”
3 สาวที่กำลังเดินตามขอบถ้ำเพื่อสำรวจพื้นที่ คุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน
เนื่องจากการเข้าดันเจี้ยนต้องเข้าเป็นปาร์ตี้ ซีฟานจึงรวมปาร์ตี้กับกลุ่มของเลโอ ที่อยู่แรงค์ E
ที่นำด้วย เลโอ นักดาบ
ฟีโอร่า นักเวทสายซัพ
เรน่า นักเวทโจมตี
ทั้งสามต้องอยู่ในความดูแลขอซีฟาน เนื่องจากตำแหน่งแรงค์ที่ต่างกัน หัวหน้าปาร์ตี้นี้จึงเป็น ซีฟาน
การสำรวจเริ่มเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยจนมาถึง โซนทางแยก
“ทางหนึ่งคือ ออร์ค อีกทาง โทรล”
เรน่ากางแผนที่ขึ้นมา ตรงมุมกระดาษจะเขียนรายละเอียดของแต่ละพื้นที่ ที่ถูกสำรวจไปแล้วไว้
“ออร์ดมีกำลังที่มหาศาล แต่แลกมาด้วยการเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า ส่วนโทรลแม้พลังอาจไม่เท่าออร์ด แต่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ ”
เธออ่านข้อมูลให้ทั้งหมดฟังก่อนที่ทั้ง 4 คน จะเข้ามามุงดูแผนที่
“เราจะไปทางไหนดีเนี่ย”
“งั้น ไปทางโทรลกันเถอะ น่าจะดีกว่า แถมเราสามารถใช้เวทลดการฟื้นฟุกันมันได้ด้วย คิดว่ายังไง”
ฟีโอร่า เสนอขึ้นมา และดูเหมือนทุกคนจะคิดเห็นเป็นเสียงเดียวกัน
“งั้นก็ทางขวาสินะ”
“อื้อ!”
.
.
.
.
.
.
.
“ดันเจี้ยน ไม่เกิดมาเป็น 10 ปีแล้ว อยู่ดี ๆ มาเกิดช่วงนี้ มันแปลก ๆ นะ”
มิยะที่นั่งใช้มือสองข้างค้ำที่มุมแก้ม จ้องมองมาที่ โซ
“แล้ว สการ์ว่าไงบ้าง”
“ดูเหมือนจะเป็นสายเลือดของจอมมาร ที่ไม่ได้เข้าร่วมในสงครามน่ะ”
“เห๋ พวกขี้ขลาดแบบนั้น ยังเป็นจอมมารได้อีกเหรอ”
“ก็เคยบอกแล้วนิว่ามันต่างกับของเทพโกลาหล”
“แบบนี้ ถ้าเกิดฉันทำสัญญากับปีศาจก็เป็นนางมารได้เหมือนกันน่ะสิ”
เธอพูดพร้อมทำหน้าตาหยอกเย้า ยิ้มให้
“มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกน่า”
“จ้า ๆ ก็พูดไปงั้นแหละ”
เธอลุกจากเก้าอี้ยกมือบอกปัดเดินไปยังเคาน์เตอร์
ตอนนี้ในกิลด์เหลือเพียง พนักงานเคาน์เตอร์ สอง สาม คน นักผจญภัยแรงค์ F E D ประมาน 10 กว่าคนเท่านั้น
“แล้วใครจะมารับเควสให้ล่ะเนี่ย เหลือกันแค่นี้เอง”
สาวเคาน์เตอร์นาม วีร่า ยืดแขนออกโน้มตัวหมอบไปกับเคาน์เตอร์
ดันเจี้ยนที่ไม่เกิดขึ้นมา 10 กว่าปีจะต่างอะไรกับกล่องสัมบัติที่ใครก็อยากจะเปิด
นั้นจึงทำให้การทำเควสภายนอกอาจหยุดชงักไปสักพักนึง
“เอาน่าก็แค่ช่วงแรกเท่านั้นแหละ เดี๋ยวก็กลับมาเป็นปกติ”
“แล้วไอ้จอมมารบ้านั้น อยู่ ๆ ทำไมก็โผล่ออกมากันเล่า อยากไปเยี่ยมโลกหน้าอีกคนรึไงกัน”
“เดี๋ยวทาง อาณาจักรก็คงประกาศเองแหละ เราก็ทำได้แค่รอเวลาแค่นั้นเอง”
“เห้อออ!! น่าเบื่ออ่าาา!
ปัง!
“กลับมาแล้ว!!!”
“กลับมาแย้ว!!!”
ตรงประตูทางเข้า คือร่างของหญิงสาวผมแดงที่ มือหนึ่งอุ้มเด็กสาว ตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน
ข้างสะเอวเหน็อดาบด้ามหนึ่ง ยืนยิ้มร่า ตะโกนลั่น
“ช้านนนกลับมาแล้ววววว”