กิลด์ซินเนสทีเซีย – ตอนที่ 11 ถึงเมืองหลวง

กิลด์ซินเนสทีเซีย

“นี่ เจ้าม้านี่เดินช้าจังเลย ให้ข้าลากแทนมั้ย!?”

บิวล่าที่ยื่นหัวออกมาพาดตรงที่นั่งคนขับ

“เจ้าก็ใช้เวลาก่อนที่จะถึงเรียนรู้เรื่องราวของมนุษย์สักหน่อยสิ”

โซ ลูบหัวของบิวล่า

“ทำไมข้าต้องทำอย่างนั้นด้วย”

“ก็เพราะว่าถ้าเธอเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ของมนุษย์ อาจทำให้เธอสามารถขอขนมอร่อย ๆ จากพวกเขาได้เยอะขึ้นก็ได้ยังไงล่ะ”

“จริงเหรอ!!”

บิวล่าตาลุกวาวเป็นประกาย

“นี่ ๆ ฟีร่า เรน่า สอนข้าหน่อย สอนข้าหน่อย!”

“นาน ๆ ทีออกมาข้างนอกบ้างก็ดีเหมือนกันแฮะ” 

โซ ที่นั่งบังคับม้าอยู่แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่สดใส พร้อมพูดไปพราง

.

.

.

.

“นี่! ยังไม่ถึงอีกเหรอ~”

บิวล่ายื่นหน้าออกมาอีกครั้ง

“พึ่งจะผ่านมาวันเดียวเอง เหลืออีก หนึ่งวัน กว่าจะถึง”

“โอ้ยยย!! ข้าเบื่ออ่าาา!”

ไม่ทันที่บิวล่าจะได้บ่นต่อก็มีเสียงของกลุ่มคนกำลังต่อสู้กับอะไรสักอย่าอยู่ด้านหน้า

“ทุกคนยืนรอบรถม้าไว้”

ชายหนุ่ม นักดาบคนหนึ่งตะโกนสั่งการอยู่ตรงท้ายเกวียน

“หัวหน้า นี่มันเยอะกว่าปกติแล้ว”

ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนตั้งท่าอยู่ข้างเกวียนตะโกนมา

“หมาป่าเงามันไม่น่าจะออกมาจากเขตป่าลึกนี่ แต่มัน 30 กว่าตัวเลยนะ”

หญิงสาวที่ยืนอยู่หัวเกวียนบ่น ในมือถือไม้คฑา

“น่าจะเป็นเพราะ การเกิดดันเจี้ยนอย่างต่อเนื่อง นั่นอาจทำให้ถิ่นของมันมีดันเจี้ยน หรือ มอนสเตอร์ที่แกร่งกว่าพวกมัน จึงทำให้พวกมันต้องย้ายถิ่น”

ชายแก่ ที่นั่งอยู่ในรถม้าโผล่หัวออกมา สอดส่องเหล่าหมาป่า

“เราจะทำยังไงดีคะ มาสเตอร์”

“โฮะ ๆ ดูเหมือนเรายังมีโชค”

 เขาเหลือบไปเห็นเกวียนอีกเล่มที่กำลังแล่นเข้ามาใกล้พร้อมเสียงตะโกนลั่นว่า

“ใน!!!!ที่!!!!สุด!!!!!” 

ตู้ม!!

“ข้าก็มีอะไรแก้เบื่อแล้วววววว!!!!!”

บิวล่าที่กระโจนพุ่งตรงมายังหัวเกวียนหมุนตัวกลางอากาศก่อนจะลงจอดยืนบนหัวเกวียนพร้อมกางแขนทั้งสองออก

“หลังจากนั่งอุดอู้มาทั้งวัน ข้าขอระบายอารมณ์หน่อยเถอะ!!”

ทันทีที่บิวล่ามองไปยังหมาป่าเงา พวกมันทั้งหมดก็ตัวแข็งทื่อก่อนจะขาสั่นระริกระริก ขนตั้งหางตก

“น….นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน”

นักดาบที่ถูกเรียกว่าหัวหน้า เห็นเหตุการ์ณที่เกิดขึ้น พร้อมกับอีกสามคน หมาป่าเงาที่พวกเขาทั้งสามพยายามสู้กับมันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพียงแค่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ กระโดดมาตะโกนดังลั่น พวกมันถึงกับตัวสั่นขวัญผวา

ก่อนที่หมาป่าเงาทั้งหมดจะค้อมตัวลงหมอบราบกับพื้น

ทางฝั่งเกวียนของโซที่เพิ่งมาถึง ซีฟานและ เลโอรีบวิ่งมาหาบิวล่า

“บิวล่า ทำไมทำอะไรบุ่มบ่ามแบบ….!!!”

ตรงหน้าคือหมาป่าเงา มอนส์เตอร์ แรงค์ B 30 กว่าตัวที่กำลังรุม ผลัดกันเลียแข้งเลียขา บิวล่ากันไม่เว้นตัว

“ฮ่า ๆ เดียว พวกเจ้าข้าจั๊กจี้!!”

(หมาป่าเงา ที่พวกเราสู้แทบตาย กลายเป็นหมาบ้านไปสะแล้ว แถมยังไปประจบประแจงเด็กนั่นอีก)

ทั้งสามคนคิดพร้อมกัน

“เอ้า นั่นมันคุณ เอล ไม่ใช่เหรอครับ”

โซ ที่เพิ่งลงจากรถมาตะโกนทักทายชายแก่ที่อยู่บนเกวียน

“โอ้ ก็นึกว่าใครที่ไหน เจ้าหนู โซ นี่เอง ขอบคุณจริง ๆ ถ้าไม่ได้สาวน้อยนี่ พวกเราคงเกิดการสูญเสียเป็นแน่”

ชายแก่ที่คุยกับพวก โซ คือกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์ พยัคคราม ที่อยู่ห่างจากเมืองของพวกโซ ไปไม่ไกลนัก

“ไม่เจอกันนานนะครับ คุณก็โดนเรียกตัวเหมือนกันเหรอครับเนี่ย”

“เห้อ~ แก่ปูนนี้แล้ว ยังจะต้องมาเดินทางไกลอีกน้อ”

“ว่าแต่ ทำไมคนคุ้มกันถึงไม่มีคนคุ้นหน้าคุ้นตาเลยล่ะครับ”

โซมองไปยัง นักผจญภัยสามคนที่มาด้วยกันกับ เอล 

“โอ้ ขอแนะนำให้รู้จัก นี่ เซอเรีย เป็นนักเวท นอแมน นักสู้มือเปล่า ส่วนนี่หัวหน้าปาตี้ เกรดอน นักดาบ ทั้งหมดเพิ่งได้เลื่อนเป็นแรงค์ B เลยว่าจะพามาเปิดหูเปิดตาหน่อย”

ทั้งสามคนโค้งทักทาย

“งั้นเหรอครับ คิดเหมือนกันเลย ส่วนนี่ เลโอ ฟีโอร่า เรน่า และ ซีฟานครับ ทั้งหมด อยู่แรงค์ C ครับ”

“โฮะ ๆ ถือว่ามาเปิดประสบการ์ณเหมือนกันสินะ ว่าแต่นะ โซเอ๋ย เจ้าหนูนั่นมันอะไร”

เอลเข้ามาใช้แขนคว้าคอของโซ ก่อนจะกระซิบกระซาบ ทางฝั่งกลุ่มของเกรดอน ก็ พยักหน้าเหมือนตอกย้ำคำถาม

“ฮะ ฮะ ๆ คือว่า”

หลังจากนั้น โซ ก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับเบลล่าให้พวกเข้าฟัง แต่ไม่ทั้งหมด

“โฮ่ สรุป ยัยหนูนั่นคือเจ้าตัวเฝ้าประตูนั่นสินะ”

“ครับ! ต้องขอบคุณแอสเทอรี่ ที่ทำให้เราสามารถ จัดการเธอลงได้”

“สมกับเป็นวีรสตรี แห่งสงครามจริง ๆ ละน้อ สาเหตุที่ข้าต้องเอาเด็กเหล่านี้มาส่วนหนึ่งก็เพราะ เจ้าตัวเฝ้าประตูนี่แหละ แรงค์ S 1 ใน 3 คนของเราได้เข้าไปถ้าทายมันผลที่ได้คือแขนทั้งสองข้างกระดูหัก เกือบเอาตัวไม่รอด ดีที่อีกสองคนไปช่วยไว้ทัน นั้นจึงทำให้การเฝ้าระวังดันเจี้ยนที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวนั้นจะออกมาตอนไหนสำคัญกว่า”

“แอสเทอรี่ก็เกือบเอาตัวไม่รอดเหมือนกันครับ เพียงการตบครั้งเดียวทำเอาแขนของเธอเกือบจะหักเหมือนกันครับ”

“ขนาดคุณ แอสเทอรี่ยังเกือบแพ้เหรอครับ”

