กิลด์ซินเนสทีเซีย – ตอนที่ 9 ท่านผู้นั้น 2

กิลด์ซินเนสทีเซีย

เรามีนามว่า บิลล่า เป็นหมาป่าเงามังกรที่อายุน้อยที่สุดในเผ่า

หลังจากที่ ท่านสการ์ถูกเนรเทศออกไป ผู้นำคนใหม่นามว่า ลุค ได้เข้ายึดฝูง

เขาเข้าร่วมกับฝั่งปีศาจ และบังคับให้ฝูงต้องเข้าร่วมด้วย

ในอดีต ราชาปีศาจและหัวหน้าเผ่าตัวแรกของเรา เคยสู้กัน ผลคือเสมอ

ตั้งแต่นั้นมาจึงมีข้อตกลงว่า ต่างฝ่ายต่างอยู่จะไม่มีการก้าวก่ายซึ่งกันและกัน

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เผ่าเราเริ่มสงบเสงี่ยมขึ้น พวกมันเลยคิดว่าสามารถเอาชนะเราได้

ในตอนนั้นเองที่ท่านสการ์เป็นผู้นำและได้เข้าปะทะกับราชาปีศาจตนก่อน ด้วยสาเหตุที่เจ้าราชานั่นต้องการจะรวมฝูงของเราเข้ากับกองทัพปีศาจ

ผลสรุปของการ่อสู้คือท่านสการ์ชนะ แต่ต้องแลกมาด้วยการเสียการมองเห็นของตาซ้าย นั่นจึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเรายังแข็งแกร่งอยู่เช่นเดิม

แต่แล้ว เมื่อราชาปีศาจตนเก่าโดนกำจัด ราชาปีศาจตนใหม่ที่ตั้งตนขึ้นมาก็ต้องการจะรวมเผ่าของเราอีกครั้ง

และครั้งนี้พวกมันใช้วิธีขี้ขลาด มันสมรู้ร่วมคิดกับ ลุค เพื่อจับพวกในเผ่าเป็นตัวประกันแลกกับให้ท่านสการ์สละตำแหน่ง

ด้วยความที่ท่านรักเผ่าเหนือกว่าตัวท่านเอง ท่านจึงยอมทำตามแต่โดยดี

แต่ที่น่าแค้นใจคือท่านต้องสละปีกทั้งสองข้าง ที่เป็นแหล่งรวบรวมพลังเอาไว้ และเราที่ได้แต่ยืนมองภาพที่ท่านยอมฉีกปีกของตัวเองอย่างไร้ทางขัดขืน เรานี่มันช่างน่าสมเพช

หลังจากราชาปีศาจสถาปนาตนขึ้นเป็นจอมมารแล้ว พลังที่แผ่ออกมาทั่วโลกนั่นจะสร้างดันเจี้ยนขึ้น เพื่อรวบรวมพลังงานด้านลบจากทุกสิ่งเข้ามายัง คอร์ของดันเจี้ยนแล้วส่งมายังจอมมาร

และหน้าที่ของเราที่ถูกส่งมานั้น คือการเฝ้าประตูของห้องบอสแห่งนี้ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วข้างนอกนั้น

หนึ่งวัน สองวัน สามวัน จนขี้เกียจนับ แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในวันนี้

ยัยมนุษย์เพศเมียตรงหน้าเรา เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่แสนต่ำต้อยไร้กำลัง แต่แล้วทำไม

ข้ากัดฟันแน่นตะโกนขึ้น

“เหตุใดเจ้า!!!…….เหตุใดเจ้าถึงมีกลิ่นอายไอพลังเวทย์ของท่านผู้นั้นได้”

ข้ากระโจนใส่นางอย่างสุดกำลังจนนางกระเด็นไปชนกับกำแพง

“คุณแอสเทอรี่!!”

ยัยนั่นก็มีไอพลังของท่านผู้นั้น แถมยังเข้มข้นมากด้วย

“มนุษย์….จงตอบคำถามเรามาเดี๋ยวนี้”

ข้ากระโจนมายืนอยู่ตรงหน้าของมนุษย์ผมทองตัวจ่อยร่อย

“ข….ขยับไม่ได้”

“ไม่นะ ยัยหนูรีบถอยไปสิ!!! ให้ตายร่างกายบ้านี่รีบหายชาสักทีสิ”

“จงตอบเรามา แล้วเราจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”

ข้าใช้สายตาที่แดงก่ำ พร้อมเสียงหายใจขู่ฟ่อใส่นาง

“ต….ตอบอะไรกัน”

“เจ้าเคยเห็นหมาป่าที่เหมือนกับข้ามาก่อนรึเปล่า หรือมีใครที่เคยเห็นรึไม่”

“หรือคุณจะหมายถึง คุณสการ์?”

สการ์ เมื่อข้าได้ยินคำนั้นเหมือนว่าในใจที่กลัดกลุ้มมานานได้ทิ้งของที่แสนหนักอึ้งทิ้งไปนะตรงนั้นเสียแล้ว

โดยไม่คาดคิดนางยื่นมือมายังปลายจูกของข้า

“ยัยหนูะทำอะไรน่ะ!!!”

“กำลังเศร้าอยู่งั้นเหรอคะ”

หืมเศร้างั้นเหรอ ตัวเราผู้สูงส่งผู้นี้หรือ เหอะจะเป็นไปได้ยัง…..

“ก็คุณกำลังจะร้องให้นี่นา”

บ้าน่าเพียงได้ยินชื่อของท่านผู้นั้น เราถึงกลับน้ำตาคลอเลยเหรอ

ข้าตัดสินใจกระโจนถอยห่างจากนางออกมา

“เจ้า….เจ้ารู้จักกับท่านสการ์งั้นรึ”

“ถ้าคุณหมาถึงหมาป่าที่คล้ายคุณล่ะก็นะ แต่เขาไม่มีปีกเหมือนคุณนะคะ”

ในตอนนี้ข้ามั่นใจร้อยล้านเปอร์เซ็นแล้วว่านั่นคือเขาแน่นอน ในใจของข้าช่างมีความสุขเสียนี่กระไร

“เขาอยู่ที่ไหน….เเล้วเขาเป็นเช่นใดบ้าง”

“เขาเป็นหมาป่าตัวใหญ่ที่แสนใจดีและสง่างามมากเลยค่ะ ทั้งน้ำเสียงของเขานั้น เป็นดั่งบุคคลที่แสนจะห่วงใยและอ่อนโยนกับทุกสิ่งที่เข้าหาเขา”

“ใช่มั้ย ท่านเป็นผู้ที่ห่วงใยผู้อื่นสุด ๆ เลยล่ะ”

“ใช่ค่ะ ทั้งใจดี และเป็นมิตรเลยล่ะค่ะ ในตอนนั้น…….”

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่นางเดินเข้ามาใกล้ข้า และ กลายเป็นการนั่งสนทนากันไป

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ข้าได้พูดคุยอย่างผ่อนคลายแบบนี้ ช่างหน้าคิดถึง

 

“นั่นมันเกิดอะไรขึ้นกัน”

“คุณซีฟานกับหมาสีดำตัวใหญ่”

กลุ่มของเลโอที่ตามหลังมาได้เห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อขึ้น

“โอ้…มาแล้วเหรอพวกเธอ”

“คุณแอสเทอรี่!!!  แขนคุณ”

เรน่าและฟีโอร่ารีบวิ่งไปพยุงเธอไว้

“เดี๋ยวจะฮีลให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ”

“อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือของหมาตัวนั้น”

“ใช่แล้วล่ะ และเป็นแค่การตะปบแค่ครั้งเดียวซะด้วย”

“อะไรกัน ขนาดคุณแอสเทอรี่ยังเป็นขนาดนี้”

“แต่คุณซีฟานกลับกำลังคุยอยู่กับตัวแบบนั้น”

ทั้งสามคนหน้าซีดเผือก เมื่อนึกภาพที่ว่าหากมันตบ ซีฟาน ณ ตอนนั้น

 

“วุฮ่า ฮ่า เจ้าโดนหลอกให้สู้เหรอ ฮ่า ฮ่า เป็นอะไรที่ข้าคิดไม่ถึง”

“ใช่มั้ยล่ะคะ ใครจะไปคิด ว่าในป่าจะมีตัวอะไรแบบนั้นมากระโจนใส่”

“แต่เจ้าก็เก่งนะที่กัน พลังของเขาได้ ขนาดจอมมารยังเข่าทรุดเลยนะจะบอกให้”

“อันนั้นน่าจะเป็นแค่ 1ในล้านของพลังรึเปล่าคะที่เขาใช้กับฉัน”

การสนทนาของคนกับสัตว์ ที่คุยกันอย่างสนุกสนาน โดยไร้จิตสังหารใด ๆ แม้เป็นศัตรูกัน

“ยัยหนู”

แอสเทอรี่ เดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งสอง และใช้สายตามองหมาป่าตัวใหญ่อย่างระมัดระวัง

“ไม่ต้องระแวงเราหรอก เราไม่ใช่ศัตรูของพวกเจ้าแล้วในตอนนี้”

คำพูดนั้นทำเอาเธออึ้งไปชั่วขณะ

“เรานั้นได้รับคำสั่งให้เฝ้าปกป้องประตูบานนี้ ตามคำสั่งของหัวหน้าของเรา”

เธอมองไปยังประตูบานใหญ่ข้างหลัง

“แต่นั่นคือคำสั่งของหัวหน้าที่เราไม่ได้เคารพนับถือ เราเพียงจำยอมทำตามเพราะไร้ทางเลือก แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว”

เธอหันมามองที่ ซีฟาน

“เมื่อได้รู้ว่าท่านผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ เราจะติดตามท่านผู้นั้น”

เธอเดินเข้ามาใช้จมูกยื่นมาตรงหน้าของ ซีฟาน

“เพราะฉนั้น เจ้ามนุษย์ สนใจทำสัญญากับเราผู้นี้รึไม่”

“เอ๊ะ! สัญญาเหรอคะ ”

“เราจะมอบพลังของเราให้เจ้ายืม เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าต้องพาเราไปพบกับท่านผู้นั้น”

“ถ…ถึงไม่ต้องทำสัญญาฉันก็…”

ไม่ทันที่ ซีฟานจะได้พูดจบใต้เท้าของเธอก็ส่องแสงสีม่วงขึ้นมา

“เราตัดสินใจแล้ว!!! ในนามแห่งเรา บิลล่า จักขอทำพันธสัญญากับเจ้า จงบอกชื่อของเจ้ามา”

ซีฟานหันไปมอง แอสเทอรี่ที่อยู่ด้านหลัง เธอพยักหน้าและยิ้มให้ซีฟาน

“มนุษย์จงบอกชื่อของเจ้า”

“ชั้น!! ซีฟาน ค่ะ”

“ซีฟาน เรา บิลร่า ขอยอมรับเจ้าเป็นสหายร่วมพันธสัญญา เจ้าจักยอมรับเราหรือไม่”

“ค….ค่ะ!”

แสงสีม่วงพวยพุ่งโอบล้อมทั้งสองจนไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้

จากนั้นมันจึงรวมตัวกันเป็นเส้นสองเส้น

หนึ่งเส้นลอยมายังตรงหน้าผากของ ซีฟาน

อีกเส้นโอบล้อมร่างที่ใหญ่โตของบิลล่า จากนั้นจึงค่อย ๆ หดเล็กลง ก่อนจะจางหายไป

“พันธสัญญาเสร็จสิ้น!!”

ทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงัด ไร้เสียงตอบรับใด ๆ

“ห้ามดูเด็ดขาด เลโอ!!!”

เรน่าต่อยหน้าเลโอหัน ควับ! กลับหลังทันที

ส่วนฟีโอร่า รีบถอดผ้าคลุมออกและวิ่งมา

“นี่พวกเจ้าเป็นอะไรกัน”

ตรงหน้า ซีฟาน เป็นร่างเด็กสาววัย 15 สูงประมาน 140 ผมสีเทายาวถึงข้อเข่า ดวงตาสีแดงเป็นเอกลักษณ์

“คุณคือ คุณบิวล่าเหรอคะ”

ซีฟาน ทำหน้าตกใจ

“เราเองใช่ใครอื่น”

“ยังไงก็ใสนี่ก่อนนะจ๊ะ”

ฟีโอล่าใชhเสื้อคลุมโอบเธอไว้

“ไม่เห็นเป็นไรเลย แบบนี้โล่งสบายจะตาย”

“ไม่ได้!!” ทั้ง ฟีโอร่า เรน่า และ ซีฟาน ตะโกนพร้อมกัน

“ก…ก็ได้”

หลังจากเตรียมตัวทำความเข้าใจกันเสร็จแล้ว ทั้งหมดได้มายืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่

“ขนาดยามหน้าประตูยังขนาดนี้ ตัวที่อยู่ข้างในจะขนาดไหนเนี่ย”

เรน่าพรึมพรำ

“เอาล่ะ จะเปิดแล้วนะ”

แอสเทอรี่ใช้มือทั้งสองข้างดันประตูอย่างช้า ๆ

แอ๊ดดดด!!~~~~

 

“หืมมม~~ พวกเจ้าเข้ามาได้อย่างไร!!!”

ตรงหน้าพวกเขา ปรากฏชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องอันกว้างใหญ่

ตรงด้านซ้ายมีแท่นลูกแก้วตั้งอยู่ ท่าทางของเขาดูเหมือนจะตกใจอย่างมาก

“พวกเจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร แล้วเจ้าหมาป่าที่อยู่ข้างนอกนั้นล่ะ”

“อะไรกันดูเหมือนจะกากกว่าที่คิดนะ”

เรน่า ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้ออ”

“อย่าเข้ามานะ ไหนว่าเป็นเผ่าหมาป่าสุดแกร่งทำไมกากจนโดนพวกกะจอกอย่างนี้ตบได้กัน”

“ว่าคนอื่นอ่อน แต่ตัวเองแค่ยืนให้ตรงยังขาสั่นเลยพ่อคุณ~~~”

เรน่า พูดเสียดสี ใช้มือบังริมฝีปาก

“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นข้าฆ่าพวกเจ้าทุกคนแน่!!”

ไมทันได้พูดอะไรต่อ ลำแสงสีแดงก็พุ่งตรงไปยังหัวของปีศาจ

ตู้ม!!

“พวกเจ้าจะพูดให้มันยืดยื้อทำไม เราอยากเจอกับท่านผู้นั้นแล้ว”

นั้นคือแสงจากพลังของ บิลล่า เพียงแค่การโจมตีเดียวหัวของปีศาจก็กระจุยเหลือเพียงร่างกาย

“แล้วต้องทำลายลูกแก้วนี่ด้วยใช่มั้ย”

เธอเดินไปยังลูกแก้ว

“อ่าค่ะ”

จากนั้นใช้นิ้วดีดไปทีหนึ่ง ลูกแก้วก็แตกกระจุย

“เอาล่ะ รีบ ๆ ไปกันเถอะ”

เธอเดินนำหน้าออกไปทางปากถ้ำ

“ฉันดีใจจริง ๆ ที่เธอมาเป็นพวกเรา”

เรน่า ทำหน้าเจื่อน คู่กับ ซีฟาน และฟีโอร่า

“น…นั่นสินะ ฉันคิดภาพที่เราชนะเธอไม่ออกเลยค่ะ”

“เอาล่ะเด็ก ๆ อย่าไปคิดมาก งานเราเสร็จแล้วกลับกันเถอะ”

แอสเทอรี่ ที่เดินไปดูร่างของปีศาจ ก่อนจะตบหลังพวกเธอเบา ๆ และพากันเดินตาม บิลล่าไป

“คุณ แอสเทอรี่คะ การที่เรามาเจอกับคุณ บิลล่า นี่อยู่ในแผนของมาสเตอร์หรือเปล่าคะ”

“ผมก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันครับ”

“พวกเธอ ไม่คิดว่าเขาวางแผนไว้ตั้งแต่แรกเหรอ เขาบอกว่า ให้ฉันเข้ามาจัดการเคลียร์ดันเจี้ยน ถ้าได้เจอเด็กผมบอร์นทอง สวมเกราะเบา มัดหางม้า ที่ชื่อซีฟานก็ให้พาเธอไปด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมฉันถึงไปกับพวกเธอ แล้วในตอนที่ยัยหนูนั่นได้เจอกับสัตว์ประหลาดแบบนั้น แทนที่จะวิ่งหนีกลับเดินเข้า แถมยังบอกว่ามันกำลังเศร้าอีกต่างหาก ที่สำคัญที่สุดเจ้าหมานั้นแทนที่จะโจมตีเธอ แต่กลับทำสัญญากันซะงั้น ถ้าไม่ใช่แผนของเขาแล้วจะให้เรียกว่าปาฏิหารงั้นเหรอ”

แอสเทอรี่ยิ้ม พูดอย่างภูมิใจ

“เราก็หวังว่าให้เเป็นแผนของเขานั่นแหละค่ะ”

“พวกเธอยังไม่รู้จักเขาดีพอน่ะสิ ความสุดยอดของเขาน่ะมันมากกว่าพวกเธอคิดอีกนะจะบอกให้”

“ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่ากิลด์มาสเตอร์ทำยังไงให้คนแบบนี้เชื่อเขาหัวปักหัวปำแบบนี้ได้กัน”

“นั่นน่ะสิ”

บทสนทนาได้จบลง เพราะหากพวกเธอถามต่อ คงมีแต่เรื่องยกยอกิลด์มาสเตอร์เต็มไปหมดแน่เลยล่ะ

.

.

.

.

.

.

.

.

.

“นี่ โซ ถ้าเกิดว่านะ ถ้าสมมุติว่าดันเจี้ยนและ จอมมารรอบนี้มันต่างจากแต่ก่อน แล้วเกิดมีมอนสเตอร์สุดแกร่งมาโผล่ในดันเจี้ยนแรงค์ C จะเป็นยังไง”

มิยะที่นั่งลังเลกับคำถาามของเธอทำสีหน้าหม่นหมอง

“มันจะเป็นแบบนั้นได้ยัง และถึงแบบนั้นคนที่ไปก็แอสเอทรี่เลยนะ มีมอนสเตอร์แค่ไม่กี่ตัวในโลกนี้หรอก ที่เธอเอาชนะไม่ได้น่ะ”

“แล้วถ้าเกิดมีมอนสเตอร์แบบนั้นล่ะ”

“ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราคงหมดหนทางที่จะแก้แล้วล่ะ”

โซ  พูดแบบจริงจัง มือสองข้างประสานค้ำปลายจมูก

แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ มิยะ พูดนั้นได้เกิดขึ้นแล้วในตอนนี้

และทั่วทุกมุมโลกตอนนี้ก็เช่นกัน

 

ณ ปราสาทจอมมาร

“รายงานท่านจอมมาร เราได้ทำการส่ง หมาป่าเงามังกร ไปประจำตามดันเเจี้ยนที่มีแรง B ขึ้นไปทั้งหมดแล้วครับท่าน”

ชายผู้นั่งเก้าอี้ มือขวาถือไวน์แก้วใหญ่ อย่างสบายใจ คือจอมมารตนใหม่ที่กำเนิดขึ้น

“ดี คราวนี้ดูซิว่า พวกมันจะเข้ามายังห้องแกนกลางได้ยังไง”

“เผ่าหมาป่าเงามังกร ที่มีพลังทัดเทียมกับจอมมาร พวกมันคงคิดไม่ถึงว่า เผ่าที่ไม่เคยโผล่หน้าออกไปสู่โลกภายนอก จะรอพวกมันอยู่ ณ สุดทางของดันเจี้ยนแน่ ๆ ”

“หึ หึ เราจะไม่ยอมให้ใครมาขัดขขวางเราได้อีกแล้ว ขอเพียงรวบรวมพลังได้แบบนี้ไปเรื่อย ๆ การจะคืนชีพเจ้านี่ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว”

เขาเดินไปยังหน้าต่างบานหนึ่ง ทอดสายตาออกไปยังนอกหน้าต่าง เผยให้เห็นโครงกระดูกอันโหฬาร ที่ถูกตรึงด้วยโซ่เวทย์หลายร้อยเส้น

“อีกไม่นานหรอก ข้าจะทำให้พวกแกได้รู้ซึ้งถึงความ เจ็บปวด ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

กิลด์ซินเนสทีเซีย

กิลด์ซินเนสทีเซีย

Status: Ongoing
“โซดิแอ็ด” ได้ก่อตั้งกิลด์ ซินเนสทีเซียขึ้นมา พร้อมกับผู้ติดตามของเขาอีก 3 คน หลังจากที่มีผู้คนในกิลด์เยอะขึ้น ทั้งสามคนก็สาธยายความโหดความเก่งของหัวหน้ากิลด์ให้แก่เหล่าลูกกิลด์ได้ฟัง แต่จนเวลาผ่านไป 5 ปี เหล่าลูกกิลด์ก็ยังไม่เคยเห็นความโหดของกิลด์มาสเตอร์เลยสักครั้ง นั่นจึงทำให้ผู้คนในกิลด์เรียกเขาว่า “fakemaster”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท