ถ้าจะพูดให้ถูกก็ต้องเป็น ผมที่เป็นฮิคาริกำลังยิ้มอยู่ในกระเป๋าใส่บัตรโดยสาร
เป็นรูปภาพของฮิคาริที่สวมชุดเดรสสีขาวและภาพพื้นหลังเป็นดอกทานตะวัน เป็นภาพที่ทำให้คนบนโลกได้รู้ว่าฮิคาริมีอยู่บนโลก เป็นชิ้นส่วนของตำนานในประวัติศาสตร์
[ M : แปลไรอยู่อ่ะ ;w; ]
นั่นเป็นรูปที่อัปโหลดโดยทางเว็บไซต์ของ “ลูกกวาด” โดยตรง ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นผมตอนแต่งหญิง ผมมองไปที่รูป รอยยิ้มของเธอ + กับแสงยามรุ่งเช้า ทำให้หัวของผมคิดเลยว่า ใครกันนะที่น่ารักที่สุด ก็ผมไง
“อาเมมิยะซัง เป็นแฟนคลับของฮิคาริสินะ..?”
ในกรณีนี้ผมตกใจเล็กๆแฮะ บวกกับเธอเก็บภาพนี้ไว้ในกระเป๋าใส่บัตรโดยสารด้วย งั้นผมคงคิดว่าเธอคงเป็นแฟนคลับตัวจริงของฮิคาริแหงๆ
ไม่สิ มันไม่มีตัวยืนยันว่าอันนี้เป็นของใคร เพราะงั้นยังการันตีไม่ได้ว่าอันนี้มันเป็นของอามามิยะซัง
“งั้นเราควรทำยังไงดีเนี่ย?”
ตอนที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น ผมได้ยินเสียงเดินเข้าใกล้มา
และตอนที่ผมรู้ตัว ไหล่ผมก็กระตุกโดยทันที
อ่ะ หรือว่าอามามิยัซังจะกลับมาแล้ว?
“เดียวก่อนสิ.. ชิบหาย ชิบ..”
ผมรนทันที และพยายามหาที่ๆจะซ่อนของ
สายตาของผมได้เห็นไปที่ล็อกเกอร์ใส่ของทำความสะอาดแถวๆปลายห้อง
“งั้นเอาเป็นตรงนี้ล่ะกัน!”
โดยทันที ผมรีบเข้าไปในล็อกเกอร์นั้น
แล้วก็ส่วนกระเป๋าใส่บัตรโดยสาร ผมวางมันไว้บนโต๊ะของอามามิยะซัง ถ้ามันไม่ใช่ของเธอจริงๆละก็ เดียวผมคงต้องส่งให้ครูโฮมรูมทีหลัง แต่ตอนนี้ผมคงต้องผ่านสถาณการณ์แบบนี้ไปให้ได้ก่อน
อย่างไรก็ตาม ในล็อกเกอร์โครตเล็ก แถมยังมีฝุ่นอีก กลิ่นก็แย่ ทำไมผมถึงเลือกตรงนี้เนี่ย?
ไอการซ่อนแบบนี้ทำให้นึกไปถึงแบบ “อยู่สองต่อสองกับสาวสวย” ในล็อกเกอร์แบบพวกนิยายโรแมนติก คอมมาดี้อะไรงั้น แต่ตอนนี้หญิงสาวที่ผมอยู่ด้วยคือไม้ถูพื้นไงโว๊ยยย แถมรอบๆยังเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดอีก
ทำไมผมต้องทำแบบนี้หรอ ก็เพราะสถานการณ์แบบนี้จะทำให้ถูกเข้าใจผิดได้ง่ายไง
ด้วยการที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว และตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าผมเป็นไอโง่ ที่ทำอะไรไม่ถูก
ขอร้องล่ะอย่ามีใครมาเลย…
แต่คำขอนั้นไม่เป็นจริง และประตูของห้องเรียนก็ได้เปิดออก
หัวใจผมตกไปอยู่ตาตุ่ม
ตอนที่ผมมองลอดผ่านรูของล็อกเกอร์ ผมได้เห็นอามามิยะซังเข้ามาในห้อง ตามที่ผมคิดเอาไว้
ดูเหมือนว่าเธอกำลังหาอะไรอยู่นะ แม่ง ตำแหน่งของผมตอนนี้มันมองยากเกินไป
“อ่ะ!”