เกรดอน หนุ่มนักดาบ ผู้ใฝ่ฝันว่าอยากเป็นแบบแอสเทอรี่กล่าว

“บิวล่าเจ้าตัวเล่าว่า เป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในเผ่าครับ นั้นจึง เดาได้ว่าตัวที่พวกคุณเจออาจจะแข็งแกร่งกว่าเธอหลายเท่าครับ ยิ่งความยากของดันเจี้ยนสูงเท่าไหร่ ตัวที่เฝ้าประตูก็ยิ่งแข็งแกร่งครับ ของผมยังโชคดีแค่ ระดับ C ของพวกคุณละครับ”

เมื่อ โซ พูดเสร็จพวกเขาทั้ง 4 ก็สีหน้าถอดสี

“ข…ของพวกเรา….ถูกประเมินให้เป็น….ระดับ S ครับ”

แม้โซจะพอเดาได้แล้วจากที่พวกเขาเล่าถึง แรงค์ S สามคนที่ไม่สามารถสู้มันได้ แต่พอได้ยินจากปากจริง ๆ แล้วทำเอาพูดไม่ออกเหมือนกัน

“โห่ พวกเจ้านี่โชคดี ได้แจ๊คพอตเลยสินะ”

บิวล่าที่สลัดเหล่าหมาป่าออกได้เดินมานั่งตักของ โซ 

“ในบรรดาเราเผ่าหมาป่าเงามังกร ผู้ที่ความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับหัวหน้าเผ่าคนปัจจุบันมีเพียง 10 ตัวเท่านั้น”

ยิ่งบิวล่าพูดแบบนั้นพวกเขายิ่งถอดสีหน้า เหมือนจะเป็นลม

“แต่พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะทั้งสิบตัวนั้น มี 8 ที่รักสงบ อีกสองตัว บ้าการต่อสู้ แล้วตัวที่พวกเจ้าเจอล่ะเป็นแบบไหน”

“ตัวที่พวกเราเจอเป็นตัวเมีย”

“โอ้ว!ตัดโอกาสพวกบ้าพลังไป 1 แล้วไงต่อ”

“เอ่อดูเหมือน มันจะไม่ค่อยชอบโจมตีโดยตรง ส่วนมากจะพยามใช้พลังเวทย์ไม่ก็คำรามจนพวกเราสลบหรือกระเด็นออกมา พวกพวกเราออกมาจากเขตใกล้ประตูมันก็จะกลับไปนอนหน้าประตูเหมือนเดิม”

“อืม!!”

บิลล่าหลับตาใช้มือลูบคาง

“พวกเจ้าพอจะบอกขนาดตัวได้มั้ย”

“เอ่อน่าจะใหญ่กว่าม้าสองเท่า” 

“บอกแบบนั้นใครจะไปรู้เล่า”

บิวล่ากระโจนไปตรงกลางลานหญ่าก่อนจะเปลี่ยนร่างกลับ ทำเอาพวกเขารีบวิ่งหนีไปหลบหลังเกวียนทิ้งกิลด์มาสเตอร์ของพวกเขาไว้ต่อหน้า บิวล่า

“พ…พวกเจ้า…..มาอุ้มข้าไปก่อน~~~”

“พวกเจ้าจะไปไหน ระหว่างข้ากับนางใหญ่ห่างกันขนาดไหน”

“ป…ป…ประมาน”

“มาใกล้ ๆ ดิ๊” 

“ไม่เป็นอะไรครับผมรับประกัน”

“ข้าไม่ทำร้ายพวกเจ้าหรอก เพราะข้าเป็นเด็กดียังไงล่ะ”

บิวล่าทำท่าภูมิใจ ทั้งสามเดินเข้ามาไกล้ ๆ จากนั้นยื่นมือมาเพื่อจับบิวล่า ทันทีที่มือสัมผัสลงบนขนของเธอ เหมือนกับพวกเขาได้สัมผัสกับปุยเมฆที่ล่องลอยกลางอากาศ

“น…..นุ่ม!!!”

ไม่ทันไรทั้งสามก็ใช้ตัวถูไถรอบ ๆ เธอ

“แล้วพวกเจ้าจะบอกได้รึยังว่า ขนาดนางเท่าไหน”

“อ่าน่าจะสูงกว่าท่าน อีกประมานครึ่งช่วงตัว แล้วก็ใหญ่กว่าน่าจะอีกนิดหน่อย”

“แล้วมีอะไรอีกมั้ย?”

“อ๊ะข้าจำได้แล้ว” 

นอแมนตะโกนขึ้น

“ตรงปลายหางนางมีสีขาว ในตอนที่ไล่พวกเราออกมาและกำลังเดินกลับไป ข้าเห็นปลายหางสีขาว”

“งั้นเหรอ” 

บิวล่ากลับร่างเป็นเด็กสาวอีกครั้ง ก่อนจะนั่งลงตรงตักของซีฟาน

“พวกเจ้านี่ดวงดีในดีเลยนะนั่น”

“เอ๋?” 

ทุกคนสงสัยในคำพวกนััน

“นางมีชื่อว่า คาเรน่า เป็นตัวที่รักสงบสุด ๆ เลย แถมยังใจดีอีกด้วย ดูจากที่แค่ไล่พวกเจ้าออกมาโดยไม่ทำร้ายใครแล้ว นางก็แค่อยากอยู่เงียบ ๆ ก็เท่านั้น”

“แต่ที่คุณ ฟาน โดนไปขนาดนั้นมันก็” 

เซอเรียกล่าวขึ้น

“ข้าก็อยากถามเหมือนกันว่าพวกเจ้าไปทำยังไง ให้นางโกรธถึงขั้นนั้นได้”

พวกเขาสามคนมองน่ากัน 

“เอ่อ ข้าก็ไม่แน่ใจเพราะ ในตอนที่พวกเขา เข้าไปสู้นั้นมีคนตามไปไม่เยอะเท่าไหร่ จากที่ได้ยินมา เห็นว่าเขาไปตะโกนอะไรสักอย่างใส่มันนี่แหละ พอจบคำ ไม่ทันตั้งตัว เขาก็กระเด็นติดผนังจมกองเลือดไปเลย”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ บิวล่า ก็ฉุดคิดขึ้นมาได้ 

“ในคำเหล่านั้นคงมีคำว่า ถูกทิ้งอยู่ด้วย ไม่ก็ลูกไม่มีพ่อมีแม่ อะไรประมานนั้นสินะ” 

เธอจ้องตาพวกเขา ไม่กระพริบ

“คิดว่าน่าจะใช่นะครับ”

“พวกเจ้าอย่าได้เข้าไปที่นั่นอีก นางไม่มีวันออกมาข้างนอกหรอก ส่วนพวกเจ้าก็อย่าได้เข้าไปรบกวนนางอีกแค่นี้ก็จบ” 

บิวล่าลุกเดินออกมาจากวงสนทนา

“ท..ท่านบิวล่าครับ….คำว่าถูกทิ้งมันหมายความว่ายังไงเหรอครับ”

“นอแมนตะโกนถาม”

“นางเป็นตัวที่รักสงบที่สุด และเห็นใจผู้อื่นเสมอ แต่นางกลับต้องอยู่โดดเดี่ยวมาตั้งแต่เด็กเนื่องจากนางเป็นลูกผสม พ่อของนางทิ้งแม่นางไปตอนตั้งท้อง พอแม่นางคลอดนางก็ทนคำก่นด่าไม่ได้จึงกระโดนหน้าผาฆ่าตัวตาย คนเดียวที่เลี้ยงดูนางมาคือ หัวหน้าเผ่า แต่ล่าสุดหัวหน้าเผ่าคนเดิมก็ไม่อยู่ที่นั่น ด้วยเหตุผลบางอย่าง อีกนัยนึงก็คือ ทิ้งนางอีกคน พวกเจ้าอาจจะคิดว่ามันเป็นคำที่ไร้สาระ แต่สำหรับ การที่มีคนมาตะโกนใส่หูว่า แกมันถูกทิ้ง แกมันลูกไม่มีแม่พ่อ เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

เพียงได้ฟังพวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าโชคดีแค่ไหนที่ ฟาน รอดกลับมาได้ 

“พวกเจ้าอย่าเข้าไปที่นั้นอีก นี่เป็นคำเตือนจากข้า เพราะเวลานางโกรธแม้แต่หัวหน้าเผ่ายังหืดขึ้นคอ”

บิวล่าเดินจากไป โดยที่ทุกอย่างเงียบสงัด ก่อนที่ โซจะตัดบทพูดต่อไปว่า

“งั้นก็รีบส่งจดหมายไปยังกิลด์เถอะนะครับ”

“น…นั่นสินะ…พวกข้าขอพักต่อสักหน่อยแล้วกันพวกเจ้าเดินทางไปก่อนเลยก็ได้”

“งั้นเจอกันที่เมืองหลวงนะครับ คุณ เอล”

หลังจากล่ำลากันเสร็จ กลุ่มของ โซ ก็ได้เดินทางต่อไป

“นี่…บิวล่า….”

“หืม!?”

ซีฟานที่มีความสงสัยใคร่รู้ ทำให้เธอไม่สามารถอดกลั้นความสงสัยข้อนี้ได้

“ที่ว่า……เป็นลูกผสมน่ะ……กับตัวอะไรเหรอ?”

“หืม…..เจ้าหมายถึง……ท่านพี่คาเรน่าเหรอ”

ซีฟานพยักหน้าอย่างเร็ว

“เฟนริว น่ะ”

“เอ๊ะ!?”

.

.

.

.

.

เป็นเวลา 3 วัน ในที่สุดขบวนของกิลด์ซินเนสทีเซียก็มาถึงเมืองหลวง

ตรงประตูเข้ามีการตรวจตราที่แน่นหนา จึงทำให้แถวต่อยาวเหยียด รถม้าของโซจึงเบี่ยงออกไปประตูทางขวา

“ขอดูบัตรผ่านหน่อยครับ”

โซ ยื่นตราประจำกิลด์มาสเตอร์ให้ทหารเฝ้าประตูดู

“โอ้ว ท่านก็ถูกเรียกมาประชุมเหมือนกันรึครับ”

“มากันเยอะรึยัง”

“รวมท่านด้วยแล้วก็น่าจะเกือบ 20 กิลด์ได้แล้วครับ ขอให้สนุกกับเมืองหลวงนะครับ”

“เหนื่อยหน่อยนะครับ”

พวกเขาโบกมือลาซึ่งกันและกัน จากนั้นรถม้าของโซก็ตรงไปยังโรงแรมขนาดใหญ่ใกล้พระราชวัง

“พวกเธอเข้าเอาของไปเก็บก่อนเลยเดี๋ยว ฉันขอไปหาที่จอดรถม้าก่อน”

“ครับ/ค่ะ”

แอ๊ดด!!~

“ว้าวใหญ่จัง”

“ขอทราบกิลด์หน่อยได้มั้ยคะ”

เสียงของพนักต้อนรับที่กำลังยืนยิ้มอยู่ตรงเคาน์เตอร์ขานเรียก บุคลิคทางทางของเธอดูสง่างามมากเมื่อเทียบกับพนักงานของโรงแรมทั่วไป

“อ….เอ่อนี่ค่ะ”

ซีฟานยื่นบัตรกิลด์ของ กิลด์มาสเตอร์ให้พนักงาน

“กิลด์ซินเนสทีเซียสินะคะ”

“ค…ค่ะ!”

ซีฟานตะโกนเสียงดังเนื่องจากความเขิล

“ไม่ทราบว่าท่านไหนคือกิลด์มาสเตอร์เหรอคะ?”

“กิลด์มาสเตอร์กำลังไปหาที่จอดรถม้าค่ะ”

“งั้นทั้งหมด 6 ท่านสินะคะ”

กริ่ง ๆ !

พนักงานดีดระฆัง เรียก พนักงานยกกระเป๋ามา

“ช่วยพาท่านเหล่านี้ไป ห้องหมายเลข 205 ทีนะ” 

พนักงานชายสองคน โค้งตัวลง ก่อนจะพาทั้งหมดเดินขึ้นชั้น 2 ไป

“อาคารทั้งหมดมี 5 ชั้น เรียงตามระดับ ชั้น 2-4 จะมีชั้นละ 10 ห้อง ส่วนชั้น 5 จะมีเพียง 4 ห้องครับ เลขห้องแต่ละชั้นจะเรียกตามชั้น เช่น ชั้น 2 ห้อง 5 จะถูกเรียกว่า 205 ครับ”

พนักงานเปิดประตูห้องเข้าไป ภายในห้องถูกจัดแบ่งเป็น 3 ส่วน มีห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำ 

“อาหารจะสามารถรับประทานได้ที่ชั้นล่าง หากขาดเหลือดอะไร กรุณาบอกพนักงานเคาน์เตอร์ได้เลยนะครับ”

หลังจากพวกเขาโค้งคำนับ แล้วจึงจากไป

“ว้าวววว! อะไรจะหรูขนาดนี้!”

เรน่าพุ่งกระโจนใส่เตียงอย่างไว

“ขนาดชั้น 2 ยังขนาดนี้ ไม่อยากคิด ชั้นที่ 5 จะหรูขนาดไหนเลย”

“ถ้าฟังจากที่พนักงานพูด ห้องจะจัดตามระดับกิลด์นั่นแสดงว่า”

ทั้งหมดมองหน้ากันก่อนจะพูดว่า

“กิลด์เราโคตรกระจอกเลยนี่หว่า~”

“พวกเจ้าคุยเรืองอะไรกันน่ะ!

บิวล่าที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมของกินเต็มมือ

“คัณบิวล่าไปเอาของกินมาแต่ไหนเยอะแยะน่ะ”

“พี่สาวตรงเคาน์เตอร์ให้มาน่ะ แหม~ ใจดีจังเลยน้า แถมยังสวยด้วย แถมหน้าอกยังเบิ้มด้วย”

“อื้ม ๆ ๆ!”

เลโอกอดอกพยักหน้า ก่อนที่สองสาว เรน่า และ ฟีโอร่าจะหันมามอง

“เลโอน่าขยักแขยง”

“ด…เดี๋ยว!ไม่ใช่นะ”

“ปุ๊ ปุ๊! เลโอเจ้าชอบแบบนั้นเองสิน้า”

บิวล่าเอามือปิดปากหัวเราะ

แอ๊ด!~

“เเอ๊ก!”

โซเปิดประตูเข้ามา กระแทกหัวบิวล่าพอดี

“จัดของเรียบร้อยดีรึยัง”

“ทำอะไรของเจ้าน่ะ!! ขนมข้าาา!!”

“ไปล้างเนื้อล้างตัวให้เรียบร้อย เดี๋ยวเราจะไปเดินเล่นกัน”

ทุกคนตาลุกวาว บิวล่าก็เช่นกัน

“ของกิน!!!”

เธอรีบถอดเสื้อผ้าแล้ววิ่งไปห้องน้ำ

“บิวล่าเดี๋ยว!! เห้อ~~”

“ในระหว่างที่รอสาว ๆ อาบน้ำเดี๋ยวเราไปทักทายคนอื่นกัน”

“ค..คับ”

ทั้งสองเดินลงมายังชั้นแรก ที่มีคนมากมายนั่งคุยกันอยู่เต็มไปหมด

“โอ้วนี่มัน นี่มัน คุณกิลด์มาสเตอร์แห่งกิลด์ซินเนสทีเซียนี่นา”

ชายผมทอง สวมชุดดูหรูหรา ดูมีถานะ เดินมายังด้านหน้าของพวกเขา

“แล้วนี่ ผู้พิทักษ์สุดสวยไปไหนซะล่ะ การที่ทิ้งให้กิลด์มาสเตอร์ต้องเดินทางมาเมืองหลวงเพียงลำพังแบบนี้นี่มัน”

เขาชะเง้อมองซ้ายมองขวา

“รึว่า เธอตัดสินใจออกกิลด์ไปแล้วล่ะเนี่ย!?”

้คนที่เขาหมายถึงก็คือ วีรสตรีที่เคยเดินทางร่วมกับกลุ่มผู้กล้า แอสเทอรี่

“ไม่ได้พบกันนานนะครับท่าน ดยุคแกร์น เนื่องจากสถานการช่วงนี้ไม่ค่อยดีนัก จึงต้องมอบให้แอสเทอรี่ เฝ้าสังเกตุการณ์ ณ ดันเจี้ยนครับ”

โซมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดเหน็บแนมไปว่า

“แน่นอนว่า หากเป็นเหตุการ์ณปกติ เหล่ากิลด์มาสเตอร์คงจะพานัผจญภัยแรงค์ S มากันด้วย แต่ในตอนนี้แต่ละกิลด์ประสบปัญหาเดียวกัน นั่นจึงทำให้การที่จะให้กำลังหลักทิ้งกิลด์มานั้นคงเป็นไปได้ยาก คิดว่าเหล่ากิลด์มาสเตอร์ท่านอื่นคงคิดเช่นกัน เนื่องจากเราอยู่ในพื้นที่ไม่ปลอดภัยและไม่มีทหารหารคอยรักษาดูแลความปลอดภัยให้ตลอดเวลา” 

กิลด์มาสเตอร์ต่างพยักหน้าเห็นด้วย

ดยุคแกร์นนั้นเป็นกิลด์มาสเตอร์ประจำเมืองหลวง ซึ่งเคยมีปากเสียงกับ โซ ในเรื่องของแอสเทอรี่เนื่องจากเขาต้องการตัวเธอ ให้ประจำการที่กิลด์ของเขา แต่เธอกลับเลือกกิลด์ระดับ 3 อย่าง ซินเนสทีเซีย นั่นจึงทำให้เวลาที่เขาเจอโซมักจะพูดถากถางอยู่บ่อยครั้ง

“ถึงแม้ว่าผู้ติดตามที่แข็งแกร่งที่สุดของเราจะไม่ได้มาด้วย แต่เราก็ยังมีกลุ่มเด็กหนุ่มสาวที่มีฝีมือมาด้วยนะครับ”

โซ ยิ้มไม่ลืมตา

“เหอะจะแค่ไหนเชียว ยังไงก็ขอต้อนรับสู่เมืองหลวงแล้วกัน”

เขาเดินออกจากโรงแรมไป เนื่องจากสายตาต่าง ๆ ของกิลด์มาสเตอร์เริ่มจับจ้องมาที่ตัวเขา

“ใครเหรอครับ”

ลีโอ ที่ยืนงุนงงอยู่ด้านข้างตั้งแต่เริ่มบทสนทนา

“ดยุค แกร์น บาบีโลน กิลด์มาสเตอร์ของกิลด์ บาร์บีโลน น่ะ”

“นั่นมันกิลด์สาขาเมืองหลวงนิครับ”

โซหันมายิ้มให้ก่อนจะตบหลังเลโอ 

“เอ้า! สาว ๆ มากันแล้ว ได้เวลาเดินชมเมือง”

.

.

.

.

.

.

“นี่เจ้าจะพาเราไปที่ไหนกัน”

บิวล่าที่เดินจูงมือกับโซ มือหนึ่งถือไอศครีมที่กำลังเลียอย่างอร่อย

“เดียวจะพาไปกิน เนื้ออร่อย ๆ ล่ะ”

“เนื้อ!! จะรอช้าอยู่ใย ไปกัน ไปกัน!”

บิวล่าที่พุ่งไปด้านหน้า แต่ถูกฉุดไว้ด้วยโซ

“นี่ถ้าคุณ โซปล่อยให้เดินเองนี่ คงกลายเป็นเด็กหลงแน่ ๆ”

เรน่า ที่เดินตามมาด้านหลัง

“หึ เราไม่ใช่เด็กสักหน่อยแค่ตามกลิ่นพวกเจ้าเอาแปบเดียวก็เจอแล้ว”

“จ้า ๆ แม่จมูกดี”

ทั้งหมดเดินเข้าไปร้านที่เขียนป้ายหน้าร้านขนาดตัวเท่าคนว่า “เนื้อ” 

เพียงเปิดประตูเข้าไปกลิ่นเนื้อที่อย่างกำลังได้ที่ก็ลอยมาเตะจมูกจนไหลเข้าสู่เส้นประสาท

“บิวล่า เช็ดน้ำลายหน่อยเถอะ”

เรน่า ที่หันมาเจอกับตาประกายดาว พร้อมน้ำลายที่ย้อยอย่างกับน้ำตกของ บิวล่า

“กี่ท่านคะ?”

พนักงานต้อนรับเดินมายิ้มกรุ่มกริ่มมองหน้าบิวล่า ก่อนที่ โซ จะยื่นบัตรใบหนึ่งให้เธอ

“อ้าว ไม่ได้เห็นซะนานเลย รอสักครู่นะคะ”

เธอเดินกลับเข้าไปข้างในพร้อมท่าทางดีใจ

“นี่ ๆ ตอนไหนข้าจะได้กินเนื้อเล่า ข้าเริ่มตาลายแล้วนะเนี่ย”

“เดี๋ยวก็ได้กินแล้วล่ะ นั่นไงมานั่นแล้ว”

พนักงานนคนเดิมเดินออกมาพร้อมกับเชิญพวกเขาไปด้านใน

เดินผ่านที่นั่งธรรมดาไปอีกห้องหนึ่งจากนั้นก็ผ่านไปอีกห้อง จนพนักงานเปิดประตูอีกบาน ตรงหน้าพวกเขาเป็นที่โล่งแจ้งขนาดใหญ่ มีเพียงโต๊ะตัวใหญ่ตัวหนึ่งที่นั่งได้ราว 10 กว่าคน

“กรุณารอสักครู่ พ่อครัวกำลังนำอาหารมาให้ค่ะ”

จากนั้นเธอก็เดินกลับไป

“เอ่อ นี่มันหลังร้านนี่คะ รึว่าเราจะโดนปฏิเสธรึเปล่าคะเนี่ย?”

“เปล่าเลย นี่คือโต๊ะระดับ โคตรพรีเมียม เลยนะ”

“ดูยังไงมันก็โต๊ะไม้เก่า ๆ ให้มีดีแค่ใหญ่แค่นั่นแหละค่ะ”

เรน่า ถอนหายใจ

“แหม ไอ้เราก็ว่าใอ้หนูที่ไหนมันขโมยเอาการ์ดสมาชิกรุ่นเก่าของพ่อที่บ้านมากรึเปล่า ที่แท้ก็แกเองเหรอ”

ลุงหนวดกล้ามโตที่เดินออกจากประตูมาพร้อมถาดขนาดเท่าตัวคน พร้อมวาง ปึ้ง! ลงกลางโตะ

“ขอต้อนรับเหล่าลูกแกะทั้งหลายสู้ร้าน” เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะตะโกนดังลั่นว่า 

“เนื้อ!!!!!”

จนพวกของ โซ ต้องใช้มือปิดหู

“ฮ่า ๆ ๆ ! ทานให้อร่อยล่ะเจ้าหนูทั้งหลาย”

ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปในร้าน

“มันจะอร่อยกว่านี้ถ้าเราได้นั่งในที่ดี ๆ ข้างในร้านไม่ใช่ที่แบบนี้”

เรน่าบนพรึมพรำเบา ๆ ก่อนที่ลุงหนวดจะหันมากพูดว่า

“ข้าจะบอกให้นะเจ้าหนู คนที่ได้นั่งโต๊ะนี่ มีเพียง 7 คนเท่านั่น”

“แค่คนที่เคยนั่งมีน้อยเพราะร้านเต็มรึเปล่าคะ”

“ฮ่า ๆ ใช่แล้ว เพราะร้านเต็มพวกเขาเลยต้องมานั่งหลังร้านจริง ๆ นั่นแหละ”

“เห็นมะ!”

เรน่าทำท่ากอดอก

“แต่รู้มั้ยว่า 7 คนที่ว่ามีใครบ้าง?”

“ขอเดาว่าหนึ่งในนั้นคือกิลด์มาสเตอร์ค่ะ”

“แล้วอีก 6 คนล่ะ”

“ใครจะไปรู้ล่ะคะ”

เธอยกมือทั้งสองหงายขึ้นพร้อมส่ายหัว

“อีกคนคือข้า”

“แหมมันก็ปกติมั้ยคะก็เป็นเจ้าของร้าน”

“ฮ่า ๆ เป็นแม่หนูที่เถียงเก่งจริง ๆ ”

“อยู่แล้วค่ะ”

“สาเหตุที่บอกว่าโต๊ะนี้มันโคตรจะพรีเมี่ยม ทั้ง ๆ ที่มันเป็นโต๊ะไม้เก่า ๆ ผุพังแถมยังมีกลิ่นไม่น่าพิศมัยเท่านั้น ก็เพราะว่า”

ก่อนที่เขาจะได้พูดพนักงานร้านก็วิ่งมาหาอย่างเร็ว

“มาสเตอร์คะ ลูกค้ารอนานแล้วนะคะ ได้โปรดไปทำงานได้แล้วค่ะ”

“ฮ่า! ๆ ทานให้อร่อยนะเด็ก ๆ”

“เอ้า ! ยังไม่ได้บอกเลย”

เรน่าตบโต๊ะแล้วยืนขึ้นก่อนที่ ซีฟาน จะใช้มือลูบหน้าโต๊ะเบา ๆ และพูดว่า

“คงเป็นโต๊ะที่มีความทรงจำของมาสเตอร์สินะคะ”

“หื้ม ! ข้าได้กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นหนึ่ง”

บิวล่า ยื่นจมูกไปใกล้กับโต๊ะ ทำท่าฟุ๊ดฟิ๊ด

“กลิ่นของกิลด์มาสเตอร์เหรอคะ”

“เปล่า กิ่นยัยผมฟ้าน่ะ”

ยัยผมฟ้าที่เธอหมายถึงคงจะเป็นใครไปไม่ได้เพราะตั้งแต่เธอมาอยู่กับพวกเขามีเพียงสองคน หนึ่งคือ เรน่า และอีกคนคือ 

“คุณแอสเทอรี่”

ซีฟานพูดขึ้นมา ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองหน้ากัน ก่อนที่ทั้งหมดจะหันไปหา โซ และมองใบหน้ายิ้มกรุ่มของเขา

“อย่าบอกนะว่า อีก 5 คนที่ว่าก็คือ”

“หึ หึ อีก 5 คนที่ว่าก็คือ”

บิวล่าทำท่าทางตามเรน่า ก่อนที่โซจะพูดขึ้นว่า

“อีก 5 คนที่ว่าก็คือ เพื่อนของชั้น ยังไงล่ะ!!”

“ไม่ตลกนะคะ มาสเตอร์!!!”

 

กิลด์ซินเนสทีเซีย

กิลด์ซินเนสทีเซีย

Status: Ongoing
“โซดิแอ็ด” ได้ก่อตั้งกิลด์ ซินเนสทีเซียขึ้นมา พร้อมกับผู้ติดตามของเขาอีก 3 คน หลังจากที่มีผู้คนในกิลด์เยอะขึ้น ทั้งสามคนก็สาธยายความโหดความเก่งของหัวหน้ากิลด์ให้แก่เหล่าลูกกิลด์ได้ฟัง แต่จนเวลาผ่านไป 5 ปี เหล่าลูกกิลด์ก็ยังไม่เคยเห็นความโหดของกิลด์มาสเตอร์เลยสักครั้ง นั่นจึงทำให้ผู้คนในกิลด์เรียกเขาว่า “fakemaster”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท