“งั้นก็ไว้เจอกันนะ พวก! เจอกันใหม่พรุ่งนี้”
“อา เดียวไว้เจอกันนะ ขอให้สนุกล่ะ”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
มิคาเงะได้ออกไป และตอนที่ผมรู้ตัว ในห้องก็เหลือแค่ผมคนเดียวแล้ว
ในห้องเรียนอันแสนเงียบเหงา ผมพูดออกมา “โอเค..” แล้วพับแขนเสื้อที่ผมตัดเย็บขึ้น
แสงของดวงอาทิตย์ได้ฉายผ่านกระจกของห้องเรียน ทำให้สีของโต๊ะและเก้าอี้มีสีส้ม
ฤดูกาลนี้เป็นช่วงต้นมิถุนายน ฤดูฝนยังไม่ได้เริ่มเลย และตอนที่ลองยื่นแขนไปทางหน้าต่างดู ก็ไม่รู้สึกถึงความหนาว และถ้าผมไม่ทำชอล์คที่ติดอยู่ก็จะติดแขนเสื้อของผม
“เริ่มจากทำความสะอาดกระดานดำดีกว่าแฮะ..”
ถ้าผมไม่รีบ อีกสักพักคุณอามามิยะคงจะกลับมาแล้ว
ผมหยิบแปลงลบกระดานขึ้นมา และเริ่มลบสิ่งต่างๆที่เขียนอยู่บนกระดานตั้งแต่ขอบจนหมด
มันก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วที่ผมเริ่มช่วยคุณอามามิยะทำงานต่างๆ โดยที่ไม่ให้เธอรู้
แม้จะผ่านช่วงเลิกเรียนไปแล้ว เธอก็มักจะทำทุกอย่างจากเบื้องหลังตลอด
ผมไม่ได้พูดความหมายที่ลึกซึ้งแบบนั้นหรอกนะ
เหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงเริ่มก็คงเพราะ “ถ้าผมเริ่มทำ ผมคงจะยื่นมือไปช่วยได้บ้าง” แต่ถ้าเอาง่ายๆก็คงเป็นความสบายใจของผมมากกว่า
ผมคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ดีหรือเป็นห่วงใครขนาดนั้น แต่ด้วยเหตุผลบางประการผมไม่อยากให้อามามิยะซังอยู่ตามลำพัง เพราะเธอมักจะทำให้ผมเป็นห่วงตลอด
จุดที่สำคัญที่สุดคือบุคคลที่ผมพูดถึงเธอยังไม่รู้นะสิ
มันก็เป็นไปได้ที่ถ้าคุณอามามิยะคงไม่คิดอะไร แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือผมอายนะสิ ถ้าเธอรู้เข้า
และเรื่องนี้ผมก็ทำเองโดยปิดบังเอาไว้จากมิคาเงะ เพราะถ้าเขารู้เข้า เขาคงคิดว่าผมเป็นพวกแปลกๆแน่ ถึงผมไม่ได้ถามเขา และถ้าคุณอามามิยะรู้เข้า คงคิดแบบนั้นเหมือนกัน
ดังนั้นผมเลยระวังตลอดตอนทำมัน
และก็เป็นเรื่องที่ดี ที่เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเร็วๆนี้
คุณอามามิยังมักจะมีตารางที่เจาะจงตลอด เธอมักจะทำความสะอาดตึกเก่าก่อน และค่อยมาเริ่มทำในห้องเรียน ทางเดินที่เชื่อมกับห้องสตาฟของตึกเก่านั้นอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นถ้าเป็นไปตามที่ผมคิดคงเป็น เธอคงส่งใบไปแล้ว และทำความสะอาดตรงนั้นอยู่
จริงๆแล้วผมก็อยากไปช่วยนะ แต่ทำงานลับๆแบบนี้มันสะดวกกว่า
มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีถ้าผมช่วยลบกระดานดำ ปิดประตู และเปลี่ยนน้ำในแจกันก่อนที่เธอจะกลับมา
“ผมหวังว่าตอนที่คุณอามามิยะกลับมาแล้วมองที่กระดานดำ คงคิดว่าเป็นฝีมือของภูตนะ ไม่สิ ภูติแข็งแกร่งใช่มะ?”
ถ้าลองเอาไปเปรียบเทียบกับฮิคาริดู ภูติก็เหมาะดีนะ
ถึงจะเคยได้ยินว่าเหมือนนางฟ้าก็เถอะ แต่ภูติก็เคยเหมือนกัน หรือจะเอาไปเปรียบเทียบกับภูติของโรงเรียนก็ไม่แย่นะ
หรือไม่ก็คงเป็นครูที่เดินผ่านมา หรือไม่ก็กรรมการวินัยที่เดินลาดตะเวนหลังโรงเรียนเลิก
อย่างน้อยเธอคงไม่คิดว่าเพื่อนหน้าตาธรรมดาๆอย่างผมเป็นคนทำหรอกนะ
“เหมือนจะมีข้อความเข้า..”
มือถือที่อยู่ในกางเกงของผมได้สั่น
เมื่อผมกดเข้าไปอ่าน มันเป็นข้อความจากแฟนของลูกพี่ลูกน้อง ที่ชื่อ มิโซระ หรือ มิโซระซัง
“ตอนนี้ยังไงไม่มีคู่หูของฮิคาริเลยอ่าาา”
ฉันต้องตัดสินใจหาให้ได้แล้วนะะะ
ที่โรงเรียนของโคจัง ไม่มีผู้หญิงน่ารักๆมั่งหรอ?
ไม่สำคัญว่าเป็นคนแบบไหน ขอแค่น่ารักก็พอนะ
แล้วก็ฉันได้ซื้อโดรายากิของโปรดมาฝากด้วยนะ
เดียวจะส่งไปให้ล่ะ
แล้วก็อย่าลืมให้มิคาเงะคุงด้วยล่ะ
และปิดท้ายก็เป็น อิโมจิขมิบตา
ผมต้องตบมุขไหมเนี่ย? แต่ก่อนอื่นเลย ผมไม่ได้ชอบโดรายากิขนาดนั้น แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดมันนะ แต่ด้วยเหตุผลซักอย่าง มิโซระซังมักจะคิดว่าผมเป็นแฟนพันธุ์แท่โดรายากิ เลยมักจะซื้อมาให้ตลอด ถึงแม้บางทีผมอยากจะกินอย่างอื่นก็เถอะ
แล้วก็ต้องแบ่งเอาไว้ให้มิคาเงะด้วย
แต่เรื่องหลักคงเป็น
“คู่หูของฮิคาริจัง “
ตอนนี้ผมก็ยังคงทำงานเป็นนางแบบให้กับบริษัทของพี่สาวอยู่เป็นบางครั้งเมื่อพี่เขาขอ แต่ตลอดที่ฮิคาริปรากฎขึ้นมาบนภาพ มักจะมีคนเดียวเสมอ
ส่วนนึงคงเป็นเพราะไม่มีสาวคนไหนน่ารักเทียบกับผมได้
ความน่ารักของฮิคารและการปรากฎตัวของผมมันดีเกินไป มันเป็นสิ่งที่ช่างภาพที่ชื่อทานากะ พูดออกมา
อย่างไรก็เถอะ เหมือนพี่มิโซระ อยากให้มีคนที่ใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกันแต่มีสีที่ต่างกัน ใส่ชุดคู่หรือลุคที่คล้ายๆกัน หรือแค่ถ่ายรูปสาวๆ กำลังคุยกัน โดยที่คนนึงเป็นผู้ชายอะไรอย่างนั้น
แน่นอนว่าอันนี้จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะถ่ายทอดเสน่ห์ของฮิคาริ
ถ้าเลือกคนจากโรงเรียน คงต้องเป็นสามคนนั้น แต่คือผมต้องเปิดเผยว่าฮิคาริคือผม.. สิ้นหวังชะมัด
ตอนที่ผมบ่นพึมพัม ผมก็ขยับมือลบกระดานดำจนหมด
นั่นแหละนะ หากมีคนมาเป็นคู่หูของฮิคาริ คนนั้นก็ต้องเป็นคนที่น่ารักเป็นอันดับที่ 2 ใช่ไหมล่ะ?
แล้วผมจะหาคนนั้นจากที่ไหนได้กัน?
มันเป็นไปได้ไหมเนี่ย…
เมื่อผมคิดได้ดังนั้น ผมเลยหยุดคิดซะเลย
ผมเลือกที่ยังไม่ตอบคำถามนี้ของพี่เขา และไปขอบคุณเรื่องโดรายากิแทน และครั้งนี้ผมจะปฎิเสธมันล่ะ!
“โอเค ต่อไปเป็นเปลี่ยนน้ำในแจกัน…”
หลังจากที่ผมไปดูว่าประตูล็อคแล้ว ผมที่กำลังจะหยิบแจกันบนโต๊ะของครู ก็เห็นบางสิ่งตกอยู่ปลายโต๊ะ
เหมือนจะมีคนทำตกไว้..
ผมไม่รู้จักสิ่งนี้ เลยจะหันไปหยิบมันขึ้นมา มันเป็นบัตรโดยสารประจำที่มีสีชมพูอ่อน และนั่นมันไม่ใช่ของผม ดูเหมือนจะเป็นของผู้หญิงบางคน หรือว่าเป็นของอามามิยะซังกัน?
ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรห่ที่จะไปอ่านมัน แต่ถ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของมันคงดี
“ขอประทานโทษน้าาาา”
ผมคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับใคร ผมเปิดบัตรโดยสารที่มีรูปทรงเป็นสมุดบันทึกแบบพับสองทบ ที่เหมือนจะวางของขนาดเท่าการ์ดได้ทางซ้ายและขวา มีอันนึ่งที่เป็นแบบตั๋วปกติ และอีกอันมีรูปถ่ายของบางคนที่กำลังยิ้ม..
“นั่นผมหรอ..?”
นั่นไม่ใช่ใครอื่น แต่คนที่อยู่ในรูปคือผมโดยที่ไม่ต้องคิด..
( M : ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบัตรโดยสารที่ไหนมันเก็บของได้ด้วย หรือมันเป็นกระเป๋าตังนะ?wwww )
เย้ แปลเสร็จแล้ว ขอบคุณที่อ่านจนจบจ้า -w-
-ยังไม่ได้เกลาคำ , พิมตก