อามามิยะซังได้พูดออกมา และวิ่งไปที่โต๊ะของเธอ ตำแหน่งโต๊ะของเธออยู่ตรงที่ๆผมเห็นได้พอดี
ตอนที่เธอหยิบกระเป๋าใส่บัตรโดยสารนั้นเธอได้พูดออกมา
“ดีจัง ที่ยังอยู่นี่..”
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นของอามามิยะซังจริงๆแฮะ เธอกอดกระเป๋าใส่บัตรโดยสารนั้นบนอกของเธอ ดูเหมือนว่ามันเป็นของสำคัญของเธอจริงๆ และผมก็ได้ส่งกลับเจ้าของแล้วไงล่ะ~
โอเค เจอของแล้ว ขอร้องล่ะรีบออกจากห้องไปที อยากออกจากล็อกเกอร์แล้ว..
ผมก็ได้รีบไปเปลี่ยนน้ำในแจกัน และรีบหนีกลับบ้านโดยไม่ให้เธอรู้ตัว
“..กระดานดำมีคนทำความสะอาดไป อีกแล้วหรอเนี่ย..?”
เย้ ในที่สุดเธอก็รู้ว่ามีคนทำ ฮ่าๆ
อ่ะ ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ว่ามีคนทำ ก่อนครั้งนี้อีกแฮะ..
อามามิยะซังจ้องไปที่กระดานดำที่ทำความสะอาดไปแล้ว และแน่นอนว่าผมไม่เห็นอารมณ์ของเธอหรอกนะ เห็นแต่ด้านหลัง ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
นั่นเป็นงานที่พวกแฟรี่ ที่ชอบมนุษย์มาทำให้ต่างหาก !
สิ่งเดียวที่ต้องพูดต้องเป็น “โชคดีจัง มันดูดีมากเลยล่ะ”
ผมอวยมาเยอะแล้ว เพราะงั้นรีบไปที จากตำแหน่งตรงนี้ ร่างกายผมจะทนไม่ไหวแล้ว!
“อย่างที่คิดไว้เลย คนที่ช่วยฉันทำ อ่ะใช่สิ ของที่อยู่ด้านใน ต้องเช็คก่อน”
อามามิยะซังเลิกจ้องไปที่กระดานดำ และเปิดกระเป๋าใส่บัตรโดยสารขึ้นความสนใจจากคนที่มาทำความสะอาดได้เปลี่ยนไปที่อื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
ถ้าเธอทำตกไว้ เธอต้องเช็คของที่อยู่ด้านในอยู่แล้ว แล้วขอบคุณเร็วๆสิ
“เย้ มันยังอยู่…”
ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไร และอามามิยะซังก็ได้ถอนหายใจออกมา
เธอค่อยๆใช้นิ้ว จับไปที่รูปภาพที่ดูเป็นฮิคาริ
เนื่องจากมุมของที่เธอยืนได้เปลี่ยน และผมตอนนี้ที่ยุ่งสุดๆ จากการวิ่งกลับมา ทำให้ผมเห็นหน้าของอามามิยะซัง ที่มักจะซ่อนด้วยหน้าม้ายาวๆ แว่นตาที่ดูไม่ตรง ทำให้ผมเห็นหน้าของเธอได้ง่ายๆ
และเธอได้ก็ได้พูดออกมา ด้วยร้อยยิ้มที่อ่อนโยน
“ฮารุมะคุง..”
และ
“หะ..?”
เสียงแปลกๆออกมาจากปากของผม ทันทีที่ได้ยิน
ฮารุมะคุง เธอพูดออกมาว่า ฮารุมะคุงใช่ไหม?
ทำไมชื่อของผม ถึงออกมาจากรูปของฮิคาริได้ล่ะ
ไม่สิ มันก็ไม่ผิด เพราะฮิคาริคือผม แต่ตรงนั้นแหละผิด เพราะมันไม่มีใครรู้ว่าผมคือฮิคาริไง
ผมได้ยินผิดใช่ไหม เธอพูดว่า ฮิคาริ และ ผมได้ยินว่า ฮารุมะใช่ไหม?
ถึงตอนนี้ผมจะยังอยู่ในล็อกเกอร์เก็บอุปกรณ์ก็จริง แต่ เดียวนะ ตอนนี้สิ่งที่ผมตกใจที่สุดก็คงเป็น
–รอยยิ้มของอามามิยะซังที่ผมได้เห็นไปครั้งแรก
ถึงมันจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ แต่ตอนนี้มันก็ได้กลืนกินพื้นที่ในสมอง และผมลืมมันไม่ลงแล้ว
มันดูเหมือนว่าสมองของผมเป็นขบวนพาเรด และมีเสียงทรัมเป็ด กับ พลุฉลอง ในหัวของผม หัวใจของผมได้เต้นแรงขึ้น และเลือดของผมก็สูบฉีด และเซลล์ในร่างกายก็กำลังจะส่งเสียงออกมา
ผมจำสถานการณ์นี้ได้เลย ใช่ มันเป็นครั้งแรกที่ผม เห็นฮิคาริจากกระจก และเป็นเหตุการณ์ที่ฮิคาริได้กำเนิดขึ้น
…เอาจริง?
และดูเหมือนว่าครั้งนี้มันยิ่งกว่าครั้งก่อนซะอีก
มันมีหลายสิ่งมากๆที่จะออกมาจากปากของผม หลังจากได้เห็นรอยยิ้มของอามามิยะซัง แต่ผมกับเรียบเรียงคำออกมาไม่ได้ เพราะอารมณ์ของผมตอนนี้..
แบบก็เหมือนโอตาคุที่จะใช้คำว่า “งดงาม” , “สุดยอด” ที่เอาไว้พูดให้กับไอดอล หรือพวก 2D ใช่ไหมล่ะ?
ตอนนี้ความรู้สึกผมก็เป็นแบบนั้นแหละ
ด้วยคำเหล่านั้น มันง่ายเหลือเกินที่จะบ่งบอกอารมณ์ของผู้พูดได้อย่าง่ายๆ เหมือนเป็นคำสั่งจากหัวใจอะไรแบบนั้น
ในกรณีนี้ คำพูดที่ผมอยากพูดให้อามามิยะซัง คงเป็น
“ทำความสะอาดเสร็จแล้ว เพราะงั้นกลับดีกว่า!”
คุณอามามิยะซังได้ปิดกระเป๋าใส่บัตรโดยสาร และใส่มันที่กระเป๋ากระโปรง เธอพึมพำไปมา เหมือนกำลังจะให้กำลังใจตัวเองอยู่ เหมือนเธอได้กำลังใจจากรูปของฮิคาริเลยแฮะ
ต้องเป็นแบบนั้น เธอรีบเดินออกจากห้องเรียนด้วยความรีบร้อน
ตึกโรงเรียนเก่าก็น่าจะทำความสะอาดไปแล้ว
เธอมักจะจริงจังกับการทำงานแบบนี้เสมอ และจะทำมันให้ดีที่สุด ถึงแม้จะถูกบังคับก็ตาม นั่นเป็นจุดที่ไม่ดีนะ แต่ก็แบบนั้นแหละ ใช่..
หลังจากที่เสียงเดินของเธอเริ่มหายไป ผมได้ออกมาจากล็อกเกอร์ และทิ้งตัวลงพื้น
ฝุ่นได้ลอยออกมาจากล็อกเกอร์ แต่คำที่ผมอยากจะพูดยังคงอยู่ในใจผม
“น่ารักชะมัด..”
—และในวันนี้ ผมได้พูดคำๆนี้กับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ผม
ถ้าพระเอกเป็น หญิง เรื่องนี้เป็นยูริไปแล้ว แหงๆ เขินตอนพระเอกหลงตัวเองมากเลย เขิน;w;